บล๊อกของลุง กับป้า ที่ชอบการท่องเที่ยว
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
27 กุมภาพันธ์ 2558
 
All Blogs
 
จากอาร์เจนตินา สู่ชิลี



เรามาได้เกือบครึ่งทางแล้ว เริ่มออกเดินทางตั้งแต่ 17 มีนาคม 2557  กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ก็ทำงานกันหนักอยู่



ทั้งหมดเป็นเอกสารที่ใช้ในการหาข้อมูล รวมคอมพิวเตอร์อีก 2 เครื่อง สว. 2 คน  จองตั๋วเครื่องบิน 8 เที่ยว ที่พัก 17 แห่ง (ตอนหลังชักงง ๆ วันไหนพักที่ไหน เพราะต้องกะเวลาให้ตรงกับวันที่จองตั๋วรถไฟ ทั้งไป-กลับ เพื่อเข้าชม Machu Picchu) ใช้เวลาเวลาประมาณ 3 - 4 เดือนค่ะ

วันที่ 1 เมย. 2557 เป็นวันที่เดินทางจากบัวโนส ไอเรส อาร์เจนตินา สู่ซานเตียโก ชิลี ......... ออกจากที่พักแต่เช้ามืดถึงแม้เครื่องจะออก 11.20 น. ก็ตาม เพราะสนามบิน Ezeiza (Ministro Pistarini) อยู่ห่างจากตัวเมืองบัวโนสไอเรส ถึง 35 กม.  คนละสนามบินกับ Aeroparque Jorge Newbery (AEP)  ตอนที่มาจาก เมือง Puerto Iguacu ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 4 กม.

ไปรถบัสตามเคย บอกคนขับว่า Aero Puerto ใช้ Sube Card คิดว่าค่ารถประมาณ  AR$2.80  มีคนขึ้นลงตลอดเวลา  มีคนไปทำงานไกลถึงสนามบินเยอะมาก คนที่จะไปสนามบินก็พอควร

ตอนที่มาได้เกินครึ่งทางแล้วมีผู้โดยสารขึ้นมาใหม่ ไปสนามบิน ไม่มี  Sube Card  ไม่แน่ใจว่าคนขับบอกเท่าไร เห็นหยิบเหรียญ แล้วหยอดตู้ไปหลายเหรียญแล้ว ยังไม่พอ ขอแลกใครก็ไม่มี แล้วก็มีผู้โดยสารเริ่มยื่นเหรียญให้  พอดีมีอยู่ 3 เหรียญ ก็ยื่นไปเหมือนกัน ร่วมด้วยช่วยกันค่ะ นึกถึงตอนขาเข้าเมืองที่เราก็มีเหรียญไม่พอเหมือนกัน แต่คนขับใจดีไม่เก็บค่ารถ  เขาก็รวบรวมไปหยอดจนครบ แสดงว่าค่ารถแพงพอควรน่าจะอยู่ประมาณ 12-15 เหรียญ ถ้ามาจากต้นทางก็คงแพงกว่านั้น ดีที่มี Sube Card ขนาดในเมืองถ้าใช้เงินสด สั้นสุดยัง  5 เหรียญ (25.- บาท) เลย (ที่จริงก็ไม่รู้แพงหรือเปล่า เพราะ 4 ล้อแดง เชียงใหม่ ก็เที่ยวละ 20. –บาทเหมือนกัน)

 ตอนแรกไม่ได้วางแผนไปชิลีโดยเครื่องบินเพราะค่าเครื่องประมาณ U$220 ต่อคน  แผนเดิมคือ เดินทางโดยบัสจากบัวโนสไอเรส ตรงไปซานเตียโก (เมืองหลวงของชิลี) (จาก A ไป C) เลย ใช้เวลาประมาณ 19½ ชม. (1,402 กม.




