บล๊อกของลุง กับป้า ที่ชอบการท่องเที่ยว
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2558
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
28 มิถุนายน 2558
 
All Blogs
 
เปรู 1- จากปูโน สู่นครกุสโก เที่ยว Pisac

พักที่ปูโนคืนเดียวค่ะ  เช้าก็ต่อไปนครกุสโกเลย ได้ตั๋วมาแล้วจากวันก่อน  นึกไม่ถึงว่าสถานีรถบัสที่ปูโน (Earth Terminal) จะสะอาดสะอ้านถึงเพียงนี้  ที่เปรูผู้โดยสารจะจ่ายค่าผ่านสถานีด้วย คนละ S/.50 (5 - 6 บาท) เงินนี้ส่วนหนึ่งคงใช้เป็นค่ารักษาความสะอาดสถานี  ก่อนออกไปขึ้นรถทางด้านหลัง....  ต้องแสดงตั๋วให้เจ้าหน้าที่ดูด้วย  

Route of the Sun  (Ruta del Sol)  มักใช้เรียก เส้นทางจากปูโน-กุสโก หรือ กุสโก-ปูโน   มีหลายบริษัทมากที่เดินรถเส้นนี้ทั้งกลางวันและกลางคืน   และอีกหลาย ๆ บริษัทเพิ่ม Tourist buses เข้ามาเพื่อนำเที่ยว แวะพักเที่ยวเป็นจุด ๆ ตามรูปค่ะ  


ออกจากปูโนก็แวะที่

- Pucara Museum 
- Raya Pass (4,335 m.) เป็นจุดที่สูงที่สุดของเส้นทางนี้
- Sicuani Village 
- Raqchi  - Temple of the Sun"
- Andahuaylillas  และสุดท้ายคือ
- Cusco 

แต่ละบริษัทก็โฆษณากันไป ราคาไม่ต่างกันมาก ... แต่ที่เขียนมานี่ก็ไม่ได้แวะสักแห่งค่ะ 

....เพราะไม่ได้ไปรถท่องเที่ยว  แต่ตรงจากปูโน ไปนครกุสโกเลย  ระยะทาง 388 กม. ใช้เวลาวิ่งประมาณ 6 ชม. รถโดยสารเป็นรถ 2 ชั้น  นั่งชั้นบน..เห็นวิวทิวทัศน์แบบพาโนรามา รถก็นั่งสบาย ที่นั่งกว้างกว่ารถบ้านเรา มีอาหารกลางวันด้วยค่ะ





ถนนโล่งมาก แต่รถวิ่งไม่เกิน 75 กม. คิดว่าคงเป็นความเร็วตามกฏหมายกำหนด แล้วพนักงานก็ไม่ขับเกินด้วย   ถ้าเป็นบ้านเราคงซิ่งสนุกไปเลย


รถวิ่งไปตามทางบนเทือกเขาแอนดิสค่ะ





นั่งรถชมวิวแบบนี้ไปเรื่อย ๆ 6 ชม. ไม่เบื่อเลยจนถึงนครกุสโก....พักที่ Inka's Rest House.....พนักงานขอโทษที่เกิดความผิดพลาด  ไม่สามารถจัดห้องคู่ ตามที่จองได้  อยู่ห้อง 6 เตียงแทนได้ไหม อยู่กันแค่ 2 คน มีห้องน้ำในตัว ราคา S./50 ประมาณ 600 บาท รวมอาหารเช้า ก็คือ ขนมปัง แยม เนย กาแฟ น้ำผลไม้...



ห้อง 6 คน นี่ใช้ได้เลยค่ะ เพราะสะอาดสะอ้าน กว้างแล้วก็โล่งดี นอนเตียงไหน เลือกเอาตามใจชอบเลย  



ใบโคคา ซื้่อที่ลาปาซ - โบลีเวีย ประมาณ 5 บาท ก็เคี้ยวเอื้ิองกันมาเรื่อย ๆ จนถึงกุสโก ต่อไปถึงลิมาเลยค่ะ





พอลงทะเบียน พนักงานคนนี้บอกว่า "Oh, you' re the first Thai people I know"  เป็นคนไทยคนแรกที่เขารู้จักค่ะ ..  ก็เลยให้สมุดกระดาษสาเป็นของที่ระลึกแก่เขาด้วย .... เพื่อนที่ลำปางทำสมุดกระดาษสาน่ารักน่าใช้ มาให้หลายเล่ม สำหรับให้เป็นของที่ระลึกแก่ใครสักคน หรือหลายคน ในการเดินทางครั้งนี้

