2017 England trip: Marriott Heathrow และที่พักที่ Stratford-upon-Avon และเปิดถุงช็อปจากอังกฤษฮ่ะ
มาเริ่มวันที่ 1 ในอังกฤษ หลังจากลงเครื่องกันตอนหัวค่ำละ เราจองที่พักไว้คืนนึงแถว ๆ สนามบิน เพราะจะต้องขึ้นบัสไปต่ออีกประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ถึงจะถึงที่ ๆ เราจะไป ดังนั้น มานอนเพิ่มพลังซักคืนก่อนน่าจะดี
อาเฮียจึงจองที่นี่เอาไว้ Marriott Heathrow Airport นั่งรถบัสรับส่งมาใกล้ ๆ ไม่เกิน 10 นาทีก็ถึง
อันนี้ลงเครื่องมา
นั่งรถบัสมาแป๊บเดียวก็ถึงที่พัก รถบัสราคา 5 ปอนด์ต่อคนต่อเที่ยว หรือประมาณ 200 บาทหน่อยๆ แต่ถ้าจอง online แบบไปกลับ รู้สึกจะได้ลด 1 ปอนด์
บนรถจะมีคอกกั้นไว้ทั้งสองฝั่งสำหรับเก็บกระเป๋า ซึ่งการกั้นคอกสำหรับกระเป๋ามันก็สะดวกดีสำหรับรถรับส่งที่สนามบิน
แต่การกั้นทั้งสองฝั่ง โดยที่สามารถเก็บกระเป๋าใบใหญ่ได้ไม่กี่ใบ แล้วเจือกเหลือพื้นที่ไว้ให้คนยืนตรงกลางระหว่างสองคอกพร้อมกระเป๋าใบยักษ์ที่ไม่มีที่เก็บเนื่องจากที่เต็มแล้วนั้น นับเป็นหายนะอย่างแท้จริง เพราะมันไม่เหลือที่ให้คนเดินผ่านได้เลย
ในรูปนี้เป็นขากลับที่รถโล่ง จึงดูสะดวกดี แค่อีขามานี่ รถแน่นเอี๊ยด อิฉันกะอาเฮียต้องยืนอยู่กลางสองคอก พร้อมกระเป๋าใบยักษ์ เมื่อคนต้องการจะลงที่โรงแรมซึ่งอยู่ก่อนหน้าของโรงแรมอิฉัน ก็ไม่สามารถเดินฝ่าไปได้ ต้องใช้วิธีลากกระเป๋าหลบหลีกแบบวางสนุ๊กกันขยับทีละนิดทีละหน่อย กว่าจะออกได้แต่ละคน
มาจนถึงโรงแรมจนได้ด้วยความยากลำบาก
เตียงน่านอนมากก แต่ทำไมต้องมีคอกเด็กฟระ
มีทุกอย่างให้เลือกสรรตามมาตรฐานของมาริออท
Amenities ที่นี่ใช้ของยี่ห้อ Acca Cappa เป็นยี่ห้อโปรดของอิฉัน ซึ่งหาซื้อยากโคตร
ล็อบบี้
หลังจากเจอเตียงดูดวิญญาณ เราหลับสนิทกัน เตรียมพร้อมร่างกายจะได้ตื่นมาสดชื่นพร้อมเที่ยวอย่างหักโหมได้เต็มที่ (//me// เวลาทำงานแกรตั้งใจขนาดนี้ม้ายยยย ห๊ะ )
ตื่นเช้ายังไม่พร้อมเดินทางต่อ เพราะต้องหาของกินก่อน จึงเดินไปแถว ๆ หน้าโรงแรม มีร้านอาหารแบบตะวันตกชื่อดัง เราจึงฝากท้องไว้ที่นั่น
แมคโดนัลนี่เอง
เหมือนที่กินแถวๆ สำโรงเป๊ะ
เดินกลับมาโรงแรม
แถวนั้นดอกไม้กำลังสวย บลอสซั่มบานเต็มเมืองเลยฮ่ะ
เราต้องเดินทางต่อโดยขึ้นรถบัสไปลงเมือง Cheltenham โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง National Express bus station โดยค่าโดยสารประมาณ 37 ปอนด์หรือประมาณ 1600 บาท สำหรับตั๋วไปกลับต่อคน ที่มาลงนี่เพราะมันใกล้ Stratford ที่ป๊ากะม๊าจะมารับง่าย ๆ