เส้นนี้จะผ่านเส้นทางที่สวยงามมากของเทือกเขาแอนดิส (Los Andes) ก่อนถึงชายแดนชิลี  งานนี้นั่งรถข้ามวันกันเลย แต่ก็อยากเห็นเส้นทางสวย ๆ ที่เขาแนะนำกันไว้ ..…หรือถ้าไม่ตรงไปตลอดเลย  ก็แวะเที่ยว  Mendoza ซึ่งเป็นดินแดนแห่งสวนองุ่นและไวน์ ที่มีชื่อของอาร์เจนตินาได้  (จาก A  หยุดที่ B แล้วค่อยต่อไป C) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 13 - 16 ชม. (1,051 กม.) แล้วค่อยต่อรถไปชิลี อีก 6 ชม.






ตามภาพบนจะเห็นว่า เส้นทาง Mendoza - Santiago จะผ่านเทือกเขาแอนดิส (Los Andes)





Paso de los Caracoles (Snails Pass - ทางผ่านหอยทาก), Chile/Argentina



เส้นทางที่สวยงามระหว่าง Mendoza– Santiago ผ่านเทือกเขา Andes (ภาพจาก internet)


 เส้นทางข้ามประเทศระหว่างเมนโดซา - อาร์เจนตินา  และซานเตียโก - ชิลีนี้ ถูกจัดอันดับเอาไว้ ว่าเป็น ใน 10 ของเส้นทางที่อันตรายที่สุด โดยฉเพาะช่วงจุดผ่านระหว่าง 2 ประเทศ  ตรง Paso delos Libertadores หรือ เรียกอีกชื่อว่า  Paso de Cristo Redentor  เป็นถนนที่คดเคี้ยวเหมือนขดลวด จากความสูงมากกว่า 10,000 ฟิต  แล้วค่อย ๆลดต่ำลงมา ทำให้เป็นอันตรายอย่างยิ่ง เมื่อเจอกับสภาวะอากาศที่เลวร้ายในฤดูหนาว .... (ข้อมูลจาก The 10 Most DangerouslyIncredible Roads in the World โดย John T Roosevelt , 24 March 2014)  


ตอนหลังไปเส้น Cusco– Nazca ที่เปรู  ก็วิ่งอยู่บนเทือกเขา Andes แล้วก็วน ๆ อย่างนี้ เกือบตลอด 14 ชม. เป็นทางที่สวยมากเส้นหนึ่งค่ะ

แต่.....แค่ก่อนเดินทางประมาณ 1 เดือน ลุงก็ไปเช็คได้ราคาตั๋ว Lan Airlines จาก Buenos Aires - Santiago (Chile) – La Paz (Bolivia)  ราคา U$285  สงสัยว่าเป็นไปได้ไง เพราะบินข้ามประเทศ 2 ประเทศ ราคาเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย  อาจจะเป็นเพราะเช็คแบบ Multiple คือหลายเส้นทาง  เพราะเคยเช็คเฉพาะจาก Santiago ไป Arica เมืองชายแดนชิลีติดกับเปรู เพื่อข้ามแดนที่เมืองนี้ไปเปรู ก็ U$200+ เหมือนกัน


ถึงค่ารถบัสทางชิลีจะถูกกว่าทางอาร์เจนตินา แต่ก็นั่งรถยาว 26 ชม. (1,664 กม.)   ฝรั่งก็บอกว่าสบาย ๆ เพราะรถดี  และยังไงก็ต้องนอนที่ Arica ก่อนข้ามพรมแดนชิลี - เปรู (Arica –Tacna) .....แล้วก็อาจต้องพักที่ Tacna ด้วย แล้วถึงต่อรถไป Cusco มันหลายต่อ  ก็เหนื่อยหน่อยแต่ข้อดีคือได้เที่ยวหลายที่   แต่ก็ลองนึกสภาพดูนะค่ะ ผู้อาวุโส 2 คน ลากกระเป๋าขึ้นรถ - ลงรถ เช็คอิน - เช็คเอาท์ ต่อรถกี่เที่ยวไม่รู้กี่เที่ยว


เดิมถ้าไปรถต้องใช้เวลาเดินทางมาก แวะหลายที่ก็เลยตัดโบลีเวียไป.....แต่พอมาเจอตั๋วถูก เปลี่ยนแผนซะเลยค่ะ ตกลงแผนการนั่งรถข้าม 3 ประเทศอาร์เจนตินา –ชิลี – เปรูก็เป็นอันพับไป กลายมาเป็นนั่งเครื่อง 3 ประเทศแทน คืออาร์เจนตินา – ชิลี – โบลีเวีย แล้วค่อยต่อรถเข้าเปรู




