ສະບາຍດີ ຫຼວງພຣະບາງ นั่งรถไฟความเร็วสูง จากเวียงจันทน์ ไป หลวงพระบาง
นั่งรถไฟความเร็วสูง จากเวียงจันทน์ ไป หลวงพระบาง  30.12.65-1.1.66  3 วัน 2 คืน

หลังจากกลับจากไปเที่ยวจอร์เจีย เมื่อ ตค.65 ไม่ติด covid 19  เลยได้ใจ  ขออีกสักทริป ใช้บริการ Agency :ถุงทองทัวร์   tour :I loas ราคา 16,888 บาท ทิปไกด์ 800 บาท(ไม่รวมทิปไกด์ไทย)  ไกด์ไทย จุ๊บจิ๊บ  ไกด์หลวงพระบาง  น้องพร ดูแลดีมาก   อัตราแลกเปลี่ยนเงิน 1,000 กีบ ต่อ 2 บาท   นำเงินไทยไปแลกที่สนามบิน หรือด้านนอก ได้เลย  แลกเงินกีบสำหรับใช้กินขนม และทำบุญ   365,000 กีบ รวยเลย 555 คิดเป็นเงินไทย 700 บาท   ส่วนใหญ่ร้านค้าใช้เงินไทยได้  แต่ราคาแพงกว่าใช้เงินกีบนิดหน่อย  ข้อกำหนดฉีดวัคซีน 2 เข็ม ให้ load ใบรับรองจากหมอพร้อมไปด้วย  ทาง ตม.ลาว สุ่มตรวจ

วันแรก 30.12.65 ไกด์นัด 9.30 น. สายการบิน AIR ASIA ( FD )  ดอนเมือง-เวียงจันทน์  เครื่องออก 12.50 น. ถึง 14.00 น. คนที่สนามบินไม่ค่อยเยอะ  ทริปนี้ มี 16 คน พาเที่ยวโดย รถตู้ 2 คัน  
วัดสีเมือง เป็นพระอารามหลวง ตั้งอยู่บนถนนเชษฐาธิราช ในนครหลวงเวียงจันทน์ ถือเป็น 1 ใน 5 ศรี ประกอบด้วยศรีเมือง ศรีพูล ศรีฐาน สีบัวบาน ศรีหอม ในสมัยโบราณ เกี่ยวข้องกับการทางพิธีสาคัญของกษัตริย์โบราณ เช่น การราชาภิเษกขึ้นครองราชย์ จะต้องนำน้ำพระพุทธมนต์จาก วัด 5 ศรี ทั้งหมดมาประกอบพิธีพุทธาภิเษก
วัดสีเมือง ป็นพระอารามหลวง  ตั้งอยู่บนถนนเชษฐาธิราช ในนครหลวงเวียงจันทน์ ถือเป็น 1 ใน 5 ศรี 
ประกอบด้วยศรีเมือง ศรีพูล ศรีฐาน สีบัวบาน ศรีหอม ในสมัยโบราณ เกี่ยวข้องกับการทางพิธีสาคัญของกษัตริย์โบราณ
เช่น การราชาภิเษกขึ้นครองราชย์ จะต้องนำน้ำพระพุทธมนต์จาก วัด 5 ศรี ทั้งหมดมาประกอบพิธีพุทธาภิเษก
 

วัดสีเมือง หรือ วัดศรีเมือง (ลาว: ວັດສີເມືອງ) เป็นพระอารามหลวง
สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2106 ในสมัยของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช วัดนี้เป็นที่ตั้งของเสาหลักเมือง มีคำบอกเล่าเก่าแก่ว่าเกี่ยวข้องกับสาวชื่อ สี เป็นหญิงท้องแก่ ยอมสละชีวิตพร้อมลูกในท้องพร้อมกับม้าอีกหนึ่งตัว เป็นผีอารักษ์เสาหลักเมืองเวียงจันทน์ จึงนำเอาชื่อสาวสีมาตั้งเป็นชื่อวัดว่า "วัดสีเมือง" ชาวเวียงจันทน์ได้เรียกสาวสีว่า ย่าแม่สีเมือง ทุกปีก่อนจะมีบุญนมัสการที่พระธาตุหลวงจะต้องมีการจัดพิธีกรรมทำบุญอยู่ที่วัดสีเมืองก่อน
 










