เรื่องกิน เรื่องเที่ยว คือเรื่องเดียวกัน และเป็นเรื่องราวของเราสองคน :)

ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 60 คน [?]




ปลาหมึกน้อย กับ นายโอเลี้ยง รายงานตัวครับ
เนื่องด้วยเราสองคนเป็นคนชอบเที่ยว ชอบกิน ดังนั้นก็เลยจัดการหาที่เก็บสถานที่หรือร้านอาหารที่เคยแวะเยี่ยมมาแล้ว

และเสมือนเป็น ไดอารี่ส่วนตัว ที่ทุกคนเข้าดูได้ อาจจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่ผ่านเข้ามาแล้วต้องการหาข้อมูลสำหรับสถานที่นั้นๆ

ขอให้สนุกกับ Blog นี้นะ

ตอนนี้ Eat and Travel Diary by ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง มี fan page เพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อครับ ถ้าใคร "ถูกใจ" blog นี้ ฝากช่วยกด "Like" กันนะครับ จะได้ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น ^_^

Click ข้างล่างได้เลยจ้า

click เพื่อเข้าสู่ facebook Eat and Travel Diary
New Comments
Group Blog
 
<<
กันยายน 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
21 กันยายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง's blog to your web]
Links
 

 
พักพิงอิงทาง บูติคโฮเท็ล สีสันบาดใจ แถมอยู่ใกล้กรุงเทพฯ นิดเดียวเอง

พักพิง อิงทาง บูติค โฮเทล (Pak Ping Ing Tang Boutique Hotel)



สืบเนื่องจากโครงการ Thailand Boutique Awards 2011 มีการประกวดโรงแรมประเภทบูติคโฮเทล ซึ่งผมได้รับโอกาสให้มารีวิว 1 ในหลายๆ โรงแรมที่ผ่านการคัดเลือกในรอบแรกมาได้ครับ

ซึ่งโรงแรมที่ผมไปสัมผัสมาอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพเลย ที่สำคัญอยู่ติดทางด่วนและศูนย์การค้าต่างๆ หลายแห่งทีเดียวครับ

พักพิงอิงทาง บูติคโฮเทล อยู่ที่ซอยงามวงศ์วาน 19 อยู่ติดกับทางด่วนพอดีเลยครับ

ถ้ามาจากนนทบุรี จะอยู่ก่อนถึงทางขึ้นทางด่วนนิดเดียวเองครับ



ที่นี่เป็น บูติคโฮเทล ขนาด 77 ห้อง บนอาคารสูงขนาด 7 ช้ั้น



ภายในมีที่จอดรถอยู่ใต้ตึก และข้างๆ ตึกครับ มี รปภ. ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นจึงมั่นใจในความปลอดภัยได้ครับ



การตกแต่งที่นี่ มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร โดยเน้นการตกแต่งสไตล์ดิบๆ ของปูนเปลือยตลอดตัวอาคาร ตัดกับการเล่นสีสันที่สดใสของกระจกสีแดง น้ำเงิน เหลือง เขียว เรียกได้ว่ามาครบแม่สีเลยก็ว่าได้



เข้าไปเช็คอินที่ lobby กันครับ



กลุ่มลูกค้าหลักของที่นี่น่าจะเป็นกลุ่มบริษัทที่มาสัมมนากันครับ เพราะที่นี่มีห้องประชุมสัมมนา 3 ห้องที่ชั้น 6 รวมทั้งห้องอาหารที่สามารถร้องคาราโอเกะได้ที่ชั้น 7 ครับ



ขนาดใน Lobby ยังไม่ทิ้ง Concept เลยครับ สีสันสดใสมากๆ



สำหรับคนที่ชอบโรงแรมขาวๆ สว่างๆ เรียบๆ อาจจะรู้สึกขัดใจกับสีสันของการตกแต่งที่นี่นะครับ



ห้องน้ำด้านข้าง Lobby ยังคงเน้นสีสันเช่นเดียวกันครับ



ขึ้นไปที่พักกันครับ ห้องพักที่นี่อยู่ที่ชั้น 2 - 5 ครับ



ห้องที่ผมพักอยู่ที่ชั้น 4 ที่นี่มีข้อดีตรงเรื่องการรักษาความปลอดภัยสำหรับแขกผู้มาพัก เพราะแต่ละชั้นจะต้องใช้ Keycard จากกุญแจห้องเพื่อเปิดเข้าไปยังชั้นที่เราพักอีกชั้นนึงครับ

