จอร์เจีย Georgia บรรยากาศ ยุโรป ในทวีปเอเชีย
จอร์เจีย Georgia  บรรยากาศ ยุโรป ในทวีปเอเชีย  20-26 ตุลาคม 2565 จน. 7วัน 5 คืน

ทริปนี้จองไว้ตั้งแต่ก่อน covid 19 ทำใจไว้แล้ว เงินมัดจำ อาจจะไม่ได้คืน  แต่  Tour ก็ไม่ทิ้งกัน  ใช้บริการ Agency : Unithai  Tour: VST  ราคา 49,999 บาท(จากเดิมจอง 39,999 บาท หลังเปิดประเทศ ค่าครองชีพสูงขึ้นมาก) ไกด์ไทย :คุณองุ่น  นำเงินดอลล่าร์ ไปแลกที่สนามบิน ร้านที่  Rate ดี คิวยาวมาก เลยยอมแลกแพง(แลกไม่เยอะ)  อัตราแลกเปลี่ยน 1 ลารี ต่อ 15 บาท  ทัวร์ขอใบรับรอง covid จากหมอพร้อม ฉีดวัคซีน 2 เข็ม อากาศ 10-15 องศา

 

วันแรก 20-21.10.65   ทัวร์นัด 22.00  สนามบินสุวรรณภูมิ  สายการบิน ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ (XJ 908)  กรุงเทพ-ทบิลิซี่ เครื่องออก 1.30 น.ถึงทบิลิซี่ 8.00 น. ใช้เวลาเดินทาง 10 ชั่วโมง  บินตรงแบบเหมาลำ น่าจะประมาณ 3 ร้อยกว่าท่าน เวลาช้ากว่าไทย 3 ชั่วโมง  เครื่องบิน Low cost ลำใหญ่ แต่ที่นั่งจะแคบ มีอาหารพร้อมน้ำดื่ม  ถ้าต้องการอย่างอื่น จ่ายเอง
 

โบสถ์ทรินิตี้เมืองทบิลิซี (Holy Trinity Cathedral)

 โบสถ์ทรินิตี้เมืองทบิลิซี (Holy Trinity Cathedral) อากาศน่าจะประมาณ 11 องศา  แต่ลมแรงมาก มาถึงก็หนาวเลย

โบสถ์แห่งนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า 'Sameba' ถูกสร้างขึ้นเป็นมหาวิหารของศาสนาคริสต์นิกายออร์โธด็อกซ์ ในเมืองทบิลิซที่สวยงาม มีขนาดใหญ่ที่สุด และสำคัญที่สุดในจอร์เจียเลยก็ว่าได้  เป็นโบสถ์อีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์สูงเป็นอันดับ 3 ของโลกด้วย ด้วยหลังคาโดมสีทองกับโบสถ์อันยิ่งใหญ่และตั้งอยู่บนเนินสูง ทำให้วิหารแห่งนี้โดดเด่นเป็นสง่า
 












Freedom Square หรือ Liberty Square ตั้งอยู่ใจกลางเมืองทบิลิซี รัฐจอร์เจีย  เดินเล่น มุมสวย ๆ  น่ารัก ๆ เยอะ

โรงละครหุ่นเชิดแห่งแรกของเมืองทบิลิซี ที่ตั้งขึ้นเมื่อปี 1981 โดย “เรโซ กาเบรียลเซ” (Revaz Rezo Gabriadze) ศิลปินชื่อดังของจอร์เจีย ผู้มีสมญานามว่า “สมบัติประจำชาติของจอร์เจีย” จุดเด่นของโรงละครแห่งนี้อยู่ที่รูปแบบสถาปัตยกรรมที่แปลกแหวกแนว โดยเฉพาะหอนาฬิกาที่ออกแบบแปลกไม่ซ้ำใคร ซึ่งเป็นที่ตั้งของจุดจำหน่ายตั๋ว ที่รู้จักกันในชื่อ “หอนาฬิกาบิดเบี้ยว” (Clock Tower)  โดยทุกๆ ชั่วโมง เมื่อเข็มนาทีเลื่อนไปชี้ที่เลขโรมัน XII (12) รูปปั้นนางฟ้าที่อยู่ชั้นบนสุดของหอนาฬิกาจะเปิดประตูออกมาทักทายผู้คนที่ระเบียง ก่อนจะใช้ค้อนคู่ใจตีระฆังดังเหง่งหง่างบอกเวลา ราวกับอยู่ในโลกเทพนิยายเลยทีเดียว
 










