ตัวของเรา สไตล์ของเรา ทำไมต้องเหมือนใคร
Group Blog
 
<<
เมษายน 2558
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
10 เมษายน 2558
 
All Blogs
 
เข้าใจก่อนเริ่มแต่งอย่างไทยในชีวิตประจำวัน



สวัสดีครับ
ที่จริงผมก็เคยพูดถึงเรื่องการแต่งอย่างไทยนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อปี 2555 แล้ว พอดีช่วงนี้กระแสการใส่ชุดไทยกำลังได้รับความสนใจกันมาก ก็เลยขอพูดถึงอีกสักหน่อย

ที่ผมเขียนเอาไว้เกี่ยวกับการแต่งตัวอย่างไทย ผมได้รวบรวมข้อมูลของชุดเสื้อผ้าแบบไทยที่สามารถใส่ได้ในชีวิตประจำวันเอาไว้ ใครที่สนใจแล้วยังไม่เคยอ่านก็ลองเปิดไปอ่านดูได้ครับ ที่จะเป็นข้อมูลให้ได้ก็ดูจะมีอยู่ 4 ตอน (คลิกหรือแตะที่ชื่อตอนเพื่อลิงค์ไปอ่านตอนเก่าได้ครับ)
- มาแต่งชุดเสื้อผ้าแบบไทยกันเถอะ
- รูปแบบของชุดเสื้อผ้าแบบไทย
- แนวทางแต่งตัวให้ได้แบบไทยๆ
- มาเริ่มต้นการแต่งตัวแบบไทยอย่างง่ายๆ กัน
ซึ่งถ้าได้อ่านแล้วจะเห็นว่าผมมีการเทียบเข้ากับชุดแบบสากลด้วย เพื่อให้ที่ไม่คุ้นไม่ชินเริ่มใส่ได้ง่าย แต่ถ้าไม่ได้รู้สึกว่ามันแปลก ประหลาด หรืออะไรก็ใส่เต็มๆ กันไปเลยดีกว่า ส่วนแบบเทียบนั้นเอาไว้ใส่สลับกันในชีวิตประจำวันก็ได้ครับ


ผมมองว่า หลายคนเข้าใจผิดกันไปพอสมควรเกี่ยวกับการแต่งอย่างไทยในชีวิตประจำวัน บางคนก็อาจแย้งว่าทีญี่ปุ่นยังใส่กันเลยนี่ของไทยก็มีไม่ใช่เหรอ....แต่ว่าผมอยากบอกว่าหลายๆ คนที่มองญี่ปุ่น (เหมือนผม) แล้วเอามาเทียบกับของไทยนั้นเทียบผิดไป

ก่อนจะเริ่มขออธิบายสักนิดก่อนนะครับ.....คำว่ากิโมโนในภาษาญี่ปุ่นจริงๆ แล้วมันมีความหมายว่า "เสื้อผ้า" นี่เองแหละครับ ชุดแบบที่เขาใส่กันเรียกว่า "วะฟุคุ" ซึ่งมีความหมายคือ "ชุดญี่ปุ่น" นั่นเอง

ที่เรามองชุดของญี่ปุ่นเช่น กิโมโน ยูคาตะ และอื่นๆ ว่าดูสวย น่ารัก ดูดี แล้วก็เลยอยากจะหยิบเอาของไทยขึ้นมาใส่บ้าง ผมดีใจนะครับที่คนเริ่มหันมารู้สึกอย่างนั้นกัน เพราะผมก็รู้สึกเหมือนกันว่าทำไมคนไทยถึงไม่ยอมหยิบเอาชุดแบบไทยๆ มาใส่กันบ้าง มักจะบอกว่า เชยบ้าง แก่บ้าง ดูไม่ดีบ้าง น่าเกลียดบ้าง(เคยได้ยินคนพูดจริงๆ นะครับ) พอใส่ไปก็มักจะถูกมองว่า บ้า ประหลาด หรืออะไรก็ตามที่ทำให้คนมักไม่ใส่กัน ในทางกลับกันผมเห็นคนญี่ปุ่นยังเอาชุดพวกนี้ของเขามาใส่กันได้อย่างไม่ใช่เรื่องประหลาด

