มกราคม 2554

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
Dreaming England & Scotland 2010 ตอนที่ 2 London
ส่วน โบสถ์นอร์มันที่สวยที่สุดในลอนดอน Chapel of St John the Evangelist ซึ่งอยู่ชั้นบนของ White Tower ก็กำลังปิดปรับปรุงเหมือนกัน
มองเห็นพลาสติกขาวคลุมอยู่




Yeoman สองคน ยืนอยู่หน้าตึก Waterloo Block ที่เก็บและแสดง Imperial State Crown



คิวววววววววววววว



แอบถ่ายรูปคู่หน่อยนะคะ



แต่ละนาย หุ่นสะท้านใจสาว ขณะกำลังทำการเปลี่ยนเวร






โว้ โว้ววววว ตะหมูก พ่อคุณ สุดยอดจริงๆๆ





ฝนเริ่มโปรย ตอนเราเริ่มไปต่อหลังจากดู Changing Guard แล้ว

มองเห็นไกลๆ คือ Beauchamp Tower ซึ่งได้ชื่อมาจาก ทอมัส โบชองป์ เอิร์ลแห่งวอร์ริก ซึ่งพระเจ้าริชาร์ดที่ สอง ทรงสั่งขังไว้ที่นี่แระหว่างปี 1379-1399



ตึกที่เห็นเป็นลายไม้สวยๆ คือ The Queen's House ปัจจุบันเป็นที่พักของผู้อำนวยการ Tower Of London



สนามหญ้าหน้า The Queen's House คือ Tower Green สถานที่ใช้ประหารคนชั้นสูงรวมทั้งเลดี้ เจนย์ เกรย์ พระราชินีที่ครองราชสั้นที่สุด พระนางแคทเทอรีน โฮเวิร์ด และ พระนางแอนน์ โบลีน ชายาในพระเจ้า เฮนรี่ที่ 8

ขออีกซักรูป มาเที่ยวนี้ไม่ค่อยมีรูปตัวเองเลย เพราะเป็นคนถือกล้อง







พ่อหนุ่มน้อยที่เห็นอยู่ไกลภาพเมื่อกี้หน้า The Queen's House






ชอบลายไม้ของตึกด้านนี้เลยถ่ายซะหลายรูป




กลับมาด้านหอคอย โบชองป์ บ้าง



ตรงนี้เค้าบอกให้ยืนสงบนิ่งเพื่อผู้เสียชีวิตที่หอคอยแห่งนี้



สถานที่เก็บ Imperial State Crown จากมุมนี้บ้าง



ตรงนี้คิวอีกแล้วค่ะ แต่ดูไม่ยาวเท่าไหร่ไปต่อกะเค้าหน่อยดีกว่า แต่ตาเอียนบอกไม่เอา จะนั่งรอที่เก้าอี้ล่ะกัน ตอนเข้าไปยืนในแถว คนที่ยืนใกล้เค้าคุยกัน เค้าก็มะรู้เหมือนกันว่าไปดูอะไร 5555 เหมือนตรูเล้ย

รอดูตอนถึงเลยล่ะกัน




ระหว่างต่อคิว



อ๋อ เรากำลังจะเข้าไปใน Bloody Tower อ่ะ




แต่มันพามาดูห้องทรมานก่อน น่าผิดหวังมีอยู่แค่ สองชิ้น โห อุตส่าห์ต่อคิวตั้งครึ่งชั่วโมง ตาเอียนคงขำกลิ้งแน่ถ้าออกไป



ก็เลยถือโอกาสเดินชมไปเรื่อยๆ ด้านบน



จากบนนี้มองเห็น Traitors' Gate ประตูไม้โอ๊กและเหล็กอยู่ตรงกำแพงชั้นนอก ใช้เป็นที่นำตัวนักโทษไปยังหอคอย



ประตูนี้จะติดต่อกับแม่น้ำ Thames ด้านนอก แต่ตอนนี้ทาวด้านนอกก่อปูนปิดแล้ว เห็นตอนนั่งเรือผ่าน



จากบนกำแพงนีจะมองเห็น Tower Bridge ในมุมสูง



นักท่องเที่ยวเดินอยู่บนกำแพงชั้นนอกของหอคอย




เก้าอี้ตัวนี้ จำไม่ได้แล้วว่าอยู่ในห้องใหนของหอคอย น่าจะเป็น Bloody Tower ถ้าจำไม่ผิด





