+-+ OncE UPoN'-'a MaN +-+ รักนะ.. คนอ่าน เข้ามาดู.. โดนใจ ออกไป.. อย่าลืมกัน
Summary for Best of the Year 2012 ..Please CLICK!!
“เคอิโงะ” FE-VERRRR!!! ..มันคือ ปรากฏการณ์ หรือว่า ปรากฏ “เกิน”

เรื่องที่ผมจะพูดต่อไปนี้ ...ขออนุญาตชี้แจงบอกกล่าวกันก่อน ว่า นี่คือ ความคิดเห็นส่วนตัวของผมล้วนๆ ..ฉะนั้นแล้ว สิ่งใดที่ผมพูดถึง ย่อมไม่ใช่การชี้นำว่าคุณต้องเชื่อตาม หากแต่ก็อยากให้คุณใช้วิจารณญาณของตัวเองในการอ่านบทความนี้

โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นคนที่กำลังยินดี เปรมปรีดิ์ กับเรื่องราวนี้ อยู่แล้ว ...เป็นไปได้ ก็ขอให้ปิดบล็อกนี้ไปได้เลย เพราะผมเกรงว่า บางสิ่งบางอย่างที่ผมพูดออกไป อาจจะเป็นการกระทบกระเทือนจิตใจของคุณก็ได้

แต่ถ้าคุณยังยินดีจะอ่านมัน ..ผมก็ไม่ว่าเช่นกัน ...แต่ผมก็ได้เตือนคุณแล้วนะครับ









ตั้งแต่ที่ผมได้ยินได้ฟังข่าว ว่ามีเด็กชายคนหนึ่ง ชื่อว่า “เคอิโงะ ซาโต้” ปรากฏตัวขึ้นมาตามสื่อ พร้อมกับแนะนำตัวเองว่า กำลังออกตามหา พ่อ ของตัวเอง ที่ไม่ได้เจอกันมานานมาก กระทั่งยังจำความไม่ได้ ..ณ เวลานั้น ผมยอมรับว่าผมเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรเลย เพราะยังดูเป็นแค่เรื่องเล็กๆ เรื่องหนึ่งที่สื่อก็สนใจไปตามหน้าที่ ...หรือถ้าคิดในแง่ร้าย มันก็ยังมีเรื่องอื่นๆอีกมากมายที่น่าสนใจกว่า การที่เด็กคนหนึ่ง กำลังเล่นละครน้ำเน่าบทหนึ่ง

แม้มันจะเป็นละครชีวิตจริงของเด็กคนนั้น ...แต่สาระจริงๆที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของผม มันไม่หาได้อยู่ในละครเรื่องนี้เลย

ผมพูดอย่างนี้ขึ้นมา หลายคนก็คงคิดเหน็บแหนม ว่า เพราะมึง ไม่เคยเจอเรื่องอย่างนี้สิวะ ถึงได้กล้าพูด กล้าเฉยเมย ...แม่งชีวิตมึง คงจะดีสวยหรูน่าดู ที่พ่อแม่คอยประคบประหงม เอ็นดู ไม่มีทอดทิ้ง

แต่ผมก็จะพูดตามตรง ณ ที่นี้ ว่า.. ชีวิตครอบครัวผมไม่ได้สวยหรูอะไรหรอก ...มันยังเคยมีความห่าเหว เกิดขึ้นมาในห้วงๆหนึ่ง ...แต่เรื่องของผมเอง จะให้พูดความจริงไปทำไม ให้เสียเวลา เพราะในเมื่อมันก็ไม่มีสาระอะไรให้กับคุณๆได้หรอก

ฉะนั้นแล้ว โปรดอย่ามองว่าผมมันไม่มีหัวใจ ...และอย่าคิดว่าผมเห็นแก่ตัว แต่ที่ผมกล้าจะบอกออกไปตามตรงถึงความคิดที่ว่างเปล่าเช่นนั้น มันเป็นเพราะผมยังรู้สึก ว่า เรื่องอย่างนี้ มันไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับชีวิตผม ...หากจะทำได้อย่างมาก ก็แค่รู้สึก “เออ ยินดีด้วยนะ ที่น้องเจอพ่อในที่สุด” ..แล้วจะให้ผมเสียงดังมากมายไปกว่านี้ได้อย่างไร ในเมื่อผมก็แค่คนนอกคนหนึ่ง และคุณๆก็แค่คนนอก ...ที่ไม่ได้ใช้นามสกุลเดียวกับเด็กคนนี้ หรือกระทั่งจะรู้จักเป็นการส่วนตัวก็ยังไม่ใช่เลย

