ขอต้อนรับสู่โลกของนิยายยูริ เรื่องจากประสบการณ์ และทำนายดวงชะตา โดย นิ้วนาง-เดียนา-ลำดวนพยากรณ์
 
กุมภาพันธ์ 2565
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
14 กุมภาพันธ์ 2565
 
 

My Valentine’s Days

My Valentine’ s Days

เรื่องนี้ เขียนเมื่อ 29 Jan 2010

 

ฉันนั่งมองเหม่อออกหน้าต่างกลมๆ ของเครื่องบินที่กำลังมุ่งสู่ประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิด หลังใช้เวลาเรียนสี่ปีระดับปริญญาตรีที่สหรัฐอเมริกา ถอนใจเบาๆ ด้วยไม่แน่ใจว่าการกลับไปครั้งนี้จะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือเปล่า เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันได้รับจดหมายจากมิโดริส่งมาพร้อมกับ ‘การ์ดแต่งงานของไม’ ระบุวันเวลาสถานที่ประกอบพิธิไว้ชัดเจน จดหมายนั้นกำชับให้ต้องกลับไปร่วมงานให้ได้ ใช้เวลาคิดอยู่สองวันจึงซื้อตั๋วเครื่องบิน จุดหมายของการเดินทางคือฟูกะ เมืองที่มีอดีตอันแสนหวานและขมขื่น น้ำตาที่เคยเหือดแห้งไปนานได้เริ่มคลอเบ้าสวยอีกครั้ง สี่ปีดูเหมือนจะไม่นานพอที่จะทำให้ฉันลืมเธอเลยจริงๆ ชิซึรุ’ ข่มตาให้หลับลงอีกครั้งอย่างยากลำบาก

--x--

6 ปีก่อน ที่โรงเรียนมัธยมฟูกะ นัตสึกิเรียนชั้นมัธยมปีที่ 4

“นี่นัตสึกิ วันวาเลนไทน์ปีนี้จะให้อะไรคุณฟูจิโนะล่ะ?” เพื่อนคนหัวสีส้มถามขึ้นขณะนั่งกินอาหารกลางวันร่วมกันใต้ต้นไม้ “เธอควรจะดีกับคุณฟูจิโนะมากๆ นะ ปีนี้เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว อีกไม่ถึงสองเดือนคุณฟูจิโนะก็จะเรียนจบจากที่นี่ไปเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ถ้าจะทำอะไรก็รีบๆ ทำนะ เดี๋ยวจะหาว่าฉันไม่เตือน” ไมพูดขึ้นราวกับเป็นแม่ของเพื่อน

 

“ไม่รู้ซิ ฉันไม่เคยคิดเรื่องนี้ ฉันกับชิซึรุเป็นแค่เพื่อนกันก็เท่านั้น” คนผมสีครามตอบด้วยสีหน้านิ่งเฉยหลังจากเคี้ยวข้าวหมดคำ

 

“มัวแต่อืดอาดอยู่ได้ ระวังจะโดนคนอื่นคาบไปรับประทานก่อนล่ะ” นาโอะในชุดมัธยมต้นที่ยืนอยู่ด้านหลังพูดด้วยน้ำเสียงกวนๆ “ฉันได้ยินว่าฟูจิโนะจะย้ายไปเข้าที่ ม.เกียวโต” เธอยืนพิงต้นไม้กรีดนิ้วมือดูเล็บโดยไม่สนใจคนฟังสักนิด

 

“เกียวโต?” คนผมสีครามทวนด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก เธอไม่รู้เลยว่าชิซึรุจะไปเรียนต่อที่ไหน แม้จะแชร์ห้องพักกันที่หอของโรงเรียน หลังจากที่อพาร์ทเมนท์ของเธอถูกถล่มเมื่อสองเดือนก่อน แต่ดูเหมือนความสัมพันธ์หลังจากเสร็จศึกกับพวกเขต 1 ไม่ได้ทำให้สองคนคุยกันมากนัก ต่างคนต่างอยู่ในห้องนอนของตัวเอง จะเจอกันจริงๆ ก็แค่สวนกันที่ห้องรับแขก สี่วันแล้วที่ไม่ได้คุยกันเลยสักคำ

 

“เฮ้! อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้เรื่องนี้เลย?” ไมขมวดคิ้วที่เห็นปฏิกิริยาของเพื่อน “นี่นัตสึกิ ฉันถามจริงๆ เถอะ เธอน่ะชอบคุณชิซึรุหรือเปล่า?” น้ำเสียงจริงจังเอาเรื่อง “ฉันว่าเธอควรจะคิดทบทวนความรู้สึกตัวเองจริงๆ สักที ก่อนที่จะสายเกินไปนะนัตสึกิ” ไมเตือนด้วยความเป็นห่วง เธอรู้ว่าเพื่อนคนนี้เป็นพวกความรู้สึกช้า ช้ามากถึงมากที่สุด

--x--

13 ก.พ. 6 ปีก่อน เธอใช้ความกล้าทั้งหมดชวนชิซึรุออกไปเที่ยวด้วยในวันพรุ่งนี้ คนตาสีแดงยิ้มหวานกว้างรับปากหลังจากทำหน้างงๆ กับคำชวนเดทที่นึกไม่ถึงนั้น นัตสึกิหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอายผิดบุคลิกของไอซ์ปริ้นท์เซสเป็นที่สุด คืนนั้นเธอตื่นเต้นมาก นอนไม่หลับด้วยไม่รู้ว่าจะวางตัวอย่างไงดี ทั้งที่เธอเองก็รู้จักกับชิซึรุมาตั้งหลายปี สิ่งที่ทำให้เธอกังวลที่สุดก็คือ เธอไม่เคยรู้ว่าการเดทนั้นต้องทำอะไรบ้าง อาศัยที่นั่งฟังคนโน่นทีคนนี้ทีก็เอามาปะติดปะต่อกัน ส่วนใหญ่เป็นคำบอกเล่าของนาโอะกับชิอิที่ดูจะเป็นสเปเชี่ยลลิสต์ในเรื่องความรักที่เข้าท่าที่สุดของโรงเรียนมาทำหน้าที่ติวให้เมื่อสามวันก่อน

 

14 ก.พ. 6 ปีก่อน เดทครั้งแรกของเจ้าหญิงน้ำแข็ง เธอในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้ากางเกงยีนส์สีดำเข้ารูปพร้อมแจ๊คเก็ตหนังสีดำ ชิซึรุในชุดเสื้อยืดเข้ารูปสีชมพูอ่อนกางเกงผ้าสีน้ำเงินเข้ม รวบผมขึ้นเป็นมวย แต่งหน้าบางๆ เพิ่มเสน่ห์เข้าไปอีก นัตสึกิค่อนข้างจะประหม่าและซุ่มซ่ามกว่าที่เคยเป็น เธอตื่นเต้นกับนัดครั้งนี้ มีหลายครั้งที่ทำอะไรเปิ่นๆ ออกมา แต่ดูเหมือนวันนี้ประธานสาวจะไม่กลั่นแกล้งเธอมากเหมือนปกติ แต่จะแค่ยิ้มเล็กน้อยหรือทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จุดแรกที่แวะเพื่อรับประทานอาหารเช้ารองท้องก่อนจะเข้าไปยังสวนสนุกใหญ่ที่สุดของฟูกะ วันนี้เป็นวาเลนไทน์ทำให้มีคู่รักแวะมาเที่ยวเป็นจำนวนมาก

 

เครื่องเล่นชิ้นแรกของการเดทคือรถไฟเหาะ คนตาสีแดงกลืนน้ำลายเอื๊อกที่รู้ว่าจะต้องขึ้นไปนั่งบนสิ่งนั้น นัตสึกิชำเลืองมองคู่เดทที่ทำหน้าแปลกๆ เดินนำลิ่วขึ้นไปนั่งหน้าสุด ชิซึรุจำใจต้องนั่งคู่ด้วย เธอหลับตาปี้เกือบตลอดที่นั่งอยู่บนรถไฟเหาะที่แล่นเร็วเสียจนกลัวว่าจะวิ่งออกนอกราง เธอส่งเสียงร้องกรี๊ดลั่นไม่น้อยหน้าสาวๆ ส่วนใหญ่ที่นั่งแถวหลัง นัตสึกิหัวเราะกว้างยิ้มเยาะที่เห็นอีกฝ่ายหน้าซีดและขอนั่งพักหลังจากลงบันไดมาด้วยขาแข้งสั่น เครื่องเล่นนั่นเป็นไม่กี่อย่างที่ชิซึรุไม่ชอบเอามากๆ

 

