เรื่องกิน เรื่องเที่ยว คือเรื่องเดียวกัน และเป็นเรื่องราวของเราสองคน :)

ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 60 คน [?]




ปลาหมึกน้อย กับ นายโอเลี้ยง รายงานตัวครับ
เนื่องด้วยเราสองคนเป็นคนชอบเที่ยว ชอบกิน ดังนั้นก็เลยจัดการหาที่เก็บสถานที่หรือร้านอาหารที่เคยแวะเยี่ยมมาแล้ว

และเสมือนเป็น ไดอารี่ส่วนตัว ที่ทุกคนเข้าดูได้ อาจจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่ผ่านเข้ามาแล้วต้องการหาข้อมูลสำหรับสถานที่นั้นๆ

ขอให้สนุกกับ Blog นี้นะ

ตอนนี้ Eat and Travel Diary by ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง มี fan page เพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อครับ ถ้าใคร "ถูกใจ" blog นี้ ฝากช่วยกด "Like" กันนะครับ จะได้ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น ^_^

Click ข้างล่างได้เลยจ้า

click เพื่อเข้าสู่ facebook Eat and Travel Diary
New Comments
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
23 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง's blog to your web]
Links
 

 

Phulay Bay A Ritz-Carlton Reserve @ ทับแขก กระบี่

Phulay Bay A Ritz-Carlton Reserve ++ ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสวรรค์บนดิน



วันนี้ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยงจะขอพาไปสัมผัสความหรูหราของรีสอร์ทในจังหวัดกระบี่ ซึ่งผมเองก็ไม่เคยคิดว่าจะได้มาพักรีสอร์ทที่สวยงามแบบนี้

ซึ่งหากบอกว่ารีสอร์ท แห่งนี้ชื่อ ภูเลย์เบย์ หลายๆ คนคงจะไม่เคยได้ยินชื่อ แต่หากบอกว่าเป็น รีสอร์ทในแห่งแรก ของ A Ritz-Carlton Hotel

หลายๆ คนคงจะรู้จักเป็นอย่างดี สำหรับความหรูหราของโรงแรมในเครือนี้

พูดไปคงจะไม่อยากจะเชื่อเท่าไร เราขอพาไปสัมผัสกับบรรยากาศที่เหมือนฝันของที่นี่กันเลยครับ

ที่บอกว่าเหมือนฝันก็คือ ราคาของโรงแรมในเครือนี้ขึ้นชื่อว่าสูงเกินเอื้อม จริงๆ ครับ

และก็ต้องบอกว่า ได้ไปพักแบบฟลุ๊ก เช่นกัน โดยเราได้ Voucher ของที่นี่จากงาน Siam Paragon The Ultimate Dream Destination แต่ไม่ใช่ของปีนี้

มันเป็น Voucher ที่ซื้อมาตั้งแต่จัดงานปีที่แล้ว ซึ่งตามเงื่อนไขอายุการใช้งานจะสิ้นสุดแค่สิ้นปี 2553 แต่ด้วยความที่คิวปีที่แล้วเต็ม และเราก็อยากไปที่นี่มากๆ จึงต่อรองกับทางผู้จัดการฝ่ายขายของเค้าว่าขอใช้ปี 2554 ได้หรือเปล่า ตื้ออยู่นาน จนเค้าใจอ่อนยอมให้เราครับ

และราคาของปีที่แล้วถูกกว่าของปีนี้ประมาณ 2 พันบาท ถือได้ว่าโชคดีสุดๆ ^^



ทริปนี้เราบินไปกับการบินไทย ครับ ราคาตั๋วแพงมากๆ แต่ก็ต้องทำใจ เพราะเวลาดีกว่า หางแดงมากๆ ถือว่าซื้อเวลากลับคืนมาละกัน

หลังจากที่จองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อย ทางโรงแรมก็จะโทรมาถามเที่ยวบินไป - กลับ ของเรา

เพราะว่าราคาที่จองในงานรวมรถรับส่งจากโรงแรม กับสนามบินด้วยครับ ที่สำคัญ มารับด้วยเจ้าคันนี้ครับ



