Group Blog
กล้วยไม้ในป่าไทย
Thai native orchid profiles
โลกสีเขียว
ถอดความ
GMOs
เล่าเรื่องจากภาพถ่าย
Portfolio
Film addicted
Half frame
เรื่องเมืองไทย
ขายกลัวยไม้
<<
ตุลาคม 2548
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
9 ตุลาคม 2548
ม. ม้า เงื่องหงอย
All Blogs
กล้วยไม้พันธุ์แท้ดอกหอม (ตอนที่ 2)
กล้วยไม้พันธุ์แท้ดอกหอม (ตอนที่ 1)
ทิ้งใบ ให้ดอก
กล้วยไม้พันธุ์แท้ของไทยที่มีบทบาทต่อการทำลูกผสม (ตอนที่ 2)
กล้วยไม้พันธุ์แท้ของไทยที่มีบทบาทต่อการทำลูกผสม (ตอนที่ 1)
กล้วยไม้ในสวนยาง (ตอนที่ 2)
กล้วยไม้ในสวนยาง (ตอนที่ 1)
บานเดี๋ยวเดียวก็เหี่ยวเสียแล้ว
ถิ่นอาศัยของกะเรกะร่อนในธรรมชาติ
สำรวจกล้วยไม้กับชายบ้าหม้อ (ข้าวหม้อแกงลิง) ตอน 2
สำรวจกล้วยไม้กับชายบ้าหม้อ (ข้าวหม้อแกงลิง) ตอน 1
สิงโตในรังเพลิง
กล้วยไม้ในป่าชุ่มน้ำ
ลุยโคลน .. ดูสิงโตอาบน้ำ
กล้วยไม้ ... ไม่น่าเลี้ยง (ตอนที่ 3)
กล้วยไม้ ... ไม่น่าเลี้ยง (ตอนที่ 2)
กล้วยไม้ ... ไม่น่าเลี้ยง (ตอนที่ 1)
ตะเข็บไทย .... ตะเข็บไพร
เลาะริมน้ำ ... ตามหาฉัททันต์
ตามรอยหมูป่า หาก่อ เฟิน และกล้วยไม้
ม. ม้า เงื่องหงอย
เขา ฒ.ผู้เฒ่า
มุดถ้ำ ... หาน้ำทอง
ดูเหลืองกาญจน์ที่ป่าไทรโยค
กล้วยไม้ป่าภาคใต้
จากหาดทรายขาว ... สู่ตะนาวศรี
กะเรกะร่อนกับต้นตาล
ม. ม้า เงื่องหงอย
ผมกลับมายืนที่นี่อีกครั้ง พร้อมรำลึกถึงครั้งแรกเมื่อ 4 ปีที่แล้วที่ได้เดินทางมาที่นี่ครั้งแรก มันช่างแตกต่างกันมากเหลือเกิน ทั้งถนนลาดยางที่ตัดใหม่เอี่ยมที่สามารถขับรถเข้าถึงอย่างสบายๆ รถราผ่านเข้าออกเกือบทุก 5 นาที ทั้งที่สมัยก่อนพื้นที่ตรงนี้ดูลึกลับ จะมีก็แต่ชาวบ้านกับคนหลงทางที่จะเข้ามาถึงจุดนี้ได้กระมัง
เบื้องหน้าผมคือผืนป่าชายหาด คะเนด้วยสายตาผืนดินตรงหน้าน่าจะมีเนื้อที่ 3-4 ไร่ ต้นไม้ใหญ่ที่เคยเห็นในป่านี้เมื่อ 4 ปีก่อนบัดนี้ถูกโค่นลงหมดแล้ว เหลือเพียงไม้ทนเค็มเล็กๆ ความสูงสุดน่าจะประมาณ 3 เมตร แต่เมื่อไรที่ไม้เหล่านี้โตพอที่จะตัดได้อีก มันก็คงถูกตัดอีกอยู่ดีนั่นแหละ ชาวบ้านใช้ไม้เหล่านี้เป็นเชื้อเพลิงในการผึ่งปลาทะเลและปลาหมึก และที่ท้ายป่า ผมยังเห็นสิ่งปลูกสร้างใหม่ที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้สำหรับรมควันทรัพยากรจากทะเลเหล่านี้อีกด้วย