รวมทั้งมีกล้องวงจรปิดอยู่พอสมควร



ห้องที่เราพักเป็นแบบ Standard ซึ่งเป็น Type ต่ำสุดของที่นี่ครับ

โดยห้องผมพักเบอร์ 407 ครับ ไปตามทางกันเลย



ทางเดินระหว่างชั้นออกโทนมืดๆ เล็กน้อย ครับ แต่มีกระจกสีสันสดใส เป็นจุดเด่นตัดกับปูนเปลือยๆ รอบๆ ตึก



ตอนกลางคืนระหว่างทางเดินยังมีเล่นไฟสีแดง กับป้ายห้องด้วยครับ



ก่อนอื่นก็พาเข้าไปดูด้านในห้องกันครับ



ห้องพักขนาดพื้นที่ 33.5 ตารางเมตร ที่พร้อมด้วยเตียงนอนขนาดใหญ่ 1 หลังและเล็ก 1 หลัง

การตกแต่งภายในเป็นแบบปูนเปลือยขัดมัน และตกแต่งด้วยสีสันโทนร้อน โดยเน้นสีแดงเป็นหลัก



ห้องที่ผมพักอยู่ทางฝั่งทางด่วนพอดีเลยครับ ซึ่งทำให้มีเสียงรถวิ่งลอดมาภายในห้องเหมือนกันครับ



มุมข้างเตียงมีโต๊ะนั่งเล่นกับพื้น รวมทั้งหมอนและโคมไฟสีสันสดใสเข้ากับบรรยากาศภายในห้องพอดี



มุมเล็กๆ มุมนี้ถูกใช้เป็นที่เล่น Notebook ในยามค่ำคืนสำหรับผมครับ



นอกจากนี้ยังมีมุมโต๊ะนั่งสำหรับเขียนหนังสือ ซึ่งมีปลั๊กสำหรับเสียบสายไฟอยู่ตรงนี้ด้วย



ไปสำรวจห้องน้ำกันครับ



ห้องน้ำที่นี่ขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็การแยกส่วนเปียกส่วนแห้งได้ดี

รวมทั้งมีเครื่องทำน้ำอุ่นและไดร์เป่าผมให้บริการด้วย



อุปกรณ์สำหรับอาบน้ำก็มีเตรียมไว้ให้ครบครันครับ



นอกจากนี้ ติดกับประตูทางเข้าห้อง ยังมีที่เปิดขวด Coke แบบคลาสสิคติดอยู่ด้วย น่ารักดีครับ



ข้อดึอีกอย่างของที่นี่คือมี อินเตอร์เน็ตฟรี ทั่วทั้งโรงแรม แต่ต้องขอ User กับ Password กับทาง Lobby เค้าครับ

แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน ตรงที่ภายในห้องไม่มีตู้เซฟ สำหรับเก็บสิ่งมีค่า เหมือนที่โรงแรมทั่วไปเค้ามีกัน ครับ



การตกแต่งทั้งในห้องพัก และภายนอกยังคงเน้นสไตล์ดิบๆ เหมือนกันครับ



เดี๋ยวจะพาไปชมห้องพักอีก Type ครับ ซึ่งอยู่ที่ชั้น 2 ดังนั้นเราเดินลงทางบันได แทนการลงลิฟท์ดีกว่าครับ จะได้ประหยัดพลังงานรวมทั้งได้ออกกำลังกายด้วย



ห้องนี้ Type นี้เรียกว่า "ห้องพักพิงสวีท" ครับ





ห้องนี้มีขนาด 52 ตารางเมตร โดยมีการกั้นเป็น 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นครับ



ห้องถูกกั้นด้วยผนังบางๆ มีการแยกห้องนอนเป็นสัดส่วน



ภายในห้องนอนไม่แตกต่างจากห้องแบบ Standard เท่าไรครับ คือ มีเตียงใหญ่ 1 เตียง และ เตียงเล็ก อีก 1 เตียงครับ ภายในตกแต่งด้วยสีโทนร้อนเช่นกัน