ระยะทางระหว่างสนามบิน กับโรงแรม ใช้เวลาประมาณ 40 นาที แต่ที่ผมรู้สึกว่ามันใช้เวลาน้อยกว่านั้น หรือเป็นเพราะว่าตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์ข้างทางก็ไม่รู้

ปล. ผมลืมบอกไปว่าทริปนี้ผมได้รับความประทับใจกลับมามากมายทีเดียวครับ แค่ขึ้นรถก็ประทับใจแล้ว เพราะว่าเค้าเตรียมผ้าเย็น และน้ำดื่มเย็นๆ รวมทั้งบรรยายวิวข้างนอก เหมือนมากับทัวร์เลยครับ



ใช้เวลาไม่นาน ก็มาถึงรีสอร์ทในฝันจนได้ครับ ที่นี่อยู่บนหาดทับแขก ผ่านsofitel phokeethra krabi resort & spa ไม่ไกลครับ

และอยู่ก่อนถึง the tubkaek ครับ



และความทับที่ทางโรงแรมมอบให้แขกผู้มาพักทุกคน คือ ทาง ผู้บริหารระดับสูงของที่นี่ จะมาตอนรับด้วยตนเอง พร้อมทั้งแนะนำให้รู้จักกับ Butler ที่จะคอยต้อนรับเราตลอดเวลาที่พักอยู่ที่นี่

ที่นี่ไม่มี Lobby ซึ่งจะทำการเช็กอินให้กับแขกที่มาพักที่ห้องเลยครับ เรียกได้ว่าไม่ต้องรอให้เสียเวลา



welcome drink สำหรับผู้มาเยือนครับ ที่นี่ต้อนรับด้วย น้ำตระไคร้หอม และผ้าเย็น ทำให้สดชื่นเป็นอย่างมาก



ทุกคนที่มาพักจะต้องผ่านศาลาแห่งนี้ ซึ่งดูใหญ่โตอลังการดีครับ

ที่ Phulay Bay ได้รับการออกแบบโดย คุณเล็ก บุนนาค สถาปนิกผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง ที่สร้างสรรรีสอร์ทสวยๆ หลายๆ แห่งมาแล้ว



ลืมแนะนำ Butler ส่วนตัวของเราครับ เค้าชื่อ คุณ Jacky ซึ่งคอยให้การต้อนรับและให้ข้อมูลของที่นี่ตลอดครับ

เค้าบอกว่าที่นี่ถูกออกแบบให้เข้ากับหลักฮวงจุ้ย ครับ



การตกแต่งที่นี่ เน้นสไตล์โมร็อกโก ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัย



ที่นี่มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 80 ไร่

แต่ใช้เป็นที่พักอาศัยไม่ทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่จะตกแต่งเป็นสวนและธรรมชาติ

ทั้งนี้การไปยังสถานที่ต่างๆ ในโรงแรม Butler จะคอยบริการเราด้วยการพานั่งบนรถบักกี้ไปรอบๆ ครับ

ว่าแล้วก็พาไปเช็กอินที่ห้องก่อนนะครับ



ที่นี่ถ้าห้องว่าง เค้าสามารถให้เราเช็คอินได้เลยครับ ผมไปถึงที่โรงแรมประมาณ 10 โมง ก็สามารถพาไปห้องพักได้เลยครับ

ครั้งนี้เราพักห้อง Resort Pavilion ซึ่งเป็น Type ถูกสุดของที่นี่



ห้องพักของที่นี่มีทั้ง 54 หลังครับ

เข้าห้องปุ๊บ คุณ Jacy ก็ต้อนรับเมี่ยงคำที่แสนอร่อยครับ



เข้ามาในห้องก็พบกับ เตียงขนาดใหญ่โตมหึมา



เตียงกว้างขนาด 3 เมตรเห็นจะได้นะครับ กว้างได้ใจมากๆ



ด้านข้างยังมีหมอนอิงทรงไส้กรอกขนาดใหญ่ครับ



ภายในห้องตกแต่งด้วยโทนสีขาว

และพื้นที่ใช้สอยกว้างมากๆ ครับ ห้อง Type นี้ภายในห้องพักกว้าง 84 ตร.ม. ส่วนพื้นที่ภายนอกกว้าง 95 ตร.ม