สนามบิน Ezeiza - บัวโนสไอเรส อาร์เจนตินา






เครื่อง Lan ออกจากบัวโนสไอเรส 11.20 น. ถึงซานเตียโก 12.45 น. เวลาที่ชิลีช้ากว่าอาร์เจนตินา 1 ชม. ใช้เวลาบิน 2 ชม 25 นาที เมื่อใกล้ถึงซานเตียโกทางสายการบินจะฉายภาพยนตร์เกี่ยวกับประเทศชิลี ว่าประเทศเขามีความสวยงามอย่างไร (สวยจริงๆ ) ตั้งแต่เหนือจรดใต้ มีความแตกต่างทางธรรมชาติ พันธุ์ไม้ พันธุ์สัตว์  สภาพแวดล้อมอย่างไรและ ฯลฯ


เขาจึงต้องอนุรักษ์สิ่งต่างๆเหล่านี้ ที่เป็นสมบัติของชาติ   ไว้ให้ลูกหลานของเขาสืบไป ...** ดังนั้น** จึงห้ามนำเนื้อสัตว์ ผลไม้เมล็ดพันธ์ทุกชนิดเข้าประเทศ  ** มีความผิดตามกฏหมาย** ข้อนี้ลุงป้าทราบดีที่เดียว ขนาดแซนวิช – ส้มอะไรก็ไม่ได้ เราก็จัดการทุกอย่างเรียบร้อย ตั้งแต่บัวโนสไอเรสแล้วเว็บของสถานทูตไทยประจำกรุงซานเตียโก  ก็เตือนไว้ว่าอย่าได้นำอะไรเข้าไปเชียว นอกจากของใช้เท่านั้น  เดี๋ยวไปนอนในคุกแทนไปเที่ยว


พอถึงสนามบิน Santiago Arturo Merino Benitez (SCL)  ก็ผ่าน ตม. - ศุลกากรเหมือนที่อื่น  แต่ที่นี่ต้อง x-ray กระเป๋าทุกใบ.... เสร็จแล้ว  เราก็ถูกเรียกให้เปิดกระเป๋า  ตอนนั้นยังนึกไม่ออกเลย ว่าเอาอะไรมาที่เป็นของต้องห้าม ยังคิดว่าเดี๋ยวก็คงผ่าน  ..โอโห ..ไม่รู้เครื่อง x-ray เห็นได้ไงว่าเรามีเมล็ดแมงลักติดมาด้วยประมาณ 1 ช้อนชา  ใส่ซองพลาสติคเล็ก ๆ เรามีของผิดกฎหมายมาด้วย เจ้าหน้าที่ก็มาเอาไปไปคุยกัน มันเป็น seeds ผิดกฎหมายศุลกากรชัด ๆ แถมในเอกสารของเรา ยังกาว่าไม่มีของต้องสำแดงอีก  มันผิดหลายกระทงเลย เจ้าหน้าที่เอาใบของศุลกากร กากะบาด ว่า NO มาให้ดู (เพราะในใบสำแดงของ เขาบอกว่าถ้ากาว่ามีของที่เขาห้าม ก็ใช่จะต้องมีความผิดซะหน่อย)


ตอนนั้นคิดแต่ว่าโอ้ย อุตสาห์เตรียมตัวมาอย่างดีแล้ว ลืมได้ไงว่าเอาเมล็ดแมงลักมาด้วย คือติดตัวเอาไปกินตอนท้องผูกค่ะ นี่มันผิดกฏหมาย  ผิดกฎหมายชัด ๆ ทำไงได้ – หน้าไม่เหลือสักนิ้ว ก็ถูกกักตัวไว้ สักครู่ก็มีเจ้าหน้าที่หญิงมากรอกแบบฟอร์ม พาสปอร์ตโดนยึดไปแล้ว อธิบายว่ามีความผิดนะที่เอาของผิดกฎหมายเข้ามา รู้ไหมว่าห้าม ฯลฯ  ......รู้หมดทุกอย่างแหละ แต่มันลืมทิ้งไป ได้แต่ sorry, sorry แล้วก็ให้เซ็นต์ชื่อรับทราบความผิด แล้วก็ให้นั่งรอ


