Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2548
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
30 พฤศจิกายน 2548
 
All Blogs
 
เลาะริมน้ำ ... ตามหาฉัททันต์



พระยาฉัททันต์เป็นพระนามของพระพุทธเจ้าครั้งเสวยพระชาติในกาลหนึ่ง โดยพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเกิดเป็นช้างตัวใหญ่นามว่า “พญาช้างฉัททันต์” มีโขลงช้างในปกครอง 800 เชือก ทำการบูชาพระปัจเจกพุทธเจ้า 500 องค์ในป่าหิมพานต์ มีชายา 2 เชือก ชื่อมหาสุภัททาและจุลสุภัททา ตามปกติในฤดูฝนพญาช้างฉัททันต์และบริวารจะพักอาศัยอยู่ในถ้ำเงินเชิงเขาสุวรรณปัสส์ แต่พอถึงฤดูร้อนจะนำโขลงออกมาอยู่ที่ใต้ต้นไทรใหญ่ริมสระ

เดือนพฤศจิกายนของทุกปี ภาคใต้ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งทำให้ทุกๆ 2 เดือนสุดท้ายของปียังคงมีฝนตกหนักอยู่ตลอด ผมนัดหมายกับเอและปุ้ยไปเดินดูกล้วยไม้ในป่าตามเส้นทางของสระมรกต ซึ่งอยู่ในแนวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม พื้นที่บริเวณนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ตามเส้นทางทางน้ำตกร้อน เขานอจู้จี้ น้ำตกโตนเตียว สามารถไปสุดเส้นทางได้ที่บ้านแผ่นดินเสมอ เมื่อหลายปีก่อนผมต้องเดินทางไปทำงานบนบ้านแผ่นดินเสมอบ่อยๆ ทางขึ้นนั้นยากลำบากมากทีเดียว บางทีขับรถปิคอัพขึ้นไปได้แค่ครึ่งทาง และต้องนัดหมายให้ชาวบ้านขี่รถเครื่องลงมารับที่จุดนัดหมาย

กล้วยไม้ป่าชนิดที่เราต้องการค้นหาในครั้งนี้คือ “พระยาฉัททันต์ Vandopsis gigantea” กล้วยไม้ขนาดใหญ่ซึ่งเคยพบได้มากในบริเวณนี้ ลักษณะของลำต้นของพระยาฉัททันต์มีขนาดใหญ่ เจริญทอดยอดคล้ายกล้วยไม้ในสกุลช้าง สามารถขึ้นจากพื้นที่มีอินทรียวัตถุสูง ออกดอกเป็นช่อห้อย มันเป็นกล้วยไม้อีกชนิดหนึ่งที่ถูกลักลอบนำลงมาขายในช่วงปีสองปีนี้เป็นจำนวนมาก กล้วยไม้พันธุ์แท้ในสกุล Vandopsis ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทยมีเพียง 2 ชนิดเท่านั้น ถ้าพระยาฉัททันต์เป็นชนิดที่พบได้กว้างขวางกว่า “เขาพระวิหาร” (Vandopsis lissochiloides) ที่มีถิ่นกำเนิดทางภาคอีสานตอนใต้เท่านั้น