ของที่อยู่ในตู้เย็นทั้งหมด ดื่มได้หมดเลยครับ แถมเติมใหม่ให้ทุกวันด้วยครับ



ขอตกแต่ง ที่นี่ดูหรูหรา และสวยงามเหมาะกับห้องพักมากๆ



ด้านหลังเตียงเป็นโต๊ะทำงานครับ

ภายในห้องบานประตูหลายๆ บาน จะตกแต่งด้วยภาพวาดแบบไทยโบราณครับ ดูสวยงามมากๆ

เปิดประตูกั้นระหว่างห้องพักกับห้องน้ำเข้าไป ก็จะพบกับอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่กลางห้องครับ



อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางพื้นที่ห้องน้ำ น่าลงไปนอนแช่มากๆ



ผมชอบฝักบัวและก๊อกน้ำของที่นี่มากๆ ดูหรูหราไฮโซมากๆ





อ่างล้างหน้าของที่นี่เตรียมให้สองที่ครับ ไม่ต้องแย่งกัน

ข้างนอกที่เห็น Outdoor Bath Tub ครับ



เปิดประตูออกไปด้านนอก จะมีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่อีก 1 ครับ





ระหว่างทางเดินตรงอ่างอาบน้ำ กับ ด้านนอก จะเป็นที่อาบน้ำแบบ rain shower ครับ ที่สำคัญมี 2 อันด้วย สงสัยกะให้อาบพร้อมกัน ไม่ต้องแย่งกันอาบ



หลังจากเดินเล่นในห้องจนเหนื่อย เพราะมันกว้างจริงๆ ก็เตรียมตัวออกไปข้างนอกกันครับ

ที่นี่มีรองเท้าสำหรับเดินเล่นชายหาด รวมทั้งหมวก และผ้าเช็ดตัวเตรียมไว้ในห้องด้วยครับ



จากนั้นก็ขอใช้บริการคุณ Jacky อีกรอบให้พาไปทัวร์รอบ รีสอร์ทซะหน่อย

หมวกพร้อม รองเท้าพร้อม ไปเดินเล่นตรงสระว่ายน้ำกันครับ



สระว่ายน้ำที่นี่ถือว่ากว้างใช้ได้เหมือนกันครับ

ที่สำคัญอยู่ติดริมทะเลด้วย





รอบสระ มีที่นั่งเล่น พักผ่อนหลายที่ครับ ว่าแล้วก็ไปจับจองซักที่ดีกว่า



นหน้าที่นั่ง จะมีกล่องสีดำ ซึ่งพนักงานบอกว่าภายในกล่องใช้บริการฟรีครับ



ว่าแล้วก็บอกให้พนักงานเฉาะมะพร้าวทันที พร้อมกับหยิบผ้าเย็นมาเช็ดหน้าอย่างชื่นใจ



นั่งเล่นริมสระซักพัก ก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที เลยขอแวะหาอะไรกินเล็กน้อยก่อนดีกว่า



ริมสระจะมีบาร์ ที่ให้บริการเครื่องดื่มและอาหารกลางวันด้วยครับ



งอาหารที่นี่มีชื่อว่า ปลายฟ้า (Plai fah)



ก่อนอื่นก็สั่ง Mojito no rum เป็นม็อกเทลของโปรดมาดับกระหายก่อนครับ

รสชาติเปรี้ยวซ่า หอมชื่นใจครับ ราคาประมาณ 200 นิดๆ เห็นจะได้



หลังจากที่ดูเมนูแล้ว เห็นราคาอาหารไทยแล้วอึ้งครับ

เลยสั่งพิซซ่ามาแทนดีกว่า ราคาเป็นกันเอง 200 กว่าบาทเองครับ พอรับได้



พิซซ่า หน้าฮาวายเอี้ยน รสชาติดีทีเดียว แถมชีสยืดได้ใจดีด้วย



หลังจากรองท้องด้วยพิซซ่าร้อนๆ 1 ถาด ทางคุณ Jacky ก็อาสาพาไปเดินเล่นรอบๆ รีสอร์ทต่อครับ