รถ City tour ขอเป็นที่ระลึกหน่อย


เดินเล่น อากาศเย็นสบาย ประมาณ 15 องศา  ชิว ๆ เพื่อไป  The Bridge of Peace  

สะพานสันติภาพ (The Bridge of Peace | Peace Bridge) หรืออีกชื่อก็คือ Mshvidobis Khidi เป็นสะพานที่มีความยาวถึง 150 เมตร ใช้ข้ามแม่น้ำคูราเพื่อเชื่อมระหว่างตัวเมืองเก่าและตัวเมืองใหม่ของทบิลิซี โครงสร้างหลักของสะพานนี้ทำมาจากเหล็กและกระจกใส มีการเปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2010 ได้รับการยกย่องว่าเป็นงานสถาปัตยกรรมยุคใหม่ที่มีความสวยงามชิ้นหนึ่งของประเทศจอร์เจีย
 



สะพานนี้ออกแบบโดยสถาปัคนิกชาวอิตาเลื่ยนชื่อ Michele De Lucchi โครงสร้างนั้นถูกออกแบบและสร้างที่ อิตาลี่ และ นำเข้ามาโดยรถบรรทุก 200 คัน เพื่อเข้ามาติดตั้งในเมือง Tbilisi ที่ตั้งนั้นอยู่บนแม่น้ำ Mtkvari River สามารถมองเห็นได้หลายมุมจากในเมือง



อาหารพื้นเมือง มื้อกลางวัน  จากรีวิว อาหารที่นี่เค็มมาก แต่เกือบทุกร้านที่ทาน ไม่ค่อยเค็ม(ไกด์ แจ้งร้านทุกร้านลดเค็มลง) หมู-ไก่-ปลา ย่าง เห็ดชีส ที่จอร์เจีย อร่อยมาก ทุกมื้อจะมี คาชาพูรีขนมปังของจอร์เจียโบราณ อาหารส่วนใหญ่ เน้นแป้ง โดยรวมไม่ค่อยถูกปาก
 


ร้านอาหารกลางวัน  รูปวาดบนผนัง สวย ๆ




Sulphur Bath หรือ โรงอาบน้ำแร่กำมะถัน สถานที่ที่ไก่ฟ้าและเหยี่ยวได้พลีชีพ จนทำให้เกิดการค้นพบนั่นเอง ลักษณะของโรงอาบน้ำคล้าย ๆ กับการแช่ออนเซ็นของชาวญี่ปุ่นผสมรวมกับการอาบน้ำแบบตุรกี มีการสร้างและให้บริการตั้งแต่ยุคกลางจนถึงปัจจุบัน ว่ากันว่ามีรูปแบบตัวอาคารหลากหลาย แต่อันนี้เป็นแบบสร้างเป็นหลังโดม โรงอาบจะอยู่ข้างล่าง แยกชายหญิง
 

ตำนานเล่าขานกันมา ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 5 กษัตริย์จอร์เจียร์พระนามว่าวัคตัง จอร์กาซาลี (Vakhtang I Gorgasali) เสด็จออกล่าสัตว์ในป่าแห่งหนึ่งพร้อมกับเหยี่ยวคู่พระทัย ต่อมาเหยี่ยวของพระองค์จับไก่ฟ้าตัวหนึ่งได้ เกิดการต่อสู้กัน สู้กันดุเดือด จนพลาดท่าเสียทีทั้งคู่ ร่วงลงสู่น้ำพุร้อนอันพวยพุ่ง สภาพนกทั้งสองตัวสุกจนพร้อมขึ้นโต๊ะ กษัตริย์วัคตังเห็นก็เกิดความประทับใจ เพราะเชื่อว่าเป็นลางบอกเหตุที่ดี กษัตริย์จึงสั่งให้ตัดต้นไม้และสร้างเมืองขึ้น ณ ที่แห่งนั้น ซึ่งต่อมากษัตริย์ดาชี อูจารเมลิ (Dachi I Ujarmeli) พระโอรสผู้ครองราชย์ต่อจากพระองค์ได้ย้ายเมืองหลวงจากมิทสเคตา (Mtskheta) ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ห่างกันราว 25 กิโลเมตร มายังทบิลิซี่ตามความประสงค์สุดท้ายของพระบิดา ทบิลิซี่แปลว่าที่ตั้งอันอบอุ่นเนื่องจากเจ้าบ่อน้ำพุร้อนนั่นเองค่ะ