อย่าว่าแต่เฉพาะกรณีของ น้องเคอิโงะ ผู้นี้เลย ..ไม่ว่าจะเป็นกับใคร ดารา นักธุรกิจ แม้ค้า มอไซค์วิน หรือกรรมกร จะออกมาตามหาใคร ก็ย่อมไม่ใช่กงการอะไรของผมทั้งนั้น




แต่นั่นมันก็แค่ความคิดชั่วเวลาหนึ่ง หากย้อนไปเมื่อหลายอาทิตย์ที่แล้ว ..ที่ก็แค่เคย ...ไม่คิดอะไร!!!

แต่ในวันนี้ มันกลับกลายเป็นคนละเรื่องเดียวกันไปเสีย ...และมันเป็นเรื่องที่ไม่ใช่อะไรแค่เล็กน้อย หากสุดท้ายจะใหญ่โตลุกลาม เหมือนไฟผลาญทุ่งหญ้า ที่กว่าจะจบได้ ก็เสียหายไปหลายไร่

และนับแต่ที่มันก่อตัวเป็นไฟ ...มันก็ถึงเพิ่งจะได้เกิดผลกระทบกับตัวผมขึ้นมา โดยเฉพาะในเรื่องของความรู้สึก และจิตสำนึก อย่างใหญ่หลวง

เพราะจากที่เคยเห็นว่าเป็นเพียงเรื่องของเด็กตัวเล็กๆ ที่อยากเจอพ่อบังเกิดเกล้า ..มันก็เติบโต รุดหน้า และมุ่งเข้าหา สิ่งที่เรียกว่า “ความเสื่อม” ครั้งยิ่งใหญ่ อีกครั้ง ของเหล่าบรรดาสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “สื่อมวลชน”

แม้ว่าถ้ามองกันในมุมบวก มันก็คือหน้าที่อันพึงเป็น ที่จะนำเสนอข่าวสารดีๆ ให้ผู้บริโภคสื่อได้รับทราบ ติดตาม และชื่นชมในความอุตสาหะเพียรพยายามของเด็กคนหนึ่ง จนถึงกระทั่งได้คุยกับพ่อเป็นครั้งแรกในชีวิตสักที

แต่หากมองกันอย่างชัดๆ ในมุมที่กลับกันจากนี้แล้ว ...ผมกลับไม่รู้สึกจะซาบซึ้งอะไร มิหนำซ้ำ มันออกจะมีอาการ “เอียน” มากเกินไป กับความพยายามจะทำให้ชาวไทยทุกคน ต้องชื่นชมในความสำเร็จของละครน้ำเน่าบทนี้ โดยถ้วนหน้า

นี่ถ้าเรื่องที่จะให้ชื่นชม ...มันคือ ความจริงที่ว่า คนไทยสามารถประดิษฐ์นวัตกรรมเทคโนโลยีชิ้นใหม่ได้เป็นชิ้นแรกก่อนใคร หรือกระทั่งว่าจะเป็นความเปรมปรีดิ์ ที่คนไทยสามารถเอาชนะการแข่งขันใหญ่ๆของโลกได้ ..ผมคงจะภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งกับคนที่อยู่ในสื่อ ...และสำคัญที่สุด ก็คือ สื่อไทย ที่ได้ก้าวอีกย่างไปสู่อีกระดับที่น่าชื่นชมแล้ว!!!

เพียงแต่สิ่งที่ผมคิดเอาไว้นั้น มันก็คงจะเป็นแค่ความฝันลมๆแล้งๆอย่างหนึ่ง ..ที่คงจะดูท่าว่ามันไม่น่าเกิดขึ้นจริงได้ เฉกเช่นเดียวกับ ความหวังที่คนไทย อยากจะเห็นบอลไทย ไปบอลโลก ยังคงมีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน






เมื่อย้อนกลับมาคิดถึง ตัวของผู้ที่กำลังถูกสื่อรุมกระทำในตอนนี้ อย่าง น้องเคอิโงะ ญาติๆของน้อง รวมไปถึงคุณพ่อ..ที่แม้จะอยู่ห่างไกลหลายร้อยโล ก็ยังมีโดนหางเลขกับเขาด้วยแล้ว ...เวลานี้ ถ้าจะใช้คำว่า เหยื่อของสังคม เป็นตัวแทนสรรพนามของพวกเขาก็ยังจะดูน้อยไป

เพราะสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นและเป็นไปจากการชี้นำของสื่อมวลชน (ที่แทนตัวเองว่าเป็น สังคมไทย) ...ก็คือ ความพยายามจะทำให้คนติดตามสื่อ เกิดจิตผูกพันกับน้องเคอิโงะ อย่างถึงที่สุด

ซึ่งที่เป็นอย่างนี้ไม่ใช่เพราะหวังจะทำให้คนไทยมีความสุขได้จากเรื่องราวดีๆ ในช่วงเวลาที่สุมทุมด้วยข่าวการเมืองเครียดๆเสียหรอก...แต่มันเป็นไปด้วยอุดมการณ์ สาวความยาว ต่อความยืด ที่ทำให้สื่อมีข่าวขายไปได้นาน ..เพราะยิ่งนาน ยิ่งมีคนสนใจ ก็จะยิ่งมีกระแสมากขึ้น

ถ้าคิดในมุมตลก มันก็คงจะขำดี ที่มองว่าสื่ออาจคงจะรู้ดี ว่าเวลานี้ คนไทยเบื่อข่าวอะไรมากที่สุด เลยพยายามหาเรื่องดีๆมาเบี่ยงเบนไป ...แต่เอาเข้าจริง มันก็ยากจะให้ขำ เมื่อรู้ว่า ที่กำลังเป็นอยู่ทุกวันนี้ ไม่ใช่แค่การหาทางออก แต่มันกลับจะเป็นการวิ่งเข้าหาทางตัน ซะมากกว่า

เพราะในเมื่อ สื่อขยันจะพยายามสร้างข่าวแปลกๆ เปิดประเด็นใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อกลายเป็นความสนใจของคนบริโภค หากทว่าก็ลืมมองหาเหตุและผลดีๆ ที่จะทำให้คนบริโภค รู้ว่าอะไรคือสาระในตัวของมัน

หลายๆครั้งที่ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป ..ผมได้พบเจอว่ามีข่าวมากมายหลายเรื่องราวที่ถูกเปิดประเด็นขึ้นมา ให้ต้องกลายเป็นที่จับตา แต่เมื่อมองลึกเข้าไปที่ตัวเนื้อเรื่อง ก็ล้วนจะแทบทุกเรื่องเช่นกัน ที่มันจะจบตัวเองด้วยความไม่มีอะไร ...มันก็แค่เรื่องโอละพ่อ ที่อาจจะจัดฉากให้มีขึ้นมา ก็เพื่อการเบี่ยงเบนของผู้บริโภคสื่ออย่างเราๆ แทบทั้งนั้น





ซึ่งมันก็กำลังเป็นเช่นเดียวกับ เรื่องราวของน้อง เคอิโงะ ในตอนนี้ ...ที่กำลังถูกสื่อจับตามองในทุกฝีก้าว อย่างไม่ห่างว่างเว้น น้องจะไปไหน พี่ๆน้าๆ ขอตามไปด้วย ..มิหนำซ้ำ มันก็ยังดูตลกสิ้นดี ที่เราจะได้ติดตามชมรายการกึ่งๆเรียลลิตี้ของเด็กคนนี้ ที่ฉายออกทางทีวีทุกวัน ในช่วงข่าวภาคค่ำ ไปเสียฉิบ

มันน่าแปลกใจดีนะ ...ที่จากเคยเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง ที่เพิ่งกำพร้าแม่ไปไม่นาน แล้วก็ยังรับปากตกคำกับแม่ว่าจะออกตามหาพ่อของเขา ด้วยตัวของเขาเอง ...ในช่วงเวลาแค่ไม่กี่ข้ามคืนต่อมา จะได้กลายมาเป็นคนของสื่อ ที่โด่งดังเป็นพลุแตก เพียงเพราะมันดันสอดคล้องกับความเป็นจริงของคนไทยอย่างหนึ่งที่ว่า “เรามันเป็นพวกคนขี้สงสาร ชอบเห็นใจใครต่อใคร” โดยเฉพาะกับเด็กเล็กๆที่ไม่รู้ตาสีตาสา ออกตามหาพ่อก็เพราะแม่สั่งเสียไว้ให้ทำ

ที่ว่าแปลก ไม่ใช่ตัวเด็กอยากมีพ่อ เพราะเชื่อคำ แม่ หรอกนะ ...แต่มันแปลกที่พวกขี้สงสารกลุ่มเล็กๆ(โดยเฉพาะ สื่อ) จะสามารถปลุกปั่นให้เรื่องเล็กๆเรื่องหนึ่ง กลายเป็นความใหญ่โต ที่บดบังรัศมีความระอุของการเมืองไทย ได้เสียมิดชิด