นั่งรอรถออกก็หาของกินไปเรื่อย
คิทแคทพีนัทบัตเตอร์อร่อยนะเออ ส่วนน้ำแบบนี้อิฉันก็ชอบ น้ำเปล่าที่ผสมรสหวานปะแล่มๆ กลิ่นผลไม้ แบบไม่อ้วน
ต่อด้วยคาปูร้อนซักแก้ว
ขึ้นรถละ
นั่งกันหลวม ๆ ค่ะ ไม่ค่อยมีคนขึ้นเท่าไหร่ ที่นั่งค่อนข้างแคบ Legroom สั้นเชียว แต่โดยรวมแล้วอิฉันและอาเฮียชอบการเดินทางกับ National express bus มาก เพราะตรงต่อเวลา สะอาด Wifi สัญญาณดี ที่นั่งรอก่อนขึ้นรถก็สะดวกสบายมีร้านกาแฟร้านหนังสือร้านขนม ห้องน้ำสะอาดเอี่ยม
ที่เราค่อนข้าง Happy ก็เพราะก่อนมาอีอาเฮียมันเล่าถึง Bus station ในรูปแบบหม่นหมองแบบยุค 80 ที่อาเฮียฝังใจว่ามันเป็นอย่างงั้น แต่พอมาเจอในรูปแบบที่เค้าปรับปรุงแล้วเลยรู้สึกว่ามันดีกว่าที่คาดไว้นะ
นั่งชิล ๆ ไปพักนึง ถ่ายรูปวิวริมทางไปเรื่อย ๆ
ฟ้าใสเชียว
ระหว่างทางก็จะเห็นทุ่งเรพซีด (Rapeseed) ที่อังกฤษนี่มีปลูกมากมายเลย เค้าเอาไปสกัดทำน้ำมันเหมือน ๆ น้ำมันเมล็ดทานตะวัน และกากมันยังเอาไปทำเป็นอาหารสัตว์
รถบัสพาเราวิ่งมาบนมอเตอร์เวย์พักใหญ่ๆที่วิวทิวทัศน์ออกจะน่าเบื่อ แต่บางครั้งก็พาเราลัดเลาะเข้ามาตามหมู่บ้าน
ระหว่างทางจะเห็น Allotment ซึ่งเป็นที่นิยมในอังกฤษ มันคืออะไรน่ะรึ?
Allotment ก็คือพื้นที่ที่เทศบาลเค้าให้ชาวบ้านเช่าทำพื้นที่ปลูกผักปลูกดอกไม้กัน โดยคิดค่าเช่าเป็นรายปี ราคาประมาณ 20 ปอนด์/ปี (900บาท) สำหรับบล็อกเล็ก ๆ จริง ๆ บ้านที่อังกฤษมักจะมีสวนขนาดย่อมๆ อยู่ด้านหลังบ้าน แต่คนแถวนั้นเค้าก็ชอบให้สวนมันสวยแบบสวนอวดแขก ไม่อยากให้มันกลายเป็นแปลงผักหรือดอกไม้ตัดดอกอยู่ในสวนหลังบ้านกันเท่าไหร่ ดังนั้น เค้าจึงมาเช่าพื้นที่ใกล้ ๆ บ้านแบบเดินมาได้ มาปลูกผักเล่น ๆ กัน
ถ้าเป็นเมืองไทย คงมีคนไปแอบตัดผักของบล็อกชาวบ้านมากินกันแหง ๆ
คุณน้องชายเล่าให้ฟังว่า เคยมีคนเช่า Allotment ปลูกดอกไม้ แต่เหมือนคนบล็อกข้าง ๆ ไม่ค่อย happy เท่าไหร่ เพราะพอปลูกดอกไ้ม้ แมลงก็มาเยอะ มากินผักของเค้า แต่ส่วนใหญ่ก็ดูถ้อยทีถ้อยอาศัยกันอยู่ เห็นมีหยิบยืมพลั่วถังรดน้ำอะไรกันได้อยู่
และแล้วเราก็มาถึงบ้านพักซักที ปกติถ้าเราไปเยี่ยมป๊าม๊าของอาเฮียไม่ว่าจะเป็นที่เบอร์มิงแฮมหรือสเปน เรามักจะไปพักกันที่บ้านป๊าม๊ากัน แต่หลังจากที่เค้าขายบ้านที่สเปนที่หลังใหญ่ยักษ์ไป เข้าใจว่าผู้เฒ่าสองคนคงเข็ดหลาบกับการต้องดูแลบ้านหลังใหญ่อายุ 250 ปี พร้อมสระว่ายน้ำขนาดแข่งโอลิมปิคที่ต้องการการดูแลรักษามากจนทำให้เปลี่ยนใจมาซื้อบ้านหลังเล็กจิ๋วที่ Stratford กัน