 




พวงกุญแจคู่รัก


โรงอาบน้ำออร์เบลิอานี (Orbeliani Baths) สวยงามหรูหราด้วยสถาปัตยกรรมแนวตะวันออกกลาง 





เดินถึงสุดทาง จะมีน้ำตกเล็ก ๆ


นั่งกระเช้าไฟฟ้า Cable Car  ขึ้นชมป้อมปราการนาริคาลา Narikala Fortress




ป้อมนาริคาล่า (Narikala Fortress) หรือ ป้อมปราการนาริกาลา สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของเมืองทบิลิซี่ ประเทศจอร์เจีย เป็นป้อมปราการโบราณที่สามารถมองเห็นวิวเมืองทบิลิซิและแม่น้ำ Mtkvari ถูกสร้างในราวศตวรรษที่ 4 ป้อมปราการนี้ ประกอบด้วย ส่วนของผนังสองส่วนบนเนินเขาสูงชันระหว่างห้องอาบน้ำกำมะถัน และสวนพฤกษศาสตร์ของทบิลิซิ ในสไตล์ "ชูริส ทซิเค" ซึ่งหมายถึง รูปแบบที่ไม่มีความสม่ำเสมอกัน
 

อนุสาวรีย์หรือรูปปั้น Mother of Georgia ตั้งอยู่บนจุดชมวิวบนภูเขาที่ขึ้นมาโดยรถกระเช้า ซึ่งสามารถมองเห็นได้แต่ไกลอย่างชัดเจนจากด้านล่าง และจากจุดนี้สามารถมองเห็นวิวเมืองทบิลิซิ ด้านล่างได้ชัดเจนและสวยงาม
 


จากเคเบิ้ลคาร์ เดินขึ้นทางชันพอสมควร


ป้อมปราการนาริคาลาน่าจะเป็นจุดสูงสุดของทบิลิซีที่สามารถชมเมืองได้แบบ 360 องศา 






 

วันที่สอง 22.10.65  มิทสเคต้า Mtskheta  พิพิธภัณฑ์ สตาร์ลิน Stalin Museum เมืองถ้ำอุพลิสชิเค่ Uplistsikhe Cave Town

วิหารจวารี Jvari Monastery ซึ่งเป็นวิหารในรูปแบบของคริสต์ศาสนานิกายออร์โธดอกที่ถูกสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 6 วิหารแห่งนี้ตั้งอยู่บนภูเขาที่มีแม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกัน คือ แม่น้ำมิควารี และแม่น้ำอรักวี
 



มหาวิหารจวารี (Jvari Monastery) หรือเรียกได้อีกชื่อหนึ่งว่า อารามแห่งไม้กางเขน (Monastery of the Cross) อันศักดิ์สิทธิ์ ของศาสนาคริสต์นิกายออโธดอกซ์ สร้างขึ้นเมื่อคริสตวรรษที่ 6 ชาวจอร์เจียสักการะนับถือวิหารแห่งนี้เป็นอย่างมาก ภายในโบสถ์มีไม้กางเขนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางโถง ชาวเมืองได้ให้ความเคารพนับถือวิหารแห่งนี้เป็นอย่างมาก และได้กล่าวกันว่า นักบุญนีโน่ หรือแม่ชีนีโน่แห่งคัปปาโดเกีย (เมืองหนึ่งในประเทศตุรกีปัจจุบัน) ได้นำไม้กางเขนนี้เข้ามา พร้อมกับการเผยแพร่ศาสนาคริสต์เป็นครั้งแรกในช่วงโบราณกาล

แม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกัน คือ แม่น้ำมิควารี และแม่น้ำอรักวี  น้ำมีสองสีตัดกัน







วิหารสเวติสเคอเวรี เป็นโบสถ์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ ตั้งอยู่ที่เมืองมิชเคทา  สร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 11 โดยสถาปนิกชาวจอร์เจียชื่อ Arsukisdze  นับเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของจอร์เจีย ที่ทำให้ชาวจอร์เจียเปลี่ยนความเชื่อ และหันมานับถือศาสนาคริสต์ อีกทั้งยังทำให้ศาสนาคริสต์มาเป็นศาสนาประจำชาติของจอร์เจีย ถือเป็นสิ่งก่อสร้างยุคโบราณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของจอร์เจีย และเป็นอาคารโบสถ์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในจอร์เจีย รองจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ของทบิลิซี (Holy Trinity Cathedral) ภายในมีภาพเขียนสีเฟรสโก้อย่างงดงาม วิหารแห่งนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย
 


