 ระหว่างนั้นก็มีคนทำผิดกฎหมายมาอีก 2 คน คนแรกเป็นชายชาวเบลเยี่ยม  เขาบอกพอเขาเห็นภาพยนตร์บนเครื่อง เขามีแอปเปิลกับขนม ก็รีบกินจนหมด แล้วเขามีอะไรอีกอย่างก็ไม่รู้ค่ะ ฟังไม่ถนัด คิดว่าคงไม่เป็นไร แต่ก็โดนกักตัวไว้เรียบร้อย  ส่วนอีกคู่สามีภรรยาชาวออสเตรเลีย มาจากประเทศเปรู เขามี Stick ที่ซื้อมาจาก Machu Picchu ซึ่งก็คือไม้เท้าที่ทำจากกิ่งไม้ลอกเอาเปลือกออก  ขัดให้สวยงาม แล้วมีเครื่องตกแต่งแบบอินคาตรงหัวไม้เท้า....ผิดกฎหมายเหมือนกัน


จากนั้นเจ้าหน้าที่ผู้ชายก็มาเรียกเข้าไปในห้องทีละคนนานมาก ไม่รู้ทำอะไร เขาเดินเข้า-ออกถ่ายเอกสาร ประมาณครี่งชั่วโมง  หนุ่มเบลเยี่ยมก็ออกมาเขาบอกว่าเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรมาก ย้ำว่ามันผิดกฎหมาย ทีหลังอย่าทำ อย่าทำ อย่าทำ....จำไปถึงไหน ๆ  เลยล่ะ ต่อไปก็เป็นคู่ชาวออสเตรเลีย ใช้เวลา ครึ่งชั่วโมงเหมือนกัน

ต่อมาก็มาเรียกเราเข้าไป ลุงเฝ้ากระเป๋าอยู่นอกห้อง เจ้าหน้าที่ผู้ชายพูดว่าเรามีความผิดนะ แต่คงคิดว่าไม่ชัดเจนเลยให้เจ้าหน้าที่หญิงอีกคนมาอธิบาย ...ความผิดของ you นะมันหนักเหมือนกันเพราะ you มีเมล็ดพันธุ์ หัวหน้า(ก็คนที่อยู่ตรงหน้าเรานะแหละ) จะเป็นคนพิจารณา ว่าจะทำอย่างไร


You อาจต้องเสียค่าปรับ เท่าไรไม่รู้แล้วแต่หัวหน้า เสร็จแล้วก็ไป หัวหน้าก็เอาแบบฟอร์มมากรอก ดูพาสปอร์ต ออกไปข้างนอก เข้ามาถ่ายเอกสาร  กรอกแบบฟอร์มต่อ เดินออกไปอีก หายไปสักพัก เข้ามาใหม่ ดูเอกสารใหม่...เขียนอะไรต่อ..  เดินเข้า ๆ ออก ๆ หลายรอบ  คงคิดในใจว่าพวกนี้มันไม่ยอมเข้าใจอะไรเลยนะ  ย้ำแล้วย้ำอีก ยังเอาของผิดกฏหมายเข้ามาอีก ต้องสอนเสียหน่อย  ...ส่วนเราก็ โอ้ย จะแย่แล้ว เวลาก็ผ่านไป ๆ มันกระวนกระวาย เพราะวันนั้นจะต่อไป Valparaiso เลย ไม่ได้พักที่ซานเตียโก


