รัสเซียเป็นสถานที่อยู่ในใจตลอดหลายปีที่ผ่านมาจะต้องมาเยี่ยมเยือนสักครั้งนึง  แต่มีอันต้องเปลี่ยน Tripตลอด ๆ ปีนี้ได้เที่ยวสมใจละครั้งนี้ใช้บริการ QE tour (Go holiday tour) ราคา 59,900 บาท รัสเซีย มอสโคว์ - เซนต์ปีเตอร์สเบร์ก 8 วัน 5 คืน สายการบิน Emirate Transit เครื่องที่ Dubai ไกด์ไทยชื่อคุณเล็กบริการไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ อัตราแลกเปลี่ยน 1 บาท =0.55 รูเบิ้ล จากเดิมค่าเงิน 1 รูเบิ้ล = 1 บาท ทำให้ราคาทัวร์ลดลงจากเมื่อ 2 ปีก่อนเยอะมาก สนุกสนานกับการshopping สินค้าที่รัสเซียมาก ราคาไม่แพงเลย

วันแรก 15.6.59 นัดเจอ 22.30 เครื่องออก 01.35 น. ถึงสนามบิน ที่ดูไบ 04.45 น. ที่นั่งบนเครื่องกว้างนั่งสบาย อาหารบนเครื่องก็อร่อย และมี Wifiให้ใช้บนเครื่องด้วย ฟรี 10 MB   แต่ต้องรอเปลี่ยนเครื่อง 5 ชั่วโมงนานมาก  ทางสายการบินมีคูปองอาหารให้สามารถซื้อได้ที่ร้านในสนามบินตามกำหนดใน voucher(ตามกฎรอเกิน4 ชั่วโมง ต้องมีคูปองอาหารให้ผู้โดยสาร) 

ทานอาหารบนเครื่องอิ่ม อร่อย แล้วก็เลยมาชิมที่ร้านนี้ เป็นอาหารพื้นเมือง อร่อยดี คูปองสามารถใช้ได้ตาม menuที่กำหนด 

เหลือเวลาเยอะ เดิน shoppingกันไป น้ำหอมยี่ห้อดัง ๆ ก็ไม่ถูกนะ ไกด์แนะนำ Dove สีชมพูเมืองไทยไม่มีขาย(กลิ่นหอมมาก ครีมจะเหนียว ๆ ไม่ค่อยเหมาะกับอาการเมืองไทยแต่ใช้ช่วงหน้าหนาวน่าจะดี), ครีมหิมาลายา(Himalaya) เห็นว่าดีหลายอย่างแต่ลองซื้อครีมทาผิว เนื้อครีมไม่เหนียว กลิ่นหอมอ่อน ราคาเท่ากันประมาณ110 บาท ซื้อไปลองก่อน ขากลับค่อยซื้อกลับบ้านจะได้ไม่ต้องแบกไป และมีครีมกันแดด SPF 100 อีกอย่างที่ไกด์แนะนำ จัดไปทุกอย่าง 555

วันที่สอง 15.6.59 เวลา 9.35 น. ถึงสนามบินดามาเดียดาวา กรุงุมอสโคว์ เวลาช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง อากาศเย็น ๆ ประมาณ 20-25องศา เหมือนฝนจะตก

สถานที่ในรัสเซีย ส่วนใหญ่มีแต่ภาษารัสเซียไม่มีภาษาอังกฤษกำกับ ถ้ามาเที่ยวเองอาจจะลำบากซักหน่อยคนรัสเซียหน้าบึ้งไม่ค่อยรับแขกเท่าไหร่ ยกเว้นหนุ่มสาว กับ เด็ก ๆ จะ Friendly มากพยายามพูดภาษาอังกฤษ ไกด์บอกว่า แถบเอเชีย มีไทย กับ จีน เท่านั้นที่มาเที่ยวเยอะคนญี่ปุ่นยังกล้ามาเที่ยว กลัวไม่ปลอดภัย แต่ที่สัมผัส ประเทศรัสเซียกำลังปรับเปลี่ยน พัฒนา เพื่อจะรับนักท่องเที่ยว มีการซ่อมแซมและสร้างสิ่งปลูกสร้างเยอะมาก ทั้งมอสโคและ เซ็นต์ปีเตอร์สเบอร์ก รถติดมาก ตลอดวันด้วย กรุงเทพชิดซ้ายไปเลย