ด้านนอกมีของพื้นเมือง น่ารัก ๆ 


พิพิธภัณฑ์สตาลิน Stalin Museum ซึ่งรวบรวมเรื่องราว และสิ่งของต่างๆ ของสตาลินเอาไว้ รวมไปถึงตัวอาคารที่สตาลินเกิดด้วย ภายในพิพิธภัณฑ์สตาลิน มีการจัดแสดงประวัติชีวิตของสตาลินที่ใช้ในระหว่างในช่วงที่มีชีวิตอยู่
 






 





รูปปั้นสตาลิน

บ้านเก่าที่อาศัยอยู่สมัยเด็ก ของโจเซฟ สตาลิน  ชาวจอร์เจียที่ในอดีตเป็นผู้ปกครองสหภาพโซเวียต ในยุคศตวรรษที่ 1920 ถึง 1950 และขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมในการปกครอง







ขบวนรถไฟสีเขียวของสตาลิน ที่ดั้งเดิมเป็นของซาร์นิโคลัสที่ 2 จักรพรรดิองค์สุดท้ายของจักรวรรดิรัสเซีย โดยสตาลินเป็นผู้นำรถไฟรุ่นนี้เข้ามาใช้ในโซเวียตครั้งแรก
 

เมืองถ้ำอุพลิสชิเค่ Uplistsikhe Cave Town เมืองถ้ำเก่าแก่ของจอร์เจียที่มีมาตั้งแต่ยุคหิน อดีตศูนย์กลางทางศาสนาและวัฒนธรรม และยังเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมที่เชื่อมต่ออาณาจักรไบแซนไทน์กับอินเดียและจีน
 




เดินขึ้นไปด้านบน สูงชัน ก็เหนื่อยอยู่  อากาศเย็นน่าจะ 12 องศา มีลม ตอนแรกก็หนาว เดิน ๆ ไป ก็ร้อนซะงั้น







  เมืองถ้ำอุพลิสชิเค ครอบคลุมพื้นที่กว่า 40,000 ตารางเมตร แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนล่าง ส่วนกลาง และส่วนบน ส่วนกลางเป็นหินตัดทำเป็นห้อง ไม่ได้มีการแกะสลักตกแต่งใดๆ เป็นแค่โครงสร้างหินใหญ่ๆเท่านั้น ส่วนด้านบนเป็นมหาวิหารของศาสนาคริสต์ เมืองนี้มีการผสมผสานศิลปะการตัดหินที่โดดเด่นของพื้นที่ คล้ายกับเมืองคัปปาโดเกียในตุรกีและเมืองทางเหนือของอิหร่าน
 

ศาสนสถานที่มีห้องโถงขนาดใหญ่ที่ชาวเพเก้น Pagan ใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมซึ่งเป็นลัทธิบูชาไฟ เป็นลัทธิของคนในแถบนี้ก่อนที่ศาสนาคริสต์จะเข้าเมื่อ 1700 ปีก่อน และยังมีห้องต่างๆ ซึ่งคาดว่าเป็นโบสถ์เก่าแก่ของชาวคริสต์ ที่สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9
 










ด้านบนเป็นมหาวิหารของศาสนาคริสต์




วันที่สาม  23.10.65  เมืองคูไตซี  วิหารบากราติ  อารามจีลาติ นั่งรถไป บาทูมิ

วิหารบากราติ Bagrati Cathedral โบสถ์ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา Ukimerioni