ต้นเดือนตุลาคม 2548 ผมกับพี่ดวงตั้งใจจะมาเยี่ยม ม้าวิ่ง
Doritis pulcherima
เสียหน่อย เหตุก็เพราะเมื่อหลายปีก่อน ผมกับเพื่อนๆ เคยเจอมันแบบดาษดื่น เมื่อเดินลุยเข้าไปต้องหาที่วางเท้าให้ดี เพราะเผลอเข้าเมื่อไรเป็นได้เหยียบเอาบนกอม้าวิ่งที่ขึ้นกระจายตัวบนพื้นดิน มันจัดให้เป็นกล้วยไม้ที่สามารถเจริญเติบโตได้บนพื้นหิน (Lithophytic) แต่มันต้องจัดให้อยู่ในกลุ่มพืชทนเค็มได้ด้วย มันสามารถขึ้นอยู่บนพื้นทรายแน่นๆ ที่ผสมรวมกับเศษซากอินทรียวัตถุในบริเวณนั้น
ดอกไม้ไปไหน
ผมได้ยินข่าวจากคนที่เป็นหน่วยข่าวกรองส่วนตัวก่อนวันที่ผมจะเดินทางเข้ามา 1 วันว่า มีนักวิชาการเห็นแก่ตัวเดินทางมาที่นี่เมื่อวันอาทิตย์ เขากลับไปพร้อมม้าวิ่งเต็มกระบะ 1 คันรถปิคอัพ อ่านไม่ผิดหรอกครับ 1 กระบะรถปิคอัพจริงๆ โครงการอนุรักษ์พันธุ์อะไรนั่นเป็นใบเบิกทางที่ดีที่สามารถสร้างสิทธิทำอะไรที่คนทั่วๆ ไปไม่สามารถทำได้ เขาเก็บไปทำไมกันตั้ง 1 คันรถ อนุรักษ์บ้าบออะไรกัน มันเป็นสมบัติของใครกันแน่ มันควรเป็นของชาติ หรือพูดให้ถูกจริงๆ แล้ว มันควรที่จะเป็นสมบัติของมวลมนุษยชาติเสียด้วยซ้ำ ผมไม่เถียงหรอกว่ากล้วยไม้ที่เป็นลูกผสมต่างมีพื้นฐานจากกล้วยไม้พันธุ์แท้ด้วยกันทั้งสิ้น แต่การนำออกไปจากป่าเป็นคันรถ ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่าเขาเอาไปทำอะไรมากมายขนาดนั้น
ผมเดินนำหน้าพี่ดวงเข้าไปในเขตที่เคยพบม้าวิ่งอยู่เป็นจำนวนมาก แค่ไม่ถึง 50 เมตรจากปากทางเข้า เราก็ได้พบกับเศษต้นม้าวิ่งตกหล่นอยู่เป็นจำนวนมาก บ้างก็แห้งตายไปแล้ว บ้างก็ยังสดอยู่ เมื่อเดินเข้าไปลึกขึ้นอีก ผมยิ่งรู้สึกสลดหดหู่ใจยิ่งขึ้นไปอีก กล้วยไม้ที่เคยเห็นอยู่เป็นจำนวนมาก คะเนด้วยสายตาเหลือไม่ถึงครึ่งหนึ่ง ผมวานให้พี่ดวงช่วยสำรวจทั่วบริเวณอย่างลวกๆ ว่า มีจุดใดที่ผิดปกติมากกว่าที่เห็น เพียง 15 นาที พี่ดวงก็ตะโกนเรียกให้ไปดูเศษต้นม้าวิ่ง
บริเวณที่เห็นเป็นคลองเล็กๆ มีหญ้าขึ้นรก ซึ่งมีเศษม้าวิ่งที่ถูกถอนขึ้นมาอย่างชุ่ยๆ ทิ้งอยู่ ส่วนใหญ่มันไม่มีราก เขาเก็บมันมาและนำมาคัดตรงคลองนี้เอง ส่วนที่รากขาดเขาทิ้งมันไว้ เลือกไปแต่สภาพดีๆ ผมวานให้พี่ดวงคัดเอาต้นที่พอมีหวังที่จะรอดแล้วเดินไปพบกันที่จุดนัดพบ ผมอยากเก็บภาพสิ่งที่เหลืออยู่ เพราะไม่มั่นใจเลยว่าครั้งหน้าที่ผมจะมีโอกาสเข้ามาเหยียบที่นี่อีกครั้ง ผมจะพบมันบ้างหรือเปล่า