เนินเขาสแปร์โรว์(SparrowHills) จุดชมวิวที่ สามารถมองเห็นทัศนียภาพของกรุงมอสโคว์ 

มหาวิทยาลัยมอสโก หรือ มหาวิทยาลัยโลโมโนซอฟ อาคารเรียนที่สูงที่สุดในโลก

ใกล้ ๆ โรงแรมติด supermarketเลยมา shopping มาซื้อของฝาก chocolate หน้าเด็กผลิตที่รัสเซีย ราคาไม่แพงประมาณ 60-80 รูเบิ้ล แต่รสชาติไม่เข้มข้น สู้ Milka chocolate นำเข้าจากยุโรปไม่ได้

วันที่สาม 17.6.59  มอสโค เที่ยวพระราชวังเครมลิน มหาวิหารเซนต์บาซิล จัตุรัสแดง ห้างสรรพาสิน Gumแสดงละครสัตว์ (Circus) อากาศ30 องศา ฟ้าเปิดไม่มีฝน 

พระราชวังเครมลิน(GrandKremlin Palace) ตั้งอยู่ที่กรุงมอสโค ประเทศรัสเซียสร้างอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำมอสควา ภายในมีพระราชวัง หอคอย และป้อมปราการซึ่งในอดีต เป็นที่ประทับของพระเจ้าซาร์กษัตริย์แห่งราชวงศ์รัสเซีย แต่ได้ถูกปฏิวัติเป็นคอมมิวนิสต์และได้ใช้เป็นที่ทำการรัฐบาลเครมลิน เป็นชื่อ ของนักการเมือง

พระราชวังเครมลินถือได้ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีเลิศที่สุดในยุโรปยุคกลางคำว่า "เครมลิน" มีความหมายว่า ป้อมปราการ มีความยาวล้อมรอบ 2,235 เมตร มีหอคอย 18 แห่ง(เพื่อป้องกันการรุกรานจากประเทศเพื่อนบ้าน) โดยมีการปรับปรุงต่อเติมมาเรื่อยๆเริ่มจากใช้อิฐสีขาวเป็นรอบรั้วกั้นกำแพงแต่ในปัจจุบัน ได้เปลี่ยนมาเป็นอิฐสีแดงซึ่งความสูงของหอคอยแตกต่างกันระหว่าง 28-71 เมตร 

ภายในพระราชวังแห่งนี้ประกอบด้วยปราสาท โบสถ์ วิหาร พิพิธภัณฑ์ คลังแสง อาวุธยุทธภัณฑ์ หอคอยป้อมปราการ หอสูง ยอดแหลม และโดมมากมาย มีกำแพงสูง 65 ฟุตรอบพระราชวัง มีความยาวเกือบ 3 กิโลเมตรพระราชวังจักรพรรดิอยู่ตรงกลาง หอคอยอิวานเวลิกี้สูง 270 ฟุตเป็นที่แขวนระฆัง ของพระเจ้าโบริสดูนอฟ ผู้อยู่บนหอคอย

เด็ก ๆ และวัยรุ่น ชาวรัสเซีย พยายามจะพูดภาษาอังกฤษ ยิ้มแย้มแจ่มใส  แต่ผู้ใหญ่จะหน้าบึ้งๆ 

รอคิวยาว  เข้าพิพิธภัณฑ์อาร์เมอร์รี่แชมเบอร์ (KREMLIN ARMOURY CHAMBER) ที่อยู่ในบริเวณพระราชวังเครมลิ พิพิธภัณฑ์นี้เป็นสถานที่เก็บสมบัติล้ำค่ากว่า 4,000 ชิ้น เช่น ศาสตราวุธต่างๆ เครื่องป้องกันตัว หมวกเสื้อเกราะที่ใช้ในสมรภูมิ เครื่อง เงิน ทองเพชรพลอยเครื่องทรงของกษัติย์พระเจ้าซาร์และซารีน่าซึ่งหาดูได้ยากยิ่ง 

