คุณเคยเห็นหน้าผู้ชายคนนี้บนเฟสบุ๊คหรือยูทูปไหม?

ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่เจอเค้าจากสื่อดิจิตอลทั้งหลาย พอคลิ๊กเข้าไปดูผู้ชายที่เหมือนบังคนนี้ดูมีแรงบันดาลใจดีจัง

และนี่ก็คือสิ่งที่จะมาเล่าสู่กันฟังในตอนนี้ 

หลายคนตามหา passion มาทั้งชีวิตยังหาไม่เจอ ซึ่งฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น passion มันคืออะไรฟ่ะ

โตจนเลยผ่านมาครึ่งชีวิตอะไรคือสิ่งที่เรารักมันจริงๆ ฟ่ะ?

ตอบไม่ได้จ้า .. หรือตอบได้ก็ไม่มีเป้าหมายกับมันเอาเสียเลย 

เชื่อไหมว่าผู้ชายที่ดูเหมือนบังคนนี้ทำให้ตัวฉันเองเริ่มมองหาสิ่งที่เรียกว่า Passion ของตัวเอง 

ซึ่งมันน่าตลกมากที่ไปฟังสัมมานามาก็หลายหน ฉันไม่เข้าใจคำว่า Passion เอาเสียเลย จนมาเจอกับผู้ชายคนนี้แหละ

ทุกอย่างในชีวิตมันมีจังหวะและเวลาของมัน และแน่นอนในที่สุดฉันก็ได้เจอกับเขา "โค้ชวาส"

อย่าถามนะว่า NLP คืออะไรก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่จะเล่าให้ฟังต่อจากนี้

วันที่ 8-10/12/12 ที่ผ่านมา เมื่อจังหวะและเวลาลงตัวทุกอย่างพร้อม ฉันก็หาจิ๊กซอว์สุดท้ายแห่งปีเจอที่นี่แหละ

Finding Life Purpose & Passion หรือศัพท์ที่โค้ชเค้าเรียกกันง่ายๆ "PP" รอบนี้จัดเป็นครั้งที่ 25

เชื่อไหมว่าคนมากันมหาศาลมาก มันทำให้ฉันได้เรียบรู้ว่ามีหลายคนที่เค้าเดินมาหาโอกาส

ไม่ต้องแปลกใจนะว่าทำไมเค้าถึงดีกว่าเรา เพราะเค้าไฝ่ที่จะรู้มากกว่าเราไง

คนเยอะมากมารอตั้งแต่ 9 โมงเช้าเพื่อได้เข้าก่อนไปจับจองพื้นที่แถวหน้า ซึ่งสัมมานาของวาสนั้นเค้าจัดฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ถ้าใครอยากสบายจ่ายเงินหน่อยได้นั่งข้างหน้าเบาะก็จะ VIP หน่อย มีทางเข้าห้องน้ำแยกส่วนสบายว่างั้นเถอะ แต่เรามันชนชั้นฟรีไงก็ต้องวิ่งหาที่กันหน่อย เวลามาสัมมานาเราจะสามารถพูดคุยได้กับทุกคนเหมือนเข้าใจกัน เพราะคนที่มาที่นี่เค้าอยากรู้เรื่องเดียวกันนั่นแหละ 

หลังจากวันนั้นเขาพบว่า ถ้า NLP สามารถทำให้เด็กเหล่านี้เป็นแชมป์ได้นั่นแปลว่าเขาสามารถทำให้คนทุกวงการเป็นแชมป์ได้เช่นกัน  Coach Vas ตัดสินใจลาออกจากกองทัพที่ทำงานมาเกือบ 30 ปี เพื่อมุ่งหน้าเผยแพร่ สิ่งที่เขาได้เรียนรู้ให้กับผู้คนที่มีความฝัน ตลอดเวลา 16 ปีที่ผ่านมาเขาออกเดินทางเผยแพร่กลไกสู่ความสำเร็จนี้ให้กับผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ปัญหาหนึ่งที่ไม่ว่าจะเป็นคนจากชาติไหนก็ตามเจอเหมือนๆกันคือ “พวกเขาไม่รู้ว่าเขารักในการทำอะไร?” ประสบการณ์และความรู้ที่ Coach Vas มีช่วยให้เขาออกแบบกระบวนการหนึ่งออกมาได้สำเร็จมันจะช่วยให้ผู้คนได้คำตอบของคำถามข้างต้น

ประวัติคร่าวของผู้ชายคนนี้ก็ประมาณนี้แหละ กลับไปที่สัมมานาของเรากันดีกว่า สัมมานานี้บรรยายเป็นภาษาอังกฤษ แต่มีล่ามคนไทยแปลไม่ต้องกลัวว่าจะไม่เข้าใจ ล่ามแปลได้ดีมาก และระหว่างสัมมานาไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปหรือบันทึกวีดีโอ คุณไม่ได้เห็นไลฟ์สดออกมาจากห้องสัมมานานี้แน่นอน มีอาสาสมัครเดินตรวจตรากันอย่างเข้มงวด เพื่อที่จะทำให้คุณตั้งใจเรียนรู้มัน  