ด้านข้างสระว่ายน้ำจะมีทางเดินเชื่อมไปยังส่วนที่เป็นชายหาด

ซึ่งรอบๆ จะตกแต่งด้วยสนามหญ้าสีเขียวพร้อมท้ังต้นไม้ต่างๆ ดูแล้วเป็นธรรมชาติสุดๆ



ด้านฝั่งชายหาด จะมี Beach Bar เล็กๆ อยู่



ที่นี่ถือได้ว่าเป็น Sunset Bar เนื่องจากว่าเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวแวะมาดูพระอาทิตย์ตกมากที่สุด



และด้วยความเป็นนักรีวิว เราจึงถามทางคุณ Jacky ว่าอยากดูห้อง Type อื่นด้วยจะได้หรือเปล่า

ซึ่งคุณ Jacky ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เช็คกับทางส่วนกลาง แล้วก็บอกว่าวันนี้ส่วนใหญ่ห้องยังว่างอยู่ แขกยังเข้ามาเช็คอินไม่หมด

คุณ Jacky จึงพาไปดูห้องที่สามารถเข้าไปได้ด้วยความเต็มใจครับ



ห้องแรกที่พาไปชมอยู่ไม่ไกลจาก beach bar ครับ เป็นห้องพักที่อยู่ติดหาดที่สุด

ห้องนี้เป็นห้องประเภท Beach Villa

ห้อง type นี้เป็นห้องพักแบบเก่า ของทางภูเลย์เบย์ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น A Ritz-Carlton ทางคุณ Jacky แจ้งว่าเจ้าของต้องการอนุรักษ์ไว้

ห้องประเภทนี้มีขนาดพื้นที่เล็กที่สุด ซึ่งกว้างเพียง 50 ตร.ม. เท่านั้น

แต่ห้อง Type นี้ชาวยุโรปชื่นชอบเป็นอย่างมาก

อาจจะเป็นเพราะว่ามันแฝงกลิ่นอายความเป็นไทยอยู่มากพอสมควร











หลังจากนั้นก็เดินย้อนกลับมาที่ Beach Bar อีกครั้ง



ตรง Beach Bar จะมีชายหาดเล็ก ซึ่งจะต้องเป็นช่วงน้ำลงเท่านั้น

ซึ่งคิดว่าเป็นจุดด้วยของที่นี่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น



แต่หาดที่นี่จะมองเห็น เกาะห้อง รวมทั้งเกาะยาวน้อย ยาวใหญ่ ชัดเจน



ซึ่งช่วงเช้าๆ ถึงบ่ายๆ น้ำจะลงค่อนข้างมาก ทำให้ลงไปเดินเล่นริมหาดได้

แต่ก็ไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะผมชอบใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ของรีสอร์ทมากกว่าครับ



หลังจากเดินเล่นไม่นาน คุณ Jacky ก็แจ้งว่าจะพาไปชมห้องพักต่อ ซึ่งผมก็ไม่รีรอ รีบเดินตามไปทันที

แต่คราวนี้จะไม่พาขึ้นรถบักกี้ไป เพราะอยากให้เดินชื่นชมธรรมชาติมากกว่า

ซึ่งผมก็ชอบนะครับ ถือว่าได้สัมผัสความสวยงามของการออกแบบที่นี่อย่างเต็มที่



การออกแบบที่นี่จะออกแบบทางเดินรถบักกี้ในรูปวงกลม ซึ่งตรงการจะออกแบบให้เป็นสวนและน้ำตก ซึ่งเหมาะสำหรับการเดินเล่น



ซึ่งการเดินแบบนี้ทำให้ได้ร่างกายได้รับความสดชื่นจากธรรมชาติที่ถูกออกแบบไว้อย่างสวยงามได้เป็นอย่างดี