จุดนี้ ชมวิวแม่น้ำ Thames อย่างสบายๆ



ทางเดินบนกำแพงที่เรากำลังเดินอยู่






บริเวณนี้คือ Royal River View นี่เอง เป็นจุดชมวิวแม่น้ำ Thames ของราชวงศ์เค้าเหมือนกัน







จากบนนี้มองลงไปเห็นนักท่องเที่ยวเดินกันขวั่ก





เดินชม ด้านบนจนทั่ว ก็เดินกลับมาบริเวณที่ตาเอียนนั่งรออยู่



ฝนเริ่มพรำอีกแล้ว ท้องฟ้าเริ่มครึ้ม ลอนดอนนี่ไว้ใจไม่ได้เลย

ตัดสินใจ เอากลับเถอะ ไป Tower Bridge ต่อ

ออกมาถึงด้านนอก ตาเอียนมองทางแล้วต้องเดินอ้อม เพื่อไปขึ้นสะพาน เปียกก็เปียก ตาเอียน ไปคนเดียวเหอะ เด๋วนั่งรอตรงนี้

อ้าว ไหงงั้นล่ะ แต่ขอบอกวันนี้ตัวเองก็เดินจนเท้าบวมแล้วอ่ะ เริ่มปวดเท้า
ยืนคิดอยู่ซักพัก ไม่ไปด้วยดีกว่า 5555

ทั้งๆที่อยู่ใกล้ขนาดนี้แร้วเชียว







ฟ้าครึ้มเชียว ไม่มีแดดเลย ถ่ายข้ามแม่น้ำไป รูปไม่แจ่มเอาซะเลย



ตกลงกันว่าเด๋วเรานั่ง เรือกลับไปท่า Westminter ล่ะ กัน เลยเริ่มเดินออกมาทางท่าเรือ



ระหว่างทางเดินไปยังท่าเรือ Tower Hill ใกล้ๆ



จากนั้นก็เอาลอนดอนพาสไปยื่น ได้ตั๋วขึ้นเรือมาค่ะ



ในเรือ นั่งท่องเที่ยวเต็มค่ะ แต่บรรยากาศไม่ดีเลย ท้องฟ้ามืดครึ้ม



ผู้ชายคือไกด์ประจำเรือ พูดจาฮาเฮดีค่ะ





ตอนที่เรือกำลังเลี้ยวออกจากท่า สะพานที่ Tower Bridge กำลังเปิดพอดี





ผ่านตึกสวยๆ ริมน้ำท่ามกลางอากาศขมุกขมัว



ผ่านเรือ Belfast ที่มีนักท่องเที่ยว ยืนอยู่เต็ม



ผ่านเรือสำราญ Silversea



ผ่านโรงพยาบาลริมแม่น้ำ



ตึกอะไร ริมน้ำ



Tate Modern





เห็นลอนดอนอายอยู่ไกลๆ



Waterloo Bridge



London Eye







ถึง Parliament House ที่ไกด์เรียก Paraste House ฮากันทั้งลำ Big Ben อยู่ใกล้ๆ



แค่สองสามวินาที ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นครึ้มได้ขนาดเนี้ย



ถึงท่าเรือแล้ว ไกด์เอากระป๋องไปยืนรอทางขึ้น ใครพอใจจะให้หรือไม่ให้ก็ได้ ตาเอียนให้ไปสองปอนด์



ถามตาเอียนจะเดินกลับที่พัก หรือจะนั่งรถไฟใต้ดิน

เดิน ตาเอียนตอบ โห เรางี้เบรคหัวเกือบทิ่ม ฟังผิดป่าววะ เอาเดินก็เดิน อย่ามาบ่นทีหลังล่ะกัน

เดินออกมา ผ่าน ไปด้านหน้า Parliament House



ตระการตาดีจริงๆ




จากนั้นข้ามถนน ไปทาง ด้านหลังของ Westminter Abbey
มหาวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าเอิดเวิร์ด ในศตวรรษที่ 11 เป็นวิหารที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดของอังกฤษ แรกเริ่มก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบแซกซัน แต่ยังมีเหลือให้เห็นไมกนักเนื่องจากได้รับการบูรณะหลายครั้งจากพวกนอร์มัน ในสมัยพระเจ้าเฮนรี่ 7ได้มีการต่อเติมโบสถ์ทางด้านตะวันออกจนกลายมาเป็นอาคารแบบโกธิคที่สวยงาม

