ตัวของเรา สไตล์ของเรา ทำไมต้องเหมือนใคร
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2560
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
30 มีนาคม 2560
 
All Blogs
 
แต่งไทยให้ถูกกาลเทศะ...ชุดไทยไม่ได้มีแต่สไบกับโจงกระเบน




ที่จริงเรื่องวันนี้ผมก็เคยเขียนไปแล้วครั้งนึงครับในหัวข้อ "เข้าใจก่อนเริ่มแต่งอย่างไทยในชีวิตประจำวัน" (คลิกหรือแตะที่ชื่อตอนเพื่อลิงค์ไปอ่านตอนเก่าได้ครับ) แต่ก็เพราะยังเห็นหลายๆ คนยังมีไอเดียติดกับสไบ โจงกระเบน ราชปะแตนอยู่ ก็เลยอยากจะพูดถึงประเด็นนี้อีกสักครั้ง



พูดถึงชุดไทยหรือการแต่งไทยหลายคนก็จะนึกถึง สไบ โจงกระเบน ราชปะแตนกันพอจะแต่งไทยก็จะใส่แต่ชุดแบบนี้กัน จนไม่ว่าจะไปไหนก็จะใส่แต่ชุดแบบนี้และไม่สนใจแบบอื่นๆ กันเลย แต่นั่นก็เพราะหลายคนไม่เคยรู้ว่าชุดไทยก็มีเรื่องกาลเทศะและความเหมาะสมในการใส่ด้วย

เพราะงั้นวันนี้เรามาดูเรื่องกาลเทศะกันหน่อยดีกว่าครับ...
การแต่งกายอย่างไทยเองก็ไม่ใช่ว่าอยากใส่อะไรก็หยิบมาใส่ตามใจชอบได้เลยหรอกนะครับ ถ้าใส่ไม่เหมาะสมก็จะกลายเป็นลิเกหลงโรงไปได้เหมือนกัน เพราะงั้นถ้าไม่อยากเป็นลิเกหลงโรงเวลาคิดจะแต่งไทยก็ต้องใส่ใจกับการเลือกชนิดของชุดกันสักหน่อยครับ


ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนครับว่าการแต่งกายของไทยเองก็มีชุดทางการ (Formal) สำหรับใส่เป็นชุดสุภาพรวมไปจนถึงใส่เป็นชุดสำหรับงานพิธีต่างๆ กับชุดลำลอง (Casual) สำหรับใส่อยู่บ้านรวมไปถึงการใส่ออกไปข้างนอกอย่างไม่ต้องการความสุภาพ

ชุดแบบทางการของไทยคือชุดพวกที่เป็นสไบ ราชปะแตน โจงกระเบน ชุดไทยพระราชนิยม เสื้อพระราชทาน ซิ่น พวกนี้เป็นชุดแบบทางการครับ ใช้เป็นชุดสุภาพสำหรับไปทำงาน ไปธุระ และเป็นชุดสำหรับไปงานหรือร่วมพิธีต่างๆ ได้ เปรียบได้กับการใส่สูท เสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็ครองเท้าหนัง เสื้อเชิ้ตกระโปรงทำงาน ชุดสุภาพหรือชุดราตรีหรือชุดไปงานต่างๆ

ชุดแบบลำลองของไทยคือพวก เสื้อไทย (เสื้อผ้าฝ้ายไม่มีปกแขนปล่อย มีทั้งแขนสั้นและยาว) กางเกงไทย (กางเกงเล) ซิ่นลำลอง (ผ้าที่ใช้จะไม่เหมือนกัน รวมถึงที่เรียกว่าผ้าถุงด้วย ซึ่งจะนุ่งแบบซิ่นป้าย) โจงลำลอง (ใช้ผ้าธรรมดา ไม่ใช่ผ้าม่วงหรือผ้าหางกระรอก) พวกนี้เป็นชุดแบบลำลอง ใช้ใส่อยู่บ้าน ออกไปเที่ยว เดินห้าง กินข้าว ซื้อของ และอื่นๆ เรียกว่าใช้ในโอกาสทั่วๆ ไป เปรียบได้กับเสื้อยืดหรือเสื้อเชิ้ตลำลอง กับกางเกงยีนส์ ชิโน หรือกางเกงขาสั้น


ทีนี้เมื่อเราจะไปทำอะไรที่ไหนก็ควรเลือกใส่ให้เหมาะกับโอกาสนั้นๆ ครับ ไม่ใช่จะเอาแต่ใส่สไบ โจง ราชปะแตนเท่านั้น....