แต่นัตสึกิต้องหน้าซีดมากกว่าเมื่อได้ยินอีกฝ่ายชวนให้เข้าไปในบ้านผีสิง ไม่กล้าปฏิเสธหลังจากถูกชิซึรุท้าทายเชิงสบประมาท ศักดิ์ศรีกินไม่ได้แต่มันเท่ห์ จำใจรับปากแล้วเดินนำเข้าไปในคฤหาสน์ผีนั้นประหนึ่งว่าไม่เกรงกลัวอะไรเลยในโลก เพียงแค่ไม่กี่ก้าว หน้าเธอขาวแทบเป็นกระดาษเมื่อได้ยินเสียงหมาเห่าหอนเป็นระยะ ประกอบกับบรรยากาศที่มืดสนิทชวนให้วังเวงเสียเหลือเกิน แขนของคนตาสีเขียวถูกคนตาสีแดงเกาะไว้แน่น ตัวสั่นสะท้านมือเย็นเฉียบ เดินตัวลีบสายตาสอดส่ายมองไปทั้งซ้ายขวาอย่างหวาดระแวง มีผีหล่นลงมาจากเพดานทำเอาสะดุ้งเฮือก กลั้นใจเดินไปได้อีกหน่อยก็มีเงาโผล่จากด้านหลังทำเอาทั้งคู่ถอยหลังกรูด ทันใดนั้นฝาโลงที่ตั้งอยู่ไม่ไกลดีดเปิดผัวะขึ้นมากระแทกผนังเสียงดังสนั่น แวมไพร์หน้าตาน่ากลัวที่นอนอยู่ในโลงนั้นลุกขึ้นนั่งหันมามองทางสองสาวพร้อมยิ้มแสยะ ทำเอานัตสึกิขวัญหนีดีฟ่อดึงแขนชิซึรุวิ่งออกประตูอย่างรวดเร็ว

 

ทั้งคู่ยืนหายใจหอบอยู่นอกทางออกของบ้านผี ชิซึรุหัวเราะกว้างตัวงอที่ได้รู้ความลับของไอซ์ปริ้นท์เซสที่แสนจะเย็นชาว่ากลัวผีอย่างที่สุด คนผมสีครามหน้าแดงก่ำด้วยความอายที่หลุดแสดงความอ่อนแอออกมาต่อหน้าเพื่อน หันหลังจะเดินหนี ทำเอาคนตาสีแดงต้องรีบตามง้อด้วยการเลี้ยงไอติมโคนปลอบใจทำให้สงบศึกไปได้ชั่วคราว หลังทานมื้อกลางวันเสร็จก็ดำเนินการเดทต่อ

 

ทั้งสองสนุกสนานกับเครื่องเล่นอีกหลายชนิด ขณะเดินผ่านโซนตู้เกมส์ที่มีหลากหลายแบบ เธอยิ้มกว้างเมื่อเห็นเกมส์ถนัดของตัวเองเกมส์ยิงเป้า นัตสึกิถามคนตาสีแดงว่าอยากได้อะไรเป็นรางวัล ชิซึรุชี้ไปที่ตุ๊กตาสุนัขสีฟ้าเข้มที่ตั้งอยู่บนชั้นด้านหลังติดป้ายว่าเป็นของรางวัล เธอจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ ก่อนจะหยิบปืนขึ้นมาแล้วเล็งไปยังเป้าอย่างรวดเร็วด้วยความชำนาญไม่พลาดแม้แต่นัดเดียว และได้รางวัลเป็นตุ๊กตานั้นสมใจ ยื่นให้กับคนตาสีแดงที่รับไว้ด้วยความยินดียิ้มหวานพร้อมกล่าวขอบคุณ

 

สองสาวเลือกที่จะเล่นชิงช้าสวรรค์ที่สูงเด่นเป็นสง่ากลางสวนสนุกเป็นรายการสุดท้าย เครื่องเล่นที่แสนจะโรแมนติคในความคิดของชิอิ ตะวันที่คล้อยต่ำลงจนเกือบจะลับขอบฟ้าในอีกไม่นาน ทำให้อากาศเริ่มเย็นมากขึ้น แสงสีทองฉายไปทั่วบริเวณเป็นวิวที่สวยมาก “หนาวหรือเปล่าชิซึรุ?” นัตสึกิถามขึ้น สังเกตเห็นคนนั่งตรงข้ามเริ่มตัวสั่น ถอดแจ๊คเกตออกแล้วลุกไปใกล้เพื่อคลุมเสื้อบนไหล่ของอีกฝ่าย ชิซึรุดึงแขนไว้พยักหน้าให้นั่งลงข้างๆ คนผมสีครามนั่งตัวลีบเพราะเก้าอี้บนกระเช้านั่นไม่กว้างมากนัก

 

ชิซึรุเอียงคอซบไปที่ไหล่ของนัตสึกิ “วันนี้เป็นวันที่ฉันมีความสุขมากจริงๆ ขอบคุณมากนะนัตสึกิ”

 

“ฉัน- ฉันก็เหมือนกัน” เสียงแหบห้าวของอีกฝ่ายตอบ หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะด้วยไม่ชินกับการใกล้ชิดแบบนี้กับใครมาก่อน ไม่ซิเธอจะตื่นเต้นทุกครั้งที่ใกล้ชิดกับเดอะฟูจิโนะ ซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร

 

หลังจากเงียบไปนานนับนาที “ถ้าฉันจะขออะไรอีกสักอย่างจะได้ไหม นัตสึกิ?” ชิซึรุถามขึ้นเอียงคอมองคนที่นั่งใกล้ๆ ที่พยักหน้ารับคำ “งั้นนัตสึกิหลับตาก่อน” คนผมสีครามก็หลับตาอย่างว่าง่าย เธอโน้มหน้าเข้าไปจูบที่แก้มนิ่มๆ ของคนผมสีคราม ทั้งที่ใจจริงอยากจะประทับจูบไปที่ริมฝีปากบางมากกว่า ถอยห่างออกมาเล็กน้อยทำให้ใบหน้าทั้งคู่ห่างกันไม่มากนัก

 

นัตสึกิลืมตามองจ้องเข้าไปยังใบหน้าสวยหวานอย่างสงสัย อ้าปากจะพูดแต่ไม่มีเสียงใดๆ หลุดออกมา เธอไม่มั่นใจว่าจะพูดอะไรดี “ชิ- ชิซึรุ” เสียงแหบห้าวได้แต่เรียกชื่อคนข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบา ใบหน้าแดงเข้ม ยกมือขึ้นลูบแก้มที่พึ่งถูกประทับรอย เธอคิดอะไรไม่ออกทำอะไรไม่ถูก เลือดสูบฉีดแรงไปทั่วร่าง รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วตัวทั้งที่อากาศก็ออกจะเย็นกว่าปกติ

 

“ฉันอยากจะบอกเธออีกครั้งว่า ฉันรักเธอ นัตสึกิ” เสียงหวานๆ พูดความในใจ เธอเคยพูดแบบนี้ก่อนที่จะไปถล่มเขต 1 เมื่อหลายเดือนก่อน “ถ้าฉัน- ฉันจะขอให้เธอคบกับฉันในฐานะแฟนจะได้ไหม นัตสึกิ?” ถามต่อด้วยน้ำเสียงจริงใจแววตาจริงจังไม่มีการล้อเล่นสักนิด เธอนิ่งเงียบรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ วันนี้เป็นโอกาสทองที่หาได้ยากและอาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายของเธอ

 

“เอ่อ ฉัน-” พูดไม่ออกรู้สึกเหมือนกับมีอะไรจุกที่ลำคอ สามสิบวินาทีก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย ใบหน้ายิ่งแดงเข้ม จริงๆ นี่ก็เป็นคำถามที่เธอเองตั้งใจจะถามชิซึรุวันนี้เหมือนกัน ตามโพยที่นาโอะกับชิอิติวมาเมื่อสองวันก่อน แต่เธอไม่มีความกล้าที่จะเอ่ยปากสักนิด ยอมรับว่าไม่สบายใจนักที่รู้ว่าชิซึรุต้องย้ายไปเกียวโต ใจหายแว๊บทุกทีเมื่อคิดว่าจะไม่ได้เห็นหน้าสวยของคนตาสีแดง ไม่ได้ยินเสียงที่เพราะพริ้งของอีกฝ่าย เหมือนบางอย่างที่สำคัญในชีวิตกำลังจะหายไป เธอเป็นคนสำคัญของฉัน ชิซึรุ

 

“โอกินิ นัตสึกิ” สำเนียงเกียวโตกล่าวขอบคุณพร้อมกับหอมแก้มสีแดงนั้นเบาๆ อีกครั้ง “วาเลนไทน์ปีนี้เป็นวาเลนไทน์ที่ดีที่สุดของฉันเลย” ชิซึรุฉีกยิ้มกว้าง ทั้งคู่นั่งชื่นชมทัศนียภาพที่แสนสวยของเมืองอย่างมีความสุข วันเริ่มต้นความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการในฐานะแฟนหรือคนรัก

--x—

นัตสึกินั่งเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง เมื่อนึกถึงจุดเริ่มต้นที่เกิดขึ้นหกปีก่อน แม้จะผ่านมานานแต่กลับจำได้อย่างแม่นยำทุกรายละเอียดราวกับเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ถอนใจอีกเฮือกมองนาฬิกาข้อมือ เครื่องบินออกจากสนามบินนิวยอร์กแค่ชั่วโมงเศษ เหลืออีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงญี่ปุ่น หลับตาลงหวังว่าจะทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น ช่างเป็นคืนนี้คงยาวนานเสียจริงๆ’

--x—

ขณะที่นัตสึกิเรียนมัธยมศึกษาปีที่ห้า ชิซึรุ ฟูจิโนะเข้าเรียนคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกียวโตตามความต้องการของพ่อแม่ ทั้งคู่ยังคงติดต่อไปมาหาสู่กันทุกอาทิตย์นับตั้งแต่คนตาสีแดงย้ายออกจากหอพักของโรงเรียนฟูกะ แม้จะคบกันในฐานะของคนรักมาหลายเดือน นัตสึกิยังคงไม่ชินกับสัมผัสของอีกฝ่าย รวมถึงไม่กล้าจะบอกสามคำนั้นให้กับแฟนสาวได้รับรู้แต่อย่างไร และชิซึรุก็ช่างเป็นคนที่มีความอดทนกับคนผมสีครามมากเหลือเกิน “ฉันจะรอจนกว่านัตสึกิจะยอมรับในตัวฉันได้จริงๆ ฉันไม่อยากให้นัตสึกิทำอะไรที่ฝืนใจตัวเอง” คนตาสีแดงพูดยิ้มๆ ทำเอาคนฟังอึ้งตื้นตันใจจนพูดไม่ออก ซาบซึ้งในความรักที่อีกฝ่ายมีให้อย่างเต็มเปี่ยม ตลอดเวลาชิซึรุควบคุมตัวเองอย่างมาก แสดงความรักโดยที่ไม่ทำอะไรเกินกว่าการกอด และจูบเบาๆ เวลาที่อยู่ด้วยกันลำพัง เป็นความสัมพันธ์ที่ก้าวหน้าเชื่องช้าสุดๆ

 

14 ก.พ. 5 ปีก่อน ชิซึรุชวนให้นัตสึกิไปเที่ยวเกียวโต โดยเลือกจะไปโบราณสถานที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักดีของนักท่องเที่ยว คนตาสีแดงใช้กล้องดิจิตอลถ่ายรูปที่โพสต์ท่าเท่ห์ๆ ของนัตสึกิได้เกือบร้อยภาพ บันทึกรูปคู่เก็บไว้อีกกว่าห้าสิบภาพ มื้อกลางวันเธอชวนให้คนผมสีครามชิมอาหารประจำถิ่นชื่อดังที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งอร่อยถูกใจนัตสึกิไม่น้อย หลังจากรับประทานอิ่มแล้วชิซึรุชวนให้ไปสถานที่แห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองนัก

 

“นัตสึกิเข้าไปไหว้พระที่นั่นกันนะ” ชิซึรุชี้ไปยังศาลเจ้าที่อยู่ขวามือมีรูปปั้นผู้รักษาประตูหน้าดุสูงร่วมสองเมตรยืนอยู่ตรงทางเข้า

 

“มีอะไรน่าสนใจงั้นเหรอ?” คนผมสีครามถามด้วยความสงสัย ไม่เคยเห็นแฟนสาวชวนเข้าสถานที่แบบนี้มาก่อน

 

“มีคนบอกว่าที่นี่เซียมซีแม่นมากๆ แต่ฉันก็ไม่เคยเข้าไปสักที กะว่าจะเข้าไปเสี่ยงทายพร้อมนัตสึกิน่ะ” ตอบยิ้มๆ เดินคู่กัน

 

“เซียมซี?” กระพริบตาถี่ด้วยความงง ไม่ยักรู้ว่าชิซึรุเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วย’

 

หลังจากกราบพระประธานในสถานที่แห่งนั้น ทั้งคู่ก็หยิบเซียมซีขึ้นมาเขย่าแล้วดูเบอร์ที่ตัวเองได้ เดินไปที่โต๊ะแผงคำทำนายที่วางอยู่เลือกหยิบเบอร์ที่เขย่าได้ นัตสึกิอ่านออกเสียงเบาๆ แต่ดังพอที่ชิซึรุจะได้ยิน

 

#15 ชีวิตท่านจะเริ่มมีพลิกผัน พบทางตันเกินกว่าจะแก้ไข

อุปสรรคขัดขวางให้จากไกล เรื่องหัวใจขึ้นอยู่กับตัวเอง

 

“ให้ตายซิ! ฉันไม่เชื่อเรื่องแบบนี้นักหรอกนะ” พึมพำหลังจากเดินออกมาด้วยความหงุดหงิด เก็บใบคำทำนายนั้นไว้ในกระเป๋าเสื้อแจ๊คเก็ตทำหน้าย่น ขณะที่ชิซึรุยิ้มกว้างไม่พูดอะไรเรื่องนี้สักคำเดียวตลอดวันนั้น คำทำนายของเธอ #19

--x—

ความสัมพันธ์ที่ยังคงไปเป็นแบบเรื่อยๆ เฉื่อยๆ ชิซึรุอยู่ปีสองต้องเรียนหนักขึ้นทำให้ไม่ค่อยว่างมากนัก ในขณะที่นัตสึกิเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เธอตั้งใจเรียนมากขึ้นสาเหตุเพราะได้รับการเคี่ยวเข็ญและเอาใจใส่อย่างดีจากแฟนสาว ทำให้ผลการเรียนออกมาผิดจากเดิมลิบลับ คะแนนติดอันดับหนึ่งในห้าของชั้นตลอดตั้งแต่ปีก่อน แม้แต่มิโดริที่เคยสบประมาทเธอยังต้องอึ้ง

 

“นี่นัตจัง” มิโดริเรียก “สนใจไปสอบชิงทุนเรียนต่อต่างประเทศไหม?” อาจารย์ที่บอกว่าตัวเองอายุ 17 ปีตลอดเวลาถาม

 

“เธอจะให้ฉันสอบไปเรียนต่อเมืองนอก?” นัตสึกิถามอย่างแปลกใจ ขมวดคิ้วอย่างไม่เชื่อคำพูดของคนตรงหน้า

 

“ใช่ ทุนนี้เรียนจบแล้วได้งานเลยด้วยนะ” คนหัวสีแดงเสริม “เอ้านี่ใบสมัครไปลองสอบดูก็ไม่เสียหาย กรอกตรงนี้เลยฉันจะส่งให้” ยื่นกระดาษสามใบให้กับลูกศิษย์ที่รับมาอย่างเสียไม่ได้ เธอนั่งเขียนทุกอย่างตามที่มิโดริต้องการแล้วส่งคืนก่อนจะเดินออกไป

--x—

13 ก.พ. 4 ปีก่อน เธอกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยเกียวโต เธอรู้ตารางเรียนของชิซึรุว่าจะเลิกช่วงไหนจึงไปยืนดักรอที่ใต้ต้นซากุระใหญ่ข้างตึกคณะบริหารธุรกิจ วันนี้เธอมาโดยไม่ได้บอกก่อนตั้งใจจะทำให้อีกฝ่ายแปลกใจ ปกติถ้าจะนัดพบกันก็ต้องโทรบอกล่วงหน้าซึ่งจะคุยกันเว้นวันหรือสองวัน สองเดือนหลังชิซึรุไม่ค่อยว่างมาที่ฟูกะเหมือนก่อน จึงใช้การคุยทางโทรศัพท์มากกว่า สองอาทิตย์หลังชิซึรุแทบไม่รับโทรศัพท์ของเธอเลย แต่จะโทรกลับมาแล้วขอโทษโดยให้เหตุผลว่ากำลังยุ่งอยู่

 

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงคนตาสีแดงก็เดินออกมาจากอาคารอย่างช้าๆ เพียงแต่ไม่ได้เดินตามลำพัง มีชายหนุ่มผมสีดำที่หน้าตาคุ้นๆ เดินคู่มาด้วยไม่ห่าง ใครที่เห็นย่อมเข้าใจว่าสองคนนั้นเป็นแฟนกันแน่ ชิซึรุยิ้มแย้มแจ่มใสกับหมอนั่น เขาดึงหนังสือในมือของคนตาสีแดงไปถืออย่างสนิทสนม และเธอก็ไม่ขัดขืนปล่อยให้เขาเอาไปพร้อมกล่าวขอบคุณ เป็นท่าทางของคนที่มีความสัมพันธ์พิเศษมากกว่าเพื่อนตามมาตรฐานของนัตสึกิ เรียวโตะ คันซากิ’ นัตสึกิชะงักยืนนิ่งกับที่ เผลอกำสองมือแน่นด้วยความโมโห