ซึ่งก็เป็นการณ์ดีที่เราจะได้หาที่พักใกล้ ๆ แทน จะได้มีเวลาแว่บออกมาแรดกันตามใจได้ง่าย ๆ
นึกไปถึงตอนที่ไปเยี่ยมเค้าที่สเปนกันหนแรก บ้านป๊าม๊าอยู่ในหุบเขาในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ห่างไกลชุมชนรอบด้านมีแต่ไร่องุ่นทำไวน์แบบสุดลูกหูลูกตา บ้านเค้าสวยมากกกก เป็นบ้านเก่าโบราณที่เคยเป็นบ้านของนายกเทศมนตรีของเมืองแถว ๆ นั้น (รู้สึกอิฉันจะเคยทำรีวิวเอาไว้ในบล็อกสเปน) แต่ความสวยความขลังในราคาที่รับได้ มันทำให้บ้านนั้นอยู่แบบห่างตัวเมืองร้านค้าไกลโขอยู่ ถ้าอยากจะหาซื้อของในร้านสะดวกซื้อหรือหาร้านกาแฟซักร้าน เมืองที่ใกล้สุดจะต้องขับรถไปประมาณ 20 นาที ซึ่งทำให้เรารู้สึกประหนึ่งว่าติดเกาะ การออกไปเดินเล่น คือเดินขึ้นเขาไปหาเบอรี่ป่าหรือองุ่นแถวนั้นกินกันเท่านั้น
แต่คราวนี้อยู่ในเมืองท่องเที่ยวเลยยยย ดี๊ดีย์
มัวแต่เม้าท์มอยอะไรกันนี่ มาดูที่พักกันนะคะ
ที่พักที่นี่เราได้มาจาก Airbnb ในราคา 75 ปอนด์ต่อคืน (ประมาณ 3,300 บาท) ทำเลน่ะรึ ดี๊ดีย์ บริการน่ะรึ ดี๊ดีย์ ที่พักเตียงนอนห้องน้ำอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ อาหารเช้า โคตรจะดี๊ดีย์
ที่นี่อยู่ในมุมที่เงียบสงบ แต่เดินไปนิดเดียวก็จะถึงใจกลางตัวเมือง Stratford Upon Avon เลย
จริง ๆ ที่พักแถวนี้มีให้เลือกมากมายนะคะ แต่อิฉันเลือกที่นี่เพราะที่นี่มีมอลลี่ น้องหมารับแขกของบ้าน ตอนนี้รู้สึกอดอยากหิวอยากกอดหมามาก หลังจากไมโลไม่อยู่ ก็ไม่อยากมีหมาเป็นของตัวเองต้องไปขโมยกอดหมาชาวบ้านละ
คุณเจ้าของชื่อเมลานี่ย์ เคยเป็นแอร์ของบริทิชแอร์เวย์และมาเมืองไทยบ่อย ๆ นางชอบโรงแรมดุสิตมาก ออกจะเสียอกเสียใจที่ดุสิตจะโดนทุบ
เข้ามาปุ๊บเจอห้องโถงเล็ก ๆ มีโซฟาไว้นั่งใส่รองเท้า
เดินเลี้ยวไปอีกห้องจะเป็นห้องกินข้าวและห้องนั่งเล่น เรามากินข้าวเช้ากันทุกวันที่ห้องนี้
สวนหลังบ้าน มันก็ออกจะแห้ง ๆ หน่อย
ขึ้นมาชั้นสอง ห้องนอนและห้องน้ำเราอยู่ชั้นสอง
นี่ห้องนอนฮ่ะ สวยงามที่นอนหนานุ่ม
มีผ้าขนหนูวางไว้ให้บนเตียงคนละชุด และในตู้ยังมีให้อีกหลายชุด
วิวจากหน้าต่างห้องนอน
ข้างเตียงมีมุมชากาแฟ อัดแน่นด้วยสต็อกกาแฟที่กินได้เป็นเดือน และขนมปังคุ้กกี้แห้ง ๆ ที่เมลานีย์มาเติมให้ทุกวัน
ที่อิฉันชอบคือช็อคโกแลตแคดบูรี่แบบถ้วยฮ่ะ ห่อสีม่วง ๆ นั่นแหละ มันเป็นช็อคโกแลตผง ๆ ไว้ชงน้ำร้อนกิน ทั้งอ้วนทั้งอร่อย
มาดูอีกฝั่งของเตียงบ้าง