เอาแค่ในวันที่ น้องเคอิโงะ ได้คุยกับพ่อสมใจ เป็นครั้งแรกของชีวิต ...ก็ทำการติดตามซะโอเว่อร์ เล่นบอกเล่ามาแต่กิจวัตรแรกของวันนั้นที่น้องได้ทำ จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาได้คุยจนเสร็จ แล้วสื่อก็ขอถาม ..หัวข้อของคำถามส่วนใหญ่ ก็คือ ความอยากรู้อยากเห็น ว่าน้อง ได้คุยอะไรกับคุณพ่อบ้าง

ทั้งๆที่นั่นมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ..แต่พวกเอ๊งทำอย่างกับตัวเองเป็นครอบครัวเดียวกันกับเขา!!!

ไม่รู้กันเลยใช่ไหมว่าที่ทำไปทั้งหมด มันคือ การคุกคาม!!?





ถึงตรงนี้แล้ว ผมขอถามจริงๆเหอะ คุณๆที่กำลังติดตามข่าวนี้ ยอมรับได้กันเหรอ??? ...กับสิ่งที่สื่อมวลชนประเทศไทย กำลังคุกคาม และยัดเยียดให้เรารู้ไปซะทุกเรื่องอย่างนี้ ...ทั้งๆที่มันก็ไม่ใช่กงการอะไรของเรา แล้วมันไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับชีวิตที่ดีเลิศ หรือห่าเหวของพวกเราเลยแม้แต่น้อย

นี่ถ้ามีคุณสักคน เป็นคนในครอบครัว ซาโต้ หรือเป็นญาติกับเขา ผมก็คงไม่ว่า (และต้องขออภัยกับคำพูดที่ผมดูถูก) ...แต่นี่เหมือนว่าเรากำลังถูก(สื่อ)ยัดเยียดให้ต้องรับรู้เกินกว่า หน้าที่ ของผู้บริโภคสื่อคนหนึ่ง ที่ควรจะทำได้ดีที่สุด ก็แค่... “ดีใจกับน้องด้วยนะ” ไปเสียแล้ว

ซึ่งถ้าในตอนนี้ ยังมีใครสักคน จะรู้สึกเฉยๆ(กระทั่งว่าไม่ชอบ)กับสิ่งที่เกิดขึ้น ..และหากจะกล้าแสดงตัว ขณะอยู่ในที่สาธารณะขึ้นมาพลัน มันก็จะกลับกลายต้องเป็น เป็นเหยื่อผู้ถูกรุมประณาม ที่ขาดจิตสำนึกที่ดีต่อสังคม ไปเลยแน่นอน

มาถึงจุดนี้แล้ว ผมยังคงมั่นใจอยู่อย่างเปี่ยมล้น ว่าผมไม่ได้ผิดอะไรที่ยังรู้สึกเฉยๆกับเรื่องของน้องเคอิโงะ ...กระทั่งว่าเวลานี้ จะพยายามกระทบกระทั่งให้มันเป็นข่าวใหญ่ ในทุกวิถีทาง ผมก็ไม่โอนเอนที่จะเข้าใจในเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง แต่ก็พอใจจะแสดงตัวว่า ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ดีใจ ที่น้องจะได้เจอกับพ่อในเร็ววัน

เพียงแต่เมื่อถึงวันที่พ่อของน้องเคอิโงะ ได้มาเมืองไทย เมื่อไหร่ ...เมื่อนั้น ผมก็อยากจะสวด(ใช้คำว่า “แช่ง” เลยดีกว่ามั้ง??) ภาวนาให้สื่อเลิกติดตาม เลิกให้ความสนใจ และเลิกพยายามทำให้คนไทยใส่ใจในเรื่องนี้ เหมือนมันเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตของเขา

เพราะแค่เอาที่เป็นอยู่ในวันนี้ ที่ได้ดูเรียลลิตี้ ตามติดชีวิตเด็กอยากเจอพ่อ ...ผมก็เอียนเหลือทน ซะจนอยากจะอ้วกน้ำเน่าที่กำลังล้นกระเพาะออกมาเป็นตันๆได้แล้ว