 

“นี่เธอ ข่าวที่ว่าคุณฟูจิโนะคบกับคุณคันซากิอยู่ เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?” #1 ถามขึ้นมาอย่างสงสัย

 

“น่าจะจริงนะ เห็นหนังสือพิมพ์คณะลงรูปที่สองคนไปเดทอาทิตย์ก่อนด้วยล่ะ นี่ไง” #2 ชี้รูปในหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะ

 

“ว้าว.. เกือบจะจูบกันเลยนะภาพนี้” #1 เสริมหลังจากก้มลงมองรูปที่เพื่อนชี้คำพาดหัวตัวโต คู่รักคู่ใหม่ของคณะบริหารฯ’

 

“จริงๆ แล้วคุณฟูจิโนะกับคุณคันซากิเป็นคู่หมั้นที่พ่อแม่กำหนดไว้ตั้งแต่เด็ก และกำลังจะหมั้นกันเร็วๆ นี้” #3 ที่นั่งอยู่พูดขึ้นมา

 

นัตสึกิได้ยินเต็มสองหู สาวเท้ายาวไปหาสามคนที่คุยนั้นพร้อมกับดึงหนังสือพิมพ์ไปดูอย่างรวดเร็ว หยุดชะงักกับข้อความและภาพที่เห็น นี่เป็นเหตุผลที่เธอไม่ว่างเจอกับฉันใช่ไหมชิซึรุ? เธอกำลังจะหมั้นกับหมอนั่น ทำไมเธอไม่บอกฉันสักคำ’ มืออ่อนปล่อยให้หนังสือนั้นหล่นพื้นไป รู้สึกเหมือนกับมีใครมามีดเอาปักทะลุหัวใจ เจ็บแปล๊บแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กัดริมฝีปากล่างข่มใจไม่ให้ร้องไห้โฮออกมา ทั้งที่น้ำตาคลอเบ้าจนมองอะไรไม่ชัด มันฝ้ามัวไปหมด เธอนอกใจฉัน เธอหลอกลวงฉัน ชิซึรุ

 

คืนนั้นมีคนโทรเข้ามือถือกว่า 10 ครั้งจากเบอร์เดียวกันทุกครึ่งชั่วโมง แต่เธอก็ไม่รับปล่อยให้ดังอยู่แบบนั้น เธอยืนอยู่ที่หน้าผาที่แม่เสียชีวิต ร้องไห้ด้งๆ เพื่อปลดปล่อยความรู้สึกคับแค้นใจออกมานานกว่าชั่วโมงหลังจากกลับมาที่ฟูกะ สายตาเหม่อมองขึ้นไปในท้องฟ้าคืนนี้ไม่มีแสงจันทร์ มีเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งเป็นเพื่อนปลอบใจ เกือบเที่ยงคืน นางฟ้าจำแลง” ริงโทนของมือถือดังขึ้น รู้ดีว่าคงหลบอีกฝ่ายไม่ได้นาน และเธอเองก็อยากทำให้ทุกอย่างจบลงโดยเร็ว หายใจลึกๆ ตั้งสติก่อนกดปุ่มสีเขียว

 

นัตสึกิ เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงไม่ยอมรับโทรศัพท์ของฉันล่ะ?” เสียงหวานๆ ถามขึ้น โทรมา 12 ครั้งตั้งแต่หกโมงเย็น

 

“มีธุระอะไร ฟูจิโนะ?” น้ำเสียงแสดงความไม่พอใจชัดเจน เธอเห็นฉันเป็นแค่ของเล่นใช่ไหม ชิซึรุ’

 

นัตสึกิ! ไม่สบายใช่ไหม?” เสียงห่วงใยกังวล เดาไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนรักของตัวเอง

 

“มีอะไรก็รีบพูดมา ไม่งั้นฉันจะวางสายเดี๋ยวนี้” เสียงกระด้างเย็นชามากขึ้น อารมณ์ที่พยายามข่มไว้ปะทุขึ้นอีกครั้ง

 

ฉัน- พรุ่งนี้ฉันจะไปหาเธอที่หอ-” พูดไม่ทันจบประโยค

 

“ไม่ต้อง เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว” ปฏิเสธทันควัน ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ’ หลับตาเพื่อควบคุมอารมณ์ตัวเอง

 

ทำไมล่ะนัตสึกิ? เกิดอะไรขึ้นกันแน่ บอกฉันได้ไหม? นัตสึกิ..” พูดรัวเร็วด้วยความตกใจ ไม่ใช่บุคลิกปกติของชิซึรุเลย

 

“วันนี้ฉัน- เห็นเธอกับหมอนั่น... ทำไมเธอถึงไม่บอกฉันว่าเธอจะหมั้นกับเขา.. ทำไมถึงไม่บอกฉัน?” เสียงสั่นชัดเจน แต่คนฟังได้แต่เงียบไม่โต้ตอบ “เราเลิกคบกันเถอะ ชิซึรุ...” น้ำเสียงเริ่มอู้อี้แผ่วเบา ไม่สามารถควบคุมน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นทางได้อีก

 

นัตสึกิ!เดี๋ยวฟังฉันก่อน นัตสึกิ! เสียงตะโกนดังลั่นออกมานอกโทรศัพท์ ตื๊ด.......... นัตสึกิกดปุ่มสีแดง และปิดเครื่องทันที 00.05 วันที่ 14 ก.พ. Such a happiest Valentine’ s day.

--x—

2 วันหลังจากนั้นนัตสึกิตอบตกลงไปเรียนต่อตามที่มิโดริเสนอ และออกเดินทางภายใน 5 วัน เธอไม่ได้กลับไปหอพักเลย แต่ให้ไมช่วยเอาเสื้อผ้าและข้าวของจำเป็นมาให้โดยนิ่งเงียบไม่ตอบคำถามใด เธอพักชั่วคราวกับมิโดริที่คอยจัดการธุระเรื่องเรียนรวมถึงเอกสารต่างๆ ซึ่งฉุกละหุกพอสมควร นัตสึกิตัดสินใจเดินทางไม่ใช่เพื่ออนาคตเท่านั้น แต่เพื่อจะลืมอะไรบางอย่าง ลืมคนบางคน ไม่ยอมทิ้งที่อยู่ไว้ให้ใครนอกจากมิโดริ เธอหายไปจากฟูกะเฉยๆ ไปเพื่อรักษาแผลใจและทำตัวเองให้เข้มแข็งกว่าเดิม

--x—

ฉันมาที่ฟูกะทันทีโดยรถไฟเที่ยวเช้าที่สุดที่หาได้ ไขกุญแจสำรองเข้าไปที่ห้องพักของนัตสึกิแต่ฉันไม่เจอใคร ถามเจ้าหน้าที่ข้างล่างก็บอกว่าไม่เห็นนัตสึกิตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้า ฉันพยายามตั้งสติคิดว่าใครน่าจะรู้บ้างว่าไอซ์ปริ้นท์เซสอยู่ที่ไหน ฉันกังวลมากว่าอาจจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเธอ โทรหาทุกเบอร์ที่รู้จักแต่คำตอบก็คือไม่มีใครรู้สักคน ทำให้ฉันแทบจะสติแตก คืนนั้นฉันตัดสินใจรออยู่ที่หอโดยหวังว่าเธอจะกลับมาแต่ก็ผิดหวัง เป็นอีกครั้งที่ฉันรู้สึกกลัวมาก... กลัวว่าจะสูญเสียเธอไปเหมือนวันที่เราตายร่วมกันในอ้อมกอดนั้น เพียงแต่ครั้งนี้มันอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวสุดๆ น้ำตาไหลอาบแก้มสวยเป็นทาง ฉันแทบไม่หยุดร้องไห้เลยตลอดคืน คำต่อว่าของนัตสึกิยังคงดังก้องอยู่ในสมอง หัวใจฉันแตกสลายไม่มีชิ้นดี ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน นัตสึกิ?’