ซึ่งท่านสามารถมองเห็นทัศนียภาพเมืองคูไตซีที่สวยงามได้โดยรอบ




เดินขึ้นมา ชมวิวเมืองคูไตซี












ที่เก็บ Wine




อารามจีลาติ  Gelati Monastery ของเมืองคูไตซี ถูกค้นพบในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 ซึ่งทางองค์การยูเนสโกได้ประกาศให้อารามจีลาติเป็นมรดกโลกเมื่อ ปี ค.ศ.1994 ภายในบริเวณอารามแบ่งเป็นสองส่วนคือโบสถ์เซนต์ นิโคลาส และโบสถ์เซนต์จอร์จ ซึ่งในโบสถ์เซนต์นิโคลัสนั้น มีภาพเขียนสีเฟรสโกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคริสต์ศาสนาที่สวยงามตระการตามากมายหลายภาพและยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ที่สาคัญตรงบริเวณโดมขนาดใหญ่ของโบสถ์ซึ่งเป็นภาพพระแม่มารีนั้น ใช้กระเบื้องโมเสกสีทองประดับประดากว่า 2 ล้านชิ้น
 



โบสถ์



ตามองตา 555





บ่อน้ำเก่า


ฝั่งตรงข้าม อารามจีลาติ ตึกสวย ใบไม้เริ่มเปลียนสี

Colchis Fountain เป็นน้ำพุที่อยู่ใจกลางเมืองซึ่งมีการตกแต่งด้วยรูปปั้นอย่างสวยงาม โดยจะเห็นว่ารูปปั้นจะเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ โดยจะมีม้าสองตัวอยู่ที่ด้านบนสุด ตัวรูปปั้นมีที่มาจากการจำลองเครื่องประดับโบราณ 30 ชิ้นที่จัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ของเมือง Kutaisi ซึ่งทำให้เห็นว่าเมือง Kutaisi แห่งนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และคนในยุคโบราณมีความสามารถในการทำเครื่องประดับที่สวยงามและประณีตมาก 
 


วันนี้นั่งรถยาว ไป บาทูมิ  มาถึงก็ทานอาหารค่ำกันค่ะ 


อาหารอร่อย เสริฟ Wine และมีดนตรีให้ฟังเพลิน ๆ




ตึกที่บาทูมี สวยแปลกตา ส่วนใหญ่จะเปิดไฟ ในตอนกลางคืน เพื่อดึงดูดลูกค้า  มีเปิด คา -  สิ - โน  เยอะ



แสง สี ยามค่ำคืน แต่ละตึกเปิดไฟ เหมือน เปิดไฟ ดิสโก้ พร้อม dance 555

 

วันที่สี่ 23.10.65  ล่องเรือในทะเลดำ(Black Sea) ชมอ่าวเมืองบาทูมี City Tour บาทูมี




เมืองบาทูมี่(Batumi) เมืองนี้เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลบนชายฝั่งตะวันออกของทะเลดำ เป็นเมืองหลวงของอัตจารา(Ajara) เป็นสาธารณรัฐอิสระที่ปกครองตนเอง อยู่ทางด้านตะวันตกของประเทศจอร์เจีย ครอบคลุมพื้นที่บริเวณกว้าง และมีสภาพภูมิทัศน์ที่หลากหลายแตกต่างกัน มีทั้งบริเวณเทือกเขาสูงที่อุดมไปด้วยป่าไม้เขียวขจี ไปจนถึงเนินเขาที่เขียวชอุ่ม เป็นหนึ่งในเมืองที่มีทิวทัศน์สวยที่สุดของจอร์เจีย

 






สุนัขที่นี่ ทางรัฐบาลฝังไมโครชิป  เชื่องมาก หลังจากถ่ายรูปเสร็จแบบไม่กวน นางก็
มาขอรางวัลแต่เค้าไม่มีขนมให้  รู้สึกผิดอย่างแรง 555




เดินจากโรงแรม เพื่อมาดูหาดทรายสีดำ


หาดทรายสีดำ

อ่าวเมืองบาทูมี ทะเลดำ(Black Sea) เหตุที่ได้ชื่อว่าเป็นทะเลดำ เพราะดินโคลนชายฝั่งและดินทรายชายหาดของทะเลแห่งนี้เป็นสีดำ อันเนื่องมาจากสารไฮโดรเจนซัลไฟด์ หรือที่เรียกว่าก๊าซไข่เน่า สารเคมีตัวนี้เกิดมาจากแบคทีเรียที่อยู่ในทะเลผลิตก๊าซไข่เน่าขึ้นมา เมื่อไปจับกับดินโคลน หรือทรายชายฝั่ง จึงทำให้ดินนั้นเป็นสีดำ



กลิ่นไข่เน่า ได้กลิ่นเหม็นในส่วนที่ น้ำทะเล เข้าไปด้านใน แต่ในส่วนทะเล ไม่ได้กลิ่น น่าจะมีพื้นกว้าง 
ตอนแรก งง คูน้ำด้านในเมือง ทำไมทางโรงแรมปล่อยให้มีกลิ่นเหม็นมาก 








