Bloggang.com : nyo :

รูปแบบของชุดเสื้อผ้าแบบไทย

จากตอนที่แล้วผมติดเอาไว้ ครั้งนี้เป็นตอนที่ 2 ต่อจากคราวก่อนครับ

อย่างที่เคยพูดไว้ในครั้งก่อนแล้วว่า ที่ผมเรียกว่า "ชุดแบบไทย" ไม่ใช่
"ชุดไทย" ก็เพราะต้องการจะหมายถึงเสื้อผ้าแบบไทยๆ ที่จะหยิบมาใส่
ในชีวิตประจำวันได้ ไม่ใช่ชุดไทยพระราชนิยมและชุดพระราชทานที่เป็น
ชุดประจำชาติ หรือราชปะแตนและชุดไทยในสมัยรัชกาลต่างๆ ซึ่งเรามัก
จะใช้อย่างเป็นงานเป็นการมากกว่า

จากการรวบรวมข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับชุดเสื้อผ้าแบบไทยนี้ ทำให้ผมพบ
ว่าเสื้อผ้าแบบไทยมีการเปลี่ยนมาเรื่อยๆ ในแต่ละยุคสมัย บางอย่างของ
ไทยเราไม่เคยมี เราก็มามีเอายุคหลังเพราะรับมาจากจีนบ้างและส่วนใหญ่
มาจากทางตะวันตก

แต่เดิมไทยเราไม่มีกางเกง คนไทยนุ่งโจงกระเบน จนกระทั่งมีการรับเอา
กางเกงมาจากจีน เป็นกางเกงแพรเอวปล่อยที่เวลาใส่แล้วต้องขมวดเอว
เอาเองไม่มีเอวยางยืดอย่างที่ขายอยู่ในปัจจุบัน ก่อนจะไปเอาอย่างฝรั่ง
ตะวันตกในยุคต่อมา

บ่นมาซะยาว ไปดูประเด็นของวันนี้เลยดีกว่า
ก็ด้วยอย่างที่บอกมาว่าเรามีการรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาตั้งแต่
สมัยก่อนแล้ว เพราะงั้นผมก็เลยสรุปรูปแบบเสื้อผ้าแบบไทยจากสมัยที่
ใกล้ที่สุดที่เรายังไม่ได้รับเอาของตะวันตกเข้ามาหรือมีเข้ามาให้น้อย
ที่สุด

จากข้อมูลที่ได้มา รูปแบบของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแบบไทยที่เรียบง่าย
และสามารถจะเอามาใช้ร่วมกับเครื่องแต่งกายในปัจจุบันได้ก็มีอยู่ครับ มี
ให้ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายด้วย จะเป็นรูปแบบไหนบ้างลองมาดูกันครับ

เสื้อไทย
รูปแบบของเสื้อไทยคือ เสื้อทรงตรงไม่มีปก หรือเป็นแบบปกตั้งขึ้นเล็กๆ มี
ทั้งแบบคอวีและคอกลมสวมหัว ผ่าคอตื้นๆ อาจผ่าลึกหน่อยแล้วติดกระดุม
1-2 เม็ดหรือผ่าหน้าตลอด อีกแบบคือคอกลมแต่จะแคบกว่าแล้วผ่าที่ไหล่
ติดกระดุม หรือเป็นแบบทบไขว้อย่างเสื้อญี่ปุ่นก็มีครับ

เสื้อไทยทุกแบบจะเป็นเสื้อชายตรง แขนมีทั้งสั้น ยาวคลุมศอกและยาวถึง
ข้อมือ ถ้าเป็นแขนยาวปลายแขนจะเป็นแขนปล่อย ไม่มีการรวบปลายแขน
อย่างเสื้อเชิ้ตถ้ามีกระเป๋าจะอยู่บริเวณชายเสื้อไม่มีกระเป๋าที่อก ชายเสื้อยาว
ถึงประมาณข้อมือหรือครึ่งฝ่ามือ กระดุมเป็นผ้าขมวดเป็นปมหรือเป็นไม้ หรือ
อาจใช้เป็นเชือกผูกแทนการกลัดกระดุม

กางเกงไทย

กางเกงไทย มีลักษณะเป็นกางเกงเอวปล่อยใช้ขมวดเอวแล้วอาจมีเชือกหรือ
ผ้าคาดทับหรืออาจใช้เชือกคาดไปเลย อาจม้วนเอวเป็นขอบกลมด้วย กางเกง
เป็นทรงตรงไม่เข้ารูป ขาตรงไม่รีดสันหน้าขาอย่างสแล็ค ความกว้างของขา
กางเกงมีตั้งแต่ขากว้างและเล็กลงมาจนใกล้เคียงกับกางเกงทั่วไปซึ่งก็ดูเหมือน
ว่าความกว้างจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละภาคครับ ความยาวของกางเกงก็
มีทั้งแบบยาวถึงข้อเท้า ครึงแข้งและคลุมเข่าหรือครึ่งน่อง