เมื่อแวะกินข้าวหมกไก่อิสลามที่ตลาดเหนือคลองจนอิ่มดี เอทำหน้าที่พลขับนำเราไปยังจุดหมาย เขาเล่าให้ฟังว่าเมื่อ 2 –3 สัปดาห์ก่อนหน้า เขาเจอกับคนแบกกระสอบบรรจุกล้วยไม้ป่าเดินลงมาจากเขา ทั้งที่มันเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แต่ก็ไม่วายถูกรุกรานอยู่ดี สระมรกตในวันนี้ถูกพัฒนาดูคึกคักกว่าแต่ก่อน ทั้งที่จอดรถ ทั้งร้านค้า ดูเป็นสัดเป็นส่วนดีขึ้นกว่าเมื่อ 4 ปีที่แล้วที่ผมเคยมาที่นี่ เอ ปุ้ยและผม เดินเลาะทวนเส้นทางน้ำไปทางทิศตะวันออก กล้วยไม้ชนิดแรกที่เราพบก็คือ Plocoglottis quadrifolia มันขึ้นจากผิวดินที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้งใต้ร่มไม้ใหญ่ แผ่นหลังใบสีเขียวเข้มเป็นมันดูแข็งแรง ท้องใบออกไปทางสีม่วง พบช่อดอกอยู่ 2-3 ช่อ แต่ถ่ายรูปยากมากเพราะบริเวณที่พบร่มทึบมาก ถัดมาอีกไม่ถึง 200 เมตร เราพบต้นไม้ใหญ่ขนาดเส้นรอบวงซัก 2 เมตรโค่นขวางทางอยู่ เอจึงชวนไต่ลำต้นออกไปดูกล้วยไม้ที่ติดริมธารน้ำ ที่จุดนั้นจุดเดียวเราพบกับกล้วยไม้หลายชนิดที่ขึ้นอยู่ในที่แคบๆ แค่ 20 ตารางเมตร มีทั้งหญ้าจิ้มฟันควาย (Arundina graminifolia) เอื้องขาไก่ (Flickingeria fimbriata) กล้วยไม้ดิน (Bromheadia finlaysoniana) เอื้องกาบดอก (Pholidota imbricata) กล้วยไม้ดินใบหมาก (Spathoglottis plicata) ตะขาบใหญ่ (Dendrobium leonis) และสิงโตที่เราไม่สามารถระบุชนิดได้ (Bulbophyllum sp.) ผมสังเกตว่ากล้วยไม้ในบริเวณนี้มักจะขึ้นในบริเวณที่ติดลำน้ำในจุดที่ได้รับแสง และขึ้นในจุดเตี้ยๆ หลายชนิดขึ้นที่โคนต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่เกือบจะปริ่มน้ำ ที่ลุ่มพรุแบบนี้มักมีความเป็นกรดสูง ความอุดมสมบูรณ์ต่ำ พืชอีกชนิดที่ชอบสภาพแวดล้อมแบบนี้คือ “หม้อข้าวหม้อแกงลิง Nepenthes sp.” มันเลื้อยพันต้นไม้อยู่ในบริเวณนั้นเป็นจำนวนมาก ผมเคยลองเลี้ยงอยู่เหมือนกันแต่ไม่ค่อยเวิร์ก ต้นใหญ่ ใบสวยดี แต่ไม่มีหม้อ มารู้เอาทีหลังว่ามันไม่ชอบไนโตรเจน ถ้ามันขาดธาตุไนโตรเจนมันจึงจะเปลี่ยนระยางค์ปลายใบให้เป็นถ้วยคอยดัดจับหาธาตุอาหารที่มันต้องการจากแมลงที่พลัดตกลงไปในหม้อของมัน ปุ้ยบอกว่าตอนเด็กๆ เคยเก็บหม้อไปใช้นึ่งข้าวเหนียว

แล้วเอก็ชวน “ลงไปเดินลุยน้ำดูกันเลยมั้ยพี่ น้ำไม่ลึกหรอก ลึกสุดประมาณหน้าอกเราเองพี่”

ปุ้ยทำหน้าไม่เห็นด้วย “น้ำระดับอกพี่นี่มันมิดหัวปุ้ยเลยนะ” ความสูงของเธอเป็นข้อจำกัด แต่ผมกลับสังเกตว่า จุดที่ต้องเดินลอดกิ่งไม้ ปุ้ยดูจะมุดคล่องแคล่วกว่าคนอื่นๆ

“เดี๋ยวคราวหน้า พี่เอเตรียมเรือยางมาสิ พายทวนขึ้นไปเรื่อยๆ” ปุ้ยหาทางออกที่ดูเข้าท่าไม่เบา

เรากลับเข้ามาเดินทางต่อ ซักพักเอก็เรียกให้ไปดูขาไก่ป่า 3 กระจุกถูกถอนทิ้งอยู่ข้างทาง ผมถ่ายรูปไว้แล้วเราก็ช่วยกันเอาไปปลูกคืนไว้ตามต้นไม้ใหญ่ บางต้นเอเอาไปแปะคืนไว้ที่ต้นไม้ที่มีหนาม “ดูสิมันจะมาเอาอีกมั้ย” แต่ผมก็รู้สึกว่าเราน่าจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เพราะตลอดทางต่อจากนั้น เราพบกล้วยไม้ป่าที่ถูกกระชากลงมาไม่ต่ำกว่า 20 จุด บางต้นก็มีกิ่งไม้ติดมาด้วย บางต้นก็กระชากจนไม่เหลือแม้แต่ราก ทั้งเอื้องมะลิ เอื้องแปรงสีฟันและขาไก่ป่า มันสะท้อนความเสื่อมของจิตใจมนุษย์ได้ดีแท้ๆ อยากได้ก็หยิบก็ฉวย แต่พอเปลี่ยนใจก็ทิ้งมันไว้ตรงนั้นเอง