ประตูชัย หรือ ปะตูไซ เป็นอนุสรณ์สถาน ตั้งอยู่ใจกลางนครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ก่อสร้างเพื่อเป็นการสดุดีวีรชน ผู้ร่วมรบเพื่อประกาศเอกราชจากประเทศฝรั่งเศส ปะตูไซถูกตกแต่งด้วยศิลปะแบบล้านช้าง นำสัตว์ในตำนานตามความเชื่อของศาสนาพุทธ เช่น กินรี และพญานาค เป็นต้น และเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มาตกแต่ง บริเวณโดยรอบมีลานจัดการแสดงน้ำพุประกอบดนตรีและสวนปะตูไซ เป็นสัญลักษณ์อีกอย่างของเมืองนครหลวงเวียงจันทน์ ด้านบนเป็นจุดชมวิวเมืองนครหลวงเวียงจันทน์

 







ด้านข้าง ประตูชัย คือ อาคาร สำนักนายกรัฐมนตรี 

 พระธาตุหลวง หรือ พระเจดีย์โลกะจุฬามณี  ปูชนียสถานอันสาคัญ แห่งเวียงจันทน์ 


 
องค์พระธาตุมีความสูง 45 เมตร รูปลักษณะคล้ายดอกบัวตูม อันหมายถึงสัญลักษณ์คำสอนของพระพุทธเจ้า มีพระธาตุเล็กอยู่บนพระธาตุใหญ่ชั้นที่สอง รองทั้งสี่ด้าน มี 30 องค์เรียกว่า “สัมมติงสบารมี” การที่ได้สร้างพระธาตุขนาดเล็กนี้ขึ้นมา มีความหมายว่า “ผู้ที่จะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น จะต้องได้สร้างคุณงามความดีไว้ให้ถึง 30 ประการ  รูปชั้นล่างสุดเป็นฐานพระธาตุ 4 เหลี่ยม ทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกยาวด้านละ 69 เมตร ส่วนทางทิศเหนือและทางทิศใต้ยาวด้านและ 68 เมตร ด้านล่างมีใบเสมารอบ 4 ด้าน มีทั้งหมด 323 ใบ มีหอไหว้ทั้ง 4 ด้าน มีบันไดขึ้นหอไหว้ทุกหอ
 







มีบันไดขึ้นหอ ทุกด้าน


ประตูทางเข้า พระธาตุหลวงเวียงจันทน์  แต่ละวัดได้มีการบูรณะ ทาสีใหม่  สีทองสะท้อนแสงแดด สวยมาก



ด้านข้างวัด มีการจัดกิจกรรม เตรียมต้อนรับปีใหม่



ร้านขายของด้านหน้าวัด


ตลาดมืดเวียงจันทน์  ริมน้ำโขง  ด้านริมโขง จะขายของ เสื้อผ้า  ฝั่งตรงข้ามขายอาหาร street food เวียงจันทน์




เหมือนสวนสนุก ริมน้ำโขง  คนเยอะมาก 




 
วันที่สอง 31.12.65  นั่งรถไฟความเร็วสูง  จากเวียงจันทน์ ไป หลวงพระบาง 
สถานี เวียงจันทน์  -->วังเวียง--> หลวงพระบาง   ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 50 นาที 

 

มาถึงสถานีรถไฟฟ้า 6 โมงกว่า  ປີ້ລົດໄຟ  หรือ ตั๋วรถไฟ  รอบ 7.30 ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 50 นาที
 





ต่อคิวเพื่อจะเข้าสถานี  แสดง passport  ตรวจกระเป๋าเดินทางเหมือนสนามบิน อาหารและน้ำ นำขึ้นได้


คิวยาว เพื่อขึ้นรถไฟ  แต่ทัวร์ได้จองตั๋วไว้แล้ว ระบุที่นั่งชัดเจน  เห็นบนเครื่อง มีเจ้าหน้าที่เดินขายตั๋ว สำหรับคนที่ไม่ได้ซื้อตั๋ว  และเดินตรวจสอบ

 






