แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้านแบบ Buffet

<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
29 สิงหาคม 2553
 

Technical เหมาะจะใช้กับอะไร จึงจะดีที่สุด (ตอนที่ 1)



การใช้ Technical จริงๆแล้วอยู่ที่เราถนัดว่า เราจะใช้ Program อะไร ซึ่งมีให้เราเลือกมากมาย (จน งง) ..อย่าง(ภาพตัวอย่าง)ก็คือ Metastock ที่ใส่สูตรตั้งระบบเอาไว้ (ตามระบบของลุงโฉลก.."ระบบเขียว-แดง"(ไว้ค่อยมาคุยกันในรายละเอียดกันต่อ ไป))

จริงๆแล้วระบบที่ลุงโฉลกใช้ เป็นระบบที่น่าสนใจมาก "เพราะคุณต้องสามารถ ตัดความโลภได้ (เพราะคุณต้องเจอทั้งได้กำไรและเสียเงินอยู่ตลอดเวลา)..แต่เวลากำไรจะกำไร ค่อนข้างเยอะ ส่วนเวลาเสียก็ค่อนข้างบ่อยพอๆกัน แต่จะเสียครั้งละน้อยๆ" (ระบบนี้จริงๆ ก็คือลุงโฉลก เขียนโปรแกรมขึ้นมาช่วยดูสัญญาณ Technical อย่างเสี่ยงน้อย และไม่โลภ!! "คือให้พอมีค่าขนมใช้..ว่างั้น" (ซึ่งเขียนไม่ง่ายนะครับ..คนที่ใช้สบาย แต่คุณลุงเหงื่อแตก!!)..ดังนั้น โปรแกรมระบบ ก็จะเข้าไปช่วยบอกสัญญาณซื้อและสัญญาณขาย

อย่างที่บอก น่ะครับ ว่า "คุณต้องตัดความโลภได้"(คือลุงโฉลก แกสร้างระบบนี้ขึ้นมา เพื่อสอน ธรรมะเรา(แฝงไปด้วย) เพราะมันได้และเสียพอๆกัน เพียงแต่เวลาได้จะได้เยอะกว่าหน่อย "บวกลบแล้วก็ได้ผลตอบแทนค่อนข้างดี (คนทั่วไปจนถึงขั้นมืออาชีพ ส่วนใหญ่แพ้ตลาด ดังนั้นถ้าเฉลี่ยคุณชนะ แสดงว่าแค่นี้ก็สุดยอดแล้ว)"..แต่ปัญหาคือ ความโลภ เพราะโดยมากเวลาหุ้นขึ้น เราก็นึกว่าหุ้นจะขึ้นต่อ (ในบางครั้งแม้ว่ามีสัญญาณขายที่ชัดเจนแล้ว ก็ยังไม่ยอมขาย นั่นคือโลภ "เลยเสียในที่สุด")

ดังนั้น คนเล่นหุ้นที่ดี ..ลุงโฉลกต้องการให้เรารู้ว่า "หุ้นต้องมีได้และมีเสีย หากเราเล่นอย่างไม่โลภคุณต้องรับระบบได้ (คือ คุณจะได้และเสียอยู่ตลอดเวลา) และอีกข้อคือ ถ้าคุณเชื่อระบบ แสดงว่า คุณยอมตัดเงินก้อนนี้ไปได้ (เพราะคนที่เล่นกับตลาดไม่ใช่คุณ แต่เป็นระบบ ดังนั้น เป็นไปได้ที่บางครั้งระบบอาจผิดพลาด(คุณต้องเข้าใจ อย่างนึงว่า ไม่มีอะไรที่ Perfect และสิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ "ความไม่แน่นอน" ) ---และนี่คือจุดที่ ทำให้คุณเสียเงินได้!!)..อะไรคือประเด็น!!

