โครเอเชีย ดินแดนพระจันทร์เสี้ยวแห่งยุโรป Grand Croatia 8 วัน วันที่ 13 - 20/10/62
โครเอเชีย ดินแดนพระจันทร์เสี้ยวแห่งยุโรป Grand Croatia   8 วัน วันที่ 13 - 20/10/62

มาเที่ยวทิพย์กัน  บันทึกการเดินทางจากตะลอนทัวร์ไปเรื่อย Trip นี้เที่ยวก่อน Covid 19 ระบาด ไม่นาน  ยังไม่รู้ว่าปีหน้า(2565) จะได้เดินทางไปต่างประเทศได้มั้ย มัดจำ เที่ยวจอร์เจีย ปีกว่าแล้ว 
ใช้บริการ Unithai ราคา 45,900 บาท ค่าวีซ่า 5,500 บาท รวม  51,400 บาท  ค่าทิปคนขับ+ไกด์ 14 ยูโร ไกด์ไทย 800 บาท รวมประมาณ 1500 บาท  แลกเงินดอลล่าร์ หรือยูโร จากไทย แล้วไปแลกเงิน คูน่าโครเอเซียที่สนามบิน แลกไม่เยอะ เก็บไว้ซื้อขนม น้ำ  ผลไม้  Shopping นิดหน่อย ถ้าเหลือจะแลกกลับที่สนามบินตอนกลับ  1 คูน่า = 5 บาทกว่า  ค่าครองชีพเหมือนเมืองไทย เช่น น้ำ อาหาร  ราคาพอ ๆ ไทย  อากาศช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี 20 กว่าองศา เย็น ๆ  ไกด์ไทย ชื่อ คุณต้อย ก็ดีพอใช้

วันแรก 13/10/62   เดินทางโดย Emirate EK385 ออกเวลา ตี 1.35 น .  ถึง ดูไบ ตี 4.45 น.(ช้ากว่าไทย 3 ชั่วโมง) ออกเดินทางต่อ  8.30 น EK129
วันที่สอง 14/10/62   เวลา 12.35 ถึง ซาเกรป โครเอเซีย (ช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง)  อากาศประมาณ  20-23 องศา




โครเอเชีย (Croatia) ดินแดนพระจันทร์เสี้ยวแห่งยุโรป “สาธารณรัฐโครเอเชีย” มาจากรูปร่างของประเทศที่คล้ายกับพระจันทร์เสี้ยวหรือเกือกม้านั่นเอง  ตั้งอยู่ระหว่างยุโรปกลาง ใต้ และตะวันออก ล้อมรอบไปด้วยทิวทัศน์ของน้ำทะเลสีฟ้าใสที่ทอดยาวเหนือจรดใต้ราวกับภาพวาดของทะเลเมดิเตอร์เรเนีย ได้รับ 10 มรดกโลกทางวัฒนธรรม และธรรมชาติ  






เมืองโอพาเทีย (Opatija) อยู่ในแคว้นอิสเตรีย เป็นเมืองท่องเที่ยวมีบ้านพักตากอากาศตามชายฝั่ง



รูปปั้นแห่งนกนางนวล (Maiden with the Seagull) เป็นรูปปั้นที่ตั้งอยู่บนโขดหินริมทะเลในเมืองโอปาทิยา (Opatija) ประเทศโครเอเชีย (Croatia) เรื่องราวของรูปปั้นหญิงสาวที่มีนกนางนวลเกาะอยู่บนเเขนของเธอนั้นเริ่มต้นขึ้นในปี 1891 เมื่อเคานต์อาร์เธอร์เสียชีวิตในทะเลท่ามกลางพายุรุนแรง ครอบครัวของเคานต์อาร์เธอร์จึงตั้งรูปปั้น ‘มาดอนนา เดล แมร์’ (Madonna Del Mare) ไว้บนโขดหินริมทะเลเพื่อเป็นการไว้อาลัย







เราไม่พลาดชิมไอศกรีมแน่นอน 
 

วันที่สาม 15/10/62  ซาดาร์ สปลิต

โรงแรม Remisens Hotel Giorgio 2  ที่ เมืองโอปาทิยา (Opatija)   อากาศดีมาก ๆ ติดทะเล


วิวจากห้องพัก
 




เฮฮา กันตามประสา แก๊ง สาว สาว สาว(เหลือน้อย) 

 