ในลิ้นชักมีอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ให้ใช้
มีช็อคโกแลตห่อใหญ่ และน้ำขวดวันละ 2 ขวดไว้ข้างเตียงด้วย
ดีเทลชนะเลิศ
มาดูเตียงมุมสูงอีกรอบ
ห้องน้ำอยู่นอกห้องนอน แต่เป็นของเราเท่านั้น ไม่ต้องแบ่งกับใคร ในนั้นเจ้าของบ้านเตรียมอุปกรณ์อาบน้ำขัดสีฉวีวรรณไว้ให้เต็มที่ สบู่แชมพูโลชั่นทุกอย่างเป็นแบบขวดยักษ์ มีกระทั่งดีออเดอเรนต์ มีทุกสิ่งให้เลือกสรรค์
น้ำหอมสำหรับห้องน้ำใช้โจมาโลนเลยทีเดียว
ทางลงจากชั้นสอง
ลงมาข้างล่างเจอมอลลี่ มอลลี่เป็นหมาที่เมลานี่ย์เจ้าของบ้านหอบหิ้วมาจากแอฟริกาใต้ เป็นหมาพันธุ์มิดเดิลโร้ดอันมีชื่อเสียง เมลานีย์รักนางมากเลย
เช้า ๆ นางมักจะมาแอบมองแบบเรียบร้อย เจียมเนื้อเจียมตัว ไม่ชะเง้อน้ำลายหยดแบบนังไมโล
มาดูบ้านแบบเต็ม ๆ
มองออกไปเยื้อง ๆ จะเป็นโบสถ์
ที่พักที่นี่ดีงามมากค่ะ อาเฮียจะกลับไปหาป๊าม๊าตอนเดือนกันยานี้ ก็ว่าจะพักที่นี่อีก ใครจะไปเที่ยวแถว Stratford แนะนำเลยนะคะ
**************************************************************************************** ****************************************************************************************
ต่อไปมาดูช่วงที่ (อิฉัน) รอคอยยยยย .....
เปิดกุเป๋าของฝากจากอังกฤษ
ยังไปไม่ถึงไหนเลย แต่ริจะเปิดกระเป๋า..
เอาน่า.. ความสนุกตอนกลับมาถึงบ้านเราแล้วก็มีแค่ตรงนี้แหละ มามะมาดูว่าได้อะไรมั่ง
ช่วงนั้นสตรอเบอรี่แดงฉาน ไม่ได้ซื้อกลับบ้านหรอกฮ่ะ แต่ซื้อกินที่นู่นแหละ ราคาถู๊กถูก
กองนี้ได้จาก TK Max เป็นร้านขายของ Outlet brandname ซึ่งมีหลายสาขาทั่วอังกฤษ ถ้ามีเวลาจะคุ้ยได้ของดี ๆ ในราคาย่อมเยาอยู่เรื่อยเลย
ส่วนกองนี้ เสื้อผ้า แว่นตา กระจกจากบูทเซลล์ เสื้อยีนส์ของ M&S ราคาแค่ 3 ปอนด์ หรือ 135 บาท แว่นตา Tom Ford ซึ่งดูแล้วน่าจะปลอม แต่น่ารักดี ราคา 1.5 ปอนด์
กระจกแต่งหน้าดูเป็นของเก่า จึงต้องซื้อน้ำยามาขัดด้วย น้ำยามีขายในตลาดนั่นเองกระป๋องละปอนด์เดียว ส่วนกระจกซื้อมาในราคา 15 ปอนด์ หรือ 675 บาทราคาไม่แพงแต่หนักสุด ๆ อิฉันหอบข้ามน้ำข้ามทะเลมาอย่างทะนุถนอม หวังว่าอยากให้มีคุณหลวงมาเรียกข้ามภพไปหาเหมือนทวิภพ
ช่วงเมษานั้นเป็นช่วงอีสเตอร์ ดังนั้น จะเห็นไข่ช็อคโกแลตอยู่ทั่วทุกมุมถนน ยิ่งถ้าเลยวันอีสเตอร์ไปแล้ว มันจะราคาถูกเหมือนแจกฟรี และถึงแม้อิฉันกะอาเฮียจะโตเป็นงัวแล้ว แต่เมื่อเราเจอเครือญาติของอาเฮียซึ่งมักจะเห็นว่าเราเป็นเด็กอยู่เสมอ ก็ให้ไข่ยักษ์มาคนละลูก พร้อมกับเด็ก ๆ คนอื่น