ในปีปกติ ม้าวิ่งจะเริ่มให้ดอกในช่วงต้นฤดูฝน ประมาณเดือนมิถุนายนต่อเนื่องมาเรื่อยๆ เดือนตุลาคมคมจึงต้องเรียกว่าเป็นปลายฤดูดอกแล้ว สีของดอกม้าวิ่งมีความหลากหลายมาก แบบกลีบและปากมีสีเดียวกัน ทั้งสีชมพูเข้ม ชมพูอ่อน ค่อนไปทางขาวเหลืองก็มี แบบที่กลีบเป็นสีชมพู สีแดง ปากเป็นสีเหลืองก็มี ผมพยายามเก็บภาพให้ได้หมดทุกสี ยุงลายตัวเล็กๆ กัดกวนอยู่ไม่ขาด ยิ่งเวลาเราเริ่มเหงื่อออก มันยิ่งตามรุมตอมจองล้างจองผลาญอย่างไม่ลดละ ว่ากันว่ายุงจะบินตามก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มนุษย์หายใจออกมา พอมันจับเรดาห์ได้ก็โจมตีในทันที ครู่ใหญ่ๆ พี่ดวงกลับมาพร้อมม้าวิ่งหอบใหญ่ที่คัดเลือกจากของทิ้ง ทำเอาผมตกใจเพราะมันเยอะเหลือเกิน จนต้องย้ำแกว่าเอาเฉพาะส่วนที่คนถอนทิ้งไว้เท่านั้น แกก็พยักหน้าหงึกๆ ตอบว่าใช่ และบอกว่ายังเอามาไม่หมด ยังเหลืออีกครึ่งหนึ่ง ต้องเดินกลับไปเอาอีกเที่ยว
อำลา ... ถาวร
การทำลายล้างที่รุนแรงกว่านั้นก็คือการบุกรุกที่เพื่อเปลี่ยนไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นเช่น การทำสวนปาล์มน้ำมันและยางพารา รวมถึงการปลูกสิ่งก่อสร้าง ซึ่งจำเป็นต้องดันเอาต้นไม้ออกจึงปรับที่ได้ กล้วยไม้เหล่านี้แทบไม่มีโอกาสรอดเลย เพราะหากรอดหลงเหลือจากการปรับที่ได้ มันยังต้องผจญกับพิษยาฆ่าหญ้าที่ติดตามมาอีก ชาวบ้านไม่รู้จักว่าม้าวิ่งคืออะไร รู้แต่ว่ามันเป็นพืชที่ไม่ต้องการ นึกว่ามันเป็นหญ้าเสียด้วยซ้ำ บ่อยครั้งเราจึงเห็นชาวบ้านนำวัวมาผูกให้เล็มหญ้าที่ชายป่า วัวไม่ชอบกินม้าวิ่งนักหรอก แต่มันจะเดินรอบหลักและย่ำจนกอกล้วยไม้จนแหลก เคยได้ยินเรื่องม้าวิ่งที่มีถิ่นกำเนิดที่จังหวัดชุมพรที่เดียวที่มีชื่อว่า ม้าบิน var.chumpornensis มั้ยครับ ลักษณะที่แตกต่างจากม้าวิ่งทั่วไปก็คือมันมีหู (Splash) สีเหลืองส้มแต้มอยู่ที่ปลายกลีบ ม้าบินในสภาพธรรมชาติทุกวันนี้ สันนิษฐานได้ว่าหายากเต็มที ทั้งที่สมัยก่อนเป็นไม้ที่พบไม่ยากเลย คนเก่าแก่เคยเล่าให้ฟังถึงม้าบินที่ อ.ปะทิวว่า หากพ้นเขต อ.