มหาวิหารเซนต์อนาตาเซีย (St Anastasia Cathedral) หรืออีกชื่อคือมหาวิหารซาดาร์ (Zadar Cathedral) นั้นตั้งอยู่ที่เมืองซาดาร์ (Zadar) ประเทศโครเอเชีย (Croatia) ที่นี่ถือเป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคดัลเมเชีย (Dalmatia) โดยในช่วงศตวรรษที่ 4 นั้น มีการสร้างโบสถ์ศาสนาคริสต์แห่งหนึ่งขึ้น ซึ่งโบสถ์หลังนี้เองที่กลายมาเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของมหาวิหารเซนต์อนาตาเซีย



โบสถ์เซนต์แมรี่ (St Mary’s Church) ตั้งอยู่ตรงข้ามกับโบสถ์เซนต์โดแนท (St Donatus’ Church) ในเมืองซาดาร์ (Zadar) ประเทศโครเอเชีย (Croatia) โบสถ์เซนต์แมรี่สร้างขึ้นในปี 1066 โดยหญิงสาวนามว่าซิก้า (Cika) เธอเป็นสาวชนชั้นสูงคนหนึ่งของเมืองซาดาร์ โดยเธอสร้างโบสถ์แห่งนี้สำหรับเหล่าแม่ชีคณะเบเนดิกติน (Benedictine Convent) หนึ่งในส่วนที่สวยงามที่สุดของโบสถ์เซนต์แมรี่คือหอระฆังสไตล์โรมาเนสก์ (Romanesque campanile) ที่สร้างขึ้นในปี 1105 แต่ตัวโบสถ์ทั้งหมดรวมถึงหอระฆังที่เราเห็นในปัจจุบันนั้นเป็นสิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นใหม่ เพราะโบสถ์และหอระฆังดั้งเดิมถูกทำลายไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง






 

 

เดินมาเรื่อย ๆ  ริมทะเล  ไปฟัง Sea Organ หีบเพลงแห่งท้องทะเลกัน 


The Sea Organ หรือหีบเพลงแห่งท้องทะเล เปลี่ยนชายหาดแสนน่าเบื่อให้กลายเป็นเครื่องดนตรีขนาดยักษ์  

สถาปนิกชาวโครเอเชียนามว่า Nikola Bašić ต้องการบูรณะชายหาดซาดาร์ ที่ได้รับความเสียหายตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองให้กลับมาสวยงามอีกครั้ง ความคิดสร้างสรรค์ของเขากลายเป็น The Sea Organ หรือหีบเพลงแห่งท้องทะเล บันไดลงทะเลสีขาวที่ถอดยาวกว่า 70 เมตรตลอดหาดซาดาร์ ข้างในซ่อนช่องลมเอาไว้เพื่อเป็นเครื่องเป่าจากพลังงานคลื่นทะเลถึง 35 ช่อง ที่ให้เสียงสูงต่ำต่างกันไป เมื่อคลื่นซัดหาดนี้หนึ่งครั้งก็จะเปลี่ยนหาดนี้เป็นเครื่องดนตรีขนาดใหญ่ เกิดโทนเสียงแบบแรมด้อมไปมา
 








เมืองสปลิท (Split) เมืองท่องเที่ยวริมทะเลของประเทศโครเอเชีย


 



พระราชวังดิโอคลีเธี่ยน (Diocletian Palace) สร้างขึ้นจากพระประสงค์ของจักรพรรดิ์ดิโอคลีเธี่ยนแห่งโรมัน เมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 4 ซึ่งต้องการสร้างพระราชวังสำหรับบั้นปลายชีวิตของพระองค์ ภายในพระราชวังประกอบด้วย วิหารจูปิเตอร์ (Catacombes) สุสานใต้ดินที่มีชื่อเสียงและวิหารต่างๆ นำท่านชมห้องโถงกลางซึ่งมีทางเดินที่เชื่อมต่อสู่ห้องอื่นๆ ชมลาน Peristyle ซึ่งล้อมด้วยเสาหินแกรนิต 3 ด้านและเชื่อมต่อด้วยโค้งเสาที่ตกแต่งด้วยช่อดอกไม้สลักอย่างวิจิตรสวยงามชมยอดระฆังแห่งวิหาร (The Cathedral Belfry) แท่นบูชาของเซนต์โดมินัสและเซนต์สตาดิอุส ซึ่งอยู่ภายในวิหาร องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1979
 

