พื้นที่ห้องน้ำก็ไม่ได้แตกต่างกันมากครับ



แต่ที่ต่างคือมีเคาน์เตอร์บาร์แยกส่วนเคียงข้างด้วยโซฟาแยกส่วนสีสดผู้เข้าพักในห้องนี้จะได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น



หลังจากนั้นจะพาไปชมห้องพักที่แพงที่สุดของที่นี่ครับ อยู่ที่ชั้นล่างสุดแยกตัวออกมาจากตึกที่ผมพักอยู่



ห้องนี้เรียกว่า ห้อง "Pool Villa"

เป็นบ้านพัก 2 ชั้น

เปิดเข้ามาเจอกับสระว่ายน้ำส่วนตัว ขนาดที่ว่ายออกกำลังกายได้อย่างสบาย



สระว่ายน้ำของที่นี่มีเพียงที่ห้องนี้เท่านั้นครับ แขกที่มาพักห้อง Type ไม่สามารถเข้ามาเล่นได้



พื้นที่ใช้สอยทั้งหมดมีขนาด 100 ตารางเมตรครับ และห้องแบบนี้มีเพียงห้องเดียวเท่านั้น



ชั้นล่างเป็นพื้นที่นั่งเล่น หรือเรียกได้ว่าเป็นโซนเอ็นเตอร์เทน ได้เลยครับ



ห้องนี้พักได้ 4 คน แต่ผมว่ามาเป็นสิบยังได้เลยครับ

ด้านล่างมีโต๊ะอาหารขนาดใหญ่อยู่ด้วยครับ



ส่วนมุมนี้เป็นมุมบันเทิงครับ เหมาะสำหรับการร้องคาราโอเกะอย่างมาก



ด้านข้างยังมีห้องครัวทำหรับทำอาหารทานเอง ได้ด้วยครับ



ว่าแล้วพาไปสำรวจข้างบนกันบ้างครับ



ข้างบนเป็นห้องนอนครับ การตกแต่งใช้สีโทนร้อนเช่นกัน



ภายในห้องสามารถนอนได้ 4 คนครับ แต่ไม่มีการกั้นห้อง

ซึ่งเหมาะสำหรับการมาพักเป็นครอบครัวมากกว่าครับสำหรับห้องนี้



มุมที่ติดกับประตูมีโต๊ะเครื่องแป้ง พร้อมกับเก้าอี้สีแดงสด อยู่ข้างกับตู้เสื้อผ้าด้านข้าง



ส่วนด้านในห้องนอน เป็นห้องน้ำขนาดใหญ่ครับ



มีอ่างจากุซซี่ขนาดใหญ่ ส่วนตัว

แต่ติดที่ว่าห้องนี้ตอนกลางวันจะร้อนหน่อยครับ เพราะไม่มีแอร์ติดอยู่ จะมีพัดลมติดผนังด้านข้างเท่านั้น



ซึ่งห้องน้ำห้องนี้ถือว่ามีพื้นที่ใช้สอยเยอะมากๆ แต่ว่าไม่ได้มีการกั้นพื้นที่โถส้วม และส่วนอาบน้ำ ทำให้สามารถมองเห็นกันได้หมดเลยครับ



นอกจากนี้ยังมีตู้อบเซาน่าส่วนตัวด้วย ไฮโซสุดๆ คัรบ



ยังไม่หมดแค่นั้นครับ ด้านนอกห้องพักยังมีห้องฟิตเนสส่วนตัวอีกต่างหาก ซึ่งห้องอื่นไม่สามารถเข้ามาใช้ได้



ที่นี่ยังมีห้องพักอีกประเภทคือ ห้องสุพีเรีย ขนาดพื้นที่ 41 ตารางเมตร อีกแบบด้วยครับ แต่ไม่ได้เข้าไปดูเลยไม่ได้เก็บภาพมาฝากครับ

ว่าแล้วก็พาขึ้นลิฟท์ไปยังชั้น 7 เพื่อไปชมห้องอาหารซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นอีกอย่างของที่นี่ครับ