แต่รู้ไหมว่าชุดของญี่ปุ่นเขามีการแบ่งระดับชุดด้วยนะครับ กิโมโนเองก็มีแบบที่ใช้ใส่อย่างเป็นงานเป็นการ (แบบ Formal) กับแบบลำลอง (แบบ Casual) ที่ใช้ใส่ทั่วไปได้ ยูคาตะที่หลายคนนิยมชมชอบเวลาเห็นวัยรุ่นญี่ปุ่นใส่นั้นเป็นชุดแบบ Casual หรือแบบลำลองสำหรับฤดูร้อนครับ ซึ่งถือว่าไม่ใช่ชุดสุภาพ ถึงแม้ว่ามันจะดูคล้ายกับกิโมโนก็ตามแต่ในรายละเอียดแล้วมันก็มีส่วนที่ต่างกันอยู่ไม่ได้เหมือนกัน 100% จินเบที่เห็นคนญี่ปุ่นใส่ไปดูดอกไม้ไฟร่วมกับคนที่ใส่ยูคาตะนั้นก็เป็นชุดอยู่บ้านครับ ซึ่งสามารถใส่อยู่บ้านหรือไปไหนมาไหนใกล้ๆ บ้านเช่นไปซื้อของใกล้ๆ ไปกินข้าวที่ร้านธรรมดาใกล้ๆ ได้



เห็นมั้ยครับว่า ทั้งยูคาตะและจินเบที่เห็นคนญี่ปุ่นใส่ออกมาเดินในช่วงฤดูร้อนกันนั้นไม่ใช่ชุดที่ใช้ใส่ไปงานต่างๆ เช่นงานแต่งงานได้ (อ่านดีๆ ใส่ไปไม่ได้นะครับ) มันใช้ใส่ไปพวกเทศกาลฤดูร้อน งานวัด ไปดูดอกไม้ไฟในฤดูร้อน อะไรพวกนี้ครับ คือมันเป็นชุดที่เอาไว้ใส่สบายๆ ไม่ใช่ชุดสุภาพ

จริงๆ แล้วกิโมโนหรือวะฟุคุ (ชุดญี่ปุ่น) มีหลายชนิดนะครับ มีตั้งแต่สำหรับใช้แบบลำลองใส่ได้ทั่วไปจนถึงแบบเป็นทางการสุดๆ ซึ่งก็มีชื่อเรียกแยกย่อยออกไปอีก เช่น ฟุริโซเดะ โทเมะโซเดะ โฮมงกิ อิโระมุจิ อุจิคาเคะ ซึเคะซาเกะ โคมน ยูคาตะ จินเบ ซามุเอะ ทันเซ็น เป็นต้นครับ


ภาพโดย moguphotos และ Greg

ชุดที่ใช้ใส่ไปงานเช่นแบบฟุริโซเดะที่มีผ้าตรงแขนยาวๆ ลงมา (รูปซ้าย) ซึ่งเป็นชุดสำหรับสาวๆ ที่ยังไม่แต่งงานใส่กันก็เห็นได้เฉพาะในชุดที่ใส่ไปงานหรือใช้ในพิธีต่างๆ เช่นงานแต่งงานพิธีจบการศึกษา พิธีบรรลุนิติภาวะ เป็นต้น ถ้าไปดูในเมืองชุดที่ใส่มาเดินกันจะไม่เห็นฟุริโซเดะเลย

ผมพูดให้เห็นภาพง่ายๆ คือ....
ชุดญี่ปุ่นที่ใส่กันแบบทั่วไปหรือแบบลำลองหรือ casual คือ โคมน, ยูคาตะ (สำหรับฤดูร้อน), จินเบ (ชุดอยู่บ้าน), ซามุเอะ (ชุดใส่ทำงาน), ทันเซ็น, อิโระมุจิ .....เปรียบเหมือนเสื้อยืดกางเกง รองเท้าลำลอง ซึ่งมันเอาไว้สำหรับใช้ทั่วไปไม่สามารถใส่ไปงานได้ ในทางกลับกันชุดแบบเป็นทางการเช่น ฟุริโซเดะ หรือ โทเมะโซเดะ ก็เปรียบเหมือนการใส่สูทหรือชุดราตรี

สังเกตุได้ว่าชุดที่เราเห็นคนญี่ปุ่นเอามาใส่เดินให้เห็นในเมืองอย่างช่วงฤดูร้อนก็คืออันที่เราคุ้นชื่อกันดี "ยูคาตะ" นั่นเอง ซึ่งชุดแบบนี้ใช่มั้ยครับที่ทำให้หลายคนคิดว่าอยากให้คนไทยเอาชุดไทยมาใส่ในเมืองกันบ้าง....ซึ่งอย่าลืมว่า ยูคาตะเป็นชุดแบบลำลองครับ

เอาล่ะอธิบายของญี่ปุ่นมาซะยาว มามองของไทยกันดีกว่า....หลายคนเห็นของญี่ปุ่นแล้วก็หันมาดูของไทย ก็หันมามองชุดไทยพระราชนิยม ชุดพระราชทาน ราชปะแตน ....ซึ่งพวกนี้มันเป็นชุดแบบเป็นทางการหรือ formal นั่นเอง เปรียบได้กับการใส่สูทหรือใส่ชุดราตรี