เบิ้องหลังภาพสวย ๆ ต้องเพิ่มแสงซะหน่อย 555
 

วันที่สี่ 16/10/62 เมืองเก่าดูบรอฟนิก (Dubrovnik) – Srd Hill


ดูบรอฟนิก (Dubrovnik)
เมืองชายฝั่งสุดงาม ประเทศโครเอเชีย ได้รับการขนานนามว่า เป็นเมืองเก่าแก่ที่สวยที่สุดในยุโรป จนได้รับฉายาว่า “ไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก” ด้วยความลงตัวของสถาปัตยกรรมและผังเมืองที่เป็นระเบียบ ดูบรอฟนิก ยังมีประวัติศาสตร์เป็นเมืองพี่เมืองน้องกับ “สปลิท” อีกหนึ่งเมืองของประเทศ และ “เวนิส” ประเทศอิตาลี ในคาบสมุทรทะเลเอเดรียติกในอดีต เมืองดูบรอฟนิกจึงเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมยุคโบราณ ทั้งโกธิก เรเนอซองส์ และบารอก


ขึ้น Cable car ไปดู วิว  Hill srd  นั่งกระเช้าขึ้นไป ความสูง 415 มตร ของ Srdj Mt. เหนือจากเมืองดูบรอฟนิค จุดชมวิว ชมสวยงามของเมืองเก่า ท้องฟ้า และทะเล กระเช้าแห่งนี้เริ่มสร้างเมื่อปีค.ศ.1969 ถูกทำลายโดยสงคราม และได้รับการบูรณะสามารถใช้งานได้ในปี ค.ศ.2010 ด้านบนมีร้านขายของที่ระลึก และร้านกาแฟวิวสวยที่สุดในเมือง

กระเช้าขึ้นเนินสูง  เพื่อไปชมวิวงาม ๆ  ของ ดูบรอฟนิก (Dubrovnik)


 
ตึกรามบ้านช่องสีขาวหลังคาอิฐสีส้ม ตัดกับทัศนีภาพริมชายฝั่งทะเลเอเดรียติกที่มีสีเขียวอมฟ้า งามมาก ๆ  




ถ้ามาช่วงเย็นชมพระอาทิตย์ตกดิน น่าจะสวยมาก ๆ  มาช่วงสาย ๆ  แดดแรง ถ่ายรูปย้อนแสง แต่วิวสวยมาก



ดูบรอฟนิก (Dubrovnik) ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลก จาก องค์การยูเนสโก เพราะเป็นเมืองเก่าดั้งเดิม ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 ตลอดแนวกำแพง 2 กิโลเมตร ที่โอบเมืองเก่าเอาไว้ จึงเป็นระยะการเดินที่น่าสนใจไปทุกรายละเอียด เพราะนอกจากจะได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของเมืองแล้ว ยังได้สัมผัสวิวทิวทัศน์ของเมืองเก่าและทะเลเอเดรียติกอันงดงามอีกด้วย


หลังหลังจากชมวิวบนเนิน  ก็เข้าชมตัวเมืองเก่า เลือกจะขึ้นไปชมวิวบนกำแพงเมือง  หรือ ล่องเรือ ชมวิว หรือเดินเล่นในเมืองเก่า  ตามอัธยาศัย   จากที่เดินผ่านประตูชั้นในซึ่งสร้างในรูปแบบศิลปะโกธิค จะเป็นการเข้าสู่ตัวเมืองเก่า ซึ่งได้รับการซ่อมแซมจนเหมือนของเดิมหลังจากสงครามกลางเมือง มาถึง ช่วงที่ไป อยู่ระหว่างซ่อมแซม


 
ศาลาว่าการประจำเมือง (City Hall) และหอระฆัง (Bell Tower) ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมือง ตั้งอยู่ปลายสุดของถนนสายหลัก มีความพิเศษตรงลูกกลมๆ ใต้หน้าปัด ซึ่งแทนพระจันทร์บอกข้างขึ้นข้างแรมในสมัยก่อน
 
 
St.Blaise เป็นโบสถ์ประจำเมืองสไตล์โรมาเนสก์แห่งแรกของเมือง





น้ำพุใหญ่โอโนฟริโอ้ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาโบราณในการทำน้ำประปา โดยการทำรางน้ำ ติดกับกำแพงเมือง โดยนำน้ำจากภูเขา เข้ามา เก็บไว้ที่น้ำพุใหญ่ของเมืองซึ่งจะเป็นลักษณะน้ำพุทรงกลมใหญ่ ออกแบบโดยโอโนฟริโอ้ เดลลา คาว่า ชาวเมืองเนเปิลส์ เขายังได้ออกแบบน้ำพูขนาดเล็กซึ่งตั้งอยู่อีกด้านสุดของ Placa สร้างขึ้นในปี 1438 โดยมีการเชื่อมต่อมาจาก Rijeka Dubrovacka ซึ่งอยู่ไกลออกไปเป็นระยะ 12 กิโลเมตร ในปัจจุบันนี้ได้มีการเชื่อมต่อระหว่างน้ำพุกับแหล่งเก็บน้ำแห่งใหม่ น้ำพุนี้ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวในปี 1667 แม้ว่าได้มีความพยายามที่จะสร้างให้เหมือนเดิม แต่ไม่ประสบความสำเร็จ 
 