"คำ ถามคือคุณรับได้ไหม(เสียเงินได้ไหม)" -- ถ้าคุณตอบว่า"ไม่ได้(เสียเงินไม่ได้) "บอกได้เลยว่า--(ไอ้เล่นหุ้นแบบเสียไม่ได้ "มันหมดตูดทุกคน" เพราะมัน ผิดหลักการการเล่นหุ้น!! "ผิดธรรมชาติ")..คุณควรจะปิดบัญชีแล้วเดินไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลแทน")..เพราะ ถ้าพันธบัตรเจ๊งก็ต้องตัวใครตัวมันล่ะครับ (แต่!!)!!--ในสภาวะรัฐบาลและธนาคารทั่วโลกห่วย!! ทุกสถาบันก็ล้วนมีความไม่แน่นอน (เงินฝากในอนาคตก็ไม่รับประกัน)
สรุป แล้วประเด็นที่จะพูดคือ "ไม่ว่าคุณจะเล่นหุ้น หรือไม่เล่น คุณก็มีความเสี่ยงทั้งนั้น ..ตราบเท่าที่คุณยังถือเงินอยู่" และความเสี่ยงที่ว่า ก็คือ inflation

จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าเรา Trade หุ้นด้วยวิธีใดก็ตาม ล้วนมีความเสี่ยง หรือแม้แต่เอาเงินฝากธนาคารไว้เฉยๆ คุณก็เสี่ยงเงินลดมูลค่าจาก inflation (เพราะตั้งแต่อเมริกา เลิกอิงค่าเงินกับทองเมื่อ สามสิบปีที่แล้ว มูลค่าเงินลดค่าไปกว่า 90%แล้ว - ดังนั้นจะทำอะไรมันก็เสี่ยงทั้งนั้น..(ความเสี่ยงจริงๆ ก็คือ "เงิน" คุณเข้าใจที่ผมพูดไหมเนี่ย..อย่า "งง" )

ทางแก้ก็คือ คุณต้องเข้าใจ หลักธรรมบ้าง จึงจะสามารถอยู่รอดได้ในสังคม ที่มีภาวะการเงินที่บ้าคลั่งอย่างในปัจจุบัน ..สิ่งที่ต้องเข้าใจคือ "คุณต้องไม่ยึดมั่นในสิ่งที่มี แล้วคุณจะไม่เสียมัน" (พูดแล้วหลายคน งง แต่มันคือ สัจธรรม) ..เงินจริงๆมันก็เหมือนปลา คุณกำ มันแน่นไป มันก็ตาย ..วิธีการให้มันโต คุณต้องใช้มันทำงาน ให้มันแพร่พันธ์ ไม่ใช่คุณมีปลาอยู่ตัวนึง คุณค่อยๆตัดเนื้อมันกินทีละนิด กำมันซะแน่น ไม่นานมันก็ตาย (ก็เหมือนเงินคุณ คุณเล่นฝากอยู่กับธนาคาร ซื้อแต่พันธบัตร ไม่เคยทำให้มันโต แล้วก็ค่อยๆถอนมาใช้..สุดท้ายมันก็--"ตาย!!"... หมดตูด อิ อิ)

ความเสี่ยงทางการเงินในโลกปัจจุบัน มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ ..คุณต้องดูสังคมรอบข้าง ปัจจุบันอเมริกาสร้างเงินจนล้นระบบ แล้วเอามาซื้อของจากคนทั่วโลก แต่ประเทศเขา "เงินหาง่าย"--ส่วนประเทศเรา "เงินหายาก" (มันปล้นกันทางอ้อมใช่ไหม ..คุณเพิ่งรู้เหรอครับ!! มันทำมาหลายสิบปีแล้ว) ของไม่จำเป็นของมัน "แพง" ส่วนของจำเป็นอย่างข้าวปลาอาหาร "ถูก"-- "ผมถามหน่อยใครกำหนด" ..ราคามันภาพลวงทั้งนั้น!!