ระหว่างรอ ล่องเรือในทะเลดำ Black sea อ่าวบาทูมี ก็ถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ



รูปปั้นอาลีและนีโน่ Ali and Nino Moving Sculptures รูปปั้นสูง 8 เมตร ริมทะเลดาที่สามารถเคลื่อนไหวได้ สร้างขึ้นเพื่อแสดงถึงความรักหนุ่มสาวต่างเชื้อชาติและศาสนาและแสดงถึงสันติภาพระหว่างประเทศจอร์เจียและอาร์เซอไบจานด้วย 
แอบเซ็ง ไกด์ไม่พามาดูตอนที่เค้าเปิดระบบ  แต่อีกบัสนึงได้ดู เค้าส่ง VDO มาให้ชมแทน

 

 












ล่องเรือในทะเลดำ  (Black Sea) ชมอ่าวเมืองบาทูมี
















City Tour  เมืองเก่าบาทูมิ หรือย่าน Old Town


City Tour  เมืองเก่าบาทูมิ หรือย่าน Old Town ชมบรรยากาศของบ้านเรือนเก่าและชมย่าน Piazza Square สร้างขึ้นในปี 2009 เป็นอาคารที่ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังชาวจอร์เจีย Vazha Orbeladze สร้างด้วยสไตล์สถาปัตยกรรมแบบผสมผสาน และในปี 2011 ที่ผ่านมาได้เริ่มปรับปรุงเพื่อให้เป็นแหล่งบันเทิงและพักผ่อนหย่อนใจแห่งใหม่ของเมืองประกอบไปด้วยภัตตาคาร ,โรงแรม , ไนท์คลับ ฯลฯ

 


Europe Square อีกหนึ่งจัตุรัสที่สาคัญประจำเมือง







อนุสาวรีย์ เจ้าหญิง Medea กับ ขนแกะทองคำ ตำนานขนแกะทองคำ ของจอร์เจีย  สมัยก่อนชาวบ้าน มีวิธีการดักทองคำจากน้ำไหลแรงบนเขา   โดยการนำขนแกะแขวนไม้ไว้แล้ววางที่น้ำไหลจากภูเขา เพื่อดักทองคำติดกับขนแกะ และนำขนแกะมาตากแห้ง  คือที่มาของ ขนแกะทองคำ


ขากลับจากเดินไป จัตุรัส ฝนตกจ้า เดินตากฝนกันมา  ไกด์ แจ้งอาจมีฝน เลยเตรียมเสื้อกันฝน

 

วันที่ห้า 25.10.65  ป้อมอนานูรี  คาซเบกี้ Russia–Georgia Friendship Monument


อ่างเก็บน้ำซินวาลี (Zhinvali Reservoir) 







ป้อมอนานูรี Ananuri Fortress สถานที่อันเก่าแก่มีกาแพงล้อมรอบและตั้งอยู่ริมแม่น้าอรักวี เป็นป้อมปราการในศตวรรษที่ 16-17 ซึ่งภายในยังมีโบสถ์ 2 หลังที่ถูกสร้างได้อย่างงดงามและยังมีหอคอยที่สูงใหญ่ตั้งตระหง่านท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม จากป้อมนี้ สามารถเห็นภาพทิวทัศน์อันสวยงามของเบื้องล่างและอ่างเก็บน้ำซินวาล
 








ทางเดินขึ้นป้อม สูง ชัน และแคบ เดินได้ทีละคน


โบสถ์ ที่อยู่ในป้อม อนานูรี  ต้องใส่กระโปรง และ หมวก ค่อนข้างเคร่ง




ด้านนอก เป็นแหล่ง shopping   แม่ค้าที่นี่บอกราคาผ่าน คงโดนคนไทยต่อราคาบ่อยก็เลยบอกราคาเผื่อต่อ
คนจอร์เจีย อัธยาศัยดี ยิ้มแย้ม ต้อนรับนักท่องเที่ยว ไกด์บอก 70% ของนักท่องเที่ยว คือคนไทย


