สมุดบันทึกผู้หญิงชอบเที่ยว "ภัทรานิตย์" -- www.atourthai.com --

"เที่ยวเมืองไทยด้วยหัวใจ แล้วคุณจะรักเมืองไทยอย่างยั่งยืน"


<<
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
27 พฤศจิกายน 2554
 

SAMUTSONGKRAM :: โบสถ์ปรกโพธิ์ ณ ค่ายบางกุ้ง

"ค่ายบางกุ้ง" ชื่อมันคุ้นๆ อยู่น้า ว่าแต่มีอะไรในค่ายบางกุ้งหว่า นี่คือคำถามในสงสัยในใจทุกครั้งที่เห็นป้ายค่ายบางกุ้ง เมื่ออาทิตย์ก่อนเลยไปตามเส้นทางดูให้หายสงสัยเสียหน่อย จากสมุทรสงครามขับมาอัมพวาเรื่อยๆ ก็จะเห็นป้ายค่ายบางกุ้งเป็นระยะๆ เอาล่ะตามมาดูกัน




เข้ามาถึงกับบางอ้อเลยทีเดียว เคยมาแล้วนี่น่าตอนที่พาเตี่ยกับแม่ล่องเรือเที่ยวอัมพวา อ้อ .. เป็นวัดที่มีต้นไม้คลุมนี่เอง จำได้ว่าครั้งที่แล้วที่มาฝนตกเลยไม่ได้ถ่ายรูป วันนี้จัดเต็มไปเลยค่ะ


สำหรับค่ายบางกุ้งแห่งนี้ ตั้งอยู่ในบริเวณวัดบางกุ้ง อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม มีเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่เศษ เป็นค่ายทหารเรือที่มีชื่อปรากฏอยู่ในพงศาวดารชาติไทย ในสมัยสมเด็จพระที่นั่งสุริยาอัมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศน์) ซึ่งในอดีตที่นี่เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ที่เกิดวีรกรรมของชาวแม่กลองในช่วงตอนปลายสมัยกรุงศรีอยุธยากรุงธนบุรี ซึ่งทหารไทย-จีน โดยการนำของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและพระมหามนตรี (บุญมา) อนุชาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช แห่งราชวงศ์จักรี


ร่วมรบขับไล่กองทัพพม่าข้าศึกแตกพ่าย สร้างความเกรงขามแก่กองทัพพม่าเป็นอย่างยิ่ง และเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจของคนไทยให้กลับคืนมา ภายหลังจากที่ไทยต้องเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ให้แก่พม่าในปี พ.ศ 2310 เนื่องจากเมืองแม่กลองเป็นเส้นทางที่กองทัพพม่า ได้ใช้เป็นเส้นทางเดินทัพทางหนึ่งในการเข้าตีไทย พระเจ้าเอกทัศน์ได้โปรดให้ยกกองทัพเรือมาตั้งค่ายที่ ตำบลบางกุ้ง เรียกว่า "ค่ายบางกุ้ง" โดยสร้างกำแพงล้อมวัดบางกุ้งให้อยู่กลางค่ายเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นที่เคารพบูชาของทหาร


พ.ศ. 2310 หลังจากที่พม่าตีกรุงศรีอยุธยาแตกแล้ว ค่ายบางกุ้งไม่มีทหารประจำการและรักษาค่ายกระทั่งพระเจ้าตากสินมหาราชทรงกู้เอกราชกลับคืนมาได้ และทรงสถาปนากรุงธนบุรี เป็นราชธานีในปีเดียวกันนี้เอง พระองค์ได้โปรดให้คนจีนจากระยอง ชลบุรี ราชบุรี และกาญจนบุรี รวบรวมผู้คนมาตั้งเป็นกองทหารรักษาค่ายจึงมีชื่อเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า "ค่ายจีนบางกุ้ง" ซึ่งทหารจีนส่วนใหญ่จะเป็นลูกเรือสำเภาที่ได้มาถวายตัวรับราชการกับพระเจ้าตากสินมหาราช พระองค์ทรงให้ชื่อทหารเล่านี้ว่า "ภักดีอาสา" และแต่งตั้งให้ ไต้ก๋งเจียมเป็นออกหลวงเสนาสมุทร เป็นหัวหน้า



ทหารภักดีอาสา ดูแลค่ายจีนบางกุ้ง ออกหลวงเสนาสมุทร ได้สร้างค่ายบางกุ้งให้มีความถาวรตามแบบฉบับตำราพิชัยสงครามของง่อกี้ โดยก่ออิฐเป็นเชิงเทินหอรบ ขุดคูป้องกันค่าย (ปัจจบันเรียกคลองบ้านค่าย) สร้างค่ายตามแนวแม่น้ำแม่กลองถึงเขตวัดแหลมเตย (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าไทเพ่งอ๊วงกง) มีวัดบางกุ้งอยู่กลางค่ายและขุดคลองบริเวณใกล้วัดเพื่อใช้น้ำในการหุงหาอาหาร (ปัจจุบันเรียกว่าคลองบางกุ้ง)



