Welcome to My World ...จากเมืองนอก..สู่บ้านนา ลั้ลลาสุดๆ
Something... Good or bad, it's hard to say.

บางสิ่งบางอย่าง... สิ่งที่เราคิดว่าโชคร้าย สุดท้ายกลายเป็นว่าเราโชคดี... อย่างเรื่องที่เรากำลังจะเล่าต่อไปนี้แหละ... เรื่องมีอยู่ว่า

กาลครั้งนานมาแล้ว... มีหญิงสาวคนหนึ่งมาเรียนต่างเมือง พำนักพักพิงอยู่ที่หอพักแห่งมหาวิทยาลัยแห่งที่ราบสูงในเกาะของสหราชอาณาจักร อยู่มาหลายเพลา จนกระทั่งถึงเวลาตึกที่เคยพัก ต้องถึงกาลปรับปรุง... หญิงสาวถูกเนรเทศ (บังคับย้าย) ให้ไปอยู่อีกตึกหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้เคียง ... เรื่องคงจะไม่ยากนัก ถ้าเธอมีเพียงเสื่อผืนหมอนใบ... แต่นี่..สุดที่จะบรรยาย เพราะนอกจากเอกสารตำราที่สะสมมาถึงสี่ปี อุปกรณ์ไฟฟ้า (ตั้งเป็น Home office ได้เลย เพราะ มีทั้งพริ้นเตอร์ สแกนเนอร์ ทีวี... เครื่องครัว ก็มีราวกับจะอยู่ตั้งรกรากที่นี่ (แบบว่านะ เรื่องกินเรื่องใหญ่อ่ะ มีทั้งทำของคาวและของหวาน ... ต้ม, นึ่ง, ผัด, ทอด, อบ)) หลังจากย้ายเสร็จ (ด้วยความช่วยเหลือจากรุ่นพี่ ที่มีอยู่น้อยนิด (แบบว่าไม่ค่อยมีใครคบ) ก็ขนเสร็จภายในเวลาอันสั้น แต่เวลาแพ็ค แล้วก็แกะเนี่ยะ หลายวันเลยแหละ) ใช้เวลาพักร่างกายอีกหลายวัน (เพราะปวดไปทั้งตัว) ... แบบว่าของมันเยอะมาก แล้วก็หนักด้วย (ป้าไม่เคยคิด ว่าป้าแก่ อิอิ)

หญิงสาวมาอยู่ที่แห่งใหม่ในช่วงฤดูร้อน และเพื่อความมั่นใจ ว่าเธอจะได้อยู่ต่อในช่วงปีการศึกษาถัดมา เธอก็ไปสอบถามที่สำนักงานหอพัก เมื่อได้รับการยืนยันว่าตอนนี้ชื่อของเธอถูกจัดให้พักที่ห้องนี้ในปีการศึกษาหน้า... เธอก็สบายใจขึ้น และไม่ได้คิดถึงเรื่องย้ายอีกเลย... จนกระทั่งวันพุธที่ผ่านมา (12 กันยายน) โทรศัพท์สายเศร้า ก็ดังขึ้น... เจ้าหน้าที่แจ้งข่าวร้ายว่าเธอต้องย้ายห้องภายในวันศุกร์ก่อนสิบโมงเช้า เพราะจะมีคนย้ายเข้ามา... เธอโทรติดต่อเข้าไปที่สำนักงานใหญ่ของหอพัก (หอพักนี้มีหลายสำนักงาน แต่ละสำนักงานไร้ซึ่งการประสานงานที่ดี...) ก็ได้รับการยืนยันอย่างขันแข่งว่า ไม่สามารถให้บุคคลที่มาใหม่ไปอยู่แทนห้องของเธอได้... เพราะห้องที่เธอต้องการจะอยู่ต่อไปนั้น เป็นห้องสำหรับ...ผู้คุ้มกฏ (Senior Residence) ฟังดูมีอภิสิทธิประหนึ่งจ่าฝูง... จนเธอแซวเจ้าหน้าที่ทั้งน้ำตา ว่าขอเธอสมัครเป็นผู้คุ้มกฏได้มั้ย จะได้อยู่ห้องนี้ต่อ อิอิ (ซีเรียสนัก... เล่นมุขซะเลย ให้มันรู้มั่ง ว่าไผเป็นไผ)