--x--

ฉันแวะไปหาไม โทคิฮะที่ร้านอาหารที่เธอทำงานพิเศษและขอเวลาเพื่อคุยด้วย ซึ่งเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับนัตสึกิ

 

“เอ่อ ..คุณชิซึรุค่ะ อย่าว่าฉันยุ่งเรื่องของคุณเลยนะ แต่ฉันอยากรู้ว่าคุณรักนัตสึกิจริงๆ หรือเปล่าค่ะ?” ไมถามด้วยเสียงจริงจัง ต้องการคำยืนยันทั้งที่ขอบตาช้ำของคนตรงหน้าน่าเป็นหลักฐานอย่างดีแล้ว

 

“ใช่ค่ะ ฉันรักนัตสึกิ.. รักมากกว่าชีวิตของฉัน” ยอมรับด้วยเสียงอ่อนโยนนุ่มนวลเมื่อเอ่ยชื่อของคนรัก ยิ้มเศร้าๆ

 

“ฉันดีใจที่ได้ยินแบบนั้น ถ้าฉันได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับนัตสึกิ ฉันจะโทรไปบอกคุณก็แล้วกัน” ไมรับปาก สงสารคนตรงหน้าจับใจ

 

“ขอบคุณค่ะ คุณโทคิฮะ” ฉันฝืนยิ้มโค้งอย่างสุภาพแล้วเดินออกไป ฉันพึ่งรู้ว่านัตสึกิสอบได้ทุนการศึกษาไปเรียนต่อที่ไหนสักแห่ง และทำให้ฉันคิดออกว่าต้องไปหาใครเป็นคนต่อไป คนที่น่าจะรู้ว่าตอนนี้นัตสึกิอยู่ที่ไหน หรือกำลังจะไปไหน

--x--

“ถ้าคุณมาที่นี่เพราะเรื่องของนัตจัง” คนหัวแดงพูดขึ้นมาทันทีที่เห็นฉัน “คุณคงเสียเวลาเปล่า เพราะฉันคงบอกอะไรคุณไม่ได้”

 

ฉันรู้ทันทีว่าเธอรู้คำตอบที่ฉันต้องการ “ทำไมล่ะคะ อาจารย์?” ถามด้วยเสียงที่ซ่อนอารมณ์ไม่พอใจไว้ไม่มิด

 

“จริงๆ ฉันก็ไม่ได้อยากจะปกปิดอะไรคุณหรอกนะ แต่นัตจังไม่ต้องการให้ฉันพูด และฉันก็รับปากก็เท่านั้น” มิโดริให้เหตุผล “อีกอย่างหนึ่งในฐานะของความเป็นครู ฉันอยากให้ลูกศิษย์เก่งมีความสามารถแบบที่ควรจะเป็นโดยเฉพาะนัตสึกิ ฉันเชื่อว่าเด็กคนนั้นจะมีอนาคตที่สดใสถ้าได้รับโอกาสที่ดี” มิโดริยิ้มให้กับฉัน “..บางครั้งความรักก็ทำให้คนอ่อนแอมาก ใช่ไหมคุณฟูจิโนะ?”

 

ฉันนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออกได้แต่พยักหน้า อาจารย์คนนี้รู้เรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับนัตสึกิมาตลอดแต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

 

มิโดริแตะไหล่ฉันเบาๆ พร้อมกับพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ฉันเชื่อว่านัตสึกิต้องกลับมา... กลับมาหาคุณแน่นอน ตอนนี้ขอให้คุณอดทนแล้วก็รอ.. ฉันเชื่อเรื่องพรหมลิขิตจริงๆ นะ ถ้าเป็นคู่แท้ยังไงก็หนีกันไม่พ้นหรอก คุณฟูจิโนะ” อาจารย์สาวดึงฉันไปกอดตอนที่ฉันปล่อยให้น้ำตาไหลนองแก้มแบบที่ไม่เคยให้ใครเห็นมาก่อน เธอปลอบอย่างอ่อนโยนจนฉันหยุดร้องไห้

--x—

#19 เรื่องความรักต้องอาศัยความเด็ดเดี่ยว ถ้าน้ำเชี่ยวอย่าริเอาเรือขวาง

จงมั่งคงอย่ากังวลรักจืดจาง เชื่อว่าปางก่อนเราเป็นคู่กัน

 

ฉันถือใบคำทำนายอ่านซ้ำไปซ้ำมาราวกับว่ามีเคล็ดลับที่สำคัญซ่อนอยู่ ไม่เคยนอนหลับฝันดีเลยสักคืนเดียวหลังจากวันนั้น เป็นช่วงเวลาที่ทรมานจิตใจที่สุด ได้แต่ภาวนาให้สวรรค์คุ้มครองและนำนัตสึกิกลับมาหาฉันโดยเร็ว นัตสึกิได้โปรด ฉันรอคุณอยู่นะ’

--x—

ฉันเดินออกจากสนามบินพร้อมกระเป๋าสองใบเรียกแท็กซี่เพื่อมุ่งไปโรงแรมฟูกะ 09.00 ฉันเช็คอินห้องพักชั้น 4 เพื่อใช้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในชุดสูทสีดำเสื้อเชิ้ตชมพูอ่อน ก่อนจะให้แท็กซี่ของโรงแรมไปส่งที่โบสถ์ พิธีจะเริ่ม 11.00 ฉันไปถึงก่อนเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง ทาคูมิยิ้มต้อนรับ ส่วนนาโอะ ชิอิ และอาโออิซึ่งมาอย่างพร้อมเพรียงกันได้ทักทายอย่างเป็นกันเอง มิโดริและโยโกะมาร่วมงานตามคาดแต่ได้คุยกันไม่กี่คำ แขกส่วนใหญ่ก็มีเพื่อนๆ อีกจำนวนหนึ่งซึ่งฉันจำชื่อได้บ้างไม่ได้บ้าง หลังจากพูดคุยโปกฮากันเล็กน้อยตามอัธยาศัย ฉันรู้สึกว่า 4 ปีไม่ได้ทำให้ความเป็นเพื่อนเลือนหายไป แต่แนบแน่นยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

 

ฉันเห็นรถวิ่งเข้ามาเป็นรีมูซีนสีดำสามตอนจอดที่หน้าทางเข้าโบสถ์ โชเฟอร์รีบเปิดประตูให้กับคนสำคัญเบาะหลัง ฉันชะงักตกตะลึงกับภาพที่เห็น คนที่ฉันคิดไม่ถึงว่าจะมางานนี้ด้วย หญิงสาวในชุดกิโมโนสีฟ้าอ่อนรวบผมเป็นมวยมีปิ่นสีทองประดับบนผมสีน้ำผึ้งนั้น ใบหน้าหวานสวยทาลิปสติกสีชมพูอ่อน เดินลงมาจากรถหรูอย่างชดช้อยสง่างาม ชิ- ชิซึรุ’

 

พวกแฟนคลับก็ยังคงมารุมห้อมล้อมต้อนรับอย่างสนิทสนม ซึ่งชิซึรุเองก็ยิ้มหวานให้กับทุกคนที่มาทักทายเหมือนที่เคยเป็น ฉันเหลือบไปด้านหลังเห็นหมอนั่นยืนอยู่ไม่ห่างจากชิซึรุนัก ยิ้มกว้างเห็นฟันเป็นประกายจนน่าหมั่นไส้ ฉันหันหลังเดินเข้าไปในโบสถ์เพื่อหาที่นั่ง ทนไม่ได้ที่เห็นอดีตแฟนเก่าของตัวเองยืนคู่กับนายคนนั้น คงตกลงปลงใจแต่งงานไปแล้วมั้ง’ อยากรู้แต่ไม่กล้าถาม กลัวว่านั่นจะเป็นความจริง หน้าตึงคิ้วขมวด เลือดเดือดพล่านขึ้นมาเฉยๆ เผลอกำมือแน่นระหว่างนั่งเก้าอี้ไม้แถวที่สามจากด้านหน้า เธอนั่งติดกับนาโอะ ชิอิ และอาโออิ

 

“ท่าทางคันซากิจะผิดหวังน่าดูอุตส่าห์ตามตื้อฟูจิโนะมาตั้งนาน ยายนั่นดันไม่เล่นด้วย” นาโอะพูดขึ้นหลังจากส่งสายตาให้ชิอิ

 

“ใช่ สี่ปีที่แล้วตอนที่คุณชิซึรุปฏิเสธคราวนั้นพูดตรงๆ จนทำเอาคันซากิอายแทบจะแทรกแผ่นดินหนีเลย” ชิอิรับมุขของนาโอะ เธอไปเช็คสาเหตุของข่าวลือที่ทำให้นัตสึกิหนีไปมาจากเรียวโตะ และชิซึรุปฏิเสธเรื่องที่บอกว่าคบหากันอยู่นั้นไม่เป็นความจริง

 

“สองคนนั่น- ไม่ได้คบกัน ไม่ได้เป็นแฟนกัน?” นัตสึกิถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ ไม่อยากจะเชื่อหูว่าได้ยินถูกหรือเปล่า

 

“ใครบอกนายว่าฟูจิโนะคบกับคันซากิ... ฟูจิโนะไม่เอาหมอนั่นหรอก?” คนหัวแดงตอบชำเลืองสายตามองไปยังชิซึรุที่อยู่กลางฝูงคน “ยายนั่นน่ะ ชอบแต่นายคนเดียวมาตั้งแต่เรียนมัธยมไม่รู้เลยหรือไง บื้อเอ๋ย!” นัตสึกิอึ้งช๊อคค้างกับคำพูดของนาโอะ

