แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้านแบบ Buffet

<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
2 สิงหาคม 2553
 

เอา "ข้าว" จาก afet มาเล่าสู่กันฟัง

ตอนนี้หลายๆคนคงเริ่มจะคุ้นหูคุ้นตา กับ ตลาดซื้อขายล่วงหน้าทางการเกษตร "afet" ..จริงๆแล้วผมมองว่า ตลาดล่วงหน้าทางการเกษตรของไทยควรเปิดมาตั้งนานแล้ว เพราะ Futures มันคือ "การป้องกันความเสี่ยง หรือ ที่เราเรียกว่าการ Hedging" แต่กลายเป็นว่า พอเมืองไทยเราเปิดตลาด afet ขึ้นมาจริง--กลับมีคนสนใจ Trade กันน้อยมาก(Volume น้อยจน นักลงทุนไม่อยากเล่น)..มัวแต่ไป Gold Futures กันหมด!!

อย่างในอเมริกาตลาด Futures ใหญ่ๆ ก็เช่น Merc (หรือ NYMEX ที่ซื้อขายน้ำมันกันอย่างเมามันส์), CBOT (ตลาดซื้อขายการเกษตรครอบจักรวาล) ...ถึงจุดนี้ผมว่าหลายๆคนคงสงสัยคล้ายๆกับผมว่า ทำไมต้องมีการซื้อขาย Futures "แปลกไหมทำไมต้องซื้อกระดาษ ทำไมไม่ซื้อกันสดๆล่ะ"

ในโลก ของการเกษตร เราทุกคนรู้ว่า ผลผลิตขึ้นกับปัจจัยที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึง ปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น สภาพแวดล้อม อากาศ น้ำ.. สิ่งเหล่านี้ล้วนเข้ามามีบทบาทต่อผลผลิต ซึ่งท้ายสุดก็จะกระทบถึงจำนวนผลผลิตทั้งหมดของตลาด ที่เราเรียกว่า Supply ...การเกษตรเป็นธุรกิจที่แปลก เพราะแทนที่ Demand ของตลาดจะเป็นตัวกำหนดราคา --"แต่ไม่ใช่" การบริโภคของ Commodity หรือผลผลิตทางการเกษตร แต่ละชนิดจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย(คือขึ้นกับปริมาณประชากรและการ บริโภค ซึ่งจะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป)

ในทางกลับกัน Supply หรือ ผลผลิตทางการเกษตรต่างหากที่แกว่งมหาศาล!! เพราะมันขึ้นอยู่กับธรรมชาติ (พระเจ้ากำหนด..หุ หุ)..ดังนั้น การใช้ Futures มาเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง เช่น ชาวนาสามารถขายข้าวล่วงหน้า ทำให้รู้ รายได้ในอนาคตที่แน่นอน โดยไม่ต้องพึ่งดวง( โดยปกติชาวนาจะพึ่งดวง ซึ่ง"ซวย"เป็นส่วนใหญ่ เพราะเมื่อผลผลิตออกมาพร้อมกัน Supply มาก ราคามันก็ตกเป็นธรรมดา ..จึงไม่แปลกถ้าชาวนา ไม่รู้จักวิธีการใช้ Futures มาป้องกันความเสี่ยงก็ต้อง จำใจขายของ"ถูก"เสมอ นำมาซึ่ง "ความจนดักดาน")

แต่ คุณรู้ไหม "อย่าว่าแต่ ชาวนาเลย คนไทยแทบไม่รู้จัก Futures และไม่เคยป้องกันความเสี่ยงของผลผลิตทางการเกษตร" (งง ไหม!! .. อย่างชาวนาปลูกข้าว พอข้าวออกมาพร้อมกัน ก็ภาวนาพร้อมกันให้ราคาข้าวแพง "คุณว่า Supply ออกมาพร้อมกัน และทุกคนอยากขาย ..คุณจะขายได้แพงไหมล่ะ"(ไม่มีทาง..ราคามันถูกแน่นอน!!))

ข้าวปี 2008 พุ่งขึ้นไปแตะเกือบ 1,000 เหรียญต่อตัน เป็นราคาที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ตอนนี้เหลือ 400 กว่าๆ ..แต่คุณรู้ไหมว่าปีนี้นักวิเคราะห์ดังๆ ขนาด Jim Rogers ปีนี้ก็ ทำนายผิดเกี่ยวกับข้าว ..เนื่องจากปีนี้มีภาวะน้ำ "แห้งแล้ง" ทุกคนเลยฟันธงว่า ราคาข้าวจะต้องพุ่งอย่างแน่นอน ..ปรากฏว่าพอเอาเข้าจริง โลกเรามี Stock ข้าวและผลผลิตอย่างเหลือเฝือ ทำให้พ่อค้าขาดทุนกันระนาว และราคาข้าวก็ตกเอา ตกเอา จนเหลือ 400 กว่าๆ อย่างที่เห็น

แต่การที่ ราคาข้าวถูก มันก็จะส่งผลให้ฤดูกาลต่อไปคนปลูกข้าวก็จะน้อยลง ทำให้ Supply ลด และก็นำมาซึ่งราคาข้าวพุ่งขึ้นได้ จะเห็นได้ว่า ชาวนาชาวไร่บ้านเรา วิ่งตาม Demand&Supply ไม่ทัน ..คือจริงๆถ้าเขาอยากรวยก็ไม่ยาก แค่ปลูกพืชสวนกับราคาก็แจ๋วแล้ว (อย่างตอนนี้ถ้าข้าวราคาถูก คุณก็คาดได้เลยว่า ฤดูกาลหน้าคนจะปลูกข้าวน้อยลง ดังนั้นราคามันจะต้องขึ้น ดังนั้น คุณก็เริ่มปลูกข้าวเลยจริงไหม) ..แต่จะให้ดีผมว่า เราต้องเริ่มเข้าศึกษา Futures อย่างจริงจังแล้วเอาเครื่องมือเหล่านี้ มาช่วยป้องกันความเสี่ยงให้กับกิจการ จะเป็นวิธีการที่ฉลาดมากครับ!!