เค้าไม่ให้ถ่ายรูป เลยนำรูปจาก  web: teawsanook.com มาประกอบจะได้ไม่ลืม

CR รูปจาก web: teawsanook.com

จัตุรัสวิหาร" ซึ่งเป็นที่ตั้งของวิหาร 3 หลังที่สำคัญ นั่นก็คือวิหารอัสสัมชัญ วิหารอันนันซิเอชั่น และวิหารอาร์คาเกล สำหรับวิหารที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดในเครมลินก็คือวิหารอัสสัมชัญซึ่งเป็นวิหารที่ระลึกถึงการสิ้นพระชนม์ของแม่พระมารีย์ผู้กำเนิดพระเยซูใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญๆ อย่างพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระเจ้าซาร์

ความงดงามโดดเด่นจากยอดโดมสีทองสดใสมีไม้กางเขนประดับอยู่ด้านบนทั้ง 5 ยอด ตัดกับหินสีขาวที่ประกอบเป็นตัววิหารยิ่งเมื่อเข้าไปด้านในยิ่งเห็นถึงความงามอลังการ มีภาพเขียนแบบเฟรสโก้ (ปูนเปียก)วาดเป็นรูปนักบุญและพระสังฆราชต่างๆรวมทั้งเป็นที่วางหีบพระศพของพระสังฆราชอีกด้วยส่วนวิหารอีกสองหลังนั้นก็เป็นวิหารที่พระเจ้าซาร์และพระบรมวงศานุวงศ์ใช้ประกอบพิธีในศาสนาต่างๆรวมถึงเป็นสุสานฝังศพพระเจ้าซาร์องค์แรกๆ อีกด้วย

หอระฆังอีวาน เป็นหอสูง 81 เมตร มีโดมทองอยู่บนยอดและมีระฆังเสียงตี 34 อันแขวนอยู่ลดหลั่นจากสูงมาต่ำ ตามช่องหน้าต่างชั้นต่างๆ

ระฆังของพระเจ้าซาร์ เป็นระฆังที่ใหญ่ที่สุดในโลกน้ำหนักกว่า 200 ตัน และมีลวดลายสวยงามบนตัวระฆังน้ำหนักมากขนาดนี้หากแกว่งทีหนึ่งก็คงจะเสียงดังกังวานไปไกลแต่น่าเสียดายที่ระฆังนี้ยังไม่เคยมีเสียงหรือไม่เคยถูกใช้สักครั้งเพราะในขั้นตอนการหล่อยังไม่ทันเสร็จสมบูรณ์ ตัวระฆังยังอยู่ในเตาหล่อใต้ดินก็เกิดไฟไหม้ขึ้นภายในเครมลิน หลังจากเพลิงสงบน้ำที่ใช้ดับไฟได้ซึมลงไปในเตาอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้ระฆังร้าวและแตกออกมาอย่างในภาพที่เห็นเป็นเหตุให้ระฆังใบนี้ต้องมาตั้งอยู่ที่พื้นพร้อมกับชิ้นส่วนที่แตกออก(เฉพาะส่วนที่แตกก็มีน้ำหนักถึง 11 ตันแล้ว) แทนที่จะได้แขวนอยู่บนหอระฆังอย่างสง่างาม

ปืนใหญ่พระเจ้าซาร์ สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1586 ว่ากันว่าเป็นปืนใหญ่ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีน้ำหนักถึง 40 ตันด้วยกันแถมด้านหน้าปืนใหญ่ยังมีลูกกระสุนตั้งซ้อนกันอยู่ด้านหน้า 4 ลูกโดยแต่ละลูกก็หนักถึง 1 ตันทีเดียวแต่ปืนใหญ่กระบอกนี้ก็ไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน

มหาวิหารเซนต์บาซิล (St. Basil’s Cathedral) คืออีกหนึ่งสถาปัตยกรรมที่กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของกรุงมอสโกด้วยรูปทรงที่มีลักษณะเป็นโดมรูปหัวหอม สีสันสดใส ตั้ง ตระหง่านสง่างามขนาบข้างด้วยกำแพงเครมลิน สร้างขึ้นโดยพระเจ้าอีวานที่ 4 (Ivan theTerrible) เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานในการรบชนะเหนือกองทัพของมองโกลที่เมืองคาซาน(Kazan) ในปี พ.ศ. 2095 หลังจากถูกปกครองกดขี่มานานหลายร้อยปีออกแบบโดยสถาปนิก ปอสนิก ยาคอฟเลฟ (Postnik Yakovlev) และด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรมจึงทำให้มีเรื่องเล่าสืบต่อกันว่าพระเจ้าอีวานที่ 4 ทรงพอพระทัยในความงดงามของมหาวิหารแห่งนี้มากจึงมีคำสั่งให้ปูนบำเหน็จแก่สถาปนิก ผู้ออกแบบด้วยการควักดวงตาทั้งสองเพื่อไม่ให้สถาปนิกผู้นั้นสามารถสร้างสิ่งที่สวยงามกว่านี้ได้อีกการกระทำในครั้งนั้นของพระเจ้าอีวานที่ 4 จึงเป็นที่มาของสมญานามIvan The Terrible หรืออีวานมหาโหด นั่นเอง

โดมรูปหัวหอม ที่มีหลากหลายสีสันสดใสสวยงามมีหลายขนาด เป็นโดม 9 แห่งที่รวมอยู่ด้วยกันได้อย่างเหมาะสมกลมกลืน เป็นรูปแบบศิลปะจากจินตนาการจากเทพนิยาย

สวยงามเกินบรรยาย สีสันสดใส 

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ( State Museum History ) ตั้งอยู่ในย่านจตุรัสแดงเมืองมอสโก ประเทศรัสเซีย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใช้เก็บรวบรวมเอกสารที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของรัสเซีย ลักษณะของอาคารนั้นมีลักษณะเป็นตึกสีแดงหลังคาเป็นแบบสังกะสี และมีสถานที่เก็บรวบรวมข้อมูลที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และมีความเก่าแก่มาก ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์ประกอบด้วยห้องต่างๆ จำนวน 21ห้อง สร้างขึ้นตั้งแต่ในสมัยของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชมีการเก็บรวบรวมพระราชสมบัติมากกว่า 45 ล้านชิ้นและเอกสารกว่า15 ล้านชิ้น รวมทั้งสมุดที่ใช้ในการร่างเอกสารต่างๆอัญมณีที่ล้ำค่าและเก่าแก่ และชุดไม้เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ อาวุธที่ใช้ในการทำศึกสงครามของรัสฌซียแผนที่รวมทั้งพระคำ ภีร์ที่สำคัญ ฯลฯ ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ใช้ระยะเวลาในการตกแต่งปรับปรุงและซ่อมแซมเป็นเวลานานหลายปีเนื่องจากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นสถานที่ที่เก่าแก่จึงเป็นเหตุให้การตกแต่งหรือการปรับปรุงและทำการซ่อมแซมเป็นไปได้ยากและใช้ระยะเวลานานพอสมควร

"จัตุรัสแดง" (RedSquare) ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญของกรุงมอสโกตั้งอยู่กลางใจเมืองของมอสโก ประเทศรัสเซีย

จัตุรัสแดงหมายถึงความสวยงามความดีงามเท่านั้น ลานกว้างของจัตุรัสแดงนี้มีพื้นที่กว้าง 695 เมตร ยาว 130 เมตรทำหน้าที่เป็นสถานที่จัดงานสำคัญๆ ต่างๆ ของรัสเซียมาหลายยุคหลายสมัย เช่นการสวนสนามแสดงแสนยานุภาพของกองทัพรัสเซียในโอกาสต่างๆรวมไปถึงการชุมนุมเรียกร้องเดินขบวนของประชาชนด้วยเช่นกันบริเวณจัตุรัสแดงยังประกอบไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ รายรอบอีกมากมาย เช่นพระราชวังเครมลิน พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์รัสเซีย และห้างสรรพสินค้า GUM (ห้างกุม)