 

นั่งเรือโจรสลัดชมวิว  หรือจะชมวิวบนกำแพง  ค่าใช้จ่ายจ่ายเอง ตามอัธยาศัย  แต่เราเลือกนั่งเรือ


GO GO ล่องเรือโจรสลัด ผจญภัย กัน


มัวแต่ถ่ายรูป อดกินไอติมเลย เพื่อนไปต่อคิวซื้อไม่เรียกเลย(เพื่อนบอกชั้นหาแกไม่เจอ) 555


นั่งเรือชมวิวงามๆ  อากาศ ดี๊ดี




กำแพงล้อมรอบเมือง  สามารถขึ้นกำแพงชมวิวได้ เป็นไฮไล เป็นสถานที่ถ่ายทำ game of thrones 

ป้อม Lovrijenac ตั้งอยู่บนหน้าผาและมีความสูง 37 เมตร ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองเก่า ถูกสร้างเพื่อป้องกันการรุกรานทางทะเลจากพวกวาติกัน เริ่มสร้างในปี 1018 ในป้อมนี้มีศาสนจักร เซนต์ ลอเรนซ์ ในปัจจุบันทั้งต้วป้อมและบริเวณรอบๆถูกใช้เป็นที่แสดงละครกลางแจ้งในช่วงเทศกาลดนตรีในช่วงฤดูร้อนอบล้อมด้วยกำแพงหินโบราณ ตั้งสูงตระหง่าน ตรงบริเวณพื้นที่ริมทะเลอาเดรียติก  ที่มีความยาว 1940 เมตร และสูง 25 เมตร
 














หลังจากนั่งเรือชมวิว ทานข้าวเย็นริมทะเล  ก็ เดินเล่นเมืองยามค่ำคืน

 
วันที่ห้า  17/10/62  ซิเบนิก Sibenix
วิวโรงแรม Grand Hotel park  ที่ Dubrovnix เห็นหลังคาสีส้ม สวยมาก ๆ






ระหว่างเดินทางจาก Dubrovnix (ดูบรอฟนิก) ไปเมือง Sibenix  แวะจุดชมวิว ให้ถ่ายรูปวิวงาม ๆ ก่อนจากลา ดูบรอฟนิก วันนี้นั่งรถเกือบทั้งวัน



เมือง ชิเบนิค Sibenik  เมืองมรดกโลก ริมทะเล 



มหาวิหารเซนต์เจมส์ (Cathedral of St James) มหาวิหารที่ได้รับการประกาศให้เป็นแหล่งมรดกโลก ศาสนสถานอายุ 600 ปี หนึ่งในสถาปัตยกรรมที่เกี่ยวข้องกับศาสนาคริสต์ที่สวยงามที่สุดในเมืองซีเบนิค  ตั้งอยู่ที่เมืองซีเบนิค (Sibenik) ประเทศโครเอเชีย (Croatia) มหาวิหารแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของเมืองซีเบนิค เริ่มก่อสร้างในช่วงศตวรรษที่ 15 และใช้เวลาถึง 100 ปีกว่าจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ และด้วยความที่ใช้เวลาถึง 100 ปีในการสร้าง หัวหน้าสถาปนิกจึงเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ละคนนั้นก็นำเอาเอกลักษณ์การออกแบบของตัวเองเข้าไปผสมกับโบสถ์ตั้งต้นจนโบสถ์แห่งนี้ออกมาเป็นสิ่งก่อสร้างที่ผสมผสานการตกแต่งทั้งแบบโกธิก (Gothic) และเรเนสซองส์ (Renaissance) เข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว ที่นี่เป็นมหาวิหารแห่งเดียวในทวีปยุโรปที่ทำจากหินทั้งหมด ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดังมากในวงการสถาปัตยกรรมของทวีปยุโรป
 



รวมแก๊ง นับอายุกันไม่ถูกเลย 555




นางแบบคนสวย








 
วันที่หก 18/10/62  พลิตวิเซ่ อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ 