 ครึ่งชั่วโมงผ่านไป หัวหน้าจึงเลิกเดินเข้า - เดินออก เอาเอกสารภาษาสเปนให้เซ็นต์ มีหลายสำเนา หลายที่ แล้วให้เก็บไว้ 1 ฉบับ แปลไม่ออกค่ะ เดาว่าคงระบุความผิดเอาไว้ สงสัยอย่างเดียวว่ามีการบันทึกความผิดลงในข้อมูลพาสปอร์ตหรือเปล่า  ก็ได้แต่ sorry, sorry แล้วก็ sorry ... ออกจาก ตม.รีบบึ่งออกมาขึ้นบัสเข้าเมือง ที่จอดอยู่หน้าอาคารผู้โดยสารขาออกเลย จาก 12.45 น.ออกมาอีกที บ่าย 4 โมงเข้าไปแล้ว  เข้าเมืองอีก 45 นาที ต้องต่อรถไป Valparaiso อีก 1 ½ - 2ชม. (125 กม.) กว่าจะถึงคงมืด ไปถึงมืด ๆ จะกังวลมาก เพราะนึกถึงเวลาพูดกันไม่รู้เรื่อง ที่ชิลีใช้ภาษาสเปนเหมือนอาร์เจนตินา จะเดินหรือขึ้นรถหาที่พัก แบบมืด ๆ ก็ดูน่ากลัว


สนามบิน อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงซานเตียโก 17 กม. ขณะนั่งรถเข้าเมือง ระหว่างทางเห็นป้ายทางแยกไป Valparaiso ฉะนั้น ถ้าเข้าเมือง ก็ต้องย้อนกลับมาทางเก่า (Vaparaiso อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซานเตียโก)  เมื่อถึงสถานี San Borja เป็นสถานีใหญ่ ผู้โดยสารลงมาก  ...ก็เลยถามคนบนรถว่า Valparaiso (บัลปารีโซ??!!! ) พูดได้แค่นี้ค่ะ  พอเขาพยักหน้า ก็รีบลากกระเป๋าลงกันเลย เห็นคนกำลังต่อแถวขึ้นรถที่เขียนว่า Valparaiso  ก็ถามว่าซื้อตั๋วที่ไหน เขาชี้ช่องขายตั๋วให้ พอได้ตั๋วขึ้นรถ  รถก็ออกเลย .... โชคดีจริง ๆไม่ต้องนั่งรถเข้าเมืองแล้วย้อนมาใหม่



ระหว่างทางจาก Santiago – Valparaiso


ถึง Vaparaiso สัก 6 โมงกว่า ยังไม่มืด แวะซื้อของกิน ลุงเขามีแผนที่โรงแรมมาแล้ว แต่พอถึงทางแยก  ก็ไม่แน่ใจว่าควรไปซ้ายหรือขวาดีพอดีมีคนชิเลียนเดินผ่านมา  เอา address ของโรงแรมให้เขาดูแบบพูดกันคนละภาษา  เขาอธิบายเป็นภาษาสเปน  แล้วใช้มือประกอบ คือ ชี้ไปที่เลขที่ของอาคารที่เห็น แล้วก็ชี้ไปที่ตา แล้วก็ทำมือแบบนับไปเรื่อย ๆ ต่อจากอาคารนั้น...แล้วก็ชี้ที่ใบจองที่พักของเรา....

โอโฮ้อะไรจะอธิบายได้ชัดเจนอย่างนั้น....จากเลขที่นี้นะ You ก็ดูไป – นับไปเรื่อย ๆ  แล้วก็จะเจอที่พักตามที่อยู่ที่ปรินท์มาเองแหละ....ชอบมากจริง ๆ เลย  ตั้งแต่ถามทาง ไม่เคยมีใครใช้ภาษากายอย่างนี้เลย ...เกือบจะถึงที่พักแล้ว  ออกจากบัวโนสไอเรสตั้งแต่ตี 5  เดินทางมา 12 ชม. แล้วนะเนี่ย