เมืองออกไปตามถนนทางไปหาดทุ่งวัวแล่น ป่าชายหาดเกือบทุกแห่งเต็มไปด้วยม้าวิ่ง และมีบางจุดที่สามารถพบม้าบินด้วยเช่นกัน หลังจากความหนาแน่นของชุมชนบริเวณนั้นเริ่มมากขึ้น พื้นที่ป่าเหล่านี้กับเปลี่ยนไปเป็นพื้นที่การเกษตรบ้าง ที่อยู่อาศัยบ้าง เราจึงไม่มีโอกาสได้เห็นกล้วยไม้ชนิดนี้ง่ายๆ เมื่อแต่ก่อนอีกต่อไป
ผมถ่ายรูปจนพอใจแล้ว ออกมายืนตรงลานเล็กๆ กลางป่า รู้สึกบอกไม่ถูกกับกองม้าวิ่งที่พี่ดวงเอามากองไว้ มันมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 100 ต้น นึกอยู่ว่าจะจัดการกับมันอย่างไรดี จะปล่อยไว้ที่นี่มันก็ตาย หากจะรอดก็คงต้องเผชิญกับการถูกคุกคามอีกแน่ ถ้าจะเอากลับไปด้วย ผมก็ไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นคนทำลายธรรมชาติ ในที่สุดผมตัดสินใจให้พี่ดวงแบ่งม้าวิ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นส่วนที่มีรากติดมาบ้าง ผมกับพี่ดวงช่วยกันเอาไปปลูกที่ใต้ต้นไม้ริมป่านั่นเอง อีกส่วนเป็นต้นที่ไม่มีรากติดเลย ผมเอามันกลับมาด้วย นับจำนวนดูได้ 44 ต้น โอกาสรอดคงไม่ถึงครึ่ง
ผมกลับออกมาด้วยความคิดที่ตบตีกันในสมอง คุณจะว่าผมดัดจริตมั้ย ถ้าจะบอกว่าผมสงสารมันเหลือเกิน ทำอย่างไรจะรักษาส่วนที่เหลืออยู่ให้ได้ ทำอย่างไรจึงสามารถให้มันได้กำเนิดใหม่ สืบสายพันธุ์ของมันในสภาพแวดล้อมที่เป็นบ้านที่แท้จริงของมัน นึกไม่ออกจริงๆ ครับ
Create Date : 09 ตุลาคม 2548
Last Update : 9 ตุลาคม 2548 16:24:03 น.
22 comments
Counter : 1001 Pageviews.
Share
Tweet
น่าสงสารจัง ทำไมเค้าถึงไม่เพาะ ใช้เก็บแบบนี้อีกหน่อยก็โตไม่ทันสินะ
โดย:
อินทรีทองคำ
วันที่: 9 ตุลาคม 2548 เวลา:16:43:03 น.
ผมสงสัย "โครงการอนุรักษ์ฯ " อะไรนั่นจริงๆ เก็บไม้อย่างไร ไม่มีหลักวิชาการ เหลือเศษกระจาย เต็มพื้นที่ รากขาดกระจุยมั่ง ถ้านักวิชาการเก็บจริงๆ เขาจะเลือกเก็บในช่วงที่ออกดอกเต็มที่ สามารถหาความหลากหลาย แล้วเก็บเป็นตัวอย่างเพียงชนิดละไม่ถึง 10 ต้น
แต่ม้าวิ่ง มันมีตัวอย่างอยู่เยอะแยะแล้ว แถมไม้ขวดก็เพียบเลย ผมเองมีสี่ห้าต้น ติดฝักเล่น ก็ยังติด
ไม่เห็นต้องขนเป็นคันรถเลย
ขอร่วมประณามด้วยเถอะครับ
โดย: เสือจุ่น (
เสือจุ่น
) วันที่: 10 ตุลาคม 2548 เวลา:10:38:22 น.