มหาวิหารแห่งนี้ ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญๆมากมาย โดยเฉพาะพิธีราชาภิเษก ซึ่งเป็นราชประเพณีสืบต่อกันมา นอกจากนี้ยังใช้เป็นที่ประกอบพิธีพระศพของเจ้าหญิงไดอาน่า ซึ่งเป็นที่รักของคนทั้งโลกก็ว่าได้ จากการสิ้นพระชนม์ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ในกรุงปารีส ในปี 1997 นอกจากนี้ยังเป็นสุสานหลวง ที่เป็นที่ฝังศพของราชวงศ์และบุคคลสำคัญหลายๆท่าน

หลุมพระศพของพระนางแมรี่ราชินีแห่งสก๊อตแลนด์ ก็ถูกฝังอยู่ใน Lady Chapel ที่นี่เช่นกัน

ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ต้องอาศัยซุ้มประตู เป็นที่หลบฝนรอจนฝนซา



ด้านหน้า Westminter Abbey ซุ้มประตูกว้างใหญ่พอให้หลบฝนได้หลายคนเลย







เดินออกมา ด้านตรงข้าม คือ The Queen Elizabeth Conferrence Center



Westminter Abbey ส่งท้ายอีกซักรูป





ระหว่างมทางเดินกลับที่พัก ฝนเริ่มซา





จบวันนี้เหนื่อยสุดๆ หาของกินง่ายๆ ระหว่างทาง กลับที่พักอาบน้ำ พักผ่อนเตรียมเที่ยวพรุ่งนี้อีก



15/08/2010


วันนี้ตื่นเช้า ลงไปรับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม

ห้องอาหารเล็กๆ ซุกตัวอยู่ในมุมชั้นล่างของโรงแรม




เป้าหมายแรกของเราวันนี้ คือ Hampton Court Palace

ออกจากที่พักเดินไปสถานี Victoria ตอนแรกตั้งใจจะไปเปลี่ยนรถเป็นสาย Jubilee Line ที่สถานี Westminter แต่พอขึ้นไปนั่งบนรถไฟแล้วก็มีประกาศ วันนี้สาย Jubilee หยุดให้บริการ เลยไปเปลี่ยนสายรถเป็น Bakerloo Line ที่สถานี Embankment แล้วนั่งต่อไปอีกแค่ 1 สถานี ก็จะถึงสถานี Waterloo ซึ่งเราจะเปลี่ยนไปใช้บริการ รถไฟบนดินจากที่นี่ ไปยัง สถานี Hampton Court

สถานีรถไฟ Waterloo กว้างขวางมากมาก มีหลาย Plat form





แต่ละ Plat form ก็มี รายละเอียด จุดหมาย เวลาในการเดินทาง ให้พร้อม เราก็แค่รอให้ขบวนรถที่เราต้องการจะขึ้น โชว์บน บอร์ด ว่าจะออกจาก Plat form ใหนแล้วก็ใช้ Day Travel Card ที่ซื้อมาพร้อม London Pass ได้เลย

ตั๋วที่ใช้เดินทางตลอดวันนี้



a href="//www.bloggang.com/data/m/mearns/picture/1296613843.jpg" target=_blank>


บรรยากาศภายในสถานีวอเตอร์ลู กว้างขวาง แต่เก้าอี้นั่งรอจะน้อยไปหน่อย ก็ต้องเดินๆ ยืนๆ รอไป



ในที่สุดก็ถึงเวลาเดินทางของเราซะที



ขบวนรถที่จะไป Hampton Court



ภายในขบวนรถสะอาดสะอ้าน คนเดินทางน้อยเที่ยวนี้ อาจจะเช้าเกินไป



มาถึงสถานี Hampton Court แล้ว ออกจะผิดหวังนิดนึง สถานีที่นี่เล็กๆ และดูไม่ค่อยสะอาดเลยเหมือนขาดการดูแล