Hostal NuevaMente ไม่ได้อยู่ย่านท่องเที่ยวทีเดียว แล้วก็ไม่ได้ขึ้นเขาด้วย  ก็ดีค่ะไม่งั้นต้องลากสัมภาระกันอีกไกล ... คุณ Alvaro รออยู่แล้วเขาบอก email มาถามว่าจะถึงกี่โมง ช่วงเดินทาง wifi ที่ Buenos Aires ไม่ได้เรื่อง ก็ไม่ได้เปิดเลย  เขาคงรออยู่นานมาก เพราะไม่ได้พักที่นั่น เขาแนะนำที่พัก แนะนำวิธีเปิดเครื่องทำน้ำร้อน  ต้องใช้ไม้ขีดจุดแก๊ส เหมือนสมัยที่เคยใช้เครื่องเก่า 15 ปี ที่แล้วเลย ไม่ได้ใช้ไฟฟ้า ถึงห้องครัว ก็บอกว่ามีอุปกรณ์อะไรบ้าง ..... ที่พักนี้ รวมอาหารเช้าด้วย  จะยังไงหรือ  คุณ Alvaro ก็บอกว่า ก็มีกาแฟ นม แยม เนยขนมปัง ฮอทดอก ในตู้เย็น ชา น้ำส้มก็มี ...อ๋อ....เข้าใจล่ะ ...You ให้จัดการเองใช่ไหม ทำกินเองน่ะ ..ได้ซิ .. สบายมาก พอให้กุญแจไว้แล้วเขาก็กลับ


Hostal NuevaMente  อยู่ในอาคารเก่ามีทั้งหมด4 ชั้น  ที่พักจะอยู่ชั้น 2 – 4 เป็นเหมือนหอพักนักเรียน นักศึกษาด้วย  สภาพสะอาดสะอ้าน บรรยากาศดีราคาไม่แพง คืนละ U$24 พร้อมอาหารเช้า (ทำเอง)  เราพักที่นี่ 3 คืน จองห้อง 2 เตียง เขาให้ 3 เตียง เอาไปเลย

ชิลีเป็นประเทศหนึ่งในอเมริกาใต้ที่ทุกอย่างสีจัดจ้านไปหมดเริ่มแรกเราสัมผัสได้จากห้องพักที่ HostalNuevaMente นี่แหละค่ะ ดูรูปไปพลาง ๆ ก่อนสีสันเป็นไงบ้างเอ่ย



ด้านหน้าของ Hostal NuevaMente





 


ห้องครัวสีส้ม และเครื่องทำน้ำร้อนแบบใช้ไม้ขีดไฟ ห้องข้างบนสีฟ้า




จากหน้าต่างห้องนอน มีราวตากผ้าเล็ก ๆ ให้ด้วย พร้อมไม้หนีบผ้าที่เป็นไม้ ...




ห้องนอนสีชมพู ผนังสีม่วง ปลอกหมอนเตียงลายส้ม ผ้าห่มลายฟ้า อีกเตียง ผ้าคลุมเตียงสีส้ม ผนังด้านนี้สีชมพู

หมดสภาพแล้วสำหรับคืนนี้ ต่อไปค่อยไปเที่ยวตัวเมือง Valparaiso กัน  จะเจอกับสีสันที่สดใสกว่านี้สุด ๆ ค่ะ


ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย และภาพจากinternet ค่ะ






Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 30 มกราคม 2562 23:00:11 น. 2 comments
Counter : 1734 Pageviews.

 
โอ้โห ถนนลดเลี้ยวเคี้ยวคดมาก
ไม่เวียนหัว เมารถกันบ้างหรือ

ประสบการณ์ชีวิตที่ยิ่งใหญ่เลยนะ แค่เมล็ดแมงลักแค่ช้อนเดียว
เกือบติดคุกที่ซานเตียโกซะแล้ว เป็นเค้าสงสัยจะทำอะไรไม่ถูกแหงๆ

เมืองเค้าสีสันมากเลยนะ
ห้องนอนแบบนี้ ก็นอนกันหลับเนอะ
เมืองไทยบ้านเรา ห้องนอนต้องใช้โทนสีอ่อนๆ เพื่อจะได้หลับสบาย
ไว้มาอ่านอีก



โดย: พูดไม่เก่ง แต่เจ๋งทุกคำ วันที่: 18 มีนาคม 2558 เวลา:13:45:59 น.  

 
มันหนาวก็นอนขดอยู่ในผ้านวม บ้านเรือน สีแสบอย่างนี้คงทำให้ดับเบิลร้อน


โดย: payaichow IP: 49.49.18.225 วันที่: 26 มีนาคม 2558 เวลา:18:32:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 1920579
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 1920579's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.