กางเกงไทยที่เราคุ้นกันมากที่สุดก็ดูจะเป็น กางเกงเหนือหรือเตี่ยวกี เตี่ยวสะดอ

กางเกงเล เป็นต้น ส่วนกางเกงของภาคกลางที่ขาจะเล็กกว่าของภาคเหนือ มีทั้ง

ขาตรงและขาสอบ โดยทั่วไปมักนิยมใส่เป็นแบบขาสั้นแค่ครึ่งน่องและครึ่งแข้ง

ส่วนถ้าต้องการใส่ให้สุภาพก็มีแบบขายาวด้วย

สำหรับผู้หญิงจะมีตัวเลือกมากกว่าผู้ชายเพราะนอกจากจะใช้ได้เหมือนของ
ผู้ชายแล้วยังมีเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยด้วย

เสื้อผู้หญิงจะใช้ได้อีก 2 แบบครับ

แบบแรกเป็นเสื้อคอกลมหรือผ่าหน้าตลอด ไม่มีปกหรือมีปกตั้งขึ้นเล็กๆ ตัว
เสื้อทรงตรงหรือเข้ารูปนิดหน่อย ความยาวไม่คลุมสะโพก ชายตรง แขนเสื้อ
ยาวคลุมศอกหรือยาวถึงข้อมือซึ่งแขนจะเล็กว่าแบบข้างบนครับ

เสื้อผู้หญิงแบบที่ 2

แบบนี้จะเป็นเสื้อคอกลมสวมหัว ไม่มีปก แขนสั้น ทรงตรงไม่เข้ารูป ใส่กัน
แบบหลวมๆ หน่อย ชายเสื้อก็จะไม่ยาวคลุมสะโพก

เสื้อผู้หญิงทั้ง 2 แบบนี้ผมคิดว่าจะปรับเป็นคอวีแบบตื้นๆ บ้างก็ได้ครับ

ซิ่น...กระโปรงไทยดีๆ นี่เอง

เห็นคำว่าซิ่นก็อย่าเพิ่งรีบคิดว่ามันเชยครับ มองดูดีๆ มันก็เป็นลักษณะเดียวกัน
กับกระโปรงแบบ แรปอะราวด์ (Wrap around) เลย

ความยาวหลักๆ ก็มียาวคลุมเข่า (ชนิดสั้น) กับแบบยาวปิดข้อเท้า (แบบยาว)
ปกติแล้วซิ่นมักจะเป็นผ้ามีลายซึ่งก็อาจจะทำให้รู้สึกถึงความไม่สะดวกที่จะใช้
ใช้ยากหรือบางคนอาจรู้สึกว่าแก่ไป เชยไป หรือเป็นงานเป็นการเกินไป แต่ถ้า
เราใช้ผ้าสีพื้นมาทำซิ่นมันก็ไม่ต่างจากกระโปรงแรปอะราวด์เลยจริงมั้ยครับ

รูปแบบของซิ่นก็จะเป็นทรงตรงไม่เข้ารูปเพราะงั้นไม่เหมือนกระโปรงนักศึกษา
แน่นอน กระโปรงแรปอะราวด์ยังใช้เป็นชุดท่องเที่ยวและเอาท์ดอร์ด้วย

ผมไม่รู้ว่าที่มีขายอยู่นี่มันทบลึกแค่ไหนเพราะไม่เคยใส่เอง

แต่ก็แนะนำว่า
ตอนเลือกซื้อก็เลือกที่ทบลึกๆ หน่อยเวลาเดินจะได้คล่องตัวครับ

และผมเชื่อว่ามีหลายคนอยากรู้ ที่จริงผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน นั่นคือ
ชุดของภาคกลางซึ่งสรุปได้ดังนี้ครับ

เสื้อผ้าแบบไทยของภาคกลาง อ้างอิงจากที่ได้อธิบายไว้แล้ว
เสื้อ - ไม่มีแบบทบไขว้อย่างเสื้อญี่ปุ่น
กางเกง - ขาไม่กว้างมากอย่างของทางเหนือ มีทั้งขาสอบและขาตรง
สำหรับผู้หญิงมีใช้เหมือนของผู้ชายและที่มีเพิ่มขึ้นมาก็คือเสื้ออีก 2 แบบ