ถ่ายรูปกันสนุกสนาน ก่อนจะเดินไป shoppingห้าง GUM ที่อยู่ข้าง ๆ 

เหนื่อยนักก็พักบ้าง จะสบายไปมั้ย คุณพี่

หันหลังให้ มหาวิหารเซนต์บาซิล ก็จะเจอพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ 

"จัตุรัสแดง" (RedSquare) อยู่กลางใจเมืองของมอสโก เดินออกทางประตูมานิดเดียวจะเห็น ที่ตั้งของกิโลเมตรที่ศูนย์  แทนที่จะเดินออกไปดู หันหลังกลับเข้า ห้างสรรพาสินค้า GUM ซะงั้น ก็มันร้อนนี่ 

CR รูปจาก pantip: ฟ้าเมืองแปร

ที่ตั้งของกิโลเมตรที่ศูนย์ของรัสเซีสังเกตุได้จากที่พื้นถนนจะมีสัญลักษณ์เป็นวงกลม และภายในวงกลมนี้เองก็จะมีนักท่องเที่ยวเข้าไปยืนกลางวงกลมนั้นและโยนเศษเหรียญข้ามไหล่ตัวเองไปด้านหลังเพื่ออธิษฐานให้ได้กลับมาที่มอสโกอีกครั้ง

ห้างสรรพสินค้ากุม (GUMDepartment store) สถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ สร้างในปีค.ศ.1895 จําหน่ายสินค้าแบรนด์เนม เสื้อผ้า เครื่องสําอาง นํ้าหอม และราคาแพง

มื้อเย็นอาหารพื้นเมือง พอกินได้ 

ชมการแสดงละครสัตว์ (Circus) เป็นการแสดงของสัตว์แสนรู้ที่ ไม่ควร พลาด เช่น สุนัข ลิง นก ฯลฯ รวมทั้งมายากล กายกรรมไต่ลวด และการแสดงผาดโผนจากนักแสดงมืออาชีพ  แบ่งการแสดงออกเป็น 2ช่วง ช่วงแรก 45 นาที พัก 15 นาที และช่วงหลังอีก 45 นาที จากนี้ยังมีบริการถ่ายรูปกับสัตว์ต่างๆ และมีของ ที่ระลึก

กายกรรม ตื่นเต้น และ สนุกดี  

วันที่สี่ 18.6.59 มอสโคว์ เที่ยวสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินกรุงมอสโคว์ Shopping ถนนอารบัค มหาวิหารเซนต์ซาเวียร์ ตลาด Izmailovsky บินไปเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก อากาศ 30 องศา

สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินกรุงมอสโคว์มีความสวยงามมากที่สุดในโลก ด้วยความโดดเด่นทางสถาปัตยกรรมการตกแต่งภายในสถานีความสวยงามของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินนั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากช่วงแรกสุดที่สตาลินขึ้นมาเป็นผู้นำ ลักษณะของสถาปัตยกรรมที่นำมาตกแต่งภายในสถานีนั้นเป็นลักษณะของโมนูเมนทัลอาร์ต (monumental art) คือลักษณะของงานศิลปะที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงคุณความดีของวีรบุรุษและการสรรเสริญถึงความยิ่งใหญ่เกรียงไกรซึ่งจะสื่อออกมาในรูปของงานปั้น รูปหล่อ ภาพสลักนูนต่ำ ภาพวาดประดับลวดลายแบบโมเสกดังเช่นภาพประดับผนังที่สถานีคอมซาโมลสกายา(Komsomolskaya) บริเวณผนังสองฝั่งก่อนเข้าสู่ทางเดินเชื่อมเปลี่ยนสายการเดินรถของสถานีคอมซาโมลสกายานั้นมีแผงภาพขนาดใหญ่ตกแต่งในลักษณะลวดลายสีแบบมาจอลิกาคือแผ่นกระเบื้องเคลือบหลากสีนำมาเรียงต่อกันเป็นภาพภายในภาพนั้นแสดงเหตุการณ์ในขณะที่คนงานกำลังช่วยกันก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินกันอย่างแข็งขันภายในอุโมงค์และภาพโมเสกประดับเพดานภายในสถานีมายาคอฟสกายา ( Mayakovskaya ) จำนวน 35 ภาพซึ่งถือเป็นความสำเร็จเริ่มแรกของการนำภาพลวดลายโมเสกมาใช้ในการประดับตกแต่งสถานีรถไฟใต้ดินมอสโคว์ซึ่งเป็นรูปแบบของศิลปะในยุคคลาสสิค วิ่ง ๆ ซะ 3 สถานี