ข้างในเป็นงี้ ใหญ่เบ้อเร่อ
ไข่จะกลวง ๆ แต่ก็ใหญ่โตพอที่จะต้องกินกันหลายวัน
สำหรับครอบครัวอาเฮีย การให้ของมันจะไม่หยุดอยู่แค่ไข่อีสเตอร์แน่นอน ถึงแม้อิฉันจะหัวหงอกขนาดนี้แล้ว คุณอายังให้น้องกุต่ายอีสเตอร์มาอีก 1 ตัว
ถัดมาเป็นสร้อยข้อมือจากบู้ทเซลส์อีกแล้วราคาน่าจะ 3 ปอนด์ ร้อยกว่าบาท
ส่วนสร้อยข้อมืออีกอันเป็นของใหม่เอี่ยมจากร้านตลาดนัดที่ได้ในวันขากลับ อันนี้ดีเทลเยอะ แพงหน่อย น่าจะ 8 ปอนด์
กองเสื้อผ้าที่กองรวม ๆ ฮ่ะ มีทั้งจากบู้ทเซลส์ Charity shop ที่มีของแบรนด์ไฮสตรีทอยู่มากมาย สามารถซื้อได้ในราคาตัวละ 2-5 ปอนด์เท่านั้น
อันนี้เป็นแพ็ค Amenity จากที่บิน Premium Economy ห่อสีดำข้าง ๆ คือกุงเกงลิง Marks & Spencer ที่ใช้ดี๊ดี ทนทานมากมายและราคาไม่แพง มาอังกฤษทีไรอิฉันต้องสอยมาทุกครั้ง แพ็ค 5 ตัว 7 ปอนด์ หรือ 315 บาท
ถัดไปเป็นข้าวของจุ๊กจิ๊กที่ได้มาจากร้าน Poundland ทุกสิ่งทุกอย่างราคา 1 ปอนด์ 45 บาทเท่านั้น ดีโอเดอแรนท์ของ Yardley แบรนด์เก่าแก่ที่คุณป้าอิฉันชอบมากก็ปอนด์เดียว Argan oil ยอดฮิตไว้ใส่ผม ก็ดี แต่ที่เด็ดสุด ๆ คืออีครีมทามือหลอดฟ้า ๆ นั่น ดีงามมากฮ่ะ ซึมเร็ว หอมสะอาด ๆ ครีมอาบน้ำของ Imperial กลิ่นมะม่วงก็หอมมากกกกก
เครื่องสำอางกรุบกริบก็มีให้เลือกเยอะซื้อมาฝากเด็ก ๆ
ในร้าน Poundland อิฉันว่าต่างจากไดโซะอยู่นิดนึงตรงที่ที่นี่จะเน้นเรื่องอาหารและขนมเป็น Section ใหญ่มากกกกกกกกก ประมาณ 1/3 ของร้าน ทุกอย่างในนี้อย่างละ 45 บาท อิฉันชอบแฮปปี้ฮิปโป้มาก และช็อคโกแลตรูปส้มก็อร่อย ไม่เห็นในไทยมานานละ
อันนี้ได้จากตลาดนัด กล่องเหล็กสวยงาม ข้างในมีชุดถ้วยชาเล็กจิ๋ว สำหรับตุ๊กตาตัวน้อย ซึ่งรายละเอียดทำได้ดูดีทีเดียว ไม่กะโหลกกะลา ชุดนี้ 9.99 ปอนด์
รูปนี้ อันล่างมีกล่องขนม Next stop เค้ก ซึ่งเป็นเค้กที่รถไฟของอังกฤษเค้าแจกฟรีในช่วงอีสเตอร์ อิฉันกะอาเฮียเดินเข้าสถานีเพื่อไปดูตารางรถไฟเฉย ๆ นายสถานีเค้าหยิบให้บอก Happy Easter น่ารักที่สุด แถมอร่อยด้วย บราวนี่เคี้ยวหนึบเนื้อเค้กชุ่มฉ่ำมาก
การช็อปปิ้งในอังกฤษ เป็นเรื่องหนุกหนาน เพราะของไม่แพงเลย แถมของมือสองที่อิฉันชอบก็เยอะ สนุกและมีลุ้นกว่าไปช็อปที่ญี่ปุ่นหรือเกาหลีซะอีก
บล็กหน้าจะเริ่มพาไปเที่ยวในตัวเมือง Stratford Upon Avon ซะทีฮ่ะ
Create Date : 31 สิงหาคม 2560 |
|
0 comments |
Last Update : 31 สิงหาคม 2560 21:46:28 น. |
Counter : 1740 Pageviews. |
|
|
|