พ.ศ 2311 พระเจ้ากรุงอังวะกษัตริย์พม่าได้ให้ แมงกี้มาราหญ่า เจ้าเมืองทวาย ยกทัพมาสืบข่าวสภาพบ้างเมืองในสมัยกรุงธนบุรีว่า สงบรามคาบหรือจลาจล เพราะเป็นช่วงระยะเวลาที่ไทยกำลังผลัดเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ เจ้าเมืองทวายได้ยกพลประมาณสองหมื่นเศษ เดินทัพเข้ามาทางไทรโยค เมืองกาญจนบุรีและให้ยกทัพเรือเข้ามาที่ค่ายตอกะออมแล้วเดินทัพล้อมค่ายจีนบางกุ้งไว้ ทหารภักดีอาสาได้สู้รบกับกองทัพพม่า โดยโจมตีค่ายจีนบางกุ้งหลายครั้ง ก็ไม่สามารถยึดค่ายได้ ทางคณะกรรมการเมืองได้มีใบบอกเข้ามายังกรุงธนบุรีขอกำลังมาช่วยรบพม่า


เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงทราบข่าวศึกโปรดให้ พระมหามนตรี (บุญมา) จัดกองทัพเรือ 20 ลำ แล้วพระองค์ทรงเรือพระที่นั่งสุวรรณพิชัยนาวา เรือยาว 18 วา ปากเรือกว้าง 3 ศอกเศษพลกรรเชียง 287 คน พร้อมศาสตราวุธ ยกทัพมาถึงค่ายบางกุ้งในเวลากลางคืนตอนพลบค่ำ จึงมีบัญชาให้จอดเรือพักทัพที่ฝั่งตรงข้ามกับค่าย โดยที่ทหารภักดีอาสาและทหารพม่าไม่ทราบ เนื่องจากเป็นช่วงข้างแรมเดือนมืด (บริเวณที่จอดเรือพักทัพมีชื่อเรียกว่า บ้านพักทัพ ปัจจุบันคือบ้านบางพลับ)



ครั้นเวลายามสามได้ทรงนำกำลังทหารเข้าตีพม่าด้านท้ายค่าย (ที่ตั้งศาลเจ้าไทเพ่งอ๊วงกงในปัจจุบัน) ตามพงศาวดารกรุงธนบุรีกล่าวว่าในตอนเรียกประชุมนายทัพนายกองเพื่อปลุกใจและบงการเข้าตีนั้น สมเด็จพระเจ้าตากสินได้เน้นว่า "ถ้าช้าไปอีกวันเดียวค่ายบางกุ้งจะแตก แล้วขวัญทหารไทยจะไม่มีวันฟื้นคืนได้ การรบทุกครั้งการแพ้ชนะอยู่ที่ขวัญและกำลังใจ ถ้าไทยแพ้อีกครั้ง พม่าจะฮึกเหิม พวกไทยจะครั่นคร้ามและกู้ชาติไม่สำเร็จ การรักษาค่ายบางกุ้งไว้ครั้งนี้ได้ชื่อว่าท่านทั้งหลายได้ช่วยขวัญของไทยในการรบครั้งต่อไป


การรบด้วยการตะลุมบอนด้วยอาวุธสั้น เมื่อทหารจีนในค่ายทราบว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเสด็จบัญชาทัพด้วยพระองค์เองก็เกิดกำลังใจเปิดประตูค่ายตีกระหนาบพม่าอีกทางหนึ่ง แม่งกี้มารหญ่า เจ้าเมืองทวายเห็นเหลือกำลังที่จะต่อสู้ จึงถอยทัพกลับไปเมืองทวายทางค่ายเจ้าขว้า (เป็นด่านเมืองราชบุรีอยู่ริมแม่น้ำภาชี)


ครั้นสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเผด็จศึกค่ายบางกุ้งแล้ว จึงพาทหารเข้าพักแรมในค่ายบางกุ้งก่อนจะกลับกรุงธนบุรี ได้เรียกประชุมเหล่าทหารหาญทั้งไทยจีนให้มีความสามัคคีปรองดองเกื้อกูลซึ่งกันและกัน มีความรักกันฉันท์ญาติ เนื้อความในพระบรมราโชวาทตอนหนึ่งว่า "เนื้อต่อเนื้อไม่เอื้อเฟื้อ เป็นเนื้อกลางป่า เนื้อใช่เนื้อได้เอื้อเฟื้อเป็นเนื้ออาตมา" หมายความว่า คนที่เป็นญาติกันมิได้เกื้อกูลกัน ก็เหมือนมิไช่ญาติคนที่มิใช่ญาติแต่ได้เกื้อกูลกันก็เป็นญาติสนิท