และที่สำคัญ ยิ่งไปกว่าสิ่งใดๆ ...ถ้าสื่อยังรักจะให้ความสนใจในประเด็นลูกกำพร้า ออกตามหาพ่อแม่ ...ก็ขอให้สื่อช่วยตามล่า เด็กกำพร้า ทั่วประเทศ อันมีเรือนหมื่นเรือนแสน แล้วออกท่อง ซักไซ้ ค้นประวัติ เพื่อตามหาพ่อแม่ให้เขาไปเลย ..ไม่ใช่แค่ให้เด็กออกมาประกาศตัว ร้องปาวๆ แล้วถึงจะให้ความสนใจ อย่างเช่นกรณีนี้

ขออย่าให้นิสัยสอดรู้สอดเห็นอันจัญไรอย่างนี้ ทำได้แค่ไหลตามน้ำไปเรื่อย ..ต้องรอให้มีคนช่วยสะกิด ถึงจะคิดอะไรดีๆออกอีกเลย

เพราะไม่ใช่แค่มันจะดูเห็นว่าสื่อประเทศไทยเรา มันเหลาะแหละ เหลือเกิน ...หากจะยิ่งน่ากลัวมากๆ ถ้าต่างประเทศมาค่อนขอดว่าเราก็แค่ ไอ้หื่นกามบ้าบอที่ชอบติดกล้องแอบถ่ายคนอื่นไปวันๆ โดยไม่สนใจไยดีอะไร ต้องรอให้มีคนป่าวประกาศว่าโดนถ่าย ถึงจะไหวตัว แล้วรับรู้

ซึ่งมันจะไม่เหมือนกับเขา ที่ไม่ต้องแอบถ่ายอะไรด้วยซ้ำ ก็ยังจะรู้ลึก เจาะถึงประวัติทั้งหมดของคนๆนั้นด้วยตัวเองอีกต่างหาก ...เพียงแต่กระนั้น เขาก็คงคิดว่าตัวเองแน่กว่าหลายขั้น ที่กลับเลือกจะไม่นำเสนอเรื่องเล็กๆพรรค์นี้ให้ใหญ่โต ลุกลาม หากจะทำได้ดีที่สุด ก็แค่เก็บความลับเงียบๆ รู้เพียงกับตัวเอง ก็เท่านั้น

เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจ ที่คนในประเทศของเขา จะไม่รู้เรื่องราวอะไรว่ากำลังมี ...เด็กที่มีเชื้อชาติของเขาอยู่ครึ่งหนึ่งคนหนึ่ง เรียกร้องออกตามหาพ่อ ผ่านสื่อในประเทศที่เชื้ออีกครึ่งอยู่ในตัวของเขา

เพราะสื่อ ของเขา ย่อมเข้าใจ ..ว่ามันก็เป็นเพียงแค่เรื่องส่วนตัว เรื่องหนึ่ง ที่ต้องเป็นอะไร ที่ไม่สำคัญ หรือไม่น่าจดจำ จนต้องให้มันเป็นปรากฏการณ์ระดับประเทศของเขาได้

ซึ่งด้วยเหตุและผล เช่นนี้ ..จึงควรจดและจำไว้ ว่า อย่าให้ประเทศไหนมาสั่งสอนเรา ให้เห็นถึงความสูง-ต่ำ ที่ต่างกันระหว่างเรากับเขา

แล้วก็อีกด้วยประการไม่สำคัญที่กลายมาเป็นบทเรียนฉะนี้ ...ให้นับแต่นี้ต่อไป เมื่อมีอะไรที่ไม่ใช่ความเป็นความตายของคนส่วนมาก ก็ขอควรให้สู้เก็บเอาไว้จำในกลุ่มเล็กๆ ไม่กี่คน ...ยังจะดีกว่าบอกต่อกันไปหลายๆคน มาช่วยแบ่งเบา ให้เห็นสำคัญ จนสุดท้าย ในชั่วเวลาที่ไม่ยาวนาน ก็ไม่มีใครจำอะไรได้แล้ว

จงอย่าลืมล่ะว่า “คนไทย ลืมง่าย” มันคือ สโลแกนติดตัวเรา มาแต่ไหนแต่ไรนะครับ








ผมยินดีเสมอในมิตรภาพของทุกท่าน และบล็อคของผมก็ต้อนรับเสมอในความน่ารักของทุกคน
ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ



Create Date : 26 พฤษภาคม 2552
Last Update : 26 พฤษภาคม 2552 0:32:58 น. 11 comments
Counter : 2387 Pageviews.