สถานี Komsomolskaya

สถานี Arbatskaya

ไม่มีไร เอาฮาอย่างเดียว

หม่ำอาหารกลางวัน ที่ HardRock café อาหารพื้นเมือง อยู่ที่ถนนอารบัด คุณพี่มาดเท่มั่ก ๆ

ได้น้ำพริกจากเมืองไทย ทานกับข้าวผัดแข็ง ๆ กับไก่ก็อร่อยได้เหมือนกัน 

Shopping  ถนนอารบัด ต่อราคาได้ประมาณ 20-30%หรือต่อรองมากกว่าก็ได้ ถ้าขายได้เค้าก็ลดให้ บางร้านก็บอกลดราคาจากป้ายให้เลยไม่ต้องต่อราคา สินค้าตุ๊กตาแม่ลูกดก ผ้าวูคลุมไหล่ ร้านแรก ๆ ราคาจะแพง แต่ของมีคุณภาพดีกว่าร้านหลัง ๆ ไกด์พาไปซื้อผ้าคลุมไหล่ต่อราคาให้ size M จากหมื่นกว่า เหลือ 5,000 รูเบิ้ล@ 0.55 คิดเป็นเงินไทย 2,750 บาทแต่ร้านท้ายถนน ราคาผืนละ 1,500 รูเบิ้ล แต่คุณภาพผ้าและลายสู้ราคาแพงไม่ได้ 

ของที่ระลึก น่ารัก ๆ   ราคาตุ๊กตาแม่ลูกดก ถูกแพงตามขนาด, มีกี่ตัวและความละเอียดการวาดภาพ  เช่นถนนอารบัค ตุ๊กตาขนาดเล็ก ราคา 800 รูเบิ้ล ที่ตลาด Izmailovsky จะอยู่ที่ 400-600 รูเบิ้ล แต่ภาพวาดจะสวยสู้ไม่ได้   กล่องดนตรี(รูปโดม) ถนนอารบัต 1.000 รูเบิ้ล ที่ตลาด Izmaliovsky จะอยู่ที่ 600 รูเบิ้ล แต่ก็ต้องดูสภาพลายอาจจะไม่สวยมาก ประมาณนี้

มหาวิหารเซนต์ซาเวียร์(St.Saviour Cathedral) (ห้ามถ่ายภาพด้าน ใน)หรือที่เรียกกันว่า มหาวิหารโดมทอง เป็นโบสถ์ Orthodox ที่สูงที่สุดในโลกตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำมอสโก สร้างขึ้นเพื่อเป็นการขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยให้รัสเซียรบชนะฝรั่งเศสในสงครามได้ ต่อมาในสมัยของสตาลิน มีการล้มล้างศาสนาจึงทำลายทิ้งเพื่อสร้างเป็นพระราชวังโซเวียต แต่พอดีเข้าสู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2เลยสร้างได้แค่ฐาน ต่อมาครุสซอฟขึ้นปกครองก็ถูกดัดแปลงให้เป็นสระว่ายน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก และในท้ายที่สุดปี 1990มีการระดมทุนสร้างมหาวิหารขึ้นมาใหม่จากเงินบริจาคของประชาชน ที่นี่เป็นที่รักและศูนย์รวมจิตใจของประชาชนถูกใช้เป็นสถานที่หลักในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ส่วนการตกแต่งภายในโบสถ์นั้นสวยงามและดูศักดิ์สิทธิ์มาก

ภาพเฟรสโกบนโดมกลางภายในโบสถ์ จาก https://en.wikipedia.org/wiki/Cathedral_of_Christ_the_Saviour