และเมื่อ พ.ศ. 2317 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ท่านได้ทรงเสด็จมาที่ค่ายบางกุ้งแห่งนี้อีกครั้ง โดยได้ยกทัพไปรบพม่าที่ค่ายบางแก้ว เมืองราชบุรี เสด็จโดยเรือพระที่นั่งกราบเรือยาว 13 วา ปากเรือกว้าง 3 ศอกเศษ พลพาย 40 คน ไพร่พลในกองทัพ 8,863 ปืนใหญ่น้อย 277 กระบอก ได้หยุดกองทัพพักพลและท่านทรงเสวยพระกระยาหารที่วัดกลางค่ายบางกุ้ง เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2317


ปัจจุบันบริเวณค่ายบางกุ้งแห่งนี้ ได้มีการพัฒนาเพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดสมุทรสงคราม โดยท่านพระวินัยธรองอาจ อริโย เจ้าอาวาสวัดบางกุ้ง ได้ดำเนินการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และตลอดจนภูมิทัศน์ โดยรอบตลอดจนสร้างแนวกำแพงจำลองค่ายบางกุ้งไว้เป็นอนุสรณ์สถาน เป็นสิ่งเตือนใจให้ระลึกถึงวีรกรรมอันหาญกล้าของบรรพบุรุษนักรบไทยที่ปรากฏ ณ ค่ายบางกุ้ง


นอกจากนี้บริเวณค่ายบางกุ้ง ยังมีอุโบสถที่สร้างมาต้้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ชาวบ้านเรียกกันในนาม "โบสถ์หลวงพ่อดำ (หล่วงพ่อนิลมณี) ที่มีลักษณะพิเศษ โดยโบสถ์ทั้งหลังถูกปกคลุมด้วยต้นไม้ถึง 4 ชนิด คือ ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร ต้นกร่าง แต่รู้จักกันในนามโบสถ์ปรกโพธิ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเองได้อย่างมหัศจรรย์  เอาล่ะหลังจากที่ได้ทราบประวัติและเดินชมบริเวณโดยรอบแล้วก็เป็นช่วงเวลาของอาคุงแม่ ที่ชอบเป็นนางแบบล่ะ







เรื่องลีลาท่าทางนางไม่ยอมแพ้ใคร จัดเต็มตลอดอ่ะแม่เรา ไม่เหมือนอาคุงเตี่ยหลบมุมตลอด ไม่ค่อยชอบถ่ายรูปเท่าไหร่หรอก แต่ขอบอกว่าดีแล้ว ไม่งั้น โอ้ย ยังกะจับปูใส่กระด้งเด็กน้อยสองคนแย่งกันถ่ายรูป ตากล้องมึนไปตามๆ กันเหอะ


เอ้า.. ใครยังไม่เคยมาลองมาแวะกันดูนะคะ ตรงรูปปั้นเนี่ย เค้าแอ็กชั่นถ่ายรูปกันสนุกสนานเชียวแหละ นอกจากโบสถ์ปรกโพธิ์แล้วก็มีรูปปั้นนี่แหละที่เป็นอีกไฮไล์ทสีสัน ณ ค่ายบางกุ้งค๊า ...


Photo and Story By
Patthanid C.
www.patthanid.bloggang.com
Facebook : Patthanidfc




 

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2554
3 comments
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2556 0:49:17 น.
Counter : 4261 Pageviews.

 
 
 
 
แวะมาเยี่ยมชม ขอบคุณค่ะ..
 
 

โดย: kingkong0749 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2554 เวลา:3:23:37 น.  

 
 
 
น่าเที่ยวจัง .
 
 

โดย: คนชอบเที่ยว (todsvuth1 ) วันที่: 27 พฤศจิกายน 2554 เวลา:13:59:55 น.  

 
 
 
แวะมาชมครับ
 
 

โดย: Kavanich96 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2554 เวลา:9:26:49 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

patthanid
 
Location :
ราชบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




: การท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ
: คืออีกก้าวของประสบการณ์
: ทุกๆ ก้าวที่ก้าวเดิน
: มีจุดหมายที่อยากสัมผัส
: โลกใบกลมๆ ใบนี้

ติดต่อผู้เขียน
Email :: patthanids@hotmail.com
Line :: @atourthai
Facebook :: Patthanid Cheang
Fanpage :: โสดเที่ยวสนุก

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิดโดยนำภาพถ่าย
รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึง
ข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้
ไปใช้ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัว
หรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็น
ลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
New Comments
[Add patthanid's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com