ด้านใน สะอาด สะดวก สบาย  กระเป๋าเดินทาง ให้ยกขึ้น ด้านบน  เหมือนนั่งเครื่องบิน  ห้องน้ำก็แบบเดียวกับเครื่องบิน   
ความรู้สึกเหมือนไม่เร็ว  แต่พอนำกล้องไปถ่ายด้านข้าง  ถึงจะรู้ว่า เร็ว  รถวิ่งไม่เกิน 160 กม./ชั่วโมง

 

ถึงจุดหมายแล้ว สถานีหลวงพระบาง


มาถึงหลวงพระบาง เมืองมรดกโลก  เดินทางอีก 32 กม.  มาถึง น้ำตกตาดแก้ว ทานข้าวกลางวันกัน
น้ำตกตาดแก้ว หรือ น้ำตกตาดแก้วมงคล ซึ่งเป็นหนึ่งในน้ำตกของสายน้าเดียวกันกับ น้ำตกตาดกวางสี สวยงามไม่แพ้กัน 
ถึงแม้น้ำตกจะเล็ก แต่ก็งาม มีการจัดมุมให้ถ่ายรูปด้วย  ตอนแรกเข้าใจผิด นึกว่า น้ำตกอยู่ในร้านอาหาร เพราะตั้งโต๊ะอาหาร
ติดน้ำตกเลย เหมือนไม่ให้คนนอกเข้า

 

มีจัด มุม เพื่อให้ ถ่ายรูป  วิวหลักล้าน มาถึงประมาณ 11.00 กว่า ไม่มีคน ดีงามมาก ๆ






เน้นถ่ายรูป  มากกว่าทานข้าว  สวยจริง



ตั้งโต๊ะอาหาร  ติดน้ำตก Private สุด ๆ  เพราะยังไม่มีลูกค้ารายอื่น 555 อาหารคล้าย ๆ เมืองไทย แต่รสชาติ จืดกว่า  
รสชาติพอรับประทานได้  ร้านทำอาหารวางรอ คือเย็นมาก  ถ้ามาร้อน ๆ น่าจะดี
 

ซื้อตั๋ว ก่อนเข้าน้ำตกตาดกวางสี   


นั่งรถกอล์ฟ ขึ้นน้ำตก  แล้วเดินประมาณ 200-300 เมตร  ถ้าเดินไม่ไหว รถกอล์ฟ สามารถส่งถึงน้ำตกได้เลย 
แต่จะไม่ได้ เดินชมธรรมชาติ และ ศูนย์อนุรักษ์หมี


ศูนย์อนุรักษ์หมี สถานที่ รวบรวมน้องหมี ที่ถูกช่วยจากการค้าสัตว์ป่า และโดนทำร้าย อยู่บริเวณน้ำตก


น้ำตกตาดกวางสี น้ำตกหินปูนที่สวยมหัศจรรย์ ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดของหลวงพระบาง น้ำตกตาดกวางสี
มีจำนวนชั้นทั้งหมด 4 ชั้นมีความสูงโดยรวมประมาณ 75 เมตรเป็นน้ำตกหินปูน น้ำในน้ำตกมีสีเขียวมรกต 
ซึ่งเกิดจากแร่ธาตุที่อยู่บริเวณน้ำตกไหลลดหลั่นลงมาทั้งหมด 4 ชั้น ท่ามกลางป่าไม้ ร่มรื่น


น้ำตกแต่ละชั้น สวยงาม สีเขียวมรกต อากาศเย็น ๆ 





มุม มหาชน  บนสะพานที่เห็นมุมสวยที่สุด คนเยอะ







คาเฟ่สวนพูนสุข  ร้านกาแฟ จัดสวนสวยงาม  ทุ่งนาขนาดใหญ่พร้อมทิวทัศน์อันงดงามของเนินเขา เงียบสงบ
อากาศเขียวขจีและสดชื่น  แต่ช่วงนี้  เค้าเพิ่งเผานาข้าว เลยเห็นแต่ตอนาข้าว ดำ ๆ 


วัดเชียงทอง  สิม หรืออุโบสถของวัดเชียงทอง สิมหลังนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นอัญมณีแห่งศิลปะล้านช้าง
และกลายเป็นต้นแบบของงานสถาปัตยกรรมในเวลาต่อมา ไม่ว่าจะเป็นหอพระบาง 