อ่านแล้วรู้สึกเสียดายนะครับ
ว่าแต่ น้าโหดน่าจะจัดทัวร์ไปเที่ยวชมป่า พรรณไม้ บ้างสิครับ (อยากไป แต่ไม่อยากใช้สมองคิดเรื่องเดินทาง)
ขอบคุณครับ
โดย:
สำเภางาม
วันที่: 10 ตุลาคม 2548 เวลา:17:51:28 น.
อยากไปเที่ยวดูกล้วยไม้เหมือนกันครับ
โดย:
Paphmania
วันที่: 10 ตุลาคม 2548 เวลา:23:59:39 น.
เฮ้อ........ ผมว่าถ้าน้าโหดเลี้ยงม้าชุดนี้รอดแล้วจะเอากล้วยไม้คืนป่า ผมว่าเอาไปถวายวัดดีกว่า ดูซิจะมีใครเอาของวัดมั้ย
โดย: ลิงเล IP: 203.188.27.109 วันที่: 11 ตุลาคม 2548 เวลา:19:49:46 น.
เรื่องเดินป่าอยากทำเหมือนกันนะครับ แต่ก็กลัวว่างไม่ตรงกัน ไปกันคนน้อยๆ เลือกเฉพาะไม่เรื่องมากไปกัน ผมเสียดายจังคุณหมูกลิ้งหายไปไหนแล้วไม่รู้
โดย: น้าโหด IP: 203.151.140.116 วันที่: 11 ตุลาคม 2548 เวลา:20:45:17 น.
คุณน้าโหด แล้วเดินป่าหน้าฝนนี่อันตรายมะอะ แล้วพวกต้นไม้สวยๆพวกดอกไม้เค้าบานกันตอนไหนอะนะ
โดย:
อินทรีทองคำ
วันที่: 11 ตุลาคม 2548 เวลา:22:39:57 น.
โดย: Hexter IP: 203.185.133.6 วันที่: 12 ตุลาคม 2548 เวลา:11:55:09 น.
Pai pa' duey ji
โดย: Rbby IP: 203.146.116.101 วันที่: 13 ตุลาคม 2548 เวลา:15:15:54 น.
เห็นแบบนี้แล้วอีกหน่อยคงจะไม่เหลืออะไรอยู่กับธรรมชาติ
ให้คนรุ่นหลังได้ชมนะคะ
โดย: noojew IP: 203.188.14.81 วันที่: 13 ตุลาคม 2548 เวลา:19:55:07 น.
ครับ สงสัยจังครับโครการอนุรักษ์พันธ์อะไรนั่น ขนเอาไปทำไมตั้งหนึ่งคันรถ จะเอาไปอนุรักษ์บ้านท่านใดหรือ
น่าเศร้าใจครับที่สภาพธรรมชาติที่สวยงามกำลังจะถูก
ทำลายไปเพราะฝีมือนักอนุรักษ์พวกนั้น
โดย: น้าต๋อย IP: 203.146.133.10 วันที่: 14 ตุลาคม 2548 เวลา:15:17:03 น.
เข้ามาอ่านครับ น้าโหด
อยากไปป่าบ้าง แต่ก็ ไม่เคยไปเลย
ดูท่าทางปัจจุบัน คงไม่สามารถไปได้แล้ว สังขาร ไม่อำนวย ภาระเยอะ
โดย:
กาฝากไร้ใบ
วันที่: 15 ตุลาคม 2548 เวลา:13:24:34 น.
สงสัยต้องขอติดตามน้าโหดไปเดินป่าแบบนี้บ้างซะแล้ว
โดย: Amder IP: 210.213.26.78 วันที่: 19 ตุลาคม 2548 เวลา:11:47:59 น.
มนุษย์เกิดมาใช้ทรัพยากรธรรมชาติกันทุกคน แล้วแต่ว่าไครจะใช้อย่างไร บางคนใช้แบบประหยัด บางคนอาจใช้แบบเบียดเบียน แล้วทำไมไม่ถามตัวเองกันบ้างเคยให้อะไรตอบแทนธรรมชาติและผืนแผ่นดินบ้าง เคยปลูกต้นไม้กันคนละกี่ต้น น่าจะมีกิจกรรมปลูกป่าทดแทนกันบ้างนะครับน้าโหด เพราะผมเห็นเคยทำกันอยู่พักนึง แล้วก็หายไป
โดย: Sippawit (
Sippawit
) วันที่: 21 ตุลาคม 2548 เวลา:16:40:41 น.