ห้องที่จะพาไปชมต่อไป เป็นห้อง Type ที่แพงที่สุดครับ

นั่นก็คือ คือ ห้อง Royal Beach Villa มีจำนวน 6 ห้อง

พื้นที่ภายในห้องพักมีขนาด 120 ตร.ม. ส่วนด้านนอก มีพื้นที่ใช้สอย 458 ตร.ม. ครับ

ด้านหลังเตียงนอน ถูกออกแบบให้คล้ายกับอุโมงค์ ซึ่งทางเข้าห้องต่างๆ ออกแบบให้เหมือนกันรูกุญแจ ที่ใช้เปิดสู่โลกกว้างครับ

ในส่วนของ Outdoor Bathtub ด้านนอกกว้างมากๆ มีพื้นที่มากกว่าห้องประเภทอื่นมาก

ด้านหน้าห้องพักยังมีสระว่ายน้ำ ที่สามารถมองวิวทะเลได้ชัดเจนด้วย มีโอกาสครั้งหน้า อยากมาพักที่ห้องนี้มากๆ ครับ แต่เห็นราคาแล้วคงได้แค่ฝัน















จากนั้นก็ไปต่อที่ห้อง Reserve Villa ซึ่งจะเป็นห้องที่อยู่ในพื้นที่สวนตรงกลางของตัวรีสอร์ท

การตกแต่งภายในห้องนอน คล้ายกับห้องที่ผมพักครับ แต่จะต่างกันที่การเล่นสีสันภายในห้อง

ห้อง Reserve Villa จะมี 2 แบบ คือแบบแรก จะไม่มีอ่างอาบน้ำตรงกลางห้อง

แม้จะไม่มีอ่างอาบน้ำกลางห้อง แต่จะมี indoor bathtub ด้านข้าง ซึ่งอยู่ติดกับห้องนอน

และที่พิเศษอีกแบบของห้องประเภทนี้คือ สระว่ายน้ำขนาดเล็กหน้าห้องพัก ที่มีนกยูงเหล็กประดับอยู่













และติดๆ กัน คุณ Jacky ก็พาไปชมห้อง Reserve อีกแบบ ซึ่งแขกจะมาเช็กอินประมาณ บ่าย 4 โมง ที่สำคัญ แขก VIP ซะด้วย

ภายในห้องนอนไม่ต่างกันครับ แต่ต่างกันที่ห้องนี้มีไวน์ไว้ต้อนรับด้วยสิ

อย่างที่บอกห้องนี้มีสองแบบ และแบบที่สอง คือห้องที่มีอ่างอาบน้ำอยู่ตรงกลางห้อง คล้ายๆ กับห้องที่ผมพัก

แต่อ่างอาบน้ำห้องนี้สวยกว่ามาก

เป็นอ่างอาบน้ำทรงดอกไม้สี่กลีบ ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ของที่นี่ด้วยครับ

อ่างอาบน้ำสีขาว ตัดกับฝักบัวสีทองได้ลงตัวเห็นแล้วอยากลงไปนอนแช่มาก

ที่สำคัญห้องนี้ชุดคลุมสำหรับอาบน้ำ เป็นสีม่วงตามสีที่ใช้ตกแต่งห้องน้ำด้วยครับ

การตกแต่งที่นี่ใช้ศิลปะของไทยแทรกไว้อย่างลงตัวทีเดียว











หลังจากที่ไปชมห้องพักในหลายๆ แบบ แล้วช่วงบ่ายก็ไปนั่งเล่นพักผ่อนในห้อง พอบ่ายๆ แก่ๆ ค่อยออกมาเดินเล่นที่ริมทะเลอีกรอบ