โจงกระเบนดูจะเป็นเป้าหมายของหลายๆ คนที่อยากจะแต่งไทย แต่การใส่กับเสื้อหรือแต่งเป็นชุดบางแบบก็ไม่เหมาะกับการใส่ไปไหนมาไหนในชีวิตประจำวัน เช่นการนุ่งโจงเป็นผ้าม่วง ผ้าไหม (แท้หรือเทียมก็ตาม) ผ้าหางกระรอก ใส่กับเสื้อราชปะแตนซึ่งเป็นชุดของข้าราชการในอดีต หรือใส่กับสไบพร้อมเครื่องประดับมากมายซึ่งก็เป็นชุดแบบทางการ จึงเหมาะกับการเป็นชุดไปงานมากกว่าครับ.....ถ้าอยากจะนุ่งโจงกระเบน ให้ใช้โจงลำลองที่เป็นผ้าธรรมดาไม่ใช่ผ้าสวยงามอะไรและใส่กับเสื้อยืด เสื้อไทยหรือเสื้ออื่นๆ ได้เลยครับแบบนี้สามารถใส่ไปเดินห้างได้

แต่การจะนุ่งโจงกระเบนนั้นหลายคนอาจอยากใส่อยากนุ่งแต่อาจยังไม่รู้ว่าโจงสำเร็จนั้นมักจะใส่ให้ดูดีได้ยากเพราะเป็นผ้าเย็บตายไว้จึงไม่พอดีตัว โจงแท้จะสวยกว่าครับ.....คือการนุ่งโจงกระเบนนั้นผ้าจะต้องแนบสะโพกและความยาวจะต้องคลุมเข่าหรือไม่สั้นไปกว่าครึ่งน่องครับจึงจะดูดี และด้วยความที่เป็นโจงแท้ที่ต้องผูก มัด บิด เหน็บ กันเองทำให้มันใส่ไม่ง่ายเลยครับ

ด้วยเพราะอย่างนี้ผมจึงบอกเสมอว่า โจงกระเบนไม่เหมาะกับที่จะใส่ในชีวิตประจำวันในปัจจุบัน และเราน่าจะหันไปมองตัวเลือกอื่นๆ แทน

และข้อสำคัญอีกอย่างที่ต้องจำไว้คือ นุ่งโจงกระเบนจะใส่ถุงเท้ายาวสีขาวก็ต่อเมื่อใส่กับเสื้อราชปะแตนและรองเท้าหนังเท่านั้นครับ นอกจากนั้นแล้วไม่ต้องใส่ถุงเท้ายาวสีขาว

เสื้อราชปะแตนถ้าจะเอามาใส่กับกางเกงสแล็คก็ดูจะไม่เหมาะครับ เพราะมันเป็นชุดของข้าราชการส่วนถ้าจะใส่กับโจงกระเบนก็ควรจะเป็นโจงแท้ไม่ใช่โจงสำเร็จซึ่งก็ไม่สะดวกอีกเพราะงั้นถ้าจะใส่ก็ต้องพยายามทำให้ไม่เหมือนข้าราชการ (ผมไม่ได้เหยียดว่ามันดูไม่ดีแต่ผมมองว่ามันเป็นชุดของเขาที่เราไม่น่าเอามาใส่ส่วนตัว) โดยการเปลี่ยนสีเสื้อสีกางเกง เปลี่ยนกางเกงที่ใส่ เปลี่ยนผ้าที่ใช้ตัด เพื่อให้ต่างออกไป และใช้เป็นชุดสุภาพหรือชุดไปงานครับ

สไบถ้าอยากจะใส่จริงๆ ก็ให้ใส่เป็นชุดสำหรับไปงานครับ ใช้ใส่เป็นชุดสำหรับไปงานเท่านั้น ถ้าเป็นงานกลางวันก็ใส่ให้ดูเรียบๆ เข้าไว้อย่ามีเครื่องประดับเยอะ ถ้าเป็นงานกลางคืนก็มีเครื่องประดับเยอะหน่อยได้ ทั้งนี้ก็ให้เลือกใส่เครื่องประดับตามความเหมาะสมครับ ไม่ใช่ประโคมใส่ซะทุกอย่าง จากที่ดูดีจะกลายเป็นเว่อร์เอาได้

ชุดไทย ร.5 ร.6 ก็เป็นชุดสำหรับไปงานและชุดสุภาพอีกเหมือนกันครับ ชุดสมัย ร.5 ดูจะเหมาะสำหรับเป็นชุดไปงานเท่านั้น ส่วนชุดสมัย ร.6 ดูจะเหมาะเป็นชุดไปงานและเอามาใส่เป็นชุดสุภาพได้ด้วย