พาขึ้นไปชั้นดาดฟ้ากันก่อนครับ

ชั้นนี้เป็นพื้นที่ของ "Air Bar" เป็น roof top บาร์ที่มีชื่อเสียงของที่นี่ครับ



เสียดายที่ช่วงเย็นฝนตกตลอด เลยไม่ได้เก็บบรรยากาศแสงสวยของบาร์แห่งนี้ครับ

เลยพามาดูช่วงกลางวันแทน



บาร์ที่นี่เปิดตั้งแต่เวลา 6 โมงเย็นเป็นต้นไปครับ มีดนตรีสดมาเล่นให้ฟังด้วยครับ ท่าทางบรรยากาศคงดีสุดๆ



ตอนดึก ฝนหยุดแล้ว แอบขึ้นมาเก็บรูปเล็กน้อยครับ บรรยากาศตอนกลางคืน จะเปิดไฟสีสันสดใสตามโต๊ะ เสียดายที่วันนั้นฝนตก แขกเลยไม่เยอะเท่าไรครับ



และจุดเด่นมากๆ อีกจุดที่หลายๆ คนพูดถึง รวมทั้งตัวผมเองเวลาที่ขึ้นทางด่วนผ่านทีไรจะเห็น พญานาคพ่นน้ำ และวารีกุญชร (สัตว์ป่่าหิมพานต์ที่มีหัวเป็นช้าง และตัวเป็นปลาครับ) เด่นมากๆ ครับ ไม่เชื่อใครผ่านไปแถวนั้นลองสังเกตดูครับ





หลังจากนั้นย้อนลงมาที่ชั้น 7 อีกครั้งครับ

ซึ่งชั้นนี้จะเป็นห้องอาหารทั่วไปที่เปิดทั้งกลางวันและตอนเย็นครับ



ห้องอาหารที่ชั้นนี้ชื่อว่า "Step 7"



มีการแบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วนครับ พื้นที่ตรงนี้อยู่ติดกับบันได อยู่ทางฝั่งเดียวกับรูปปั้นพญานาคครับ



ส่วนพื้นที่ตรงกลางจะเป็นห้องกระจกติดแอร์ ใช้เป็นห้องอาหารสำหรับกรุ๊ปที่มาสัมมนา เพื่อการเป็นส่วนต้วของคณะครับ



ห้องนี้เต็มไปด้วยสีสันสดใสทั้งห้องเลย

ผมชอบไฟวิ่งด้านบนมากๆ มันดูพริ้วไหว และสีสันจัดจ้านมากๆ





ส่วนด้านในสุดที่ติดกับฝั่งวารีกุญชร ห้องนี้เป็นห้องที่ใช้รับประทานอาหารเช้าด้วยครับ



หลังจากพาไปสำรวจพื้นที่รอบๆ แล้วผมก็มาพักผ่อนที่ห้องพักครับ เพราะว่าฝนตกทำให้ไม่สามารถไปนั่งเล่นบนดาดฟ้าได้เลย



ห้องฝั่งที่ผมได้พักมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

ข้อดีคือ เห็นวิวทางด่วนได้ชัดเจน

ส่วนข้อเสีย คือเสียงรถจากทางด่วนก็จะเล็ดลอดเข้ามาในห้องพักเล็กน้อยครับ



หลังจากฝนเริ่มหยุดแล้ว แต่ก็เป็นเวลาดึกมากๆ

ผมก็ลงมาเดินเล่นด้านล่างอีกครั้ง

มุมนี้เป็นมุมทางขึ้นห้องพักในยามค่ำคืนครับ



Lobby ในยามดึกครับ



ระหว่างลงมาเดินเล่นด้านล่าง ผมก็ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ รปภ. ซึ่งทำงานอย่างขยันขันแข็งมากๆ

พี่เค้าบอกว่าที่นี่จะมีแขกจากภายนอกเข้ามาทานอาหารฟังดนตรีที่ห้อง Air Bar กันเยอะเกือบทุกวัน แต่วันนั้นฝนตก คนเลยไม่ค่อยเยอะมากนัก