 
เอ็งบอกว่าน้องเค้าน้ำเน่า กรูว่าสมองเอ็ง มีแต่น้ำว่าวอ่ะ เหอๆๆ กรูคนตรงอ่ะ กรูขออวยพรให้ชาติหน้าเอ็ง เป็นลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่นะ เอ็งจะได้เข้าใจ ว่าอะไรคือน้ำเน่า อะไรคือน้ำใจ ..ตัวกินไก่เอ้ยยยยยยยยย 5 5 5


โดย: Guest IP: 192.168.10.108, 58.8.154.153 วันที่: 26 พฤษภาคม 2552 เวลา:1:45:08 น.  

 
เราก็คิดแบบนี้นะ แต่อ่านไม่หมดอะ ซอรี่ เมื่อยลูกกะตา

แต่โค้ดดด จะเบื่อเลย เบื่อสื่อ เบื่อหน่วยงานที่เสนอหน้า คือมันก็ดีอะนะ แต่รู้สึกแหยงๆ พิกล

แต่เราว่าพักหลังๆ มานี่ เคอิโงะ ประดิษฐ์คำพูดไปหน่อยปะ .. พูดเหมือนสคริปเลย ถ้าไม่ดูละครมากไปก็คงมีสคริปให้อ่านหลังกล้องมั้ง ดูน้ำเน่าจริง ..

เจอพ่อไวไวละกันน้อง .. จะได้ให้ตุ๊กตาซักที


โดย: ปอปลานั้นหายาก IP: 203.144.180.65 วันที่: 26 พฤษภาคม 2552 เวลา:2:34:22 น.  

 
เป็นอีกมุมมองที่น่าสนใจนะคะ เรื่องไม่ใช่เรื่อง ทำให้เป็นเรื่อง ที่จริง ข่าวนี้ น่าจะจุดประกายให้เปิดศูนย์ตามหาพ่อแม่ให้เด็กกำพร้าก็ดีเหมือนกันนะ สำหรับคุณที่พูดไม่สุภาพ อย่าไปใส่ใจเลยค่ะ คนที่ไม่นับถือคนอื่น เขาก็ไม่สามารถนับถือตัวเองได้เหมือนกัน เราไม่ชอบเลย พวกตอบกระทู้ใช้คำไม่สุภาพนี่

แวะไปเที่ยวบล๊อกเราได้นะคะ

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=thyda


โดย: ธิดา (reddywein ) วันที่: 26 พฤษภาคม 2552 เวลา:8:16:03 น.  

 
ตามมาอ่านเวอร์ชั่นเต็มครับ


โดย: หมื่นทิพ (เทพบุตรตบะแตก!! ) วันที่: 26 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:01:54 น.  

 
"ที่จากเคยเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง ที่เพิ่งกำพร้าแม่ไปไม่นาน แล้วก็ยังรับปากตกคำกับแม่ว่าจะออกตามหาพ่อของเขา ด้วยตัวของเขาเอง ...ในช่วงเวลาแค่ไม่กี่ข้ามคืนต่อมา จะได้กลายมาเป็นคนของสื่อ"

มันไม่ใช่นะครับ
แม่เด็กเสียชีวิตไปสองปีแล้ว
ตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมา
เด็กได้พยายามตามหาพ่อด้วยการ
วิ่งเข้่าไปถามนักท่องเที่ยวว่า เคยเห็นหน้าพ่อ
ของเขาไหม

นี่แหละเรื่องที่จุดประกายความสนใจ

ข่าวทุกข่าว อยู่ในสื่อ สื่อที่คุณเลือกเสพเลือกรับรู้ได้
ข่าวหลายข่าว ที่ลงข่าวกันทุกวัน แต่คุณไม่ได้อ่าน
ก็มีครับ เพราะคุณเลือกที่จะไม่รับรู้

วันนี้ คุณแค่หมั่นไส้ ข่าวนี้เท่านั้นเอง

แต่คุณไม่คิดหรือครับ ว่า ข่าวนี้ได้ให้ความหวังกับเด็ก
ผู้พลัดพรากจากผู้ให้กำเนิด ได้ออกมาลองตามหาดูบ้าง
มันได้สร้างให้คนที่ท้อถอย ได้ออกมาต่อสู้ชีวิต หลังจากเห็น
เด็กตัวเล็กๆพยายาม จนได้รับกำลังใจอันท่วมท้น

ผมว่า ถ้าเรามองอะไรอย่างบวก เราจะเห็นสิ่งบวก
แต่ถ้าจะมองหาสิ่งลบ เราก็จะเห็นแต่สิ่งลบนะครับ


โดย: Niceink IP: 10.6.10.144, 61.91.199.11 วันที่: 26 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:26:54 น.  