 

“ตอนที่คุณนัตสึกิหายไปเฉยๆ เพื่อเรียนต่อน่ะ” อาโออิชำเลืองมองรอบๆ “คุณชิซึรุน่ะ หาคุณแทบพลิกแผ่นดินเลยรู้ไหม... โทรหาพวกเราทุกคนทำเอาป่วนไปหมด ตอนแรกนึกว่าคุณถูกพวกเขต 1 ลักพาตัวเสียอีก เกือบจะไปแจ้งความอยู่แล้วเชียว” หัวเราะเบาๆ คุณชิซึรุน่ะ รักคุณหมดหัวใจเลย คุณไม่รู้เลยหรือไงกัน ฉันล่ะอยากให้ชิอิรักฉันแบบนี้จริงๆ โรแมนติคสุดๆ’

 

“ใช่ๆ คุณชิซึรุไปหาไมที่ทำงานถามหานายด้วย...ฉันยังได้ยินว่าเธอไปร้องไห้กับอาจารย์มิโดรินานเป็นชั่วโมงเลย” ชิอิพูดต่อ

 

“คราวนี้นายทำเกินไปรู้ตัวหรือเปล่า” นาโอะตำหนิเสียงเข้ม “ทีหน้าทีหลังทำอะไรใช้สมองให้มากๆ หน่อยได้ไหม” แขวะอีกที

 

นัตสึกิหันหลังชำเลืองไปที่ประตู เห็นชิซึรุมองตรงจ้องมาที่เธอด้วยสายตาเย็นชา เธอกำลังขอตัวกับแฟนคลับเพื่อเดินเข้ามาหาเก้าอี้นั่งด้านใน โดยมีเรียวโตะในชุดสูทที่ตามมาไม่ห่าง ชิซึรุมองมายังนัตสึกิแทบไม่กระพริบตาตลอดเวลาที่เดินเข้าไปด้านใน ดวงตาสีเลือดสวยยังคงมีเสน่ห์ทำให้หลงใหลและน่ากลัวเหมือนเดิม ทำเอาคนผมสีครามรู้สึกเสียวสันหลังวาบด้วยรู้ว่าตัวเองได้ก่อเรื่องร้ายแรงเข้าให้แล้ว มือเย็นเฉียบมีเหงื่อซึมทั้งที่อากาศก็ค่อนข้างเย็นกว่าปกติ คอแห้งผากเหงื่อเริ่มออกมากขึ้น นึกด่าตัวเองที่ไม่รอบคอบ ด่วนสรุปไม่คุยกันให้รู้เรื่อง ฉันหลงเข้าใจชิซึรุผิดมาสี่ปี ให้ตายซิ! ฉันมันโง่.. โง่มากที่สุดในโลกเลย บ้าเอ๋ย ช่างเป็นคนไม่เอาไหนจริงๆ เลย นัตสึกิ คูกะ’ อยากจะชกหน้าตัวเองสักหลายทีให้สาสมกับความผิด

--x—

หญิงสาวในชุดกิโมโนเลือกที่จะนั่งแถวที่สี่เยื้องไปซ้ายมือนัตสึกิหนึ่งที่ เรียวโตะนั่งลงข้างๆ คนตาสีแดง นัตสึกินั่งตัวแข็งทื่อที่รู้ว่าชิซึรุนั่งอยู่ไม่ไกลจากเธอนัก “สวัสดีค่ะ คุณคูกะ” เสียงหวานๆ ปานน้ำผึ้งทักขึ้นจากด้านหลัง “ไม่ได้เจอกันนานสบายดีหรือเปล่าคะ?” ถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นทางการราวกับกำลังคุยธุรกิจอยู่มากกว่าทักทายคนรู้จัก

 

นัตสึกิค่อยๆ หันหน้าไปมองใบหน้าสวยที่ถามแวบนึง คนที่เธอฝันเห็นทุกคืนตลอดสี่ปี ฝันร้ายที่ทำให้เธอตกใจตื่นกลางดึก “เอ่อ- ..ก็ดี” ตอบด้วยเสียงตะกุกตะกัก “แล้วเธอล่ะ- สบายดีหรือเปล่า?” ถามกลับเสียงสั่นไม่กล้าสบตาคนตรงๆ

 

“ไม่สบายเลยสักนิดเดียว” น้ำเสียงอ่อนลงที่ได้ยินคำถามที่ดูห่วงใย แววตาฉายแววเศร้าชัดเจน “คนสำคัญของฉันหนีไปโดยไม่ยอมบอกว่าฉันทำอะไรผิด แล้วฉันมีความสุขได้อย่างไงกัน จริงไหมคุณคูกะ?” ยกมือขึ้นป้องปากหัวเราะเบาๆ เป็นการตอบที่ประชดประชันอย่างร้ายกาจ บรรยากาศหนาวเย็นกว่าเดิมแบบไม่รู้สาเหตุ นาโอะ ชิอิ อาโออิ แม้แต่เรียวโตะรู้สึกถึงออร่าน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากคนในชุดกิโมโนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ทุกคนเริ่มเป็นห่วงความปลอดภัยในชีวิตของนัตสึกิ คูกะขึ้นมาทันที

 

เสียงดนตรีบรรเลงเพลงแต่งงานก็ดังขึ้น ทำให้ทุกคนลุกขึ้นยืนแล้วหันไปมองเจ้าสาวชุดขาวที่คลุมหน้าด้วยผ้าบาง มีชายวัยกลางคนกุมมือเดินคู่กันเข้ามา หลังจากส่งเจ้าสาวไปยืนที่แท่นคู่กับเจ้าบ่าวโดยมีบาทหลวงยืนรอทำพิธีอยู่ คู่แต่งงานใหม่ก็ตอบรับรวมถึงสัญญาสาบานถึงความรักที่มีต่อกันอย่างหวานซึ้ง และแลกแหวนแต่งงานกันเป็นที่เรียบร้อย โดยไม่มีใครคัดค้านใดๆ หลังจากจุมพิตที่บริสุทธิ์ท่ามกลางเสียงโห่เป่าปากของเพื่อนฝูงทำเอาเจ้าสาวเจ้าบ่าวเขินบิดไปบิดมา บาทหลวงรับรองความสมบูรณ์ของพิธีเรียบร้อย คู่แต่งงานใหม่ก็เดินมาเพื่อพูดคุยทักทายกับแขกที่มาร่วมในงาน ไมโผกอดเพื่อนสนิททันทีที่เห็น คนหัวสีส้มยิ้มกว้างหน้าบานอย่างมีความสุข “นัตสึกิ” น้ำตาคลอเรียกชื่อเพื่อน “ดีใจจริงๆ ที่เธอมาได้.. กำลังคิดอยู่นะว่าถ้าเธอไม่มาวันนี้ ..ฉันกับคุณชิซึรุจะไปไล่ล่าเธอถึงที่เลย คอยดูซิ” ทำเสียงโหดน่ากลัวขู่ ทำเอาคนฟังกลืนน้ำลายเอื๊อกเมื่อได้ยินว่าจะถูกล่า “เดี๋ยวไปกินเลี้ยงต่อนะแล้วค่อยคุยกัน ตอนนี้ฉันคงต้องไปโยนดอกไม้ก่อนพวกสาวๆ กำลังรออยู่” ตบไหล่เพื่อนเบาๆ ก่อนจะเดินไปกับเจ้าบ่าวที่ยืนรออยู่

 

“นี่ไม่คิดจะไปแย่งดอกไม้กับพวกนั้นหน่อยเหรอ” นาโอะที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ถามขึ้น “เผื่อว่าคิวแต่งต่อไปจะได้เป็นนายไง” หัวเราะลั่นแล้วหนีไปอย่างรวดเร็ว ชิอิกับอาโออิหัวเราะเบาๆ เดินตามคนหัวแดงไปทันที

 

“ให้ตายซิ! ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ พวกนี้นี่” นัตสึกิพึมพำ

 

“อาร่า!” ชิซึรุพึมพำ เธอถือดอกไม้ที่เจ้าสาวโยนมาให้ ดูเหมือนว่าไมจะเจตนาส่งให้เธอโดยเฉพาะ หันไปสบตาสีเฉดตรงข้ามที่มองมายังเธอ เห็นนัตสึกิตกใจอ้าปากกว้างเป็นภาพที่น่ารักน่ากอดเสียจริง ดูซิคราวนี้จะหนีไปไหนอีก นัตสึกิ’ ยิ้มเยาะมุมปาก

 

“ฉันว่าคราวนี้ฟูจิโนะไม่ปล่อยให้นายหนีรอดไปได้แน่นอน” คนหัวแดงพูดขึ้นลอยๆ เธอเห็นแววตาแบบแม่เสือที่จ้องพร้อมจะตะปบเหยื่อทันทีโดยไม่ลังเล “ไม่เข้าใจเลยว่านายชอบยายนั่นได้อย่างไงกันคูกะ น่ากลัวจะตายไป” นาโอะบ่นยกมือขึ้นเกาหัว