ชุดไทยพระราชนิยมก็เหมาะจะเป็นชุดสุภาพและไปงานอีกเหมือนกันครับ และที่จะหยิบมาใช้ได้จริงดูจะมีแค่ ชุดไทยเรือนต้น ชุดไทยจิตรลดา ชุดไทยอมรินทร์ เท่านั้นครับ เพราะเป็นชุดแบบซิ่นป้าย ซึ่งเราสามารถเอามาใส่ได้ทั้งแบบที่เป็นซิ่นสั้น (ประมาณเข่า) เสื้อแขนสั้นราวศอก (เปิดศอกหรือคลุมศอกก็ได้) เพื่อให้คล่องตัวมากขึ้น และใช้เป็นชุดสุภาพสำหรับใส่ไปทำงาน ไปธุระ หรือใช้ในโอกาสต่างๆ ที่ต้องการชุดที่สุภาพ.....ส่วนชุดที่เป็นแบบจีบหน้านางนั่นเหมาะจะเป็นชุดเจ้าสาวมากกว่าครับ เพราะที่จริงแล้วการนุ่งแบบจีบหน้านางนั้นเมื่อก่อนเขาจะไม่เอามาใช้ใส่ในชีวิตประจำวันกันนะครับ เขาใช้ใส่ในพิธีใหญ่ๆ อย่างเวลาที่ต้องเข้าร่วมพระราชพิธีหรือเวลาเข้าวังกันเท่านั้น เพราะงั้นถ้าจะใช้ก็ปล่อยให้เจ้าสาวใส่ไปดีกว่าครับ

เสื้อพระราชทานก็เป็นชุดสุภาพและไปงานสำหรับผู้ชายที่สามารถหยิบมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ใช้สำหรับใส่ไปทำงาน ติดต่องาน ไปธุระ หรือไปร่วมงานหรือพิธีต่างๆ ได้ ใช้ได้ทุกโอกาสที่ต้องการชุดสุภาพ แถมยังเหมาะกับอากาศเมืองไทยมากกว่าชุดแบบตะวันตกด้วยเพราะไม่ต้องใส่เสื้อเชิ้ตผูกเนคไทและยังมีแบบแขนสั้นให้เลือกใช้ด้วย

จะเห็นได้ว่าชุดไทยที่หลายๆ คนนึกถึงกันจะเป็นชุดแบบทางการ (Formal) ทั้งนั้นเลย ไม่มีชุดไหนเป็นชุดลำลองเลย แล้วแบบลำลองมันมีอะไรบ้างมาดูกันครับ.....

เสื้อไทยต่างๆ กางเกงไทย (หรือกางเกงเล) ซิ่นลำลอง (รวมถึงผ้าถุง) ก็เป็นเสื้อและกางเกงแบบลำลองที่ให้เราหยิบมาใส่ได้ทั้งอยู่บ้านและออกไปข้างนอกทั้งเที่ยว ซื้อของ กินข้าว เดินห้าง ซึ่งเราอาจจะใส่เฉพาะเสื้อหรือกางเกงแบบไทยแล้วใส่ผสมกับเสื้อผ้าสมัยใหม่ทั่วไปอีกชิ้นหนึ่งก็ได้ครับ เช่นเสื้อยืดกับกางเกงไทยหรือซิ่นลำลอง หรือเสื้อไทยกับกางเกงยีนส์ ก็ทำได้เหมือนกันครับ

เสื้อคอกระเช้า (แบบแท้ๆ) เป็นเสื้อสำหรับใส่อยู่บ้านหรือเดินอยู่ในชุมชนเท่านั้นครับ และเท่าที่มีข้อมูลส่วนใหญ่จะเป็นคนแก่ๆ กับเด็กๆ ใส่กัน ส่วนพวกสาวๆ สักวัยมัธยมขึ้นไปก็ไม่ค่อยใส่กันแล้ว

นอกจากนี้ชุดพื้นเมืองอื่นๆ ก็มีทั้งแบบที่เป็นชุดสุภาพสำหรับไปงานและชุดลำลองครับ



ถ้าเราเลือกใส่ให้เหมาะสมกับโอกาส ใส่ให้ถูกกาลเทศะก็จะดูดีได้ ไม่ดูแปลก พิลึก ไม่ดูเป็นชุดแฟนซีหรือเป็นลิเกหลงโรงครับ