วัดเชียงทอง สร้างขึ้นในรัชกาลของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์ผู้เคยปกครองทั้งล้านนาและล้านช้างเมื่อราว พ.ศ. 2101 – 2103
ซึ่งเกิดขึ้นก่อนพระองค์จะย้ายเมืองหลวงไปยังเวียงจันทน์ไม่นาน วัดนี้ยังถือเป็น ‘วัดประตูเมือง’ และท่าเทียบเรือทางเหนือของตัวเมือง
ซึ่งคนที่ใช้มีทั้งกษัตริย์และนักเดินทางชาวต่างชาติ 

ประตูด้านหน้าเข้าโบสถ์  เอกลักษณ์ของสิมแบบนี้คือความอ่อนโค้งที่แตกต่างจากสิมแบบอื่นๆ ด้านนอกมีลายฟอกคำที่ทำขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2471 เมื่อสิมได้รับการบูรณะ โดยข้างนอกจะมีทั้งภาพเล่าเรื่องนิทานพื้นบ้าน เช่น พระสุธน-มโนราห์ ส่วนตรงประตูทางเข้าจะเป็นเรื่องการไหว้เจดีย์จุฬามณีบนสวรรค์ 
 

ด้านในโบสถ์

ร่วมถวายสังฆทาน  วันนี้วันสิ้นปี ทางวัดแจ้ง ว่าจะเปิด หอพระม่าน ตอนค่ำ ถ้าว่างให้มาดู  เราไม่ได้มาดู กว่าจะกลับโรงแรมก็ สองทุ่มกว่าแล้ว  ส่วนคุณพี่อีกสองท่าน ที่เตรียมชุดสังฆทานมาจาก กทม. ได้ไปวัด ร่วมเปิดหอพระม่าน และสวดมนต์ข้ามปี  สาธุ ค่ะ


วัดเชียงทอง ถือเป็นมณีแห่งเมืองหลวงพระบาง ศิลปะล้านช้าง ที่นี่ยังเป็นสถานที่ประดิษฐานหนึ่งในพระพุทธรูป
ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญที่สุดองค์หนึ่งของเมืองหลวงพระบาง


ด้านหลังสิม(โบสถ์)  เป็นงานประดับกระจกรูปต้นทองขนาดใหญ่ ซึ่งสื่อถึงตำนานการสร้างเมืองหลวงพระบางที่ครั้งหนึ่งเคยมีชื่อว่า
เมืองเชียงดงเชียงทอง สิ่งนี้ยังถือเป็นลักษณะสำคัญ ที่เมื่อมีการจำลองสิมหลังนี้เข้ามาในเมืองไทยจะเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้เลย


หอไหว้พระพุทธไสยาสน์ หรือที่คนส่วนใหญ่นิยมเรียกว่า หอไหว้สีกุหลาบ เพราะสีของผนังด้านนอกเป็นสีชมพูคล้ายสีกุหลาบจริงๆ แต่ชื่อนี้น่าจะมาเรียกกันในตอนหลัง เพราะในเอกสารเก่าของชาวฝรั่งเศสเรียกที่นี่ว่า หอไหว้สีแดง แต่ไม่ว่าจะแดงหรือชมพู ความน่าสนใจของที่นี่ก็ไม่ได้อยู่ที่สี แต่อยู่ที่งานกระจกที่ติดอยู่บนผนังต่างหาก เพราะเล่าเรื่องนิทานพื้นบ้านที่สั่งสอนเรื่องธรรมะอย่างง่ายๆ เช่น กรรมตามสนอง หรือความกตัญญู แถมยังสอดแทรกวิถีชีวิตของชาวลาวเอาไว้มากมายเลยครับ ส่วนข้างในก็แน่นอน เมื่อชื่อบอกมาขนาดนี้แล้ว ข้างในก็ต้องประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ หรือพระนอน แถมยังเป็นพระนอนโบราณที่มีอายุถึง 400 ปีอีกด้วย