ตลาด Izmailovsky ศูนย์กลางการค้าขายของที่ระลึกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงMoscow Москва́ รอบๆ มีสวนสนุกสำหรับเด็ก ๆ  นิดหน่อย ของกิน และตึกสวยงาม แต่ส่วนใหญ่จะมาช้อปที่นี่มากกว่า 

Zone shopping ภายในตลาดIzmailovsky เหมือนตลาดค้าส่ง มีร้านค้ามากมาย และของที่นี่ราคาถูกสามารถต่อรองกันได้  บางร้านคนขายสามารถพูดไทยได้ ที่นี่ราคาถูกกว่าตลาดอารบัค มาก ๆ แต่ก็อยู่ที่การต่อรองด้วย สินค้าคุณภาพต่ำกว่าถนนอารบัค ต้องตรวจสินค้าว่าชำรุดหรือเปล่าก่อนชำระเงิน ทางร้านเตรียมเครื่องคิดเลขให้พร้อม ต่อรองได้ไม่ลำบากเลย 

22.40 น. บินเครื่องภายในประเทศ สนามบินปุกกาว่า(Pukava) ไปเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประมาณ1.30ชั่วโมง เข้มงวดเรื่องน้ำหนักกระเป๋ามาก รวมถึงกระเป๋าที่ Carryขึ้นเครื่องด้วย ถึงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก 00.25 น. บนเครื่องมีแจกขนมปังให้ด้วย แต่ไม่อร่อย

เครื่องสำอางทำจากไข่ปลาคาเวียร์ไกด์แนะนำอีกละ  ราคาไม่แพงหลักร้อย เลยซื้อกันไปคนละ 1-2ชุด ซื้อที่สนามบินปุกกาว่า ทาแล้วไม่เหนียว กลิ่นไม่แรง

วันที่ห้า 19.6.59  เซ็นปีเตอร์สเบอร์ก เที่ยวพิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจและพระราชวังฤดู พระราชวังฤดูร้อนปีโตรเดอร์วาเรส

อากาศประมาณ 17-23 องศาช่วงเช้าฝนตกปรอย ๆ เลยทำให้อากาศเย็น

พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจและพระราชวังฤดู(Hermitage and Winter Palace) จะได้พบกับความยิ่งใหญ่อลังการมีลานกว้าง และ “เสาอเล็กซานเดอร์” ที่สร้างถวายพระเกียรติแด่กษัตริย์อเล็กซานเดอร์ที่1 ที่พระองค์ทรงชนะ สงครามเหนือนโปเลียนของฝรั่งเศส กล่าวได้ว่าพิพิธภัณฑ์นี้ยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ของฝรั่งเศสเลยทีเดียว

อากาศเย็น เลยหยิบ ผ้าวูคลุมไหล่ มาใช้ซะหน่อยกันหนาวได้ดีค่ะ

พระราชวังฤดูหนาวจัดให้เป็นพิพิธภัณฑ์เฮอมิเทจมีการแสดงผลงานศิลปะที่โด่งดังจาก ทั่วโลกมากกว่า 3 ล้านชิ้น ตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณจนถึงต้นศตวรรษที่ 20มีผลงานของ ลีโอนาร์โด ดา วินชี ไมเคิล แองเจโล ราฟาเอล ติเตียนแรมแบรนท์ รูเบนส์ ภาพวาดอิมเพรสชั่นนิสม์ฝรั่งเศส รวมทั้งแวนโก๊ะ มาติส โกแกงและจิตรกรชื่อดังโรแดง

ลายบนเพดาน และลายบนพื้น สวยงามไม่แพ้กัน

สวยงาม

พระราชวังฤดูร้อนเปโตรควาเรสต์ (ปีเตอร์ฮอฟ)ตั้งอยู่ที่ริมฝั่งทะเลบอลติก เป็นพระราชวังของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ตัวอาคารพระราชวังสวยงามมากนอกจากนี้ยังมีน้ำพุมากกว่า 100 แห่ง การเข้าชมพระราชวังจะต้องนำถุงเท้าที่จัดเตรียมไว้ให้สวมคลุมรองเท้าอีกชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้พื้นของพระราชวังเสียหาย   ฝนตกปรอย ๆ หลังจากชมภายในพระราชวังฝนก็หยุดพอดี 

พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราชในปีค.ศ. 1705 เป็นพระตำหนักของกษัตริย์รัสเซีย โดยที่การสร้างให้ติดกับชายฝั่งเพื่อใช้ในการพักผ่อนและล่าสัตว์ในฤดูร้อนโดยปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นสัญญลักษณ์ของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชซึ่งประกอบด้วยพระราชวัง น้ำพุ สวนตอนล่างและสวนตอนบน เดิมทีในสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราชทรงเสด็จประพาสยุโรปในปีค.ศ. 1717 ท่านได้ทรงทอดพระเนตรเห็นพระราชวังแวร์ซายส์(Versailles) แห่งฝรั่งเศสและได้ทรงประทับใจในความสวยสดงดงามจึงได้ทรงให้นำมาร่างเป็นภาพเพื่อสร้างพระราชวังแห่งนี้โดยอดีตนั้นให้สร้างเป็นพระราชวังขนาดเล็ก แต่ต่อมาสมัยพระนางอลิสซาเบธมีการปรับปรุงและขยายออกไปให้เป็นศิลปะบารอกในปีค.ศ 1759 ทำให้พระราชวังปีเตอร์ฮอฟมีความสวยงามมากกว่าเดิมด้วยการออกแบบของสถาปนิกที่มีชื่อเสียงผู้ที่ออกแบบ

พระราชวังฤดูร้อนวังเปโตร ดวาเรียส หลังจากทรุดโทรมไปในช่วงสงครามโลกที่ 2 สมัยเยอรมันยึดครอง ก็ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่จนเกือบสมบูรณ์แบบเปโตร ดวาเรียส (ปีเตอร์ฮอฟ) พระราชวังฤดูร้อนของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ตั้งอยู่อ่าวฟินแลนด์ห่างจากตัวเมืองไปทางตะวันตก 29 กิโลเมตร โดดเด่นเป็นพิเศษคือ น้ำพุอลังการ (ปิดในฤดูหนาว) เดิมทีพระเจ้าปีเตอร์มหาราชสร้างวังนี้ในปี 1720 ตามแบบเรียบง่ายของสถาปนิก ฌอง บัฟติสต์เลอบลองด์ ที่เห็นวิจิตรโอ่อ่าในขณะนี้เป็นการตกแต่งเพิ่มเติมโดยซาลีน่าอลิธซาเบธ ร่องรอยสไตล์บาร็อกเดิมอันงดงามของพระเจ้าปีเตอร์และเลอบลองด์ยังคงมีให้เห็น ปีเตอร์ฮอฟ สร้างอยู่บนทำเลงามบนเนินธรรมชาติดุจดัง แวร์ซายส์ริมทะเล การสร้างน้ำพุซับซ้อนบนเนินดินเลนชื้นแฉะเป็นเรื่องที่ยากมากในสมัยนั้นด้านหน้าของพระตำหนักคือ สวนน้ำซึ่งมีบันใดน้ำตกใหญ่เป็นส่วนที่เด่นที่สุด พร้อมรูปปั้นแซมซันฉีกปากสิงโตด้วยมือเปล่า

รัสเซียมีบังคับเข้าร้านขายของด้วยนะเออ แต่บอกลูกทัวร์ว่า ยังไม่ถึงเวลาอาหาร มาแวะพักก่อน ของแพงมากคิดเป็นเงินยูโรด้วย

บางร้านแวะให้ซื้อของก็บอกว่าให้เข้าห้องน้ำ อันนี้พอฟังได้ แต่ส่วนใหญ่ก็ซื้อขนมกับของที่ระลึกติดมือกันมา

ให้เวลาเยอะมาก เลยลองสินค้าซะหน่อย post กันสนุกสนาน แถมคนขายคงเบื่อหยิบสินค้ามาให้ลอง แต่เห็นนะ แอบขำพวกเราด้วยละ 555 

ตอนที่ 2/2
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moon-light&month=30-07-2016&group=2&gblog=27