 

พยายามเข้านะคุณฟูจิโนะ อย่าทำให้ ฉันผิดหวังล่ะ อุตส่าห์วางแผนให้ขนาดนี้แล้ว’ มิโดริหัวเราะลั่นอวยพรลูกศิษย์สองคนในใจ โยโกะตีแขนมิโดริเบาๆ แต่อาจารย์สาวยังคงยิ้มกว้างหัวเราะอย่างมีความสุข

--x--

“ชิ- ชิซึรุ เดี๋ยวไปถึงโรงแรม ฉันขอคุยธุระด้วยได้ไหม?” คนผมสีครามตัดสินใจที่จะพูดตรงไปตรงมากับคนรักเก่า

 

“ไม่ทราบว่าเรื่องอะไรเหรอคะ คุณคูกะ?” น้ำเสียงยังคงนิ่มนวลแต่เป็นทางการเสียเหลือเกิน

 

“ได้- ได้โปรด ชิซึรุ” ตะกุกตะกักทันทีที่ได้ยินเรียกนามสกุลแบบนั้น ให้ความรู้สึกเหินห่างราวกับไม่รู้จักกันมาก่อน

 

“ถ้าคุณคูกะยืนยัน ไม่ทราบว่าคุณจะสะดวกคุยกับฉันที่ไหนคะ?” สายตาสีแดงมองเขม็งราวกับจะอ่านใจคนตรงหน้า

 

“เอ่อ.. ห้อง 419 ..คือฉันพักที่นั่น” ยกมือขึ้นเกาหัวตัวเอง เธอไม่ชินกับท่าทีแบบนี้ของชิซึรุ ไม่ชินเลยจริงๆ

 

“ได้ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ คุณคูกะ” โค้งแล้วเดินจากไปอย่างสง่างาม ขึ้นรีมูซีนที่จอดรอโดยมีเรียวโตะนั่งไปด้วย ฉันจะทำอย่างไงดี คราวนี้ชิซึรุโกรธฉันจริงๆ ซะด้วยซิ ทำไงดี… ทำไงดี’ ครางในใจ รู้สึกเหมือนจะถูกตัดสินประหารชีวิตในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

--x—

“มีอะไรก็เชิญพูดมา ฉันไม่มีเวลามากนัก” ชิซึรุพูดด้วยเสียงเย็นชากว่าเดิมเมื่ออยู่ในห้องพักของโรงแรมสองต่อสองกับแฟนเก่า ทั้งคู่ยืนห่างกันพอสมควร

 

“ชิ- ซึรุ ฉัน- ฉันขอโทษที่เข้าใจ- เธอผิด” พูดอย่างยากลำบาก ไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายได้แต่ก้มหน้าสำนึกผิด

 

“ขอโทษ?” เสียงประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่าคนผมสีครามจะยอมรับผิดแต่โดยดี แววตาเป็นประกายขึ้นมาทันที

 

“ใช่- ฉันผิดเองที่ไม่- ไม่ยอมคุยกับเธอให้รู้เรื่อง.. แต่ฉันดันคิดว่าเธอหลอกลวง- และนอกใจฉัน... ฉันก็เลย-” เสียงตะกุกตะกักสั่นกว่าปกติ รู้สึกกลัวคนตรงหน้าขึ้นมาจับใจ เธอเลือกที่จะสารภาพทุกอย่างออกมาตรงๆ ตามคำแนะนำของนาโอะที่ดูไม่ให้กำลังใจสักนิด ถ้านายยอมรับผิดทุกอย่าง เชื่อว่ายังไงฟูจิโนะก็คงไม่ฆ่านายหรอก อย่างมากพวกฉันจะจัดงานศพให้สมเกียรติก็แล้วกัน ฉันสัญญา’

 

“หลอกลวง? นอกใจ? ช่างเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงจริงๆ” เสียงเปลี่ยนเป็นตัดพ้อต่อว่า “นัตสึกิคิดว่าฉันเป็นคนแบบไหนกัน?” เปลี่ยนสรรพนามโดยไม่รู้ตัว เธอเดินช้าๆ มาใกล้จนเหลือระยะห่างกันไม่ถึงเมตร “ฉันเป็นคนรักที่แย่มากใช่ไหม… ฉันเป็นคนโลเลใจง่ายมากใช่ไหม นัตสึกิถึงได้คิดว่าฉันจะหักหลังเธอแบบนั้น เธอดูถูกฉันมากเลยนะนั่น... ฉันคงเลวมากซินะในสายตาของนัตสึกิ” เสียงสั่นเครือเบาลงเรื่อยๆ จนถึงประโยคสุดท้าย คำพูดของอีกฝ่ายเหมือนมีดนับพันทิ่มทะลุที่หัวใจของเธอ

 

“ฉัน- ฉันขอโทษ..ชิซึรุ” คนผมสีครามรู้สึกเย็นเยือกไปถึงกระดูกสันหลัง “ฉัน- ไม่เคยคิดว่าจะดูถูกเธอ... ไม่เคยจริงๆ นะ” เงยหน้าสบตาสีแดงสวยที่ตอนนี้น้ำตาเริ่มคลออยู่เต็มจนจะล้นออกมาจากเบ้า เธอลืมตัวขยับเข้าไปใกล้ในระยะมือเอื้อมถึง ด้วยไม่เคยทนได้สักครั้งที่เห็นคนตรงหน้าร้องไห้ ทำให้เธอพลอยเศร้าไปด้วย เป็นภาพที่ชวนให้ปวดหัวใจเสียเหลือเกิน

 

“ไม่เคยคิดงั้นเหรอ?” ชิซึรุส่ายหน้าน้อยๆ แสดงความไม่เชื่อในคำพูดของคนผมสีคราม “ถ้าไม่เคยคิดจริง ทำไมเธอถึงได้ไม่ยอมติดต่อมาหาฉัน.. แต่เลือกที่จะหนีไปต่างประเทศโดยไม่บอกลาฉันสักคำ ทำไมล่ะนัตสึกิ?” น้ำตาไหลเป็นทางบนหน้าสวย ไม่สามารถจะควบคุมอดกลั้นอารมณ์ที่พุ่งพล่านภายในได้อีกแล้ว เธอปล่อยให้มันระเบิดออกมา แม้จะดูว่าอ่อนแอแต่นี่เป็นความรู้สึกทั้งหมดที่เก็บซ่อนไว้นานถึงสี่ปี พยายามบังคับไม่ให้ตัวเองสั่นสะท้านแต่ดูจะไม่เป็นผล น้ำใสๆ ทะลักไม่ยอมหยุด

 

นัตสึกิสวมกอดคนรักเก่าแน่นโดยไม่ยอมให้คนตาสีเลือดดิ้นหนี น้ำตาเริ่มจะไหลออกมาบ้างที่ได้ยินคำต่อว่าของคนตรงหน้า “เพราะ- เพราะฉันรักเธอ ชิซึรุ... ฉันรักเธอมากเกินไป จนทำให้ฉันทนไม่ได้ที่จะเห็นเธอเป็นของคนอื่น... นอกจากฉัน ฉันต้องการให้เธอเป็นของฉันคนเดียว.. ของฉันเท่านั้น” คำพูดที่หลุดออกมาจากใจ สามคำที่เธอไม่เคยบอกคนตาสีแดงสักครั้งเดียวตลอดหลายปีที่คบกัน เป็นความลับที่อยู่ก้นบี้งของหัวใจที่พยายามปฏิเสธมาตลอดเวลาสี่ปี ฉันจะไม่วิ่งหนีอีกแล้ว’

 

คนตาสีแดงยืนนิ่งฟังคำบอกรักที่เธออยากได้ยินนักหนา ไม่ได้ขัดขืนสักนิดแต่ยอมให้คนผมสีครามกอดโดยดี หลับตาลงโดยหวังว่านี่จะไม่ได้เป็นแค่เพียงความฝัน ตื้นตันใจที่อีกฝ่ายเปิดหัวใจพูดความรู้สึกออกมาตรงๆ แนบหน้าไปที่ซอกคอของอีกฝ่าย ยกมือขึ้นกอดตอบแน่นไม่แพ้กัน “ฉัน- ฉันก็รักเธอ นัตสึกิ” พึมพำเบาๆ ที่ข้างหูของอีกฝ่าย ทั้งคู่กอดกันอยู่นานหลายนาทีจึงหยุดร้องไห้ ผลัดกันใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาแห่งความยินดีนั้นจนแห้ง แล้วหัวเราะเบาๆ ยิ้มออกที่ปรับความเข้าใจกันได้

 

