Bloggang.com : ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง : Huaplee Lazy Beach (หัวปลี เลซี่ บีช) @ ปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์

Huaplee Lazy Beach (หัวปลี เลซี่ บีช) @ ปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์

Huaplee Lazy Beach

ทริปนี้ขอพาไปเที่ยวทะเลกันอีกครั้ง และเป็นทะเลปราณบุรีที่เคยไปสัมผัสมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยเบื่อที่นี่ซักที

และที่ที่จะพาไปรู้จักในครั้งนี้เป็นรีสอร์ตที่น่ารักทั้งการตกแต่ง และการบริการ นั่นก็คือ "Huaplee Lazy Beach"

โดยหัวปลีฯ อยู่ริมทะเลปราณบุรี ซึ่งเลย Villa Maroc ไปเล็กน้อย

ทริปนี้เป็นทริปที่ทางปลาหมึกน้อย เค้าจัดขึ้นมาเพื่อพาพนักงานที่บริษัท ไปพักผ่อนประจำปี ซึ่งพนักงานออฟฟิศมีไม่มากครับ แค่ 3 คนเอง ดังนั้นเลยจองห้องพักที่นี่ไว้ 3 ห้อง มีสมาชิกร่วมทริปทั้งหมด ผู้ใหญ่ 7 คน และเด็กอีก 1 คนครับ (ในนี้มีพี่สาว พี่ชาย ที่แสนใจดี ไปร่วมทริปด้วยครับ)

มาถึงแล้วก็จัดการ Check in ทันที

พนักงานที่นี่บริการดีตั้งแต่จอดรถแล้วครับ โดยจะช่วยมายกกระเป๋า

รวมทั้งเสริฟ welcome drink ที่เป็นน้ำอัญชัน หอมเย็นสดชื่นทีเดียวครับ ที่สำคัญขอเบิ้ล ได้ด้วยครับ

ก่อนจะพาไปเข้าห้องพัก ขอแนะนำเจ้าบ้านที่แสนน่ารัก ที่คอยมาเทคแคร์ ตลอดระยะเวลาที่เข้าพักเลยครับ

ขอเริ่มที่ "ตลับ" ก่อน เจ้านี้น่ารักมากๆ แถมขี้เล่นอีกต่างหาก

และ "กระเบน" ชื่อน่ารักมากๆ ครับ

เจ้านี้ออกจะขี้อาย ไม่ค่อยเล่นกล้องเท่าไร แต่ตามเทคแคร์ตลอดเลยครับ น่ารักมากๆ

พาไปชมภาพมุมกว้างของที่นี่ก่อนนะครับ

บรรยากาศรอบๆ รีสอร์ต เงียบสงบ และเป็นส่วนตัวมากๆ ครับ

ครั้งนี้เราจองห้องพักกันไป 3 ห้อง คือ ห้องฟังคลื่น, ห้องแมงกะพรุน และ ห้องปลาดาว ครับ

ห้องแรกที่จะพาไปชมห้องฟังคลื่นก่อนครับ

การตกแต่งห้องพักที่นี่ เป็นแบบ สไตล์เมดิเตอร์เรเนียน โดยเน้นสีขาว และ สีน้ำเงินเป็นหลัก ดูแล้วเหมือนได้ไปพักที่กรีซเลยครับ

บ้านฟังคลื่น มีทั้งหมด 2 ห้องนอน ครับ น้องๆ พนักงานพักกันห้องนี้เลย พอดี ผู้ใหญ่ 3 เด็กอีก 1

มุมนี้เป็นมุมตรงห้องนั่งเล่น มี TV แบบ Ratro น่ารักดี แต่ว่าจอมันแค่ 14 นิ้วเองอ่ะ เล็กได้ใจจริงๆ

ประตูด้านซ้ายเป็นทางเข้าห้องนอนใหญ่ของบ้านหลังนี้

ห้องนอนใหญ่มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่ด้านยาวจะยาวกว่าด้านกว้างค่อนข้างเยอะ เตียงนอนจะอยู่ติดกับผนังด้านฝั่งทะเล ซึ่งตัวผนังเป็นกระจกใส มองเห็นทะเลได้ชัดเจนมากๆ และมีม่านกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวเวลานอนครับ

มุมนี้เป็นโต๊ะเขียนหนังสือ ครับ ด้านข้างมีตู้ไม้เก่าๆ อยู่ซึ่งผมคิดว่ามันไม่เข้ากับห้องนี้เท่าไรเลยนะ