มุม มหาชน

หอพระม่าน หอไหว้หลังเล็กสีชมพูเช่นกัน ซึ่งผนังด้านนอกตกแต่งด้วยกระจกเล่าเรื่องนิทานพื้นบ้านคล้ายกับหอไหว้หลังที่แล้ว แต่ภายในประดิษฐานพระม่าน 1 ใน 3 พระพุทธรูปสำคัญของเมืองหลวงพระบาง ร่วมกับพระบางซึ่งอยู่ที่หอพระบาง และพระเจ้าองค์แสนซึ่งอยู่ที่วัดหนองศรีคูนเมือง 
ปกติพระม่านจะประดิษฐานอยู่ภายในหอพระม่านและไม่เปิดให้ใครได้ชม ใครอยากชมก็ต้องมองลอดรูเล็กๆ ตรงประตูเข้าไป ทว่าจะมีการอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้ออกมาปีละ 1 ครั้งช่วงหลังสงกรานต์ ในระหว่างวันที่ 23 – 27 เมษายน โดยจะประดิษฐานภายในวัดเชียงทองให้คนได้สรงน้ำ ซึ่งเราสามารถเห็นพระพุทธรูปองค์นี้ได้อย่างชัดเจน

 
 เยื้องไปทางด้านหน้าสิมของวัดเป็นอีกหนึ่งอาคารสำคัญคือ โรงราชรถ หรือหอราชโกศ
 
โรงราชรถ คือราชรถไม้แกะสลักปิดทอง ส่วนชื่อ หอราชโกศ ก็มาจากสิ่งที่ประดิษฐานอยู่บนราชรถไม้ ซึ่งก็คือพระโกศ มีถึง 3 โดยองค์ใหญ่เป็นของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ กษัตริย์แห่งเมืองหลวงพระบางองค์ก่อนสุดท้าย ส่วนองค์ที่อยู่ด้านหน้าเป็นของพระเจ้าอา ในขณะที่ด้านหลังเป็นของพระราชมารดาของพระองค์ 



Credit  ข้อมูล วัดเชียงทอง  https://readthecloud.co/wat-xieng-thong/



ล่องเรือชมวิวแม่น้าโขง  ดูพระอาทิตย์ตกดิน วิวแบบธรรมชาติ แต่อากาศดีมาก ลมเย็นมาก








พระธาตุพูสี ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง 150 เมตร กลางเมืองหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2337
โดยพระเจ้าอนุรุท ก่อนจะมีการบูรณะซ่อมแซมเมื่อ พ.ศ. 2457  พูสี มีความหมายว่า {ภูเขาของพระฤาษี}เดิมชื่อว่า ภูสรวง
ครั้นเมื่อมีฤาษีไปอาศัยอยู่ชาวบ้านจึงเรียกว่าภูฤาษีหรือภูษีมาจนถึงปัจจุบัน 

 

เดินขึ้นบันได 328 ขั้น  สูงชันประมาณครึ่งทาง  เหนื่อยมาก



พระธาตุเป็นทรงดอกบัวสี่เหลี่ยมทาสีทอง ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมยอดประดับด้วยเศวตฉัตรทองสำริดเจ็ดชั้นสูงประมาณ 21 เมตร






ชมวิว 360 องศา  จุดชมวิว พระอาทิตย์ตกดิน




 
ตลาดมืด หลวงพระบาง  อยู่ใกล้ที่พัก  เดินมาซื้อของกลับไปทานที่พัก  กลัวพี่ covid 19 วันนี้ count down คนเยอะมาก ๆ  เสียงคนไทย ก็ไม่น้อย 
 
วันสุดท้าย   เริ่มต้นปีใหม่ 1 มกราคม 2566  ทำบุญ ตักบาตรข้าวเหนียว  ขอให้ทุกคนพบแต่สิ่งดี ๆ ร่ำรวยเงินทอง สุขภาพแข็งแรง  
 

ตักบาตรข้าวเหนียวที่หลวงพระบาง   ข้าวเหนียว และขนม ชุดละ 50 บาท  รวม 100 บาท มีผ้าพาดไหล่ให้ ทางร้านจองที่ 
ริมกำแพงวัดแสนสุขาราม ซึ่งเป็นวัดที่สร้างตั้งแต่สมัย พ.ศ.2261 จะเห็นตัวโบสถ์ที่หลังคาลดหลั่นเป็นชั้นๆอยู่ด้านหลัง