นัตสึกิประคองให้คนในดวงใจนั่งที่ขอบเตียง ยกสองมือของอีกฝ่ายมากุมไว้แนบอกตัวเอง “ชิซึรุ ฉันขอโอกาสอีกครั้งได้ไหม?” ร้องขอด้วยน้ำเสียงจริงจัง เธอไม่อยากเป็นแค่เพื่อนธรรมดาของชิซึรุ แต่เธอต้องการมากกว่านั้น อยากเป็นคนพิเศษ อยากเป็นคนสำคัญของชิซึรุ

 

“โอกาสอะไรหรือ นัต-สึ-กิ?” เริ่มพูดเสียงหวานปนเล่นเล็กน้อย เอียงคอมองคนที่ยังคงกอดเอวเธอไว้หลวมๆ ไม่ยอมปล่อย

 

“ให้โอกาสคบกับฉันแบบคนรักอีกครั้ง ฉันอยากจะแสดงความจริงใจให้เธอรู้ว่าฉันรักเธอ และพิสูจน์ว่าฉันอยากมีอนาคตกับเธอจริงๆ ได้ไหมชิซึรุ?” เป็นคำหวานๆ ที่นัตสึกิไม่เคยคิดว่าจะหลุดออกมาจากปากตัวเอง พูดไปก็หน้าแดงไป ดวงตาสีมรกตมองคนตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนโยนและคาดหวัง ยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองด้วยความเขินอาย ใครจะไปนึกว่าไอซ์ปริ้นท์เซสที่แสนจะเย็นชาก็โรแมนติคเป็น

 

“อนาคตแบบไหนกันนัตสึกิ อธิบายให้ฉันเข้าใจหน่อยซิ?” มองคนผมสีครามด้วยความสงสัย อยากรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากเธอกันแน่ ความสัมพันธ์แค่เพื่อน เพื่อนสนิท หรือคนรัก คำตอบที่เธอเองก็เฝ้ารอมาตลอดสี่ปี เราเป็นอะไรกัน นัตสึกิ

 

นัตสึกิคุกเข่าลงไปตรงหน้าคนตาสีเลือดพร้อมกับกุมมือของอีกฝ่ายไว้เบาๆ “แต่งงานกับฉันนะชิซึรุ ฟูจิโนะ” แววตาอ้อนวอนแบบที่ชิซึรุไม่สามารถปฏิเสธได้ “ฉันไม่ได้ขอให้เธอตอบตกลงตอนนี้ แค่อยากให้เธอพิจารณาฉันไว้เป็นหนึ่งในตัวเลือก- โอ้ว!

 

ชิซึรุดึงคอเสื้อนัตสึกิให้เข้ามาใกล้แล้วประทับจูบโดยที่คนผมสีครามไม่ทันตั้งตัว เป็นจูบที่เร่าร้อนดูดดื่มยาวนาน ทั้งคู่ผละออกจากกันเล็กน้อยเพื่อหายใจ “ค่ะ ฉันรับปาก ..ฉันจะแต่งงานกับเธอ นัตสึกิ คูกะ” ยิ้มหวานให้แบบจริงใจที่มีไม่กี่คนเคยเห็น

 

นัตสึกิถอดแหวนทองจากนิ้วตัวเอง เป็นแหวนทองเรียบที่มีชื่อย่อของเธอ N.K. “งั้นฉันจองเธอล่ะนะชิซึรุ ฉันจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาแย่งเธอไปจากฉันเด็ดขาด” น้ำเสียงเป็นเจ้าข้าวเจ้าของสุดๆ สวมที่นิ้วนางข้างซ้ายของอีกฝ่ายทันทีพร้อมกับจูบหลังมือนิ่มนั้นอย่างนุ่มนวลทะนุถนอม ชิซึรุหัวเราะลั่นกับท่าทางขี้หวงของคนรัก ไม่ถึงนาทีนัตสึกิลุกยืนพร้อมกับดึงมือชิซึรุให้ลุกขึ้น “ไปข้างนอกกันชิซึรุ”

 

“ไปไหนเหรอ นัตสึกิ?” คนตาสีแดงถามอย่างงงๆ มองคนตรงหน้าด้วยความสงสัย เธอตามไม่ทันว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่

 

“ไปจดทะเบียนเดี๋ยวนี้เลย” นัตสึกิตอบยิ้มๆ มองชิซึรุที่ตาโตกว้างอ้าปากค้างอย่างนึกไม่ถึง “คืนนี้เราจะได้ฮันนีมูนกันเลยไง” หลิ่วตาข้างหนึ่งยิ้มแบบเจ้าเล่ห์

 

อาร่า!.. ช่างเป็นนัตสึกิที่เปลี่ยนไปมากจริงๆ’ ชิซึรุคราง ไม่แน่ใจว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดี

--x—

ชิซึรุยิ้มกว้างหลังจากที่ได้เอกสารใบทะเบียนสมรสมาถือไว้ เธอไม่ได้เป็นชิซึรุ ฟูจิโนะ แต่เป็นชิซึรุ ฟูจิโนะคูกะ ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2553 ทั้งคู่กลับมาที่โรงแรมเพื่อร่วมงานเลี้ยงของไมที่ดำเนินไปแล้วสองชั่วโมงเศษ คนตาสีแดงควงแขนนัตสึกิเข้าไปในงานท่ามกลางรอยยิ้มของเพื่อนๆ และคนรู้จัก แฟนคลับบางส่วนของชิซึรุมองอย่างประหลาดใจ มีหลายคนเดาออกว่าทั้งคู่คืนดีกันแล้ว

 

“ฉันว่าคืนนี้คงไม่ได้มีไมคู่เดียวที่ฮันนีมูนล่ะมั้ง” นาโอะพูดขึ้นลอยๆ ยิ้มเจ้าเล่ห์

 

สองสาวอารมณ์ดีเกินกว่าจะตอบโต้แค่หน้าแดงจางๆ พวกไม นาโอะ ชิอิ อาโออิ และเรียวโตะร่วมแสดงความยินดีเมื่อรู้ว่าทั้งสองไปจดทะเบียนกันเรียบร้อย มิโดริยิ้มกว้างกับโยโกะพอใจที่แผนการทุกอย่างได้ผลดีเกิดคาด หลังจากอยู่ในงานจนค่ำนัตสึกิกับชิซึรุจึงขอตัวกลับห้องพัก 419 ก่อนออกจากงานพวกเพื่อนๆ สัญญาว่าจะไม่รบกวนการฮันนีมูนเป็นเวลาสามวัน ทำเอาไอซ์ปริ้นท์เซสหน้าแดงก่ำเป็นมะเขือเทศ

 

ส่วนชิซึรุหัวเราะคิกยกมือขึ้นป้องปากแววตาเป็นประกายเมื่อนึกถึงคืนนี้ ใช่คืนนี้

--x—

“นี่นัตสึกิ เธอต้องชดเชยเวลาสี่ปีที่หายไปให้ฉันด้วยล่ะ?” ชิซึรุพูดขึ้นขณะนอนกอดกันอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียงควีนไซด์

 

“ชดเชย? แบบไหนเหรอชิซึรุ?” คนผมสีครามขมวดคิ้วไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน เอียงคอมองคนข้างๆ เห็นตาสีแดงคู่สวยวาวกว่าปกติ ชิซึรุดูจะไม่เหนื่อยเอาเลยทั้งที่เกือบจะเที่ยงคืนอยู่แล้ว แต่เธอเหนื่อยแทบตายตั้งแต่สองชั่วโมงแรกที่อยู่บนเตียง

 

“ต่อนี้ไปนัตสึกิต้องทำให้ทุกวันของฉันเป็นวันวาเลนไทน์ ตกลงไหม นัต-สึ-กิ?” เอานิ้วโป้งเขี่ยแก้มซ้ายของอีกฝ่ายเล่น

 

“แน่นอน ฉันสัญญาว่าต้องทำให้เธอมีความสุขที่สุดทุกๆ วันตลอดไป ชิซึรุที่รัก” จูบที่หน้าผากของคนตาสีแดงเบาๆ

 

“โอกินิ นัตสึกิของฉัน” ชิซึรุตอบก่อนจะหลับตาลง ชอบที่ถูกกอดด้วยวงแขนที่แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของจากคนที่เธอรักหมดหัวใจ ฉันรู้ว่าทุกวันต่อนี้ไปจะเป็นวันวาเลนไทน์ของฉัน วันแห่งความรัก วันที่มีแต่ความสุข’ My valentine’ s Days

 

--x-- THE END

เพิ่งค้นเจอเลยเอามาลงค่ะ เนื่องในโอกาสวันแห่งความรัก ขอให้มีความสุขกันมากๆ นะคะ

นาง ^^

--x--




 

Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2565
0 comments
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2565 23:54:57 น.
Counter : 555 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 

นิ้วนาง-เดียนา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี


[Add นิ้วนาง-เดียนา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com