สุดท้าย...ไม้ซีก ก็ไม่สามารถงัดไม้ซุงได้... เธอ ขอกุญแจเข้าไปดูลาดเลาก่อน เพราะอย่างน้อย ก็พยายามหาข้อดีให้มันได้ห้าข้อ จะได้ตกลงเลือกย้าย (มีแซวโฆษณาครับท่าน...ถึงจะเก่าไปนิดก็เหอะ) ตึกที่เธอได้ย้ายเข้ามาอยู่ ก็เป็นตึกเดิมก่อนหน้าที่เธอจะย้ายไปอยู่ช่วงฤดูร้อน (อุปกรณ์ทุกอย่างใหม่แกะกล่อง... ประเดิมของใหม่ครับท่าน) มองจากหน้าต่างของห้อง ก็จะเห็นสนามหญ้าโล่งๆ วิวดีเชียวแหละ นอนเปิดม่านได้ ไม่ต้องกลัวใครเห็น... มีรถไฟผ่านทุกๆ ห้าถึงสิบนาที (แต่เสียงไม่ดัง เพราะหน้าต่างของที่นี่เป็นแบบสองชั้น... กันเสียงได้ดีทีเดียว)

สุดท้ายเธอก็เริ่มย้ายในเย็นวันนั้น... โดยย้ายไปจอง พื้นที่ในตู้เย็น ตู้เก็บของในครัว แล้วก็พื้นที่ในห้องเก็บของก่อน ขนอยู่ประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็หมดแรง ...สุดท้ายตัดสินใจว่าจะจัดเตรียมแพ็คให้เสร็จภายในคืนนั้น แล้วย้ายในวันรุ่งขึ้น... เข้าวันถัดมา (เนื่องจากตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ) เธอตื่นมาเจ็ดโมงครึ่ง...ก็เริ่มย้ายทันที ทุกรอบที่ขนข้าวของ ก็จะเอาหนังสือใส่เป้ใบใหญ่ไปด้วย... คิดว่าเฉพาะหนังสือและเอกสารที่ย้าย น้ำหนักน่าจะไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบกิโลกรัม (อันนี้คิดแบบประเมินขั้นต่ำอ่ะนะ... (ขนาดกำจัดนิยายไทยไปหมดคอลเลคชั่นแล้วนะเนี่ยะ (นิยายที่มีหนักร่วมห้าสิบกิโลกรัม)))

เพราะเนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงเขียนวิทยานิพนธ์ ซึ่งจะมีเอกสารอ้างอิงค่อนข้างเยอะ อีกทั้งความที่เป็นคนไม่สันทัดภาษาอังกฤษ ทำให้ขนตำรามาจากเมืองไทยทุกครั้งที่ได้กลับ (ทั้งกระเป๋ามีแต่หนังสือ แถมโหลดใส่หลัง ทำหน้าว่ามันเบาแบบสุดๆ...แอบฝากคนที่บ้านไว้ก่อนเช็คอิน แหะๆๆ) อีกทั้งหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุด (เพื่อเสริมบารมี และเพิ่มความขลัง...ก็กองเต็มห้อง ฮือๆๆๆ อยากร้องให้) ... สุดท้าย ก็ขนเสร็จตอนบ่ายสอง (นัดเพื่อน(หนึ่งคน)ช่วยขนตอนเที่ยง...) นี่ขนาดขนเองตั้งเกือบห้าชม. นะ... ตอนนั้นก็ได้แต่คิดว่า เหนื่อยกาย พักหน่อยก็หายแล้ว... หลังจากย้ายเสร็จ ก็เติมพลังด้วยยำทะเล จากนั้นก็เดินไปหาซื้อของกินมาใส่ตู้เย็น เพราะอากาศจะไม่ดีไปอีกเกือบทั้งอาทิตย์...(เรื่องของเรื่องคือ ซื้อของมาจองพื้นที่ในตู้เย็นอ่ะ... แบบว่ารักษาสิทธิ) ... กว่าจะจัดห้องเสร็จก็เลยเที่ยงคืน