วาสเล่าถึงวงล้อชีวิต ให้คะแนนตัวเองจากวงล้อชีวิต แล้วอะไรที่จะเปลี่ยนคุณได้ ทุกอย่างมันสัมพันธ์กันชีวิตคุณอย่างไร เชื่อไหมว่าแค่วงล้อชีวิตทำให้รู้ทันทีว่า นี่เราอ่อนด้อยในเรื่องไหน มันเห็นได้ทันทีว่าเราพลาดจุดไหนไป แต่อันนี้คุณต้องซื่อสัตย์กับตัวเองนะห้ามใส่เล่นๆ โดยเด็ดขาด พอจบครึ่งแรกวาสให้คนขึ้นมาบอกเพื่อนๆ ว่าเค้าได้อะไรจากสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปเมื่อช่วงเช้า

เชื่อไหมว่าทุกคนขึ้นมาบอกขอบคุณวาสหมดเลย คืองงว่าเค้าจะเว่อร์วังเรียนรู้อะไรเร็วเบอร์นั้น อิช้านยังไม่ได้อินมากขนาดนั้นเลย ซึ่งมารู้ที่หลังว่าคนที่พูดนั้นเค้ามากันหลายรอบแล้ว เค้าได้ลงมือทำแล้ว แล้วออกมาหน้าห้องเพื่อจะบอกวาสว่า "เค้าทำได้แล้ว" ซึ่งประสบการณ์ที่แชร์มานั้นมันสร้างแรงบันดาลใจเป็นอย่างมาก รอบนี้ประทับใจพี่ตาบอดมาก เค้าเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนเค้าไม่เคยรู้เลยว่าเค้าจะมีค่ายังไง ก็เค้าเป็นคนตาบอดจะให้ทำอะไรให้คนอืนได้ ตัวเองยังยากเลย แต่วันนี้เค้าได้เรียนรู้แล้วว่า ความพิการของเค้าเนี่ยแหละเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น เพราะเค้าสอบเป็นโค้ชแล้ว ทำเอาคนทั้ง Hall ปรบมือยาวนานมากให้พี่คนนี้ 

หรือแม้แต่พี่วีลแชร์ก็มาเล่าว่าเค้าได้เปลี่ยนชีวิตยังไง และอีกหลายๆ คนที่มาแชร์ประสบการณ์หลังเรียนไปแล้ว เค้าเอาไปใช้กับชีวิตจริงๆ จนเค้าทำได้เค้าเลยอยากมาบอกโค้ชว่าทำได้แล้ว อันนี้ก็ทำให้ตอบข้อสงสัยที่ว่าทำไมคนมาฟังวาสมากันหลายรอบจัง เพราะคนที่มาแชร์เนี่ยแหละเค้ามาแต่ละรอบไม่เหมือนกัน พอมาฟังหลายรอบก็เหมือนมาเติมแรงบันดาลใจต่อ 

Part วันแรกจะเป็นการฝึกจิตเรามาเรียนรู้ว่าจิตทำงานยังไง จิตใต้สำนึกคิดอะไร แล้วมันเชื่อมต่อกันยังไง เค้าจะมีกิจกรรมให้ทำร่วมกันเพื่อฝึกจิตให้ใสเปิดใจมองคนอื่นให้มุมมองที่ต่างไป วันแรกเลิกเกือบสี่ทุ่ม รอบนี้จัดที่ไบเทคบางนาเลยต้องจองโรงแรมที่ติดกับไบเทคไว้เลย เพราะรู้ว่าเลิกดึกถ้านอนไกลแลไม่รอดแน่ๆ

แถมมีการบ้านให้กลับไปคิดอีก เอิ่ม!! ดีนะที่กิจกรรมตอนสุดท้ายมันทำให้ใจนิ่งมากเลยมีสมาธิทำได้ กว่าจะเสร็จก็ปาไปเกือบเที่ยงคืนนอนจ๊ะนอน ที่ต้องทำให้เสร็จเพราะถ้าการบ้านไม่เสร็จไม่ให้เข้าห้องสัมมานาจ้า โหดไปอีกตอนแรกคิดว่าขู่แน่เลย ที่ไหนได้พออีกวันใครไม่เสร็จทำให้เสร็จถึงจะได้เข้าห้อง 