พักที่ Hotel Lyra  ใกล้ ๆ  อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ เจเซร่า (Plitvice Jezera National Park)  อากาศประมาณ 9-15 องศา อากาศเย็น  สดชื่นมาก ๆ 






รูปกระโดด มันต้องมี 




ถ่ายรูปคนมาเยอะแล้ว ก็ถ่ายรูปเงากันบ้าง 555  ว่างจัด

อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ เจเซร่า (Plitvice Jezera National Park) เข้ามาก็เห็นแบบนี้เลย  งามมาก ๆ   แต่ม่ายช่าย  เป็น wall paper อยู่แถว ๆ ห้องน้ำ   คาดว่า ถ่ายเองคงไม่งามเท่านี้  555


อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ เจเซร่า (Plitvice Jezera National Park) นั้นตั้งอยู่ในภูมิภาคที่เป็นภูเขาของประเทศโครเอเชีย (Croatia) โดยตั้งอยู่ระหว่างเขามาลาคาเพลา (Mala Kapela mountain) และเขาลิคคาพิเยชซิวิกา (Lika Pljeivica mountain) อุทยานแห่งนี้กินพื้นที่ควบถึงสองมณฑลคือลิกาเซนช์ (Lika-Senj) และคาร์โลวัค (Karlovac) อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ เจเซร่านั้นถือเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศโครเอเชียและถือเป็นอุทยานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย

 

 




ค่อย ๆ เดิน ไปตามทาง ชมอุทยานแห่งชาติ พลิตวิเช่  Plitvice lake  nation park  เห็น ใบไม้เปลี่ยนสี  ทะเลสาบสีเขียว  อากาศเย็น ๆ  ดีงาม




เดินเข้ามาตอนแรก อุปกรณ์กันหนาวครบชุด  เดิน ๆ ไป ค่อย ๆ ถอดทีละชิ้น

















ถิ่นใคร  ให้มันรู้ซะบ้าง






มารอเรือ ล่องเรือชมวิวอุทยานกัน 




วิวริมทะเลสาป



ขึ้นจากล่องเรือ ก็ไปหม่ำกัน อาหารพื้นเมือง(อาหารฝรั่ง)เกือบทุกมื้อ เป็นแบบคอร์ส (อาหารจานรอง จานหลัก และของหวาน) มื้อนี้ อร่อยมาก  






หลังอาหารกลางวัน อิ่ม อร่อย ก็เดินทางกลับ โดยนั่งรถ 1-2 station (จำไม่ได้อะ)  และเดินเท้าชมอุทยานกันต่อ    ลุยค่า






วิว ไฮไล





 
วันที่เจ็ด 19/10/62  ซาเกรป จัตุรัสเซนต์มาร์ค

ซาเกรบ (Zagreb) เป็นทั้งเมืองหลวงและเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโครเอเชีย ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ เป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่ยุคโรมันก่อนจะค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันเป็นเมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยวของโครเอเชีย
 
จัตุรัสเจลาซิค (Jelacic Square) ศูนย์กลางเมืองเก่าตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 จุดเด่นของจัตุรัสแห่งนี้ก็คือรูปปั้นของโจเซฟ เจลาซิค ที่นั่งอยู่บนหลังม้าหนึ่งในบุคคลสำคัญของโครเอเชีย


ตลาดโดรัค หรือ Dolac Market  ตลาดร่มแดง  เป็นตลาดกลางแจ้งที่เก่าแก่ประจำเมือง
จุดเด่นของตลาดแห่งนี้ คือ ร่มสีแดงที่เรียงรายอันเป็นเอกลักษณ์ของตลาดที่โด่งดังไปทั่ว โดยลายที่ขอบร่มเป็นส่วนหนึ่งของลวดลายเครื่องแต่งกายชาวพื้นเมืองซาเกรบในอดีตที่ปัจจุบันกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของตลาดกลางแจ้งแห่งนี้ 