มื้อกลางวัน  ร้านชื่อดังของที่นี่ 



 Khinkali คินคาลิ เกี๊ยวนึ่งยอดนิยม ลักษณะจะคล้ายๆ กับเสี่ยวหลงเปา แต่ลูกใหญ่กว่า ตัวไส้เองก็มีหลากหลายมากๆ ส่วนใหญ่ทำมาจากเนื้อแกะ เนื้อวัว เนื้อหมู ชีส แล้วก็มีน้ำซุปรสกลมกล่อมอยู่ข้างใน เวลากินคนที่นี่เขาจะใช้มือจับบริเวณจีบด้านบน แล้วจีบด้านบนไม่ต้องกิน
ไกด์บอกที่นี่อร่อยสุดละ อะนะ แป้งหนา หมูสับรสก็ดี แต่รวม ๆ ไม่อร่อย 

 


วิวฝั่งตรงข้ามร้านอาหาร  ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี




เดินทางสู่เทือกเขาคอเคซัสใหญ่ หรือ Greater Caucasus ที่มีความยาวประมาณ1,100 กม.
ที่เป็นเส้นกั้นพรมแดนระหว่างรัสเซียและจอร์เจีย ไป คาซเบกี้


เพื่อชมความสวยงามของโบสถ์เกอร์เกตี้ Gergeti Trinity Church



คาซเบกี้ Kazbegi โดยคาซเบกี้ชื่อเมืองดั้งเดิม ในปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเป็นเมืองสเตพานท์สมินด้า ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,740 เมตร และมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี โดยในฤดูหนาวจะหนาวจัดถึงลบ 5 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว


เปลี่ยนเป็นนั่งรถจี๊ป 4WD  ไป โบสถ์เกอร์เกตี้ Gergeti Trinity Church  ระยะทาง 6 กิโลเมตร ใช้เวลา 30 นาที
 ถนนสุดโหด  คนขับรถหน้านิ่งมาก  แก๊งเรา 6 คน เต็มคันพอดี
 






ถึงจุดหมายแย้ว เดินลงจากรถจิ๊ป แบบ มึนกันเลย  ขากลับต้องจำทะเบียนรถ เพื่อกลับคันเดิม


อากาศประมาณ 3 องศา แต่มีแดด  แล้วต้องเดินขึ้นไปโบสถ์  เลยไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่ เห็น วิวแล้ว คุ้มเหนื่อย










โบสถ์เกอร์เกตี้ Gergeti Trinity Church ซึ่งถูกสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 14 หรือมีอีกชื่อเรียกกันว่าทสมินดาซามีบา Tsminda Sameba ซึ่งเป็นชื่อเรียกที่นิยมกันของโบสถ์ศักดิ์แห่งนี้สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งขวาของแม่น้าชคเฮรี อยู่บนเทือกเขาของคาซเบกี้









Memorial of Friendship หรืออีกชื่อคือ Russia–Georgia Friendship Monument อนุสรณ์สถานที่สร้างขึ้นมาในปี ค.ศ. 1983 เพื่อเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงความสัมพันธ์อันดีของประเทศจอร์เจียและประเทศรัสเซีย โดยอนุสรณ์สถานนี้ตั้งอยู่บน Devil’s Valley ระหว่างเมืองกูดาอูริและคาซเบกี เป็นอนุสรณ์สถานขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามมาก ภายในมีการวาดภาพประวัติศาสตร์ของประเทศจอร์เจียและประเทศรัสเซียละด้วยความที่อนุสรณ์สถานแห่งนี้ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนหุบเขาที่มีความสวยงามของเทือกเขาคอเคซัส



สวยจริง อากาศ 5 องศา แต่ลมแรง หนาวมาก  นิ้วแข็งกดถ่ายรูปมือสั่นอะ








ด้านซ้ายมือ  มีถ่าย Pre Wedding ด้วย  วิว และฟ้า สีสวยมาก ๆ
















ก่อนกลับบ้าน ทานอาหารร้านหรู  อาหารอร่อย มีระบำพื้นเมืองให้ชม เสริฟ Wine ขาว และ Wine แดง






วันที่หก 26.10.65 ตื่นแต่เช้า เดินทางกลับบ้าน 




Create Date : 30 มกราคม 2566
Last Update : 30 มกราคม 2566 23:50:38 น.
Counter : 1055 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Meanangtatalim
Location :
สมุทรสาคร  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



บันทึกการเดินทางจาก ตะลอนทัวร์ไปเรื่อย
มกราคม 2566

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
31
 
 
All Blog