ทางไป Hampton Court Palace ก็เดินตรงไป ตามลูกศรที่เห็นอยู่ไกลๆ เลยค่ะ



เราสามารถนั่งรถคันนี้ กลับเข้าตัวเมืองลอนดอนได้โดยไปต่อรถไฟใต้ดินที่สถานี Richmond ซึ่งห่างจาก Kew Gardens แค่ 1 สถานี



เมือง Hampton Court ตอนเช้าๆ

<
a href="//www.bloggang.com/data/m/mearns/picture/1296614556.jpg" target=_blank>


บริเวณที่ รถ R68 จอดเมื่อกี้ จะอยู่ก่อนขึ้นสะพานข้ามไป Hampton Court Palce



เดินข้ามสะพาน เห็นพระราชวังแล้ว แต่ตอนเช้านี้จะย้อนแสงหน่อยทำให้ภาพจะออกมามืดๆ



นักปั่นบนสะพาน



โรงแรมริมแม่น้ำ ฝั่งตรงข้ามประตูทางเข้า Palace





ถนน ริมรั้วด้านนอกสำหรับนักปั่นหรือนักท่องเที่ยวเดินชมวิวริมแม่น้ำก็ได้



ถึงประตูทางเข้าแล้วค่ะ




Hampton Court Palace
เป็นพระราชวังอีกแห่งนึงที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Thames แต่เดิมก่อนจะกลายมาเป็นพระราชวังนั้นเคยเป็นคฤหาสถ์ของพระคาร์ดินัลวูลซีย์ แต่เนื่องความใหญ่โตมโหฬารของมันสร้างความไม่พอพระทัยให้กับพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 อิจฉาว่างั้นเถอะ จะมาทำใหญ่โต โอ่อ่ากว่าข้าที่เป็นกษัตริย์ได้อย่างไร เพื่อความปลอดภัย พระคาร์ดินัลจึงได้นำถวายต่อ พระเจ้าเฮนรี่ ที่ 8 ซึ่งศร้างความพอพระทัยมาก แต่ หลังจากนั้น พระคาร์ดินัลก็ยังได้รับคำสั่งประหารจากพระองค์ในข้อหากบฏอยู่ดี แหมทำดีขนาดนี้ก็ยังไม่รอดนะคะ สมพระสมัญญา Dress to Kill จริงๆ

แต่นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องเล่า ก่อนที่จะเป็นพระราชวัง นั้น พระคาร์ดินัล วูลซี บาทหลวงในศาสนาคริสต์ ที่โกงกินเงินภาษีจากแผ่นดิน และได้แอบไปสร้างวังเพื่อเป็นของตนเอง แต่แล้ว เมื่อ พระราชินีได้รู้ก็เลยวางแผน ชวน พระเจ้า henry เดินทางไป พระราชวัง windsor แต่ ขอไปโดยทางน้ำ เพื่อจะได้ผ่านทางที่จะได้เห็นพระราชวังแห่งนี้ และเมื่อถึงที่ พระราชินีก็แกล้งถามว่าเป็นบ้านของใคร และขอเข้าไปดู พอบาทหลวงเดินขึ้นท่า คนงานทุกคนก็เข้ามารายงานว่า การสร้างไปถึงไหนแล้ว และพระราชินีก้แกล้ง ทำเป็นไม่รู้ แต่กล่าวว่า บาทหลวงนั้นจะสร้างให้พระเจ้า henry เพื่อจะ surprise พระคาร์ดินัลจึงจำใจตอ้งถวายให้กับพระเจ้าเฮนรี่ 5555

หลังจาก พระเจ้าเฮนรี่ย้ายเข้ามาที่นี่ก็ได้ทำการปรับปรุงเพิ่มเติมมากมาย จนกระทั่งกลายเป็น พระราชวังที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานระว่าง แบบทิวดอร์และพระราชวังแวร์ซาย

ดอกไม้สีทอง ( บ้านเราความหมายมะค่อยดีนะ 55 ) ใกล้ประตูทางเข้า





ตอนนี้ยังไม่เปิด ต้องรอก่อน



ห้องขายตั๋ว



เมื่อ Tickets Office เปิดเราก็เอา London Pass ไปยื่นได้เป็นตั๋วเข้าชมมาอย่างนี้ค่ะ