ไกด์ ให้เก็บข้าวเหนียวไว้ 4 คำ วางไว้บนกำแพง  ถ้าจะให้ใส่ครบองค์ ต้องใส่ข้าวเหนียว ก้อนเล็ก ๆ


วัดแสนสุขาราม




ทานอาหารเช้าที่ ຮ້ານກາແຟ ປະຊານິຍົມ ร้านประชานิยม หลวงพระบาง  ตั้งอยู่ริมน้ำโขง ใกล้ตลาดเช้า หลวงพระบาง
กินเสร็จก็ไป เดินเล่นตลาดเช้าสั่ง ข้าวเปียกข้าว หรือโจ๊ก รสชาติใช้ได้  เหมือนเมืองไทย   กาแฟเป็นแบบโบราณ
รสไม่เข้ม หวานมาก และปาท่องโก๋ รวม ก็พอได้  คนเยอะ แต่ได้ยินแต่เสียงคนไทยซะส่วนใหญ่  555




ตลาดเช้าหลวงพระบาง  ของกินเยอะ แต่เพิ่งกินข้าวเช้าเสร็จ


ขนมครก จำนวน 5 คู่ 5,000 กีบ เท่ากับ 10 บาท  ขนมครกใส่กะทิไปพร้อมแป้ง  รสชาติ ดีเลย
ตอนแรกเห็นมีแต่แป้งไม่ได้ใส่กะทิ นึกว่าไม่อร่อย แต่ดูจากรีวิว เลยอยากลอง


เงินกีบเหลือ ก็มาละลาย ที่ร้าน Joma Bakery Cafe' (โจมา เบเกอรี่ คาเฟ่) อยู่ใกล้กับที่พัก เป็นร้านดังที่ ลาว 
ขนม และน้ำปั่น รสชาติ ใช้ได้  ราคาพอ ๆ กับเมืองไทย  แต่ที่เมืองไทย เข้มข้นกว่า

หอพระบาง ที่ประดิษฐานพระบาง พระพุทธรูปศักสิทธิ คู่บ้านคู่เมือง อยู่ภายใน  พระราชวังหลวงพระบาง หรือ พิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง
ในปี พ.ศ. 2369–2371 เจ้าอนุวงศ์แห่งนครเวียงจันทน์ได้ยกกองทัพเข้าตีหัวเมืองอีสานทั้งหมด ยึดได้เมืองนครราชสีมา พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์) ยกกองทัพไปปราบ ในที่สุดปราบเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์ได้ เมื่อจัดการบ้านเมืองทางอีสานให้เข้าสู่ความสงบเรียบร้อยแล้ว เจ้าพระยาสุรสีห์ได้อัญเชิญเอาพระบางเจ้าลงไปกรุงเทพมหานคร โปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนยศเจ้าพระยาสุภาวดีเป็นเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) และโปรดให้สร้างพระอารามขึ้นให้เป็นที่ประดิษฐานพระบางเจ้าไว้นอกกรุงคือ ให้อัญเชิญไปไว้วัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร ตลอดมาจนถึงรัชสมัยพระบางประดิษฐานที่วัดจักรวรรดิฯ มาจนถึงรัชกาลที่ 4 ก็ได้เกิดเหตุฝนแล้ง ต่อเนื่องกันหลายปีชาวกรุงก็ได้ร่ำลือกันว่า ด้วยเหตุที่พระบางและพระแก้วมรกตประดิษฐานไว้ด้วยกันความทราบถึงพระเนตรพระกรรณ จึงได้พระราชทานพระบางกลับคืนสู่หลวงพระบาง นับแต่นั้นเป็นต้นมาพระบางได้ถูกอัญเชิญพระบางกลับหลวงพระบางและคงอยู่ในหลวงพระบางตลอดมาจนถึงปัจจุบัน

 

รูปปั้น เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ พระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายของลาว
 