นอนดมของใหม่อยู่ได้หนึ่งคืน...(นอนแบบหลอนๆ เพราะแฟลตแบบห้าห้องนอน มีเธอย้ายเข้ามานอนคนแรก...) วันรุ่งขึ้น ก็มีหนุ่มย้ายเข้ามา... อิอิ ไม่อยากบอกให้อิจฉา ... แฟลตนี้เป็นแบบรวม แต่กฏต้องเป็นกฏ เพราะในสมาชิกห้าคน ต้องมีชายไม่เกินหญิง (ฉะนั้นชายจะมีได้ไม่เกินสองคน) คุณภาพครับท่าน... เพราะหนุ่มคนนี้เป็นคนอัธยาศัยดีมั่กๆ มาเรียนต่อเอก แล้วก็เป็นหนุ่มที่มาจากตอนล่างของเกาะ ดังนั้น สำเนียงสุดยอด... อิอิ สมาชิกที่เข้ามาสมทบอีกคนหนึ่งคือ สาวจีน มาเรียนการเงิน ได้เจอกันแป๊บๆ เพราะสาวจีนคนนี้ย้ายมาจากส่วนกลางของเกาะ โดยเพื่อน และพี่สาวเดินทางมาส่ง ... ได้แต่ลุ้นว่า หนุ่มอีกหนึ่งคนจะเป็นใคร เท่าที่สอบถาม เจ้าหน้าที่บอกว่า เป็นเด็กหนุ่มเมืองเบียร์ อายุยี่สิบ (โหย...เด็กๆ สเปคป้า...ฮ่าๆๆๆ) กับสาวชาวไนจีเรีย (จริงๆ ตอนที่เจ้าหน้าที่บอกข้อมูล ไม่มีชื่อของประเทศจีนอยู่เลย ให้ตายสิ ... เพราะที่จำได้ มี กรีก อังกฤษ เยอรมัน ไนจีเรีย)

... กาลต่อมา เธอก็ได้รับรู้จากเพื่อนของเธอว่า... ห้องที่อยู่ด้านบนห้องของเธอซึ่งติดกับห้องเพื่อนของเธอ (นั่นก็คือ เธอกับเพื่อนอยู่คนละชั้น แล้วก็เยื้องกันหนึ่งห้อง ดังนั้น ทั้งสองคนจึงแชร์ประสบการณ์ได้อย่างผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จริง (เหตุการณ์รับฟังเสียงอ่ะนะ)) นั้นมีสาวแห่งเมืองภารตะ ย้ายเข้ามา ... โดยหนีบคนรักมาพำนักด้วย เป็นเวลาร่วมสัปดาห์ แล้วก็ประกอบกิจกรรมยามว่าง ส่งเสียงที่แม้แต่คนไม่สันทัดทางภาษา ก็สามารถเข้าใจได้... (ก็ว่าอยู่ ว่าทำไมได้ยินเสียงเหมือนวัตถุกระทบพื้น แบบเป็นจังหวะจะโคนในยามดึก...ก็ดันคิดว่าเค้าทำกับเข้า ที่ต้องใช้ครกตำ... อิอิ)

สุดท้ายก็ทนไม่ได้เธอพาเพื่อนไปพบผู้คุ้มกฏให้จัดการอะไรซักอย่าง... เพราะกฏอีกข้อหนึ่งของที่นี่ คือ ไม่อนุญาตให้มีแขกค้างคืน (ตรงตัวเลย เพราะหนุ่มที่ค้างก็เป็นหนุ่มแห่งแดนภารตะซะด้วย) ... แถม หลังจากผู้คุ้มกฏไปคุยกับสาวแขกสาวคนนั้นยังบอกอีกนะว่า ทำไมไม่พูดกับเค้าโดยตรง ... แบบนี้เค้ารู้สึกไม่ค่อยดีเลย เหมือนเพื่อนดีแต่ฟ้อง ทำนองนั้นอ่ะ... (แต่จากประสบการณ์แชร์แฟลตกับแขก แทบจะไม่เจอที่ดีๆ เลย... จริงๆ นะ) ก็เลยแนะนำเพื่อนไปว่า คราวหน้าถ้าได้ยินเสียงพรรค์นี้อีก...ให้ไปเคาะแบบดังๆ เลย (อย่าลืมพกอาวุธไว้ป้องกันตัวด้วย เผื่อพลาด) เพราะแม่นางแขกบอกเองนี่นา ว่าได้บอกตรงๆ (ให้หลักฐานเต็มๆ ไปเลย... ฮึ่ม อย่ามาเล่นกับป้าเชียว...) สุดท้ายก็ลุ้น ให้เพื่อนได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น... จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้ระลึกไปถึงเพลงชาติ ในท่อนที่ว่า "ไทยนี้รักสงบ (เธอและเพื่อนก็อยู่กันแบบสงบๆ ไม่อยากมีเรื่องกับใคร) ... แต่ถึงรบไม่ขลาด (แจ้งผู้คุ้มกฏ และพร้อมจะชน)...เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่..." เนื่องจากคิดว่า คงไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ... เลยขอพอ แค่ที่ท่อนนี้ก็แล้วกัน