ประวัติเรื่องราวของนครกุสโกน่าสนใจมากค่ะ ... หนังสือหน้าต่างสู่โลกกว้าง ฉบับทวีปอเมริกาใต้ หน้า 93 - 94 เล่าเกี่ยวกับนครกุสโก - "นครหลวงของจักรวรรดิอินคา"... ไว้ว่า ....ชาวอินเดียนที่ขายของอยู่ในตลาดเมืองกุสโก จะพูดสเปนกับนักท่องเที่ยว  และพูดภาษาเกชัวในหมู่พวกเดียวกัน ...ในตัวเมืองมีตึกรามยุคอาณานิคม สร้างอยู่บนฐานอาคารของชาวอินคา  ... ด้านหน้าของโบสถ์หลายหลังสลักลวดลาย เป็นฉากเรื่องราวฑูตสวรรค์ นักบุญ และบุคคลในพระคัมภีร์  แต่ลักษณะหน้าตาเป็นใบหน้าของชาวอินเดียน ... นครกุสโกทุกวันนี้ จึงเป็นประจักษ์พยานยืนยันถึงความรุ่งเรือง ของอารยธรรมอินคา ที่ไม่มีสิ่งใดจะมาลบเลือนได้



ชื่อโกสโก (Qosqo) เป็นภาษาเกชัว แปลว่า "ท้อง" หรือ "สะดือ" เพราะชาวอินเดียนถือว่า สะดือเป็นศูนย์กลางหรือบ่อเกิดของสรรพสิ่ง  ..สมัยที่ชาวอินเดียนปกครองนครกุสโกอยู่นั้น  ทุกคนที่เข้ามาในนครนี้ จะได้รับคำเตือนว่า "Ama Sua, Ama Quella, Ama Lulla" แปลว่า "อย่าพูดโกหก อย่าลักขโมย อย่าเกียจคร้าน"  สะท้อนถึงหลักการสำคัญ ที่ต้องอาศัยการร่วมแรงร่วมใจกัน.....ชาวอินเดียนเชื่อว่า ถ้าทุกคนมีส่วนในการสร้าง ...ทุกคนก็จะช่วยกันดูแลรักษาสาธารณสมบัติเหล่านั้น  ...... แต่หลังจากชาวสเปนเข้ามาครอบครอง  ระบบมิงกัส (mingas - การรวมกำลังกันทำงาน)  ก็ถูกแทนที่ด้วยระบบทาส  ...แต่ชาวสเปนก็ไม่อาจล้มล้างระบบเดิมได้หมด  ระบบมิงกัสยังสืบทอดต่อมาจนถึงปัจจุบันตามเขตเทือกเขาสูง  

สิ่งที่น่าพิศวงและอัศจรรย์ที่สุดเมื่อเห็นนครกุสโก คือ สถาปัตยกรรม  ...กำแพงมหึมาที่เรียงหินต่อกันจนแนบสนิท เป็นประจักษ์พยานของอารยธรรม  ที่แผ่อิทธิพลครอบงำดินแดนอเมริกาใต้นี้ไว้เมื่อ 500 ปีก่อน  ความพยายามของชาวสเปนที่จะทำลายล้างอารยธรรม "นอกรีต" ของชาวอินคาเป็นงานทีียากเย็น และเป็นไปไม่ได้ ...........สุดท้าย จึงตัดสินใจสร้างตึกรามของพวกตนขึ้นบนอาคารของชาวอินคา โดยใช้ศิลาขนาดใหญ่ที่ใช้แรงงานทาสอินเดียนสกัดมาให้

นครกุสโกตั้งอยู่ในเทือกเขาแอนดิส ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเปรู  บนความสูงประมาณ 3,400 เมตร.....หลังจากสเปนมายึดครอง และตั้งเมืองหลวงใหม่ที่ลิมา  นครกุสโกก็ลดความสำคัญลง  แต่หลังจากมีการค้นพบ "มาชูพิกชู" ในปี 1911 นครกุสโกก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ  ปี 1983 องค์การยูเนสโกประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรม

จากที่พักเดินไปเรื่อย ๆ ตามถนนแคบ ๆ ปูด้วยหิน ไม่นานก็มาถึง Plaza de Armas




Plaza de Armas 

Plaza de Armas  เป็นใจกลางของจักรวรรดิ  มาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิอินคา ชื่อว่าจตุรัส อวนไกย์ปาตา (Huancaypata - the place of tears) จนทุกวันนี้..ก็ยังเป็นหัวใจของนครกุสโก  ..  เป็นสถานที่จัดพิธีสำคัญทางศาสนา และทางการทหาร  บริเวณรอบ ๆ มีอาคารสมัยอาณานิคม และโบสถ์ 4 แห่ง  ......ทางเหนือสุด คือ Cathedral มหาวิหาร ที่เป็นที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุด  .... ด้านหนึ่งของมหาวิหาร คือ โบสถ์แห่งครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ (Church of the Holy Family)  และอีกด้าน คือ โบสถ์เอลตรินอุนโฟ (El Triounfo) ...... ทางด้านใต้ของจตุรัส มีโบสถ์ลากอมปาเญีย (La Compania) ......ส่วนด้านอื่นๆ ก็เป็นอาคารสมัยอาณานิคม


Cathedral

สร้างบนฐานพระราชวังของจักรพรรดิอินคาบีราโกซา (Virachocha) มีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมแบบ Gothic-Renaissance  ผสมผสานกับทักษะความชำนาญในการก่อศิลาของชาวอินเดียน


...เริ่มสร้างในปี 1559  จนถึงปี 1654 เกือบร้อยปีกว่าจะแล้วเสร็จ..... หอคอยทางทิศเหนือมีระฆังชื่อ มาเรีย อังโกลา (Maria Angola) กล่าวว่าระฆังนี้ มีเสียงกังวาลไกลกว่า 30 กม.  สร้างจากทอง เงิน และสำริด เก่าแก่กว่า 300 ปี ....ถือเป็นระฆังที่ใหญ่ที่สุดในทวีป

ไม่นานก็เริ่มมืด จตุรัสและอาคารต่าง ๆ เริ่มเปิดไฟ

อาคารรอบ ๆ จตุรัส

เหนือนครกุสโกขึ้นไป ตามถนนที่จะไปป้อมซักไซย์อัวมัง (Sacsayhuaman) คือ.... San Cristobal สร้างโดย Cristobal Paullu Inca อุทิศแก่นักบุญองค์อุปถัมภ์ของเขา....จาก Plaza de Armas จะเห็นไม้กางเขนลิบ ๆ สะท้อนแสงอยุู่ในความมืด


คืนนี้ ช่างเหมาะที่จะนั่งพักบนเก้าอี้กลางจตุรัส เพลิดเพลินกับการชมมหาวิหาร สวน น้ำพุ ผู้คน ฯลฯ ซึ่งดูมีชีวิตชีวาและงามจับตาเป็นพิเศษในยามค่ำคืน ด้วยแสงไฟจากสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ที่ส่องต้องลานจตุรัส... ผู้คนเดินเล่น นั่งคุยกันเงียบ ๆ เป็นบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ประทับใจไม่ลืมค่ะ 


พักที่ Inka's Rest House 1 คืน แต่ฝากสัมภาระไว้ 3 คืน รุ่งขึ้นไปเที่ยวตลาดเช้าวันอาทิตย์ที่พิแซค (Pisac) ก่อน  .....Pisac เป็นเมืองเล็ก ๆ ห่างจากนครกุสโกไปทางเหนือ 30 กม. นั่งรถบัสมากัน ประมาณ 1 ชม. มีคนขึ้นตลอด... รถแน่นมาก หอบข้าวหอบของมาขายที่ Pisac 

Pisac มีตลาดเช้าวันอาทิตย์แบบดั้งเดิม  ที่คนท้องถิ่นจะขายผลผลิตที่ผลิตได้ เพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน  ... เป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายให้มาเยือน... และแน่นอน..ย่อมลดทอนเสน่ห์ของ Pisacลง ..ทุกวันนี้ Pisac เต็มไปด้วยร้านค้า แผงขายของที่ระลึก และนักท่องเที่ยว 


.. แต่ข้ามน้ำ-ข้ามทะเลมาไกลโข ก็ขอไป Pisac สักครั้ง  เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจริง ๆ ด้วย  แต่ Pisac ก็ยังมีสีสันแบบ Pisac อยู่







 เดินออกไปอีกไม่ไกล Pisac ก็ยังมีมุมสงบอยู่  จาก Pisac ก็จะต่อไปที่ Urubamba แล้วค่ะ





Create Date : 28 มิถุนายน 2558
Last Update : 6 กรกฎาคม 2558 12:14:56 น. 1 comments
Counter : 1695 Pageviews.

 
รูปเยอะจัง ดูกันเพลิน อ่านกันเพลินไปเลย


โดย: พูดไม่เก่ง แต่เจ๋งทุกคำ วันที่: 15 กรกฎาคม 2558 เวลา:11:54:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 1920579
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 1920579's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.