กับซิ่น

เรื่องรองเท้ากับชุดแบบไทย สมัยก่อนคนไทยเราไม่ใส่รองเท้า เดินเท้า
เปล่ากัน มาเริ่มใส่รองเท้าก็คือรองเท้าแตะ ก็มีทั้งแตะคีบ แตะสวมเปิด
และแตะสวมปิดหน้าเท้า ส่วนรองเท้าหนังแบบปิดดูจะมานิยมใช้กันในยุค
ต่อมาครับ การเลือกมาใส่ก็ใช้ได้ทั้งรองเท้าแตะต่างๆ รองเท้าหนังทั้ง
หนังกลับหนังมัน ผ้าใบก็ใช้ได้อาจดูเป็นสมัยใหม่ขึ้นมาหน่อยแต่ถ้าเลือก
สีเรียบๆ ก็ดูกลมกลืนได้ เท่าที่ผมนึกออกมันไม่มีรองเท้าแบบไหนที่จะใช้
ไม่ได้ ใช้ได้หมดครับ ยังไงก็ลองจับชนกันดู อาจจะได้อะไรที่น่าสนใจ
ออกมาก็ได้

ชุดเสื้อผ้าอย่างที่พูดถึงไปแล้วนี้หลายอย่างก็หาซื้อได้ครับ ตามร้านที่ขาย
หม้อห้อม ร้านขายเสื้อผ้าฝ้ายไทย หรือร้านที่ขายเสื้อผ้าฝ้ายย้อมสีธรรมชาติ
ก็หาได้ครับเพียงแต่หลายครั้งจะพบว่ามีการดีไซน์ให้เป็นเสื้อมีปกซึ่งผมว่ามัน
จะกลายเป็นรูปแบบของเสื้อแบบตะวันตกไป เพราะงั้นถ้าจะให้เป็นไทยก็น่า
จะเลือกเสื้อที่ไม่มีปกหรือเป็นปกที่ตั้งขึ้น มาใช้

อีกทางเลือกหนึ่งก็คือซื้อผ้ามาตัดเสื้อเองตามต้องการ ซึ่งก็แนะนำเป็นผ้าฝ้าย
ที่ย้อมด้วยสีธรรมชาติไม่ใช่สีเคมีจะดีกว่าเพราะผมว่ามันจะดูเป็นไทยมากครับ
บางคนอาจจะรู้สึกว่าผ้าย้อมสีธรรมชาติมีราคาแพง ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่ามัก
จะเป็นผ้าทอมือและการย้อมสีธรรมชาติจะยุ่งยากกว่าการย้อมสีเคมี

หลายคนยังยอมซื้อกางเกงยีนส์ผ้าเซลเวจราคาแสนแพงได้เลย เพราะงั้นการ
ที่จะมาใช้ผ้าไทยทอมือย้อมสีธรรมชาติก็น่าจะยอมรับได้เหมือนกันจริงมั้ยล่ะ
ครับ

การแต่งแบบไทยบางครั้งก็อาจจะดัดแปลงหาเสื้อที่คล้ายๆ กันมาใช้ก็ได้
เมื่อผสมเข้ากั้บชิ้นอื่นๆ แล้วก็สามารถทำให้ดูเป็นไทยๆ ได้เหมือนกัน ลอง
สังเกตุลักษณะของชุดแบบไทยว่ามีรูปแบบยังไงแล้วก็หาเสื้อผ้าที่เป็นแบบ
เดียวกันมาใส่แทน ผมว่ามันก็ได้กลิ่นของชุดเสื้อผ้าแบบไทยได้เหมือนกัน

ที่จริงผมมีรูปชุดให้ดูเป็นแนวๆ ด้วย ก็ไม่ได้เป็นชุดแบบไทยเต็มๆ หรอกครับ
แต่ก็พอจะให้ดูเป็นเค้าได้ อาจต้องใช้จินตนาการบ้างแต่ผมว่ามันจะช่วยให้เห็น
ภาพมากขึ้นไม่มากก็น้อยล่ะครับ แต่ครั้งนี้ก็ยาวมากแล้ว ผมจะขอยกเอา
แนวทางการแต่งตัวให้ออกแนวไทยๆ ไปไว้ในตอนหน้าดีกว่าครับ รวมถึงเรื่อง

สีของเสื้อผ้าแบบไทยด้วย แค่ตอนนี้ผมก็คิดว่าหลายคนคงได้ไอเดียไปกันอีก

ไม่น้อยแล้ว

รูปประกอบเนื้อหาส่วนหนึ่งจากอินเตอร์เน็ต

Create Date : 14 เมษายน 2555

1 comments

Last Update : 18 เมษายน 2555 1:59:21 น.

Counter : 12995 Pageviews.

ขอบคุณค่ะ

โดย: แม่น้องกะบูน 14 เมษายน 2555 20:56:26 น.