Lay out ของ Hampton Court Palace







ก่อนจะเข้าไปชมในตัวพระราชวัง เราเลี้ยวซ้ายไปชมสวน ด้านข้างก่อนค่ะ




ทางเดินมีเก้าอี้ในนั่งพักผ่อนสบายๆ



สวนแรกที่เราจะเจอ คือ Rose Garden แต่ตอนนี้ดอกกุหลาบเริ่มโรยไปแล้ว เลยไม่สดใสเท่าที่ควร



จาก Rose Garden จะมองเห็นตัวพระราชวัง เป็นฉากหลัง



ริมกำแพงระหว่างทางเดิน Pear กำลังออกลูก




เดินต่อไป จะเจอ Tiltyard ซึงจะมีต้นไม้ใหญ่ ๆ






ทางเดิน บริเวณ Tiltyard





ต้นไม้สีเงินอมเขียวใน Tiltyard



ตาเอียนต้องกินยา เลยไปซื้อน้ำ ที่ Tiltyard Tearooms แล้วออกมานั่ง บริเวณที่นั่ง ด้านนอก ของ Tearooms บรรยากาศดีมากๆ



Tiltyard tearooms ด้านนอก





เราไม่ได้เข้าไปชมในส่วน The Maze เพราะได้เวลาเข้าไปชมตัวพระราชวังแล้ว เดินกลับไปทางเดิม เพื่อไปยังประตูทางเข้าหลัก



หน้า Main Entrance



เดินผ่านประตูเข้ามา จะเจอลานกว้างๆ ของ Base Court ซึ่งบริเวณนี้จะมี อนุสาวรีย์เล็กๆ ด้านขวามือ และมีรูปปั้น คน นั่ง นอน อยู่ด้วย





บริเวณ Base Court



ประตู Anne Boleyn's Gateway







เข้าประตูมาไม่ต้องทะลุไปด้านหลัง เลี้ยวซ้าย เข้าไปชม ส่วน Henry VIII's Apartment ซึ่งเป็นที่ประทับของ พระเจ้าเฮนรี่ ที่ 8

Great Hall

เพดานเป็นไม้แกะสลักอย่างสวยงาม ผนังทุกด้านผ้าปักลวดลาย เก่าแก่โบราณ















จาก Henry VIII's Apartment เราสามารถเดินต่อไป แล้วไปลงทาง Queen's Staircase เพื่อไปยัง Mary II's Apartment ได้ เช่นกัน แต่เราไม่ได้ใช้ทางนั้น แต่ใช้วิธีเดินย้อนกลับมาลงทางเดิม

แล้วเดินทะลุผ่าน Anne Boleyn's Gateway ไปยัง Clock Court

ซึ่งจะเป็นลานขนาดเล็กๆ อยู่ระว่าง Apartment ต่างๆ



จากนั้นเราก็เข้าไปชมใน Georgian Private Apartment



ทางเดินเข้าชม

a href="//www.bloggang.com/data/m/mearns/picture/1296705309.jpg" target=_blank>


ให้ภาพเป็นคนเล่าเรื่อง การตกแต่งภายในนี้ล่ะกัน























dining room เครื่องใช้เป็นเงินแวววาว





รูปที่ถ่ายด้านใน จะบังคับไม่ใช้ แฟลช เพราะเกรงใจนักท่องเที่ยวอื่น ภาพก็เลยออกมาไม่ค่อยแจ่ม






Create Date : 31 มกราคม 2554
Last Update : 2 มีนาคม 2554 11:02:10 น.
Counter : 1412 Pageviews.

1 comments
  
Hello อดอ่านเลยนึกว่าจะเขียนต่อ
เดี๋ยวกลับไปอ่านตอนเก่าๆแล้วกันน้า
โดย: wachu (cascar ) วันที่: 14 พฤษภาคม 2554 เวลา:19:16:54 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

mearnss
Location :
ชุมพร  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เป็นเภสัชกร ที่อยากทำงานบริษัทท่องเที่ยว เค้าจะรับมั้ยนี่ ท่องเที่ยวกับอ่านหนังสือเป็นสิ่งที่โปรดที่สุดของข้าพเจ้า

MY VIP Friend