ต่อจากนี้ เมื่อทุกคนตาสว่างขึ้น คนทั่วโลกจะวิ่งเข้าหา "ของจริง" ไม่ใช่วิ่งหา "ของปลอมอย่างในอดีต" ...ของจริง คือ สิ่งที่จำเป็น เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของข้าวยากหมากแพงของจริง !!--- บริษัททั่วโลก จะต้องเจ๊งกันระนาว ..Asset ต่างๆอย่าง Commodity จากที่เคย "ถูก" มาตลอด (เพราะโดนกดราคาไว้) ..จากนี้โลกร้อน เกิดภัยธรรมชาติทั่วโลก "มันเกิดขึ้นแล้ว และสิ่งที่คุณจะต้องหาก็คือ Asset ที่มันเป็นของจริงไง"

กลับ มาที่การลงทุนในหุ้น (หากคุณอยากได้ ก็คือ คุณจะต้องเสียได้) -- "การตกปลาต้องใช้เหยื่อ" คุณต้องเสียเหยื่อ คุณถึงจะได้ปลา เครื่องมือที่ใช้ตกเหยื่อของอเมริกา ก็คือ ( Derivatives ต่างๆ + เงิน )--(จ่ายน้อย พนันเยอะ เขาเรียก leverage สูง) ขนาดสถาบันการเงินของอเมริกาอย่าง Lehman Brother ยังโดนหลอกเองเลย ..นี่แหละเครื่องมือหาเหยื่อทางการเงิน ใช้คำว่า Financial Innovation หลอกให้ งง จริงๆก็คือ "เครื่องมือตกทอง(เงิน)นั่นแหละ" ...ทางแก้ไม่ใช่หนี แต่คุณต้องศึกษามัน

ดังนั้น มองเงิน ที่คุณมี คุณต้องมองใหม่ (ในเมื่อยังไง มันต้องลดค่ามหาศาล ..ผมว่าคุณไม่มีทางเลือก)อย่างแรก คุณต้องลงทุน และคุณก็ต้องมองว่า "มันเสียได้ (เงินมันของนอกกาย ไม่ตายคุณก็หาใหม่ได้ อย่าไปกลัว .. คนส่วนใหญ่ พอมีเงินหน่อย กลัวเสีย "ยิ่งกลัวก็สิ่งเสีย" สุดท้ายก็จนอยู่ดี -- สุดท้ายถ้าคุณไม่อยากจน "คุณจะจน" ..ถ้าไม่กลัวจนคุณจะไม่จน!!)" ต่อมา คุณต้องเข้าใจเครื่องมือทางการเงินต่างๆ และวิธีการลงทุนในแบบต่างๆ

คร่าวๆก็คือ
วิธีแรก แบบลงทุนยาว พวกนี้คือลงทุนที่มุ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจการ ในเมืองไทยแทบไม่มีใครทำได้ และบริษัทก็ไม่ค่อยมีหุ้นแบบที่จะโตในระยะยาวได้ ...ที่พอไหวผมก็เห็น SCC กับ PTT ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง (ดูที่ P/BV Growth ว่ามันโตเท่าไหร่) วิธีนี้ต้องมั่นใจไร้สติ ในหุ้นที่มั่นคงแบบสุดโต่ง (มั่นใจสุดขีด + กิจการสุดมั่นคง) นี่คือหลักการของสำนัก Value Investor

วิธีที่สอง คือ การ Trade ซื้อขายตามจังหวะของ Technical (แบบนี้ต้องมีระบบ "จริงๆระบบไม่ใช่มีแค่ของลุงโฉลก คุณจะใช้ของใครก็ได้" แต่หลักการเดียวกัน คือ ถ้าคุณเล่น Technical คุณต้องมีวินัย ถ้าคุณไม่ใช้ระบบ ตัวคุณเองต้องเป็น "ระบบ" แทน ดังนั้นคุณเองจะต้อง Cut Lost เป็น ...ถ้า"ไม่เป็น"คุณไปเล่นวิธีแรก

