Bloggang.com : ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง : พระราชวังบางปะอิน @ อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

พระราชวังบางปะอิน @ อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

พระราชวังบางปะอิน

วันนี้ขอพาไปเที่ยวแบบ One Day Trip ซึ่งไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก ไปเช้าบ่ายๆ กลับได้สบายๆ ครับ

นั่นก็คือพระราชวังบางปะอินครับ ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลบ้านเลน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ที่นี่คิดค่าเข้าชมผู้ใหญ่ คนละ 30 บาท

ส่วนเด็กเล็ก เด็กนักเรียนและนักศึกษา (ต้องมีบัตรนักศีกษา) คิดคนละ 20 บาท

สำหรับชาวต่างชาติ คิดคนละ 100 บาทครับ

หลังจากชำระค่าเข้าชมแล้ว ทางพระราชวัง จะมีเอกสารอธิบายประวัติ แผนผังของพระราชวังให้ครับ

พระราชวังบางปะอิน นั้นเป็นที่ประทับแรมของพระมหากษัตริย์ หลายพระองค์ ดังนั้นการแต่งกายควรจะแต่งกายให้มิดชิด และสุภาพ

หากคนที่แต่งกายไม่สุภาพ ทางพระราชวังมีผ้าคลุมไว้ให้บริการ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น 2 คนนี้

พระราชวังบางปะอินสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง เนื่องจากเป็นที่ประสูติของพระองค์

พระราชวังบางปะอินอยู่ในความดูแลของสำนักพระราชวัง ดังนั้นจึงมีทหารคอยเดินตรวจตรา อยู่ตลอดเวลา

ทหารที่นี่ต้องยืนเฝ้าตลอด แม้ว่าฝนจะตก หรือ แดดจะออก

ก่อนเดินเข้าชมแวะสักการะศาลพระเจ้าปราสาททองก่อนครับ

ซึ่งหากเรียกอย่างเป็นทางการคือ หอเหมมณเฑียรเทวราช เป็นปรางค์ศิลา จำลองแบบจากปรางค์ขอม ภายในประดิษฐานเทวรูปสมมุติแทนพระองค์พระเจ้าปราสาททอง ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอก ริมสระใต้ต้นโพธิ์

ศาลอยู่ใต้ต้นโพธิ์ ซึ่งให้ความร่มเย็นได้เป็นอย่างดี

หลังจากนั้นก็เดินไปตามทางและไปเยี่ยมชมสถานที่ตามที่บอกไว้ในเอกสารแนะนำ

มุมสระน้ำที่มองเห็น พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ ตั้งเด่นอยู่กลางสระน้ำ

พื้นที่ของพระราชวังบางปะอินนั้น แบ่งออกเป็น 2 ส่วน

ซึ่งส่วนที่กำลังเข้าชมนี้เป็น เขตพระราชฐานชั้นนอก เป็นบริเวณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใช้สำหรับการออกมหาสมาคมหรือประกอบพระราชพิธีต่างๆ

พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ เป็นพระที่นั่งที่สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อฉลองการที่พระราชเทวีประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระนารายณ์ราชกุมาร

โดยพระราชทานนามว่า "พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์" ซึ่งหมายความว่า พระองค์ได้มีพระราชสมภพที่นี่ และได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน

พระที่นั่งแห่งนี้มีรูปแบบเป็นปฏิมากรรมแบบศาลาไทย ซึ่งมีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง

ไม่ไกลจากพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ คือ ประตูเทวราชครรไล

สถานที่แห่งนี้ด้านในถูกใช้ประโยชน์เป็นที่จำหน่ายเครื่องดื่มสำหรับนักท่องเที่ยว

หากผ่านประตูเทวราชครรไลเข้าไปแล้ว จะเข้าสู่เขตพระราชฐานชั้นใน

ซึ่งเป็นที่ประทับของของพระมหากษัตริย์ สมเด็จพระอัครมเหสี พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายใน และข้าบาทบริจาริกา

เข้าสู่เขตพระราชฐานชั้นใน ก็จะมาพบกับ พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร เป็นพระที่นั่งองค์ประธานของพระราชวังบางปะอิน

ปัจจุบัน พระที่นั่งองค์นี้ไม่เปิดให้นั่งท่องเที่ยวเข้าชม

บริเวณรอบๆ พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร จะมีรูปปั้นสไตล์โรมัน อยู่รายรอบ

จากมุมนี้จะมองเห็น หอวิฑูรทัศนา สูงเด่นอยู่แต่ไกล

เป้าหมายต่อไป ยังอยู่ภายในเขตพระราชฐานชั้นใน นั่นคือ หอวิฑูรทัศนา สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 5 เพื่อใช้เป็นที่ทอดพระเนตรโขลงช้างป่า

และภูมิประเทศโดยรอบพระราชวัง เป็นหอสูง 3 ชั้น ทาสีเหลืองสลับแดง

หอแห่งนี้นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปเยี่ยมชมบรรยากาศรอบๆ พระราชวังได้

ทางขึ้นหอแห่งนี้เป็นบันไดวน ซึ่งมีช่องทางที่แคบ ดังนั้นขึ้นลงควรใช้ความระมัดระวัง และหลีกทางให้เดินสวนกันสำหรับขึ้นลงได้

หากขึ้นมาสู่ข้างบนแล้วสามารถมองเห็นบรรยากาศที่สวยงามรอบๆ พระราชวังได้เป็นอย่างดี

ด้านล่างคือ พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร

ส่วนด้านขวาจะเป็น พระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ

ซึ่งเป็นเป้าหมายที่จะไปชมต่อไป

พระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ เป็นพระที่นั่งสองชั้น สถาปัตยกรรมแบบจีน

ชั้นล่างของพระที่นั่งเวหาศน์จำรูญนั้น ใช้เป็นห้องพระบรรทมพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งจะอยู่ทางทิศตะวันออกของพระที่นั่ง และใช้เป็นท้องพระโรง

ส่วนห้องชั้นบนของพระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ ประกอบด้วย 4 ห้องใหญ่ ได้แก่ ห้องบรรทมสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ห้องบรรทมพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ห้องทรงพระอักษร และห้องพระป้าย

ซึ่งไม่อนุญาตให้บันทึกภาพครับ จึงไม่มีภาพประกอบ

หลังจากนั้นก็เดินออกไปยังเขตพระราชฐานชั้นนอกอีกครั้ง

เพื่อไปชม พระที่นั่งวโรภาษพิมาน ซึ่งใช้เป็นที่เสด็จออกว่าราชการ และใช้เป็นที่ประทับ

เป็นตึก 2 ชั้น ศิลปะแบบคอรินเทียนออร์เดียน ปัจจุบัน พระที่นั่งองค์นี้ยังใช้เป็นที่ประทับแรมของพระบรมวงศ์เมื่อเสด็จแปรพระราชฐานมาประทับ ณ พระราชวังบางปะอิน

ซึ่งภายในไม่อนุญาตให้บันทึกภาพเช่นกัน

หลังจากนั้นก็เดินเล่นชมบรรยากาศรอบๆ อีกครั้ง ด้านในมีรูปปั้นที่สวยงามอยู่รายล้อม

สำหรับคนที่ยังไม่เคยเข้าชมที่นี่ ผมแนะนำให้เข้ามาชมกันครับ เพราะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ รวมทั้งยังมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม และควรค่าแก่การเรียนรู้เป็นอย่างยิ่ง

ที่สำคัญค่าเข้าชมไม่แพงสำหรับความสวยงามที่จะเข้าไปสัมผัสครับ