ซื้อผลไม้ สด ๆ  ถั่ว  อัลมอนด์  วอลนัท อร่อยราคาไม่แพง คนขายอัธยาศัยดี  ซื้อกันหลายคน คนขายใส่ถุงของแถมมาให้แบ่งกันชิมอีก  เดินไปเดินมา Shoping สนุกสนาน สรุปหาจุดที่ไกด์นัดพบไม่เจอ(หลงนั่นแหละ) โชคดีที่ในแก๊งด์ มีเปิด wifi มา เลยโทรหาไกด์ให้มารับที่รูปปั้นของโจเซฟ เจลาซิค หลงแล้วยังเดินเฮฮากันไม่มีสลด บอกว่าไม่หลงเดิน ๆ ไปก็เจอเองแหละ จ้าคุณพี่ แต่คุณน้องขอโทรหาไกด์ดีกว่า 555  ช่วงเดินหาจุดนัดพบ ก็เจอ พี่ 2 ท่านก็หลงเหมือนกัน(พี่เค้าบอกว่า ยืนรอตรงนี้แหละ เดี๋ยวไกด์คงเดินตามหา แต่โชคดีที่เจอพวกเรา)  


มหาวิหารเซนต์มาร์ค (St Mark’s Church) โบสถ์โบราณที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 หลังคาโมเสกหลากสีสันอันลือชื่อ ที่ตั้งของประตูทางเข้าสไตล์โกธิกที่สวยงามและสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งยุโรปตะวันออกเฉียงใต้  มหาวิการเซนต์มาร์ค (St Mark’s Church) คือโบสถ์เก่าแก่หลังหนึ่งในเมืองซาเกรบ (Zagreb) ประเทศโครเอเชีย (Croatia) โบสถ์
จุดที่ทำให้มหาวิหารแห่งนี้มีชื่อเสียงและเด่นสะดุดตานักท่องเที่ยว คือหลังคาโมเสกหลากสีสันของตัวโบสถ์ หลังคาดังกล่าวสร้างขึ้นในปี 1880 และประกอบกันเป็นภาพตราอาร์มของโครเอเชีย (Croatia) ตราอาร์มของดัลเมเชีย (Dalmatia) และตราอาร์มของสลาโวเนีย (Slavonia) อยู่ทางด้านซ้ายมือของหลังคา ส่วนทางขวามือเป็นรูปเมืองซาเกรบ

วันนี้เหมือนจะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐประชุม มีคนใส่ชุดประจำชาติด้วย


มหาวิหารเซนต์มาร์ค (St Mark’s Church)


ด้านหลังมหาวิหารเซนต์มาร์ค (St Mark’s Church)




Hop aboard a blue tram รถรางสีน้ำเงิน







  ถือว่าสั้นที่สุดในโลก รถรางนี้ถือว่าเป็นพาหนะสาธารณะชนิดแรกของเมืองซาเกรป เริ่มให้รถรางขึ้นลงเขา หรือ Funnicular ที่สั้นที่สุดในโลก แค่ 66 เมตรบริการปี 1890
 


 






นั่งรถรางขี้นมาชมวิว  รอรถรางออกตามเวลายังช้ากว่าคนที่เดินขึ้นมาอีก  555



มหาวิหารแห่งเมืองซาเกรบ (Zagreb Cathedral) ตั้งอยู่ที่เมืองซาเกรบ (Zagreb) ประเทศโครเอเชีย (Croatia) มหาวิหารแห่งนี้ตั้งตระหง่านเป็นสัญลักษณ์ของเมืองซาเกรบมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 เลยทีเดียว ที่นี่ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในประเทศโครเอเชียด้วยหอคอยยอดแหลมคู่ที่สูงถึง 108 เมตร 
 












Bye Bye   Croatia

 

วันที่แปด  วันที่ 20/10/62   เวลา 10.30 น . เดินทางไปสนามบิน  ออกเดินทาง 15.35 EK130
23.00 ถึงดูไบ 03.40 น.ออกเดินทาง 13.15 ถึง กรุงเทพ EK376




Create Date : 29 พฤษภาคม 2564
Last Update : 29 พฤษภาคม 2564 12:51:13 น.
Counter : 1806 Pageviews.

2 comments
  
โห น่าเที่ยวมากเลยค่ะ
บ้านเมืองเค้าดูเป็นธรรมชาติดีนะคะ

ชอบภาพเดอะแก๊งค์ น่ารัก สดใสทุกคนเลย
โดย: VELEZ วันที่: 29 พฤษภาคม 2564 เวลา:12:46:04 น.
  
@VELEZ ขอบคุณค่ะ ช่วงนี้เที่ยวทิพย์กันไปก่อน
โดย: tata (Meanangtatalim ) วันที่: 29 พฤษภาคม 2564 เวลา:13:08:03 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Meanangtatalim
Location :
สมุทรสาคร  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



บันทึกการเดินทางจาก ตะลอนทัวร์ไปเรื่อย
พฤษภาคม 2564

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
30
31
 
 
All Blog