Part วันที่สองเริ่มโฟกัสเป้าหมาย ความสุขในชีวิตคืออะไร Passion ที่พูดกันฮิตๆ นั้นมันมีระบบการคิดอย่างไร วันนี้เริ่มชัดเจนมาก ปมในใจเราจะขจัดมันยังไง ซึ่งทั้งหมดเพื่อให้เราเข้าใจตัวเอง ซึ่งก็มีให้เพื่อนได้มีโอกาสแชร์อีก มีฝรั่งคนหนึ่งเค้าเคยอ้วนแล้วก็ลดน้ำหนักได้แบบเห็นชัดเจนมากหลังจากมาเรียนวาส ซึ่งหลายคนที่มาก็ได้รับแรงบันดาลใจให้ลดน้ำหนัก เพราะวาสพูดเสมอว่าทุกอย่างมันจะ Happy ถ้ามีร่างกายที่แข็งแรง และต้องหัดรักตัวเองให้เป็นเสียก่อน  เค้าก็จะเล่าเคสของเค้าให้ฟังว่ามีหลายคนที่ป่วย แต่มันมีวิธีการรักษาให้ดีโดยไม่พีึ่งหมอ วันที่สองก็มีกิจกรรมยันสีทุ่มเหมือนกัน เป็นกิจกรรมให้เราคิดถึงเรื่องดีๆ ของแต่ละช่วงชีวิต ตามวิธีการของวาส เชื่อไหมว่ากลับไปโรงแรมหลับได้สนิทมาก 

Part วันที่สาม ก้าวข้ามขีดจำกัดแล้วก็ถอดแบบคนที่เราชอบ เพื่อปลุกไฟในใจเรา วันนี้ทุกคนก็ยังคงมากันแน่น Hall เช่นเดิมเป็นสัมมานาที่คนไม่ถอยเลยจริงๆ แม้วาสจะขายคอร์สเรียนมาเป็นระยะก็ตาม มันก็ดูไม่เป็น Hard Sale มากนักทุกคนยังคงตั้งใจฟังอย่างดีจนจบ คิดว่าวันนี้จะกลับบ้านเร็วเปล่าจ้า ยันป้ายสี่ทุ่มเหมือนเดิม 

เชื่อไหมว่าสามวันเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามาก มันทำให้เราได้หยุดคิดในสิ่งที่เราลืมไปแล้ว อะไรคือปัญหา แล้วเราจะแก้ปัญหามันยังไง ไม่มีใครแก้อะไรได้นอกจากเราแก้ที่ตัวเราเอง การมีสติอยู่กับตัวเองจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก หากใครเคยฟัง ดร. วรภัทร ภู่เจริญ มาก่อนจะเข้าใจง่ายขึ้น เพราะหลักการเหมือนกันต่างกันที่วิธีการสื่อสาร 

ซึ่งมองภาพรวมก็เหมือนการศึกษาธรรมะนั่นแหละ แต่ถ้าจะให้ไปเข้าวัดมันยากไปเค้าจึงปรับจากพุทธวิธีให้เป็น NLP ดูไม่ยาก เข้าใจและเข้าถึงได้ง่าย อย่างที่บอกว่าเป้าหมายเหมือนกันอาจจะต่างกันที่วิธีการ ก็เป็นช่วงเวลาวันหยุดที่มีความหมายมากอีกช่วงหนึ่ง ขอบคุณวาสจากใจที่ทำให้มีเป้าหมาย ขอบคุณพี่ตาบอดที่สร้างแรงบันดาลใจ ขอบคุณเพื่อนหน่าที่ไปด้วยกัน ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้ได้มาเจอวาส 

และสุดท้ายขอบคุณตัวเองที่จะพัฒนาตัวเองในทุกๆ ด้าน ปีหน้าจะไปใหม่อีกรอบไปเติมแรงบันดาลใจให้สดใส ใครที่รู้สึกว่าชีวิตมันท้อแท้ ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีความสุข ไม่รู้ว่าชีวิตคืออะไร อยากจะบอกว่าคุณเสียสละเวลาไปตั้งใจฟังวาสสักครั้ง เผื่อว่าคุณจะมีวิธีการไปกำจัดปัญหาในใจที่คุณกำลังเจอ เรื่องพวกนี้ใครทำได้ก่อนก็หลุดพ้นก่อน เรามักจะยิ้มทุกครั้งที่มีเด็กๆ มานั่งฟังส้มมานาที่จะพัฒนาตัวเอง เพราะเค้าจะได้เริ่มคิดตั้งแต่ยังเด็กๆ จะได้วางแผนชีวิตได้ดี ที่นี่คือมหาลัยชีวิตจริงๆ

ทำไมถึงเขึยนรีวิวนี้ บอกตามตรงว่าอยากเล่าประสบการณ์ที่ไปฟังมา อย่าไปถามใครเลยว่าดีไหม ถามใจคุณเองดีกว่าว่ายินดีจะเปิดรับสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตหรือเปล่า วาสเนี่ยเป็นนักขายที่เก่งมากเลยนะ ใครที่มีสายอาชีพนักขายลองไปดู ไปดูเค้าขายคอรส์ที่เทพมาก ส่วนใครที่ Advance กว่าเค้ามีหลักสูตรการเป็นโค้ชด้วยนะ การมีคนหลายคนที่เป็นเหมือนวาสมันก็ดีนะ เพราะจะได้ไปช่วยคนได้มากขึ้น เปิดโอกาสแล้วรับความรู้ที่มันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง แค่ก้าวโลกก็เปลี่ยนแล้วคุณว่าจริงไหม?