ลมเย็นๆ พร้อมทั้งบรรยากาศชิลๆ แบบนี้เราเลยมั่งนั่งเล่นกันตรงบีชบาร์ต่อครับ



พร้อมทั้งสั่งเครื่องดื่มเย็นมาดื่มเล่นริมหาด

และเช่นเคย Mojito ของโปรด



ตามด้วย Mango อะไรซักอย่าง จำไม่ได้ครับ รู้แต่ว่าอร่อยมากๆ



แล้วก็นั่งซีมซับบรรยากาศไปเรื่อยๆ



จนพระอาทิตย์ก็เริ่มที่จะลับขอบฟ้า





ก่อนที่แสงจะหมด ผมก็เรียกใช้บริการรถบักกี้ ซึ่งมีคุณ Jacky เป็นคนขับพาไปส่งยังศาลาด้านหน้ารีสอร์ทอีกครั้ง



เป้าหมายสำคัญ เพื่อที่จะมาเก็บภาพศาลาแห่งนี้ในยามค่ำคืนครับ

และก็คุ้มค่ามากๆ ครับที่มาที่นี่ทันก่อนที่แสงจะหมด เพราะว่าตอนกลางคืนของที่นี่มืดมากๆ

ศาลาแห่งนี้ยามค่ำคืนจะดูสวยเด่นเป็นพิเศษ ด้วยแสงเทียน 2,000 ดวง รอบๆ ศาลาแห่งนี้





ในคืนที่ 2 เราเจอทางรีสอร์ทจัดโต๊ะ Private Dinner ตรงกลางศาลานี้ด้วย จึงขออนุญาตเค้าเก็บภาพ

และสอบถามราคา ก็ได้คำตอบมาว่า ค่าดินเนอร์ ในคืนนั้น หัวละ 8000 ++ ครับ ราคานี้ผมว่าส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติที่จะมาใช้บริการ



หลังจากเก็บภาพที่สวยงามเสร็จเรียบร้อย ก็เดินกลับห้อง พักด้วยตัวเอง เพราะว่าอยู่ไม่ไกลเท่าไรนัก



ความประทับใจยังไม่หมดเพียงเท่านี้ครับ

เพราะในแต่ละคืนหลังจาก Turn Down ทางรีสอร์ทจะเตรียมคุ้กกี้ไว้ให้ในคืนแรก

แต่ในคืนที่ 2 จะเตรียมช็อกโกแล็ตมาให้ ซึ่งผมได้บอกคุณ Jacky ว่าปลาหมึกน้อยแพ้ช็อกโกแล็ตครับ โดยบอกว่าให้เปลี่ยนเป็นคุ้กกี้เหมือนเดิมครับ

คุณ Jacky ก็รับฟัง แล้วก็กลับมาพร้อมกับ ทาร์ตมะม่วง ซึ่งเหมือนจะรู้ว่าผมชอบกินมะม่วงสุกครับ

โดยคุณ Jacky บอกต่ออีกว่า คุ้กกี้นั้นก็มีช็อกโกแล๊ต เหมือนกัน เลยไปสั่งให้เชฟ อบทาร์ตมะม่วงมาให้ใหม่ร้อนๆ เลยครับ

และขอบอกว่านุ่ม อร่อยมากๆ ครับ กินหมดภายในพริบตาเลยทีเดียว



จากนั้นตอนกลางคืนก็ได้เวลานอนแช่อ่างน้ำที่ตั้งเด่นอยู่ตรงกลาง



และแล้วก็ผ่านค่ำคืนที่แสนสบายๆ ปกติเวลาไปเที่ยวผมจะเป็นคนที่ตื่นเช้าเพื่อมารอดูพระอาทิตย์ขึ้น

แต่ว่าทริปนี้โดนเตียงดูดวิญญาณเข้าไปทำเอาไม่อยากลุกทีเดียว กว่าจะตื่นตะวันก็โผล่พอดีครับ



เช้าๆ แบบนี้ขอพาไปที่ห้องอาหารกันนะครับ ก่อนอื่นต้องเติมพลังให้พร้อมสำหรับวันใหม่

ห้องอาหารเช้าจะอยู่ติดกับริมทะเล ใกล้กับ Beach villa และ Sunset Bar



ที่นั่งมีทั้ง Outdoor และในห้องแอร์



โต๊ะ Outdoor บรรยากาศจะดีกว่าด้านใน เพราะว่ามองเห็นทะเลชัดเจน แต่อากาศก็จะร้อนกว่าด้านในห้องแอร์ครับ