ด้านข้างของโต๊ะหนังสือ เป็นห้องน้ำครับ

เข้ามาเห็นห้องน้ำของห้องนี้แล้วชอบมากๆ เลยครับ ตกแต่งได้น่ารักมากๆ

แม้ว่าห้องน้ำจะดูแคบๆ แต่ก็มีการจัดสรรพื้นที่ได้เป็นอย่างดี

โดยมีการแบ่งชักโครก กับ พื้นที่อาบน้ำอยู่คนละด้านกัน

ด้านพื้นที่อาบน้ำที่นี่เซ็กซี่เล็กน้อย เนื่องจากด้านบน เปิดโล่งไว้ดูดาวเวลาอาบน้ำตอนกลางคืนครับ

วกกลับมาดูที่เตียงนอนห้องนอนใหญ่อีกครั้ง

เข้าไปดูห้องนอนเล็กกันบ้างครับ ซึ่งห้องนี้เล็กจริงๆ ครับ

ด้านข้างเป็นห้องน้ำของห้องนอนเล็กครับ ห้องนี้แคบมากๆ แถมน่ากลัวเล็กน้อย ตรงที่ต้องก้าวลงไปด้านล่างห้องน้ำ ซึ่งมีระดับต่างกันค่อนข้างมาก ไม่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ และเด็กๆ ครับ

ด้านหน้าห้องพักมีเก้าอี้ชิงช้า และเปลชายหาดไว้ให้สาวๆ นั่งเม้าส์เล่นกันครับ

ที่บ้านหลังนี้สามารถขี้นไปนั่งเล่นดูดาวบนดาดฟ้าได้ด้วยนะครับ

หลังจากสำรวจห้องฟังคลื่นเสร็จแล้ว ก็ไปสำรวจอีก 2 ห้องที่เหลือครับ โดยเดินลัดสนามหญ้าตรงกลางไปเล็กน้อย

บ้านตรงส่วนนี้ แบ่งเป็นห้องพักทั้งหมด 3 ห้องครับ โดยด้านล่างจะมีห้องแมงกะพรุน กับห้องปลาหมึก ส่วนห้องปลาดาวจะอยู๋ด้านบน

ห้องนี้เป็นห้องปลาหมึกครับ อยู่ติดกับบันไดที่จะขึ้นไปห้องปลาดาวพอดี

ห้องปลาดาว น่าจะเป็นห้องที่คนชอบมากที่สุด เนืองจากอยู่ที่ชั้นสอง เป็นส่วนตัวมากๆ

รวมทั้งด้านหน้าห้องจะมีพื้นที่สำหรับสังสรรค์ และนั่งชมวิวทะเลได้ดีที่สุดในรีสอร์ทเลยครับ

และที่สำคัญผมชอบการตกแต่งของห้องนี้ที่สุดเลยครับ

ภายในห้องเน้นการตกแต่งด้วยสีน้ำเงิน ซึ่งทำให้ดูเย็นตา แล้วก็เข้ากับบรรยากาศทะเลเป็นที่สุด

โดยเตียงจะหันหน้าออกไปหาทะเลพอดี

ด้านมุมห้องจะมีโซฟาสีน้ำเงินไว้นั่งดู TV และฟังเสียงคลื่นได้อย่างสบายๆ เลยครับ

ส่วนเบาะสีน้ำเงินด้านล่าง ที่นี่เค้าให้มาปูนั่งเล่น ตรงระเบียงด้านนอกครับ

ส่วนห้องน้ำ เซ็กซี่กว่าห้องฟังคลื่นเยอะครับ เพราะด้านบน Open Air ทั้งหมด

จากนั้นลงไปห้องด่านล่างต่อครับ

ห้องนี้เป็นที่ชื่อว่า "แมงกะพรุน"

ห้องนี้เน้นการตกแต่งด้วยโทนสีเย็นเช่นเดียวกัน

โดยมี Day Bed ทรง Retro ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง

เดียงนอนสีขาว หันหน้าไปทางทะเลเช่นเดียวกันกับห้องปลาดาว

เข้าไปดูห้องน้ำกันครับ ไม่ได้ต่างจากด้านบนเท่าไร แต่ไม่ต้องนุ่งลมห่มฟ้าเหมือนด้านบน

อุปกรณ์ในห้องน้ำมีให้เหมือนรีสอร์ททั่วๆ ไปครับ

รวมทั้งมีข้าวเหนียวสังขยาให้หม่ำในห้องน้ำด้วย ล้อเล่นนะครับ ในห่อนั้นเป็นหมวกอาบน้ำครับ เข้าใจทำ packaging จัง

พาไปชมบรรยากาศรอบๆ รีสอร์ทอีกทีนะครับ

บรรยากาศที่นี่ค่อนข้างร่มรื่นทีเดียวครับ มีต้นไม้สูงใหญ่ และไม้ประดับมากมาย รวมทั้งมีดอกไม้สวยๆ ให้ชื่นใจรอบๆ รีสอร์ทเลยครับ

โดยเฉพาะทำเลที่ตั้ง ซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับทะเลมากๆ รวมทั้งมีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง

ช่วงบ่ายๆ แดดร่มๆ มุมนี้เป็นมุมประจำของผมเลยครับ

โดยเฉพาะมุมนี้ เหมาะสำหรับการนั่งชิลๆ ฟังเสียงคลื่นได้เป็นอย่างดี

พระอาทิตย์เริ่มที่จะลากลับไปพักผ่อนแล้วสิครับ

ช่วงเย็นๆ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศเลยสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ มาจิบเล่นริมทะเล ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้เป็นอย่างดีเลยครับ

รวมทั้งเค้กส้มชิ้นนี้ด้วย

บรรยากาศตอนพระอาทิตย์ตกที่นี่ทำให้เวลาเหมือนหยุดหมุนไปชั่วขณะทีเดียว

หลังจากที่มื้อเย็นเราออกไปหาอะไรทานข้างนอก จนมืดก็ได้เวลากลับที่พักอีกครั้ง

โดยเราขึ้นไปนั่งชมวิวทะเลสวย พร้อมแสงไฟจากเรือตกหมีกที่เปรียบได้เหมือนเป็นแสงดาวอยู่กลางทะเล

หลังจากนั้นค่ำคืนแห่งความสุขก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ได้เวลาเช้าวันใหม่อีกครั้ง เสียดายที่ฟ้าปิดเลยไม่ได้ชมภาพพระอาทิตย์ขึ้นได้เลยครับ

เช้าๆ แบบนี้การที่ได้มาเดินเล่นที่ชายหาด ถือว่าเป็นการชาร์จแบตให้กับร่างกายได้เต็มที่เลยครับ

เดินเล่นได้ซักพัก ก็ได้เวลาอาหารเช้าครับ

ที่นี่เป็นรีสอร์ท สไตล์ Bed & Breakfast โดยมีอาหารเช้าให้เลือก 3 แบบครับ

ซึ่งสามารถเลือกทานได้ทั้งในห้องของตัวเอง หรือมาทานตรง Lobby ซึ่งใช้เป็นห้องอาหารด้วยครับ

ซึ่งเราเลือกทานที่ lobby ครับ เพราะชอบการตกแต่งที่นี่เหมือนกัน

ทำได้อย่างน่ารัก และที่ชอบอีกอย่างคือ มีดอกไม้ให้เห็นในทุกๆ มุมของรีสอร์ท ซึ่งช่วยสร้างความสดชื่นให้กับผู้ที่มาพักได้เป็นอย่างดีครับ

ที่นั่งมีให้เลือกหลายมุมครับ

สำหรับอาหารเช้าผมเลือกแบบไทยๆ ส่วนเครื่องดื่มเลือกเป็นกาแฟร้อน

แต่ปลาหมึกน้อยเค้าเลือกชาร้อนครับ แก้วกับกาน้ำชา ที่เสริฟมาให้จัดมาได้อย่างน่ารักทีเดียวครับ

นอกจากความน่ารักของกาน้ำชาแล้ว น้ำตาลทรายแดงเค้ายังใส่มาในเปลือกหอย ซึ่งเพิ่มความน่ารักของเครื่องดื่มแก้วโปรดในเช้านี้ได้เป็นอย่างดี

ข้าวต้มกุ้งในเมนูอาหารเช้าแบบไทยๆ รสชาติดีจนอยากเบิ้ล แต่เสียดายที่นี่ให้ได้แค่ชามเดียวครับ

ส่วนปลาหมึกน้อยเลือกแบบอเมริกันครับ

อาหารเช้าที่นี่อาจจะไม่เยอะเหมือนกับที่อื่นๆ แต่ก็ทำให้มื้อเช้าแบบนี้ อยู่ตัวได้สบายๆ ครับ

รสชาติอาหารก็ถือว่าดีทีเดียวครับ

จากนั้นก็เข้าไปนั่งเล่นที่ห้องแล้วก็เก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านครับ

โดยรวมแล้วผมชอบบรรยากาศที่นี่มากๆ

ที่พักน่ารัก เงียบสงบ และมีความเป็นส่วนตัวดีครับ ที่สำคัญสามารถนอนฟังเสียงคลื่นได้อย่างชัดเจนมากๆ

พนักงานบริการได้อย่างน่ารักทีเดียว รวมทั้งเจ้าบ้านที่น่ารักทั้ง 2 ตัวครับ

นอกจากบรรยากาศดีๆ และการบริการที่น่ารักแล้ว

ที่นี่มีการนำดอกไม้ที่ปลูกอยู่โดยรอบรีสอร์ท มาประดับเพิ่มความสดชื่นให้กับทุกๆ มุมในรีสอร์ทเลยครับ

ตอนนี้ Eat and Travel Diary by ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง มี fan page เพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อครับ ถ้าใคร "ถูกใจ" blog นี้ ฝากช่วยกด "Like" กันนะครับ จะได้ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น ^_^
Click ข้างล่างได้เลยจ้า