คำว่านิลตวานี้ฟังดูเผินๆอาจคล้ายคำภาษาไทย โดยเฉพาะคำว่า นิล ในพยางค์แรก และสำหรับคนที่ทราบว่าพวกมันเป็นนกทางภาคเหนืออาจอดคิดไม่ได้ว่า 2 พยางค์หลังนั้นฟังดูคล้ายคำว่า ตะวา ในภาษาเหนือที่แปลว่า เมื่อวาน
แต่ความจริงแล้วชื่อนิลตวานี้มีที่มาไกลกว่านั้น เป็นคำภาษาเนปาลที่ใช้เรียกนกจำพวกนี้ชนิดหนึ่ง และนักปักษีวิทยาได้หยิบยืมมาใช้ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของพวกมัน สำหรับในประเทศไทย เนื่องจากไม่พบชื่อท้องถิ่นที่ใช้เรียกนกกลุ่มนี้อย่างเจาะจง จึงนำทับศัพท์ของชื่อวิทยาศาสตร์ดังกล่าวมาใช้อีกทอดหนึ่ง
นกนิลตวาเพศผู้มักมีสีน้ำเงินเข้มเป็นลักษณะเด่น และมีสีฟ้าสะท้อนแสงในบางจุดช่วยเพิ่มความงดงาม นอกจากนั้นบางชนิดยังมีสีส้มสดที่ท้อง ทำให้เป็นนกจับแมลงซึ่งมีสีสันสะดุดตาที่สุดกลุ่มหนึ่ง อย่างไรก็ตาม นกนิลตวาเพศเมียมักมีสีน้ำตาลเกือบทั้งตัว และมีจุดสีฟ้าประดับเพียงจุดเล็กๆ
ในประเทศไทยมีรายงานการพบนกนิลตวาทั้งหมด 5 ชนิด โดย 3 ชนิดเป็นนกอพยพ และ 2 ชนิดเป็นนกประจำถิ่นซึ่งอาศัยบนภูเขา สำหรับชนิดที่พบได้ง่ายที่สุดคือ นกนิลตวาใหญ่ (Large Niltava) ซึ่งจัดเป็นนกจับแมลงขนาดใหญ่ที่สุดที่พบในประเทศไทย โดยมีความยาวถึง 21.5 เซนติเมตร หรือเท่าๆกับนกกางเขนบ้าน
นกนิลตวาใหญ่เพศผู้มีสีน้ำเงินเข้มขรึมทั้งตัว และมีสีฟ้าเงางามจากกระหม่อมลงมาถึงข้างคอ คล้ายกับหมวกสีสดใส ซึ่งจะเห็นชัดเป็นพิเศษเวลาแสงส่องกระทบ และด้วยรูปร่างที่ดูใหญ่บึกบึนกว่าเพื่อน นกนิลตวาใหญ่จึงดูสง่าเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับนกจับแมลงชนิดอื่นๆ
ไม่เพียงเท่านั้น นกนิลตวาใหญ่ยังมีขาที่แข็งแรง เห็นได้จากการลงมากระโดดหาอาหารตามพื้นดินบ่อยกว่านกจับแมลงส่วนใหญ่ซึ่งมีขาเล็กสั้น และชอบเกาะนิ่งรอจังหวะโผจับแมลงกลางอากาศมากกว่า
นกนิลตวาใหญ่พบได้ตามภูเขาสูงเกิน 900 เมตรจากระดับน้ำทะเล ถึงแม้จะมีรายงานบนภูเขาบางแห่งในภาคตะวันตก ภาคตะวันออก และภาคใต้ แต่ภาคที่พบพวกมันได้ง่ายที่สุดคือภาคเหนือตามป่าดิบเขา
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชมนะคะ บล็อกหน้าก็ยังเป็นนกจากอินทนนท์ต่อค่ะ
อยากมีเลนส์เอาไว้ถ่ายนกแบบนี้จัง...
รักษาสุขภาพนะครับ