อย่างที่ผมบอกไปว่ายูคาตะเป็นชุดแบบลำลองหรือ casual แต่มองชุดไทยแบบไหนกัน คำตอบคือแบบทางการหรือ formal ถ้าคิดจะเอามาใส่แบบเดียวกับยูคาตะ ก็เลยทำให้มันออกมาดูเว่อร์ๆ ครับ......สิ่งที่ผมอยากบอกก็คือถ้ามองชุดไทยแบบนั้นมันก็เอาไปเทียบกับยูคาตะของญี่ปุ่นไม่ได้ครับ ต้องไปเทียบกับพวก ฟุริโซเดะ หรือ โทเมะโซเดะ ที่เป็นชุดแบบ formal เหมือนกัน

ลองนึกภาพดูครับว่า ในวันว่างเราจะใส่สูทสุดหรูไปเดินห้างไหม? จะใส่ชุดราตรีไปเดินห้างหรือเปล่า? เราใส่มันเดินถนนหรือเปล่า? นี่คงเป็นสิ่งที่เราจะไม่ทำใช่มั้ยล่ะครับ? คำตอบมันก็อยู่ตรงนี้แล้วว่ามันเอามาใส่ในชีวิตประจำวันไม่ได้


สิ่งที่เราควรจะทำก็คือมองชุดไทยที่เป็นชุดลำลองเพื่อให้มันเอามาใส่ในชีวิตประจำวันได้

แล้วในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้วชุดไทยมีแบบลำลองหรือเปล่าล่ะ? คำตอบคือ "มีสิครับ"
แล้วทำไมไม่เคยเห็น?.....ก็เพราะหลายคนปักใจไปกับชุดไทยแบบเป็นทางการมากเกินไป ทำให้ไม่ได้หันมามองแบบลำลอง

ชุดแบบลำลองของไทยก็คือพวกชุดพื้นเมืองนั่นแหละครับ....
เดี๋ยวก่อนนะ อย่าเพิ่งคิดว่าชุดไทยก็ต้องเป็นชุดไทย ชุดพื้นเมืองมันไม่เกี่ยว.....ผมอยากให้เข้าใจชุดพื้นเมืองซะใหม่ก่อนครับ......ชุดพื้นเมืองมันคือชุดที่คนในประเทศนั้นๆ ใส่กันทั่วไปในชีวิตประจำวัน และจากที่ผมเคยสังเกตุเพื่อเก็บข้อมูลชุดแบบไทยๆ ผมพบว่าชุดของทุกภาคในไทยมันก็มีลักษณะคล้ายๆ กันอยู่แหละครับ ต่างกันนิดๆ หน่อยๆ.....ชุดยูคาตะ จินเบ เราก็ไม่ได้เรียกว่ามันเป็นชุดประจำชาติของญี่ปุ่น เราเรียกแต่ชุดแบบที่ใช้ใส่แบบเป็นงานเป็นการใช่มั้ยล่ะครับ......เพราะงั้นมันก็เทียบเท่ากับชุดพื้นเมืองของไทยเรานั่นเองล่ะครับ

พอพูดถึงชุดพื้นเมืองหลายคนคงนึกถึงชุดภาคเหนือ แต่ที่จริงแล้วพวกชุดที่เป็นเหมือนชุดพื้นเมืองชุดไทยลำลองที่เป็นของบริเวณกรุงเทพมันมีนะครับ.....อย่างที่บอกไปแล้วว่าที่จริงมันก็คล้ายๆ กันทุกภาคไม่ใช่มีแต่ของภาคเหนือหรอกครับ




เสื้อผ้าที่คนกรุงใส่กันนับย้อนกลับไปในสมัยที่เก่าที่สุดมีรูปแบบตะวันตกน้อยที่สุดและเอามาใส่ในชีวิตประจำวันได้มากที่สุด สรุปได้คือ....
- เสื้อคอกลมหรือคอวี หรืออาจเป็นแบบมีปกตั้งขึ้นเล็กๆ (ผมเรียกว่าคอไทย) ก็ได้ อาจเป็นผ่าหน้าตลอด หรือผ่าครึ่งอก หรือผ่าคอตื้นๆ ก็ได้ เสื้อแขนยาวเป็นแขนปล่อย ชายเสื้อตรง....ปกตั้งขึ้นบางคนอาจเรียกคอจีน แต่ที่ผมเรียกว่าคอไทย เพราะว่าของไทย จีน ญี่ปุ่น จะมีลักษณะคล้ายๆ กัน แต่ก็มีข้อแตกต่างกันนิดหน่อย