ปุ้ยบ่นว่าอากาศเริ่มอ้าว ซักพักฝนคงตก เราจำเป็นต้องเร่งฝีเท้าขึ้น ระหว่างทางไม่มีที่หลบฝน หากฝนตกเราคงต้องสังเวยกล้องและโทรศัพท์มือถือให้กับสายฝน ใกล้ถึงสระน้ำที่เป็นจุดหมาย เราพบกับดง “บัวสันโดษ Nervilla aragoana” ขึ้นอยู่หลายกลุ่ม เอบอกว่าที่นี่ใบมันไม่ค่อยมีลาย แต่แรกผมตั้งสมมติฐานไว้ในใจว่า เพราะมันอยู่ในที่ร่มกระมัง มันจึงไม่ค่อยมีลาย แต่สุดท้ายก็ได้คำตอบตามที่เอบอก เพราะไม่ว่าจุดที่พบกลางแจ้งหรือใต้ร่มก็ไม่มีลายทั้งนั้น ความสวยของมันไม่เพียงเฉพาะดอก เพราะใบเดี่ยวสีเขียวสดมีขอบใบที่หยิกเป็นลอนนั้นดูน่าหลงใหล มีคนเคยเล่าให้ฟังว่าคนโบราณใช้หัวของบัวสันโดษเป็นสมุนไพร มีฤทธิ์แก้ขัดยอกปวดเมื่อย และสามารถนำมาฝนใช้ทาแผลสด แก้ฝีและแผลอักเสบได้ดีอีกด้วย คนโบราณรู้จักใช้ประโยชน์จากธรรมชาติมาช้านาน น่าเสียดายว่าปัจจุบันจำนวนบัวสันโดษในธรรมชาติคงไม่มากพอให้เก็บมาใช้เป็นยาได้ง่ายๆ อีกต่อไป

น้ำในสระใสสวยเหมือนมรกตสมชื่อ เอกระเซ้าปุ้ยว่า “ชั้นบอกเธอแล้วให้เตรียมบิกินี่มาว่ายน้ำ” ผมอดขำเขาไม่ได้ เราเลาะข้างสระเดินขึ้นไปดูสิ่งที่เราต้องการ จุดมุ่งหมายของผมต้องการเห็นพระยาฉัททันต์ ซึ่งฟังจากคำบอกเล่าแล้ว มีคนเคยพบมันอยู่มากบริเวณต้นน้ำ เราคนหามันอย่างรีบเร่ง กลุ่มเมฆเริ่มจับตัวใหญ่ขึ้นและไม่ช้าคงรวมตัวเป็นเม็ดฝน เราพบแต่หวายไม่ทราบชนิด กุหลาบกระเป๋าปิด (Aerides odorata) เอื้องแปรงสีฟัน (Dendrobium secundum) และกะเรกะร่อน (Cymbidium sp.) ขึ้นบนพื้นดินเต็มบริเวณนั้น แต่ก็ต้องผิดหวังที่พระเอกที่เราต้องการเจอตัวในวันนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่เสียแล้ว สักต้นเดียวเขาก็ไม่เหลือไว้ให้เราดู พระยาฉัททันต์เลี้ยงให้รอดอาจไม่ใช่เรื่องยาก แต่ผมก็คิดว่ามันให้ดอกยากอยู่สักหน่อย ผมเตรียมหลอดพลาสติกกับไม้จิ้มฟันมาเพื่อจะช่วยผสมและส่วนหนึ่งคิดว่าจะเก็บเกสรออกไปผสมกับช้างที่กำลังจะออกดอก แต่ก็ต้องผิดหวัง เอเอ่ยชวนผมไปเดินน้ำตกโตนเตียวซึ่งอยู่เหนือสระมรกต โดยคาดหวังว่ามันเป็นน้ำตกเปิดใหม่ มันน่าจะยังมีการบุกรุกน้อยกว่านี้

ทั้ง 3 คนกลับมาอยู่ที่จุดต้องตัดสินใจอีกครั้งว่าจะเสี่ยงจ้ำกลับออกไป หรืออีกทางก็คือรอให้ฝนตกจนหยุดก่อน เมื่อมีมติว่าเราควรรีบโกยแน่บออกไปสู่ทางออกอีกด้าน เราก็เริ่มจ้ำกันเลย ผมกับเอขายาวกว่าปุ้ย ผมเดิน 10 ก้าว แต่ปุ้ยต้องเดิน 14-15 ก้าว แต่ผมก็สังเกตว่าเขาไม่เหนื่อย ระหว่างทางเรายังเจอกับดอกหญ้าจิ้มฟันควายตกอยู่อีก 1 ดอก คนมือบอนคงเด็ดมาเล่นแล้วทิ้งส่ง เห็นแล้วยิ่งดูอ่อนใจ กล้วยไม้ป่ามีคุณค่าแค่นี้เองหรือ