 
+ อืม .... พี่เสพข่าวนี้อยู่ไกลๆ นะครับ ดูแค่ชั่วแว่บ ก็เลยไม่ได้อินอะไรไปด้วยมากมาย

+ 2 ประเด็นใหญ่ (ที่ไม่ได้เกี่ยวกับตัวน้องเคอิโงะ) ที่มีปัญหาอยู่ในทุกวันนี้ก็คือ
1. สังคมไทย - ที่ชอบอะไรแนวดราม่า ดูมีพล็อต เป็นเรียลลิตี้ มีฉากกระชากน้ำตา ... แล้วก็ชอบบูชาคนรวย เฮโลไปตามคนดัง มันก็เลยมีสภาพอย่างที่เห็น

2. สื่อมวลชนไทย - อะไรที่ดูจะขายเป็นประเด็นได้ ก็เล่นซะจนผู้คนเอียนไปตามๆ กัน จนแม้กระทั่งการ "รุกล้ำสิทธิส่วนนบุคคล - ของตัวคนที่เป็นข่าวเอง" เค้าก็ไม่เคยคำนึงถึง

... สิ่งที่น่ากลัวก็คือ หลังจากนี้อาจมีประเด็นทำนองนี้ตามมาอีกเป็นพรวน ข้อดีก็คือทำให้ครอบครัวที่พลัดพรากได้พบกัน แต่ถ้าจะจัดการอย่างเป็นระบบ ไม่ให้สื่อเอามาเล่นเป็นพื้นที่ข่าวได้อีกต่อไป ก็อาจจัดตั้งเป็นศูนย์ฯ อย่างที่คุณธิดา ว่าไว้ ก็ดูเหมือนจะเป็นความคิดที่ดีทีเดียวนะครับ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:15:20:17 น.  

 
เห็นด้วยกับเจ้าของ blog นะคะ มันอะไรกันนักกันหนากับเด็กฟันกระต่ายคนนึง ส่วนตัวคิดว่า พ่อของเขาคงจำเป็นต้องมาคุยกับเด็กในวันนั้นมากกว่า คงไม่ได้เต็มใจหรอก ดูจากการทอดทิ้งไปโดยไม่ส่งข่าวมาตั้งนาน แล้วแม่เด็กก็ไม่น่าจะให้จดจำนักหรอก เป็นอะไรตายก็น่าจะรู้ๆ กันอยู่ ผู้ชายก็คงไม่ได้คิดจริงจังอะไรด้วยหรอก แล้วท่าทางพ่อเด็กตอนมีน้องฟันกระต่ายก็คงจะไม่มีวุฒิภาวะอะไรมากมาย พอผู้หญิงท้องก็เลยจำใจแต่ง พอได้กลับญี่ปุ่นก็เปิดแน่บเลย แล้วเขาคงไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะเป็นเรื่องได้ขนาดนี้ ติดตามตอนต่อไป


โดย: เบื่อฟันกระต่าย IP: 124.122.4.120 วันที่: 28 พฤษภาคม 2552 เวลา:0:29:02 น.  

 
แล้วตอนนี้สื่อก็กำลังสนุกอยู่กับหนังรางวัลนักเรียนเมืองคานส์เรื่องนั้น...


โดย: Seam - C IP: 58.9.235.62 วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:0:38:06 น.  

 
เค้าว่าที่พ่อของเคอิโงะกลับมาคงไม่ใช่เพราะความเต็มใจหรอก พอเมียบอกว่ารับได้ก็ถึงจะโผล่หัวออกมา เพราะเค้าก็มีครอบครัวอยู่แล้ว แต่ที่เค้าต้องกลับมาเพราะทางไทยได้ขอความช่วยเหลือจากญี่ปุ่นให้ตามหาพ่อให้เคอิโงะ เมื่อเรื่องมันดังขึ้นแรงขึ้นถ้าพ่อของเคอิโงะไม่ออกมาเปิดตัวคิดซิอะไรจะเกิดขึ้นกับเขา ถ้าเค้ายอมรับจิงเค้าคงจะออกมาเปิดตัวตั้งแต่แรกที่ทางประเทศไทยบอกว่าเจอตัวพ่อของเด็กแล้ว แต่พ่อของเด็กก็ยังทำตัวไร้วี่แววไม่มีทีท่าว่าจะออกมาแสดงตัวเลย หรือพ่อของเคอิโงะคงจะกลัวเมียว่าเลยไม่กล้าออกมาแสดงตัว แต่ด้วยกลัวเมียหรือจะสู่กลัวสถานฑูตญี่ปุ่นที่ทำหน้าที่ตามหาพ่อให้เด็กเคอิโงะอย่างเต็มที่ พ่อของเด็กเคอิโงะจึงหนีไม่รอดต้องยอมมอบตัวและรับเด็กเคอิโงะเป็นลูกด้วยความเต็มใจกึ่งโดนบังคับ เราก็ขอส่งกำลังใจให้เคอิโงะอย่ากลับไปญี่ปุ่นกับพ่อเลยเพราะถ้าไปเจอแม่ใหม่ปากบอกว่ารับได้แต่แม่ไหนเล่าจะรักลูกคนอื่นมากกว่าลูกตัวเองและยิ่งเป็นลูกเมียเก่าหรือลูกชู้ด้วย ไม่มีทางอย่าไปเลยเคอิโงะ