เก็บเรื่องราวเคล้าความโหดสมชื่อครับ พวกนี้มันก็เป็นอะไรซักอย่างมังครับ เห็นแก่ตัวจนลืมนึกถึงผืนโลก ขอขอบคุณครับพี่ที่เข้าไปติดตามอ่านของผม
โดย:
JUNGLE MAN
วันที่: 24 ตุลาคม 2548 เวลา:12:21:25 น.
นักวิชาการเลวๆชั่วๆแบบนี้มีอยู่ทุกอนูในทุกวงการ noklekเคยเป็นนักอนุรักษ์ฯมันทำให้หมดกำลังใจ ในที่สุดต้องเปลี่ยนอาชีพ คนพวกนี้พ่อแม่ไม่สั่งสอน ทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างตัวเองให้มีฐานะ เพื่อ ศจ. รศ. ผศ. ซี7 8 9 10 เมื่อมาทำหนังสือพิมพ์ก็ยิ่งถอดใจ นักการเมืองนี้ตัวแสบเลย บ้านเมืองเราถึงเป็นอย่างนี้ สงสารในหลวงค่ะ เพื่อนๆnoklekก็เป็น ขอแสดงความนับถือในความเป็นนักอนุรักษ์ของ"น้าโหด"อย่างท้อหมดใจซะก่อนนะคะ noklekขอคารวะ 1จอก
โดย: noklekkaa(papagearna) (
papagearna
) วันที่: 14 มิถุนายน 2549 เวลา:12:52:10 น.
ขอบคุณคุณซกเล็กที่เข้ามาอ่านครับ ผมไม่ใช่นักอนุรักษ์อะไรหรอกครับ คิดว่าเรื่องนี้มันมากจนเกินงามเท่านั้นจึงนำมาเผยแพร่ครับ
อ้อ .... นกเล็กครับนกเล็ก
โดย:
น้าโหด
วันที่: 27 มิถุนายน 2549 เวลา:14:50:58 น.
แวะมาดูม้าคะ ช่วงนี้เห็นที่JJกำลังออกดอกมีมาขายแยะ .....แก้ข้อมูลหน่อยอ่ะเคยเป็นช่างอนุรักษ์น่ะค่ะไม่ใช่นัก....คนเป็นนักฯนี่ต้องมีอุดมการเหนียวแน่น...มือไวไปหน่อยอ่ะ..เด๋วเพื่อนหมั่นใส้
โดย: noklekkaa(papagearna) (
papagearna
) วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:14:13:26 น.
โดย: nop krap IP: 203.154.97.196 วันที่: 21 กันยายน 2549 เวลา:13:32:39 น.
กล้วยไม้ม้าสวยมาก
โดย: อุ้ม IP: 203.156.44.22 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:16:20:37 น.
สวยดีนะคะชอบกล้วยไม้เป้นพิเศษอยู่แล้วคะ
โดย: เนตรภิรมย์ IP: 202.29.44.30 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:15:25:16 น.
ไม่แน่ใจว่า พี่จะจำผมได้ป่าวนะคับ เมื่อไม่นานนี้ผมแวะไปที่ ที่มาอีกครั้ง เขาประกาศขายที่แล้วนะ ไม่รู้เจ้าของเขารู้ป่าวว่าที่ของเขามีกล้วยไม้เยอะขนาดนี้
ไม่รู้ว่าถ้ามีคนซื้อแล้วมันจะเป็นอย่างไรต่อไป ได้แต่เสียดายจิงๆ ครับ
ส่วนงานวิจัยผมอุปสรรคค่อนข้างเยอะ ไว้ใกล้ๆเสร็จ คงต้องรบกวนขออนุเคราห์ภาพจากพี่ด้วยนะคับ
โดย: เบีย IP: 58.8.110.156 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:47:08 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
น้าโหด
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [
?
]
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add น้าโหด's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.