** แก้ไขชื่อวิทยาศาสตร์ตามที่คุณหมอกฝนท้วงติงครับ ขอบคุณครับ 28/6/2006


Create Date : 30 พฤศจิกายน 2548
Last Update : 28 มิถุนายน 2549 8:31:09 น. 19 comments
Counter : 6265 Pageviews.

 
เข้ามาเก็บความรู้และความรู้สึกธรรมชาติๆครับ


โดย: ไผ่เล่นลม วันที่: 30 พฤศจิกายน 2548 เวลา:21:25:19 น.  

 
อยากไปมั่งจังครับ


โดย: Paphmania วันที่: 30 พฤศจิกายน 2548 เวลา:22:29:08 น.  

 
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม น้าโหด

แล้ว กรรม คือ การกระทำ ก็จะตกไปสู่คนรุ่นต่อไป จริงๆ


โดย: เสือจุ่น วันที่: 1 ธันวาคม 2548 เวลา:9:32:21 น.  

 
มันไม่ใช่แค่ในเมืองไทยแล้วละครับ สำหรับการออกล่ากล้วยไม้ ในลาวก็หนักเหลือเกิน เวียดนามก็เช่นกัน แต่ในลาวจะหนักมากเพราะส่งเข้ามาในไทยง่ายเหลือเกิน
เราจะทำอย่างไรดีละ งดซื้อไม้กำกันดีกว่า แล้วหาไม้ขวดมาเลี้ยงกัน อย่าเอาแต่ภาพมาโชว์กันเลยเลี้ยงกันด้วยหัวใจดีกว่าครับ
ผมเห็นว่าหากเราไม่เริ่มต้นการอนุรักษ์อย่างจริงจัง และเริ่มจากกลุ่มเล็กๆ อย่างพวกเรา มันจะใหญ่ได้อย่างไร
เลิกซื้อไม้กำ ยี่สิบปี กล้วยไม้ก็เต็มป่าครับ ผมคิดอย่างนั้น


โดย: JUNGLE MAN วันที่: 1 ธันวาคม 2548 เวลา:12:16:37 น.  

 
อะนะ 150 ซม.เนี่ยมาตรฐาน หญิงไทยขนาดพกพาค่ะ

เห็นด้วย กับความคิดของหลายๆท่านที่ทำไม้ขวดออกมาแล้วแจก หรือขายในราคาต่ำกว่าไม้ขวดค่ะ เพื่อให้คนที่อยากเลี้ยงมีไม้เลี้ยงโดยไม่ต้องไปเบียดเบียนไม้ป่าค่ะ


โดย: pui IP: 203.113.71.137 วันที่: 1 ธันวาคม 2548 เวลา:12:52:52 น.  

 
แก้ไขค่ะ ทำให้ราคาไม้ขวดถูกกว่าไม้กำ อิอิ


โดย: ไม่ได้ตั้งใจโสด IP: 203.113.71.137 วันที่: 1 ธันวาคม 2548 เวลา:17:11:02 น.  

 

^
^
คิคิ .. ขอนอกเรื่องก่อนนะคะ

กะแล้วว่าเจ๊โสดของเราต้องใส่
เสื้อส้ม หมวกส้ม นาฬิกาส้ม
จริงๆมันมีกระเป๋าเป้สีส้มด้วยนะคะ
แต่ใบนี้ใบใหม่กระทัดรัด

ถ้าเจอตัวแล้วมันสูงเกิน 150 และไม่ส้ม
แปลว่าของ(ตัว)ปลอม .. ให้เอาไปวางคืนที่เดิม



โดย: คำหล้า IP: 61.90.105.17 วันที่: 1 ธันวาคม 2548 เวลา:22:17:57 น.  

 
คำหล้าอ่านแล้วเศร้าใจนะคะ .. แต่ถ้าที่เค้าทึ้งทิ้งเนี่ย
คำหล้าไปเก็บมาปลูกที่บ้าน จะผิดมั้ยคะ .. แหะๆ

(ไม่เอาหรอกค่ะ .. ที่มี(ได้ฟรีมา)ก็จะเลี้ยงไม่ไหวแล้ว)

ใจนึงอ่านก็สงสารกล้วยไม้ อีกใจก็ฉงฉานเพื่อน ..
โดนแอบเหน็บแนมทั้งระหว่างเดินทางและในบลอคเยย .. เหอๆ


โดย: คำหล้า IP: 61.90.105.17 วันที่: 1 ธันวาคม 2548 เวลา:22:22:37 น.  