บรรยากาศด้านในห้องแอร์ครับ



ไลน์อาหารเช้าของที่นี่มีไม่มากนัก เมื่อเที่ยบกับที่อื่นๆ ที่เคยไปพักมา อาจจะเป็นเพราะแขกส่วนใหญ่ของที่นี่กว่า 90% เป็นชาวต่างชาติก็เป็นได้



น้ำผลไม้ที่นี่อร่อยสุดๆ เพราะเป็นน้ำผลไม้ที่คั้นสดๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำส้ม แตงโม และสัปปะรด



ของหวานที่นี่มีโยเกิร์ต และฟรุ๊ตสลัดต่างๆ



ไลน์อาหารเช้าที่นี่มีเพียง ข้าวผัด ABF ขนมปัง ของหวานและผลไม้เท่านั้น

ไม่มีข้ามต้ม แพนเค้ก หรือว่าไอศครีมครับ

ถือว่าไม่เยอะ แต่ว่าของแต่ละอย่างมีคุณภาพมากๆ







ในช่วงทานอาหารเช้า ผมยังได้รับความประทับใจจากพนักงานที่นี่ด้วย

เพราะผมแกล้งถามพนักงานว่ามีมะม่วงสุกหรือเปล่า ทั้งๆ ที่เห็นอยู่ว่าในไลน์ไม่มี

แต่พนักงานเค้าก็ถามกลับมาว่าอยากทานหรือค่ะ

ผมก็บอกว่าไม่มีก็ไม่เป็นไรนะ

แต่ว่าพนักงานก็หายไปพร้อมกับ มะม่วงสุกที่จัดมาในจาน 1 ลูก

ประทับใจสุดๆ ครับ



ในห้องอาหารที่นี่ยังมีมุมสำหรับผู้ที่มาเป็นกรุ๊ปด้วย เป็นห้องส่วนตัวที่ตกแต่งด้วยภาพวาดแบบไทยๆ





เมื่ออิ่มแล้วก็เดินเล่นให้อาหารเช้ามันย่อยไปเรื่อยๆ ครับ

โดยที่ผมไม่ได้รบกวน Butler เพราะอยากสัมผัสบรรยากาศของที่นี่ให้มากที่สุดครับ

ทางเดินตรงกลางรีสอร์ท ออกแบบให้เป็นเนินเขาสีเขียวเล็กๆ ที่รายล้อมด้วยลำธารเล็กๆ ดูแล้วสดชื่นน่าเดินเล่นมากๆ



ทางเดินไปห้องพักมีทั้งหิน น้ำพุ และต้นไม้ ซึ่งออกแบบตามหลักฮวงจุ้ยครับ



ทริปนี้ผมใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในรีสอร์ท

ถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็คือ ทริปนี้ผมไม่ได้มาเที่ยวกระบี่ แต่ว่า

ผมมาเที่ยว Phulay Bay A Ritz-Carlton Reserve ต่างหากครับ



สำหรับที่นี่ผมได้รับทั้งความสุข ความสะบาย และได้พักผ่อนอย่างเต็มที่

ที่สำคัญผมได้รับความประทับใจกลับไปอย่างมากมายทีเดียว

แม้ว่าราคาที่นี่จะแพง แต่ผมกลับได้รับความรู้สึกคุ้มค่าเงินที่เสียไปมากๆ

ถ้ามีโอกาสผมอยากกลับมาใช้บริการที่นี่อีกแน่นอนครับ

หลังจากนั้นก็ได้เวลาเช็คเอ้าท์ ซึ่งพวกเราต้องออกจากที่นี่เวลา บ่ายโมง 45 นาที

เพื่อเดินทางไปยังสนามบิน

ผมต้องขอบคุณ คุณ Jacky Butler คนเก่งของพวกเรา ที่ต้อนรับผมได้อย่างอบอุ่น รวมทั้งสร้างความประทับใจให้แขกตัวเล็กๆ แบบพวกเราอย่างมากมายเลยครับ