หอคำ หรือ พระราชวังหลวงพระบาง หรือ พิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง เป็นอาคารแบบตะวันตกแต่หลังคาเป็นแบบทรงลาว ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง หันหน้าเข้าสู่พระธาตุพูสี ตัวพระราชวังเป็นหมู่อาคารเตี้ยๆ ชั้นเดียวบนพื้นยกสูง มีความงดงามลงตัวของศิลปะยุคอาณานิคมผสมกับศิลปะแบบล้านช้าง สร้างขึ้นในสมัยเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ พระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายของลาว ภายหลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง รัฐบาลลาวได้เปลี่ยนพระราชวังหลวงมาเป็นหอพิพิธภัณฑ์ และเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม ภายใบมีข้าวของเครื่องใช้ของท่าน และของกำนัลจากต่างประเทศ ภายในไม่อนุญาติให้ถ่ายรูป
 

วัดวิชุลราช (หรือวัดวิชุน) หรือ วัดพระธาตุหมากโม เป็นวัดเก่าแก่ที่สุดของเมืองหลวงพระบาง สร้างเมื่อ พ.ศ. 2046 ในรัชสมัย พระเจ้าวิชุนราช (เจ้าชีวิตวิชุนราช) แห่งอาณาจักรล้านช้าง โดยตั้งชื่อวัดตามพระนามของพระองค์ เมื่อสร้างเสร็จแล้วไดอัญเชิญ “พระบาง” จากวัดมโนรมย์มาประดิษฐานที่วัดนี้ ก่อนจะอัญเชิญไปประดิษฐานที่ หอพระบาง ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง
 


วัดวิชุนราช ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง{หลวงพระบาง} ถนนวิชุนราช สร้างขึ้นเมื่อ ปีพ.ศ. 2046 ในสมัยพระเจ้าวิชุนราช ในบรรดาวัดทั้งหมดในเมืองหลวงพระบางเป็นต้องยกนิ้วให้วัดวิชุนในเรื่องมีความแปลกที่พระธาตุรูปร่างโค้งมนเหมือนผลแตงโม ทำให้ชาวเมือง{หลวงพระบาง}เรียกว่า พระธาตุหมากโม เป็นทรงโอคว่ำ ยอดพระธาตุมีลักษณะคล้ายรัศมีแบบเปลวไฟของพระพุทธรูปแบบลังกาหรือสุโขทัย บริเวณมุมฐานชั้นกลางและชั้นบนมีเจดีย์ทิศทรงบัวตูมทั่งสี่มุม พระธาตุหมากโมนี้มีสีดำเก่าๆ

 
พระประธาน หรือพระองค์หลวงในพระอุโบสถมีขนาดใหญ่ที่สุดในหลวงพระบาง ด้านหลังพระประธานมีโบราณวัตถุที่เก็บรวบรวมมาจากวัดร้างต่างๆ ในหลวงพระบาง เช่นพระพุทธรูปสำริด พวกไม้จำหลักลวดลายต่างๆ พระพุทธรูปไม้แกะสลักลงรักปิดทองสูงเท่าคนจริงจำนวนมาก



วัดอาราม  ติดกับ วัดวิชุนราช     ข้างบันไดทางขึ้นพระอุโบสถ์ ด้านหน้ามีรูปปั้น เหมือนแมวผสมสิงห์
ทาด้วยปูนขาวถัดออกไป ด้านข้างทั้งสองด้านเป็นรูปปั้นยักษ์


วัดที่สร้างขึ้นในปี 1818 มีสถูปหินและวิหารที่ตกแต่งด้วยภาพฝาผนังสีสันสดใส



ด้านหน้ามีรูปปั้น เหมือนแมวผสมสิงห์ น่ารัก แปลกตา
ก่อนกลับบ้าน  ทัวร์พาไปแวะ ร้านขายของจากจีน ชา บัวหิมะ ครีมไข่มุก  กาแฟดาว  และขนมต่างๆ ก็ติดไม้ติดมือกันคนละนิดคนละหน่อย  

 



Create Date : 23 มกราคม 2566
Last Update : 30 มกราคม 2566 19:23:47 น.
Counter : 827 Pageviews.

0 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณnewyorknurse

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Meanangtatalim
Location :
สมุทรสาคร  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



บันทึกการเดินทางจาก ตะลอนทัวร์ไปเรื่อย
มกราคม 2566

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
31
 
 
All Blog