 
ตามมาชมครับ ไม่มีความคิดเห็นแล้ว


โดย: นายยล วันที่: 3 ธันวาคม 2548 เวลา:0:04:44 น.  

 
เสียดายไม่มีใครชวนผมเลยอ่ะ .. น่าสนุกจัง

ปล. เพิ่งรู้ว่าน้าโหดมีบล๊อคแล้ว ผมยังไม่มีเลยหง่ะ


โดย: แมงเม่ารูปหล่อ IP: 202.142.195.71 วันที่: 8 ธันวาคม 2548 เวลา:9:49:34 น.  

 
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเบิ่งครับ

สงสารคำนางจริงๆ ทำไมคนชอบแกล้งคำนางเหลือเกิน แต่สีส้มอย่าใส่เดินท้องนานะ โดนขวิดเอาง่ายๆ เลย

พี่เม่ารูปหล่อครับ พี่ไม่กะเอากุญจบ้านให้เข้าไปขโมยกล้วยไม้ใน blog พี่บ้างเลยหรือครับ


โดย: น้าโหด IP: 203.151.140.119 วันที่: 8 ธันวาคม 2548 เวลา:17:52:43 น.  

 
คราวหน้าไปลุยน้ำตกกันน้า


โดย: ลิงเล IP: 203.114.126.27 วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:9:48:07 น.  

 
สวัสดีค่ะ อ๊อดทำงานที่โรงพยาบาลประโคนชัย อยากรู้จักน้าโหดคนนี่จังและอยากได้คำแนะนำเกี่ยวกับกล้วยไม้รับไว้พิจารณาด้วยนะค่ะรวมถึงปาปิลันด้วยคะ


โดย: อีอดค่ะ IP: 203.156.61.132 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:15:52:46 น.  

 
อยากได้บ้างจัง


โดย: อ๊อดค่ะ IP: 203.156.61.132 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:12:46:18 น.  

 
ยังไม่ว่างใช้ไหม พอดีอยากรู้เรื่องนี้มากเลยค่ะน้าโหดอยู่ไหนค่ะ


โดย: อ๊อดค่ะ IP: 203.156.61.226 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:16:56:37 น.  

 
ขอโทษครับ ผมไม่ได้เข้ามาดูหน้านี้เลยเป็นเดือนๆ คุณอ๊อดปล่อยมันอยู่ในป่าไม่ดีกว่าหรือครับ เจตนาของผมที่สร้าง blog นี้เพื่อส่งเสริมการสงวนพันธุ์กล้วยไม้ป่าในแหล่งธรรมชาติ ไม่ได้ตั้งใจสร้างให้เกิดความอยากได้แล้วไปเก็บจากธรรมชาติมาเลี้ยงนะครับ


โดย: น้าโหด วันที่: 28 เมษายน 2549 เวลา:16:38:21 น.  

 
สวัสดีค่ะน้าโหด ..
หนูเข้ามาเยี่ยมชมค่ะ (เป็นพวกมือสมัครเล่น หัดเลี้ยง ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ) คุณน้าบรรยายเห็นภาพดีแท้ เห็นด้วยกับท่านค่ะ บังเอิญได้พญาฉัททันต์มา 1 ต้นค่ะ เห็นคนให้เขาบอกว่า..พญาฉัททันต์ต้นนี้มาจากแถวๆเขาพระวิหาร แต่ตอนนี้สภาพยังไม่สู้ดีเพราะมาในสภาพน่าสงสารเชียวค่ะ กำลังพยาบาลอยู่ หวังว่าคงจะรอด ถ้ารอดจะเข้ามาบอกนะคะ


โดย: ตุ๊กตา IP: 124.121.80.20 วันที่: 21 กรกฎาคม 2549 เวลา:10:41:22 น.  

 
^
^
เอาใจช่วยครับ


โดย: น้าโหด วันที่: 22 กรกฎาคม 2549 เวลา:20:39:45 น.  

 
ขอบคุณมากครับที่ให้ความรู้


โดย: เด็กตรังจ่ะ IP: 203.146.63.185 วันที่: 7 มิถุนายน 2550 เวลา:18:07:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

น้าโหด
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




Friends' blogs
[Add น้าโหด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.