มาเยือนครั้งหน้าผมคงต้องขอใช้บริการคุณ Jacky อีกแน่นอน



และเช่นเดียวกับตอนมาถึง

ทางผู้บริหารมาส่งผมขึ้นรถพร้อมทั้งรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยใจที่อยากให้บริการ

และพนักงานทุกๆ ที่นี่ ยิ้มแย้ม และอัธยาศัยดีสุด ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามแค่เจอพวกเราก็ไหว้และกล่าวคำว่าสวัสดีกันทุกคนครับ ^^

สุดท้ายถึงเวลาที่ต้องเดินทางกลับ ด้วยเจ้าขาวโอโม่คันเดิม



ทริปนี้เป็นทริปที่ผมประทับใจมากๆ แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าห้องพักจะสูง แต่ว่าการบริการ รวมทั้งการออกแบบ ความสะดวกสบาย และความสวยงาม กลับตอบแทนค่าใช้จ่ายที่เสียไปได้อย่างคุ้มค่ามากๆ ครับ




ตอนนี้ Eat and Travel Diary by ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง มี fan page เพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อครับ ถ้าใคร "ถูกใจ" blog นี้ ฝากช่วยกด "Like" กันนะครับ จะได้ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น ^_^
Click ข้างล่างได้เลยจ้า


click เพื่อเข้าสู่ facebook Eat and Travel Diary




 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2554
8 comments
Last Update : 24 กรกฎาคม 2554 22:38:50 น.
Counter : 11364 Pageviews.

 

สวยงามมีเสนห์ หรูหรา ไม่รู้จะหาคำจำกัดความว่าไงดี
เริ่ดสุดๆค่ะ....

 

โดย: Tick Juntavaro 25 กรกฎาคม 2554 15:18:01 น.  

 

สวยจัง ราคาคงไม่เบาแน่เลย อิจฉาอ่ะ

 

โดย: ampere_hua (ampere_hua ) 26 กรกฎาคม 2554 11:33:57 น.  

 

@ คุณ Tick Juntavaro - ครั้งแรกที่ก้าวเข้าไปที่นั่นก็คิดแบบนี้แหละครับ ชอบที่นี่มากๆ

@ คุณ ampere_hua - ราคาเอาเรื่องอยู่เหมือนกันครับ ถือว่านานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ที ได้ไปพักที่แบบนี้ ถือว่าคุ้มครับ

 

โดย: ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง 27 กรกฎาคม 2554 21:00:02 น.  

 

ขอบอกก่อนเลยว่า น่าอิจฉา สุดๆๆๆๆๆๆเลยคะ อยากจะไปบ้างจังแต่ว่าราคาห้องทำงานทั้งปีกันเลยสำหรับพจก้อย

 

โดย: พจก้อย (Power_Moji ) 28 กรกฎาคม 2554 17:20:34 น.  

 

@ คุณ พจก้อย (Power_Moji) - นานๆ ทีครับ ขอให้รางวัลตัวเองซะหน่อย

 

โดย: ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง 31 กรกฎาคม 2554 19:32:57 น.  

 

ที่พักที่พักสวย เเถมรูปถ่ายสงยมากๆเลยนะค่ะ ถ้ามีโอกาศเร็วนี้ๆ ขอเเนะนำเเพ็กเก็ตห้องพักแบบ Sea View ในราคาพิเศษ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ //www.metcoupon.com/chada โุนะค่ะ

 

โดย: ดา ด้า IP: 124.122.149.42 29 สิงหาคม 2554 12:17:06 น.  

 

ขอบคุณสำหรับ การแนะนำสถานที่นะครับ คุณ ดาด้า

 

โดย: ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง 29 สิงหาคม 2554 22:54:04 น.  

 

แวะมาชม ภาพสวยๆ รีสอร์ทดีๆ ดูแล้วอยากไปบ้างครับ

 

โดย: แซงค์ ชายคาตะวัน IP: 58.8.226.2 4 มกราคม 2555 13:16:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.