(ผม ว่าคนที่กำลังมันส์กับ Gold Futures ลองมาดู Commodity Futures กันบ้าง "นักบุกเบิกมีโอกาสรุ่งนะ!!..ตามเขาทีไร ตลาดมัน Clash ใส่หน้าเราทุกที เพราะกว่าเราจะเล่นตลาดมันก็วายหมดแล้ว")
เขียนโดย pawawit ที่ //pawawit.blogspot.com




 

Create Date : 02 สิงหาคม 2553
6 comments
Last Update : 2 สิงหาคม 2553 11:28:36 น.
Counter : 702 Pageviews.

 
 
 
 
จขบ วิเคราะห์เก่งจัง น่าจะไปบอกพวกผู้แทนในสภาให้สนใจชาวนาบ้าง

ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ให้พวกชาวนาดิ้นรนเอาเอง น้ำน้อย เขื่อนแล้งก็บอกว่าอย่าปลูกข้าวนะ ไม่มีน้ำให้ แทนที่จะหาวิธีป้องกันให้แต่แรก

ป.ล ที่บ้านทำสวนยางค่ะ ไม่ได้ทำนาเลยไม่ค่อยได้เดือดร้อนเพราะช่วง2-3ปีหลังราคายางแพงมาก

อืมม..แล้วรู้มั้ยคะว่าราคายางจะแพงไปอีกนานแค่ไหน
 
 

โดย: คล้ายดาว วันที่: 2 สิงหาคม 2553 เวลา:13:42:56 น.  

 
 
 
การที่คนไม่นิยมลงทุนในตลาดแบบนี้สะท้อนถึงความไม่สนใจ
หรือไม่ให้ความสำคัญกับภาคการเกษตรทั้งที่มันมีผลกับเรื่องของปากท้องมากมาย
ในเวทีระดับนานาชาติเริ่มพูดคุยเรื่องนี้กันเยอะขึ้นแต่สวนทางกับบ้านเรา

อาจเป็นเพราะการเข้าถึงข้อมูลตลอดจนการจัดเก็บข้อมูลสำหรับติดตามแนวโน้มตลาดยังมีไม่เพียงพอหรือเปล่า
เมื่อนักลงทุนมีความรู้ด้านนี้น้อยแถมยังต้องพึ่งพาปัจจัยทางธรรมชาติที่ยากจะคาดเดา
ใครมันอยากเสี่ยงหล่ะ จริงไหม
 
 

โดย: ูลูกชาวสวน IP: 90.224.231.118 วันที่: 2 สิงหาคม 2553 เวลา:14:43:55 น.  

 
 
 
ให้รัฐบาลเลิกแทรกแซงราคาครับ ใครจะกล้าเล่นล่ะ
 
 

โดย: xxx IP: 203.4.160.15 วันที่: 2 สิงหาคม 2553 เวลา:14:50:47 น.  

 
 
 
ปลูกข้าว รายใหญ่ของโลก แต่ชาวนายากจน เมือ่ไร บ้านเรารู้จักและใช้งานตลาดล่วงหน้าได้ อย่างจริงจัง ชาวนานไทย คงได้บินไปเที่ยว เมืองนอกกันมั่ง
 
 

โดย: บังเอิญ IP: 202.149.113.242 วันที่: 4 สิงหาคม 2553 เวลา:11:58:34 น.  

 
 
 
เราจะทำการซื้อขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าหลายบริษัทพร้อมกันได้หรือเปล่า
 
 

โดย: nut IP: 203.158.243.34 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:21:50:17 น.  

 
 
 
ไม่ทราบ คุณ pawawit จะกลับมาอ่านอยู่ไหม แต่คุณคิดว่า AFET จะเกิดได้จริงหรือคะ ดิฉันเคยมีความเชื่ออย่างนั้น ตอนเริ่มศึกษาเรื่อง Futures ใหม่ๆ เพราะตลาดล่วงหน้าของโลกอย่าง TOCOM CBOT เค้าไปไกลกันแล้ว ขณะที่ไทยยังกระเตาะอยู่เลยค่ะ ในโอกาสนี้อยากทราบจริงๆว่าปัจจัยที่คุณคิดว่าสำคัญให้ตลาดโตได้คืออะไรคะ โดยส่วนตัว ประเทศเราทำฐานข้อมูล Realtime ให้นักลงทุนเห็นข้อมูลช่วยเรื่องการตัดสินใจได้ก่อนคงจะดีนะคะ เพราะนักลงทุนจะมาแบกรับความเสี่ยงจาก Hedgers เอง เริ่มทีละนิดไปทีละก้าวอย่างมีแบบแผนคงเป็นประโยชน์ตอประเทศไม่น้อย
 
 

โดย: พอดีสนใจตลาดล่วงหน้าอยู่ค่ะ IP: 203.154.151.134 วันที่: 7 กรกฎาคม 2557 เวลา:10:47:12 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

pawawit
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 27 คน [?]




เขียน Blog เกี่ยวกับการลงทุน อยู่ที่
http://pawawit.blogspot.com ก็ใครจะคุยกันก็เข้าไป ดูที่ Blog ของผมได้ มีทั้ง Link ของ Facebook / Twitter หนังสือแกะรอยหยักสมอง (สั่งที่นี่ครับ) หนังสือ(ของผม)แนะนำครับ
[Add pawawit's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com