โดย: oa IP: 124.121.208.228 วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:19:05:07 น.  

 
เห็นด้วยกับเจ้าของบล็อคนะ แต่....รวบรัดเนื้อหาข้อความนี้หน่อยก็จะดี น้ำเยอะไปอะ อ่านแล้วน่าเบื่อ


โดย: สืออะ...มากไป IP: 192.168.50.82, 125.27.34.161 วันที่: 14 ตุลาคม 2552 เวลา:11:11:33 น.  

 


โดย: คนเดินดิน (หน้าใหม่อยากกรอบ ) วันที่: 9 สิงหาคม 2554 เวลา:15:35:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

OncE UPoN'-'a MaN
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์

คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี
พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ
พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา
พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!)

ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว

ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก

ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ

once_upon.a.man@hotmail.com


My @ http://twitter.com/once_upon_a_man

ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่าน

ผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย

ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน

ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ

OncE UPoN'-'a MaN on Facebook
Blog ใหม่ล่าสด..สด
"VieTrio & Friends" ... เพื่อนร้อง พี่น้องเล่น เป็นเพลงเพราะเสนาะหู
"Lady Antebellum : Need You Now" ... ลูกทุ่งแบบมะกัน แต่สีสันระดับโลก
"The Social Network" ... วันนี้ คุณรู้จัก Facebook ดีพอแล้วหรือยัง?
"Harry Potter and the Deathly Hallows : Part I" ... ฉันต้องเปิด เพื่อจะปิด!
"Scrubb : Kid" ... คำตอบของเพลงอินดี้ที่ฟังง่าย อยู่ในอัลบั้มนี้แล้ว
"Due Date" ... รวมกันเราต้องอยู่ (กรุณา)อย่าทิ้งตูเป็นอันขาด!!?
"B.o.B. Presents: The Adventures of Bobby Ray" ... อาจเป็นฮิปฮอปหน้าใหม่ แต่ไม่ขอยึดติดความฮิป
"RED" ... โตอย่างสมวัย แก่อย่างมีคุณภาพ และจงระห่ำอย่างไม่เหลืออะไรจะเสีย!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... (หนังสั้น)แบบตัวเต็ม ที่ไม่มีอะไรมากมาย แต่ก็ยังมีความจริงใจ!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... กับตัวอย่างน้ำจิ้ม ของหนังสั้นที่คงจะมีอะไรๆอยู่ในนั้น
"อินทรีแดง" ... สมศักดิ์ศรีที่ได้กลับมา ..วีรบุรุษที่หนังไทยต้องการ!
"ชั่วฟ้าดินสลาย" ... เมื่อคำ “รัก” มีค่าเท่าคำว่า “ร้าย” คงทำลายคนทั้งหลายให้วายวอด
"Resident Evil : Afterlife" ... สงครามยังไม่จบ ยังต้องนับศพซอมบี้จนเบื่อกันไปข้าง!!
"Lula : Twist" ... เพลงฟังชวนเพลิน จากคนเพลินๆ ที่ชื่อ 'ลุลา'
"Piranha 3D" ... กัดกระจุย เลือดกระจาย สามมิติกระเจิง!!!
"CHARICE" ... เพชรน้ำงามเม็ดเล็กแห่ง ‘เอเชีย’ ที่คู่ควรกับการเจียระไนโดย ‘อเมริกา’
"กวน มึน โฮ" ... ความรัก อาจแพ้บ้างอะไรบ้าง แต่ ความ ‘เห็นแก่ตัว’ เอาชนะได้ทุกสิ่ง!
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
26 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add OncE UPoN'-'a MaN's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.