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า... ถ้าเจอแขกกับงู... ให้ตีแขกก่อน แล้วค่อยตีงู... อ๊ะ...มะช่าย... (คิดอย่างงั้นจริงๆ นะ ... แต่ก่อนไม่เคยเชื่อ แต่พอมีปัญหากับแขกหลายคน...ก็เริ่มคิด) ไม่ได้เป็นคนเหยียดเชื้อชาตินะ แต่บังเอิญโชคร้ายมั้ง เจอแขกทีไร... โดนเอาเปรียบตลอดเลย ให้ตายเหอะโรบิ้น... เอาแบบคติจริงจังก็แล้วกัน... คือ บางสิ่งที่คิดว่าแย่ (โชคร้าย) ณ เวลาหนึ่ง อาจเป็นเหตุส่งผลให้ได้พบสิ่งที่ดีกว่าก็ได้ ดังนั้น ดีหรือแย่ เวลาเท่านั้น ที่จะเป็นตัวบอก... ดังนั้น พยายามตั้งสติ มองโลกในแง่ดี ทุกอย่างก็จะดีเอง ... พยายามมองหาแง่ดี ของสิ่งที่เราประสบ ... แล้วเราก็จะไม่ทุกข์กับมัน... นิทานเรื่องนี้ก็เอวัง ด้วยประการฉะนี้...


Create Date : 17 กันยายน 2550
Last Update : 23 เมษายน 2554 13:34:54 น. 0 comments
Counter : 759 Pageviews.

I_am_Nin
Location :
กาญจนบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีค่ะ ท่านผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน... ทางเว็บของเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้อนรับทุกท่านเข้าสู่บล็อกแห่งนี้...

โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่มีอุปนิสัยสนุกสนานร่าเริง รักการอ่านทุกประเภท ชอบท่องเที่ยว (ไม่รักสัตว์ ไม่รักเด็ก เพราะไม่คิดจะเป็นนางงาม อิอิ)... ส่วนใหญ่ก็ไปเที่ยวตามแต่กำลังทรัพย์ ชอบเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติต่างๆ ปัจจุบันตอนนี้มีความสนใจและความชอบเพิ่มขึ้น ตามวงปีที่ได้เรียนรู้โลกที่เพิ่มมากขึ้น อาทิ ซีรีส์ วาไรตี้ และนักร้องเกาหลี (เข้าสู่วงการเมื่อประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว และบัดนี้ก็ยังไม่ได้ออกมา ...ก็อย่างที่เค้าบอก ว่าวงการนี้เข้าง่าย แต่ออกยาก)

... หน้าที่การงานตอนนี้ ก็หลบเลี่ยงจากความวุ่นวายของเมืองกรุงฯ มาทำงานอยู่ในจังหวัดใกล้ๆ ที่ขับรถ 2-3 ชั่วโมงก็มาถึงแล้ว (อยู่ที่ว่าจะมาเส้นไหน ขับรถเร็วมั้ย และติดไฟแดงเยอะรึเปล่า) มีสโลแกนของจังหวัดว่า 'แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ มณีเมืองกาญจน์' หลังจากที่เรียนจบมานานจากเกาะอันไกลโพ้น
Group Blog
 
<<
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
17 กันยายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add I_am_Nin's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.