สภาพตอนกลางคืน ทำให้เห็นสีสันสดใสของการตกแต่งที่นี่ได้ชัดเจนมากขึ้น จากไฟที่ลอดผ่านกระจกสีต่างๆ



จากนั้นผมก็ขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องครับ เตียงนอนที่นี่ไม่ถือว่านุ่มนักครับ เพราะเป็นที่นอนที่วางอยู่บนพื้นไม้แข็งๆ ทำให้อาจจะนอนไม่สบายเหมือนโรงแรม 5 ดาวทั่วไป



และแล้วก็มาถึงอาหารเช้าครับ

ที่นี่ต้องใช้คูปองในการทานอาหารเช้า นะครับ ดังนั้นก่อนไปทานอย่าลืมหยิบติดมือไปด้วยล่ะ

ไลน์อาหารที่นี่มีไม่มากนัก ซึ่งจะมีไลน์เท่ากับกับที่เห็นในภาพครับ



ส่วนใหญ่จะมีข้ามต้มกุ้ย และข้าวสวย และกับข้าวสำหรับข้าวต้มตามที่เห็นครับ



นอกจากนี้ก็มี ผัดหมี่เหลือง ข้าวผัด ไข่ดาว แฮม ไส้กรอก กับข้าวอีก 2 อย่าง ขนมปังแผ่นปิ้งกับแยมและเนย และปิดท้ายด้วยผลไม้

ส่วนเครื่องดื่มก็มีน้ำเปล่า น้ำส้ม และกาแฟครับ



สรุปแล้ว

โรงแรมที่นี่มีกลุ่มลูกค้าหลักคือ บริษัทที่มาจัดสัมมนา เพราะว่ามีห้องประชุมรวมทั้งห้องคาราโอเกะ และห้องอาหารส่วนตัวสำหรับกรุ๊ปสัมมนา

รวมทั้งมีความโดดเด่นด้านการตกแต่งอย่างแตกต่างจากโรงแรมอื่น โดยใช้การตกแต่งด้วยปูนเปลือยขัดมันแบบดิบๆ กับสีสันโทนร้อนตลอดทั้งโรงแรม ซึ่งผมขอสรุปข้อดี และข้อเสียดังนี้ครับ

ข้อดี

1. ทำเลอยู่ใกล้กรุงเทพมากๆ และอยู่ติดทางด่วนการเดินทางสะดวกสบาย เข้าซอยไม่ลึก ที่สำคัญอยู่ใกล้ เดอะมอลล์งามวงศ์วาน ห้างพันทิปพลาซ๋า และเอสพลานาด

2. มี อินเตอร์เน็ตให้เล่นฟรีตลอด ทั่วทั้งโรงแรม

3. มีห้องอาหาร Roof top bar ซึ่งมีการตกแต่ง และวิวที่สวยงาม

4. มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี โดยมี รปภ.เฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งมีกล้องวงจรปิดหลายจุด และมี Keycard กั้นระหว่างชั้นที่เข้าพัก ทำให้แขกชั้นอื่นไม่สามารถเข้าไปได้

ข้อเสีย

1. ภายในห้องพักไม่มีตู้เซฟ สำหรับเก็บของมีค่า เหมือนกับโรงแรมอื่นๆ

2. สำหรับห้องพักที่อยู่ฝั่งทางด่วน จะได้ยินเสียงรถจากทางด่วนลอดเข้ามาในห้องพักเล็กน้อย

3. การตกแต่งภายในห้องใช้สีโทนร้อน ซึ่งสำหรับคนที่ต้องการไปพักผ่อนอย่างเดียว จะทำให้รู้สึกอึดอัด แต่สำหรับคนที่ชอบความแปลกใหม่ และสีสันสดใส คงชอบการตกแต่งแบบนี้










ตอนนี้ Eat and Travel Diary by ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง มี fan page เพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อครับ ถ้าใคร "ถูกใจ" blog นี้ ฝากช่วยกด "Like" กันนะครับ จะได้ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น ^_^
Click ข้างล่างได้เลยจ้า


click เพื่อเข้าสู่ facebook Eat and Travel Diary


Create Date : 21 กันยายน 2554
Last Update : 22 กันยายน 2554 21:15:41 น. 0 comments
Counter : 11308 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.