ซึ่งไม่ว่าจะเป็นวิธีไหน ท้ายสุดก็มีโอกาส "ทั้งได้ และเสีย" คุณหนีข้อนี้ไม่ได้ ดังนั้น "ต้องเข้าใจ" อย่าไปหลงกับภาพลวงต่างๆ ทุกอย่างขึ้นลงเป็น Cycle ของมัน ..อย่างเงินถ้ามองอย่างเข้าใจ ในมุมเศรษฐศาสตร์ จะรู้เลยว่า จริงๆแล้วเงินก็คือ Commodity ตัวนึง ที่ขึ้นลงตาม Demand & Supply อย่างปัจจุบันที่ค่าเงินลดมูลค่าไปมากๆ ก็เพราะอเมริกาสร้าง Supply พิมพ์เงินอย่างไม่จำกัด และดอลล่าห์เป็นทุนสำรองของโลก และเงินที่หมุนเวียน ..ยังไงคือมันกระทบทั่วโลก ไม่ว่าคุณจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม.. (ทุกๆเงินใหม่ที่เพิ่ม ก็คือการไปลดมูลค่าเงินเดิม)

ท้ายสุดคุณหนี ไม่พ้น "ของจริง" ..การที่เราจะสามารถรักษามูลค่าหรือสถานะความเป็นอยู่ของเราได้ เราต้องเข้าใจกลไกของ มูลค่าใน Asset & Commodity แล้วก็โยกเงินของเราไปใส่ใน แต่ละ Commodity ในช่วงที่ Commodity นั้นๆ ราคาถูก แล้วก็ขายตอนที่ Commodity นั้นๆ ราคาแพง "อย่าไปยึดติด กับเงิน ทอง หุ้น ที่ดิน พันธบัตร หุ้นกู้ กองทุน" ให้มองทุกอย่างเป็น Commodity แล้วโยกเงินสวนทางกับความโง่ของเงิน!! ("ความโง่ของเงินคือ มันไหลเข้าหาที่สูง ดังนั้น เจ้าของเงินมักโง่กว่าเงินอีก คือ คุณซื้อแพงตลอด") ..ถ้าคุณฉลาด คุณต้องมองเงินคุณเหมือนน้ำ แล้ววิ่งเข้าสู่ Commodity อันใดก็ได้ ที่ราคาต่ำ จากนั้นก็ขายในราคาสูง แล้วก็เปลี่ยนหมุนไปตาม Cycle

เพราะไม่มี Commodity ตัวใดที่ไม่มี Cycle (และต้องไม่ลืมว่า Commodity ที่ห่วยที่สุดในภาวะปัจจุบัน "คือเงิน" เงินเป็นเพียงตัวเปลี่ยนสถานะ ทาง Commodity เท่านั้น ...ดังนั้นเมื่อใดที่คุณถือเงินไว้มากๆ ผมว่าคุณกำลังฆ่าตัวตาย เพราะเงินคือ Commodity ที่ลดค่าเร็วที่สุดใน Commodity ทั้งหมดในโลก) ...ระวังให้ดี!!

ปล ฺ เขียนเองก็สยองเอง ตอนนี้ผมไปศึกษาค้นคว้าต่อ แล้วจะค่อยๆมาเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ควรอยู่ใน Commodity ตัวไหนดี !!

ใครชอบแนวคิดขวางๆ ประหลาดๆ คลิ๊ก..เข้ามาเป็นเพื่อนกันครับที่ pawawit stock comment




 

Create Date : 29 สิงหาคม 2553
0 comments
Last Update : 29 สิงหาคม 2553 14:28:15 น.
Counter : 830 Pageviews.

 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

pawawit
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 27 คน [?]




เขียน Blog เกี่ยวกับการลงทุน อยู่ที่
http://pawawit.blogspot.com ก็ใครจะคุยกันก็เข้าไป ดูที่ Blog ของผมได้ มีทั้ง Link ของ Facebook / Twitter หนังสือแกะรอยหยักสมอง (สั่งที่นี่ครับ) หนังสือ(ของผม)แนะนำครับ
[Add pawawit's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com