- ชิ้นล่าง ก็มีกางเกงไทย (กางเกงเล) หรือกางเกงผ้าเกลี้ยงๆ ที่ขมวดเอวแล้วมีผ้าคาด ขากางเกงยาวตั้งแต่ระดับคลุมเข่าไปจนถึงข้อเท้า ซึ่งสำหรับปัจจุบันแล้วที่เราหาซื้อได้ก็คือกางเกงไทยครับ มีหลายชนิด ทั้งหม้อห้อม ทั้งฝ้ายเมือง ทั้งฝ้ายเบา เป็นโพลีเอสเตอร์ก็มี ส่วนอีกชนิดนี่หายากครับ เราใช้กางเกงสมัยใหม่นี่มาปรับเอาก็ได้ โดยเลือกกางเกงที่มีความยาวเท่าๆ กับกางเกงของไทย โดยเลือกใช้กางเกงที่ดูเกลี้ยงๆ ครับ.....อีกอย่างก็คือซิ่น ทุกวันนี้หาซื้อได้ไม่ยาก

สำหรับรายละเอียดแบบเต็มๆ ลองดูที่ตอนที่ 2 ใน 4 ตอนที่ได้บอกไว้ข้างบนนะครับ คือ "รูปแบบของชุดเสื้อผ้าแบบไทย"


ที่จริงแล้วชุดไทยที่เป็นชุดประจำชาติก็สามารถที่จะเอามาปรับให้เป็นชุดลำลองได้เหมือนกันนะครับ แต่มันต้องเอาไปปรับหรือดัดแปลงนิดหน่อย โดยใช้ฟอร์มของชุดนั้นๆ เช่น.....

- ชุดไทยเรือนต้น ใช้ผ้าฝ้ายทำ เสื้อต้องไม่มีการอัดเรียบ ปล่อยให้เป็นผ้าที่นิ่มเหมือนผ้าเสื้อเชิ้ตไม่แข็งเป็นทรง ทำแขนเสื้อและเย็บตะเข็บไหล่แบบเชิ้ตแทนการทำแบบสูท ข้อมือปล่อยไม่ต้องไปรัดแบบเชิ้ต ใช้กระดุมธรรมดา หรือใส่เสื้อยืดหรือเสื้ออื่นๆ แทน

- เสื้อพระราชทาน ใช้ผ้าฝ้าย ไม่ต้องอัดเรียบปล่อยให้นิ่มไม่แข็งเป็นทรง ใช้กระเป๋าแปะแทนกระเป๋าเจาะ อาจไม่ติดกระเป๋าที่ชายเสื้อมีแต่กระเป๋าที่อก ใช้กระดุมธรรมดา ทำแขนเสื้อและเย็บตะเข็บไหล่แบบเชิ้ตแทนการทำแบบสูท ข้อมือต้องปล่อยอย่างเดิม......เวลาใส่ก็ใส่ชนกับกางเกงอะไรก็ได้ตามชอบไปเลยครับ

ถ้าทำแบบนี้แล้วชุดไทยที่เป็นชุดประจำชาติที่ดูแลยาก ใส่ยาก ร้อน ก็จะกลายเป็นชุดแบบลำลองที่ใส่ได้ทุกวันได้เหมือนกันครับ



ก็คงจะช่วยให้หลายคนเข้าใจและมีมุมมองเกี่ยวกับการใส่ชุดไทยในชีวิตประจำวันดีขึ้นนะครับ

สงกรานต์นี้ใครที่ใส่อยู่แล้วก็มาใส่กันอีก ส่วนใครยังไม่เคยใส่ก็มาเริ่มใส่ชุดแบบไทยๆ กัน แล้วก็อย่าหยุดอยู่แค่สงกรานต์แต่ใส่ในชีวิตประจำวันไปด้วยเลยครับ เพราะเสื้อผ้าแบบไทยหรือชุดพื้นเมืองต่างๆ นี้ใส่ง่าย สบาย ไม่ร้อน ใช้ในชีวิตประจำวันได้จริงครับ

เมื่อเราเริ่มคุ้นกับชุดแบบไทยมากขึ้นแล้ว ถ้ามีโอกาสพิเศษก็ลองเอาชุดประจำชาติของเรามาใส่กันดูบ้างก็ได้


ขอให้ทุกคนมีความสุขในวันหยุดสงกรานต์นี้นะครับ


โดย นาย nyo


ภาพประกอบเนื้อหาจากอินเตอร์เน็ต


Create Date : 10 เมษายน 2558
Last Update : 30 มีนาคม 2560 18:04:57 น. 0 comments
Counter : 5244 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nyo
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์ ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ 2539 ห้ามผู้ใดทำการคัดลอก ส่วนใดส่วนหนึ่งของบล๊อกนี้ไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อค


ติดต่อผมได้ที่
naai.nyo@gmail.com

____________________

บล๊อกนี้ผมเขียนขึ้นมาจากสิ่งที่ผมไปรู้ไปเห็นมาก็เลยเอามาเล่าต่อเพื่อเป็นการแชร์ความรู้กัน หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นบ้างไม่มากก็น้อยครับ


กรูณาใช้ภาษาให้เหมาะสมในการแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ
Friends' blogs
[Add nyo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.