ถึงตรงนี้ผมคิดว่าหลายคนคงจะเข้าใจมากขึ้นว่าเมื่อคิดจะแต่งไทยมันไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องใส่สไบ โจงกระเบน เสื้อราชปะแตน แต่มันคือเสื้อผ้าของไทยทั้งหมด ทั้งแบบทางการและลำลอง ซึ่งเราควรเลือกใส่ให้เหมาะสมกับแต่ละโอกาสครับ


บางคนอาจสงสัยว่าทีของญี่ปุ่นยังใส่กันได้ไม่เห็นเป็นเรื่องแปลกอะไรเลย แต่ที่จริงแล้วของญี่ปุ่นก็มีการแบ่งชุดของเขาออกเป็นชุดสำหรับใช้ในโอกาสต่างๆ ด้วยเหมือนกันเพียงแต่คนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้ครับ ซึ่งเรื่องนี้ผมเคยเล่าเอาไว้ในหัวข้อ "เข้าใจก่อนเริ่มแต่งอย่างไทยในชีวิตประจำวัน" (คลิกหรือแตะที่ชื่อตอนเพื่อลิงค์ไปอ่านตอนเก่าได้ครับ)

บางคนก็อาจมีคำถามหรือแย้งอีกว่าทีชุดของตะวันตกไม่เห็นจะต้องมาแบ่งแยกอะไรแบบนี้เลย ความจริงแล้วมันมีอยู่นะครับ เสื้อผ้าแบบตะวันตกชุดสากลก็มีเรื่องของกาลเทศะด้วยเหมือนกัน


ภาพประกอบเนื้อหาจากอินเตอร์เน็ต

ถ้าเอาชุดราตรียาวหรือทักซีโด้หรือสูทพิธีการแบบเต็มยศมาใส่ไปเดินห้างก็ดูไม่เหมาะสม ดูตลก ดูเว่อร์ ดูเป็นแฟนซี เป็นละครหลงโรงเอาได้เหมือนกัน แต่ชุดตามรูปนี้ถ้าใส่ไปร่วมงานพิธีก็โอเคครับไม่ดูแปลกอะไร...คือถ้าเห็นแบบนี้ในห้างตอนเย็นๆ ถึงค่ำๆ ก็พอเข้าใจนะครับว่ามางานตอนค่ำ แต่ลองนึกดูว่าถ้าเห็นแบบนี้ในห้างตอนบ่ายโมงบ่าย 2 ไปเดินเลือกซื้อของอยู่หรือเดินอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตหรือไปนั่งกินไก่กินเบอร์เกอร์ในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดหรือนั่งอยู่ตามฟู้ดคอร์ทมันจะกลายเป็นมองว่าเพี้ยนเอาได้เหมือนกันนะครับ.....เห็นมั้ยครับว่าเรื่องความเหมาะสมและกาลเทศะมันไม่ได้มีแค่ชุดไทย


ไม่ว่าจะใส่ชุดไทยหรือสากลเราก็ต้องเลือกใส่เลือกใช้ให้เหมาะสมด้วยกันทั้งนั้น ถ้าใส่ไม่เหมาะสมก็จะดูตลกหรือน่าเกลียดได้ทั้งนั้น เพราะงั้นถ้าเราอยากจะแต่งไทยก็ต้องแต่งให้เหมาะสมด้วย และเมื่อแต่งอย่างเหมาะสมแล้วมันก็จะดูดีได้และไม่ดูเป็นชุดแฟนซีครับ


รู้จักการแต่งชุดไทยอย่างเหมาะสมแล้วสงกรานต์นี้ก็มาแต่งไทยให้เหมาะสมกันนะครับ


โดย นาย nyo




Create Date : 30 มีนาคม 2560
Last Update : 1 เมษายน 2560 17:12:42 น. 0 comments
Counter : 10611 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nyo
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์ ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ 2539 ห้ามผู้ใดทำการคัดลอก ส่วนใดส่วนหนึ่งของบล๊อกนี้ไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อค


ติดต่อผมได้ที่
naai.nyo@gmail.com

____________________

บล๊อกนี้ผมเขียนขึ้นมาจากสิ่งที่ผมไปรู้ไปเห็นมาก็เลยเอามาเล่าต่อเพื่อเป็นการแชร์ความรู้กัน หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นบ้างไม่มากก็น้อยครับ


กรูณาใช้ภาษาให้เหมาะสมในการแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ
Friends' blogs
[Add nyo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.