เรื่องกิน เรื่องเที่ยว คือเรื่องเดียวกัน และเป็นเรื่องราวของเราสองคน :)

ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 60 คน [?]




ปลาหมึกน้อย กับ นายโอเลี้ยง รายงานตัวครับ
เนื่องด้วยเราสองคนเป็นคนชอบเที่ยว ชอบกิน ดังนั้นก็เลยจัดการหาที่เก็บสถานที่หรือร้านอาหารที่เคยแวะเยี่ยมมาแล้ว

และเสมือนเป็น ไดอารี่ส่วนตัว ที่ทุกคนเข้าดูได้ อาจจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่ผ่านเข้ามาแล้วต้องการหาข้อมูลสำหรับสถานที่นั้นๆ

ขอให้สนุกกับ Blog นี้นะ

ตอนนี้ Eat and Travel Diary by ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง มี fan page เพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อครับ ถ้าใคร "ถูกใจ" blog นี้ ฝากช่วยกด "Like" กันนะครับ จะได้ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น ^_^

Click ข้างล่างได้เลยจ้า

click เพื่อเข้าสู่ facebook Eat and Travel Diary
New Comments
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
13 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง's blog to your web]
Links
 

 
อัมพวาพาเพลิน

ถ้าพูดถึงอัมพวา ผมเชื่อได้เลยว่าทุกคนน่าจะรู้จักกันดี แต่ว่าจะเคยไปหรือไม่นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง ด้วยความที่ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ มากๆ ใช้เวลาเดินแค่ชั่วโมงเดียวก็ถึง



และจะได้พบกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ตามไปชมหิ่งห้อย ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ให้ลูกหลานที่ไม่เคยเห็นหิ่งห้อยแบบใกล้ ๆ ได้สัมผัสกันครับ

ซึ่งแต่ละที่ก็มีความสวยงามน่ารักแตกต่างกันไปครับ

"ตลาดน้ำอัมพวา"

หากไปถึงอัมพวา ที่แรกที่ทุกคนคิดถึงคงหนีไม่พ้นตลาดน้ำอัมพวาครับ

ภาพตลาดน้ำที่เต็มไปด้วยเรือของพ่อค้าและแม่ค้า เป็นภาพที่เห็นจนชินตา สำหรับนักท่องเที่ยวที่แทรกตัวฝ่าคลื่นฝูงชนที่อยู่ในตลาดน้ำแห่งนี้



สินค้าทั้งย้อนยุค และร่วมสมัยหาได้ที่ตลาดแห่งนี้



ของกิน ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องดื่ม และผลไม้ มีให้เลือกชิมจนอิ่มเลยครับ



"โบสถ์ปรกโพธิ์"

เป็นอุโบสถหลังเดิมที่สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี จะถูกปกคลุมด้วยรากไม้ใหญ่ทั้งโพ ไทร ไกร และกร่าง มองจากภายนอกคิดว่าเป็นกลุ่มต้นไม้ใหญ่ มากกว่ามีโบสถ์อยู่ข้างใน รากไม้เหล่านี้ช่วยให้โบสถ์คงรูปอยู่ได้ ทั้งยังให้ความขรึมขลังอีกด้วย

ภายในมีพระพุทธรูปประดิษฐาน ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อโบสถ์น้อย (หลวงพ่อนิลมณี) และเรียกโบสถ์ว่า "โบสถ์ปรกโพธิ์" และมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง สมัยปลายกรุศรีอยุธยาเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ

ซึ่งโบสถ์แห่งนี้มีผู้คนนักท่องที่มาเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา แห่ไปสักการะขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นจำนวนมาก









"วัดอัมพวันเจติยาราม"

เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ตั้งอยู่ปากคลองอัมพวาด้านเหนือ เดิมเรียกกันว่า "วัดอัมพวา" ต่อมาพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานนามใหม่ว่า "วัดอัมพวันเจติยาราม" มีความหมายว่า "วัดที่มีเจดีย์และมีสวนมะม่วงเป็นที่รื่นรมย์และเกษมสำราญน่าเคารพบูชา"

วัดนี้เป็นวัดต้นวงศ์ราชินิกุล โดยสมเด็จพระรูปศิริโสภาคย์มหานาคนารี (สั้น) พระชนนีในสมเด็จพระอัมรินทรามาตย์ (นาก) ทรงบริจาคที่ดินและสมเด็จพระอัมรินทรามาตย์ได้ทรงรวบรวมพระพี่พระน้องรว่มกันสร้างเป็นวัดขึ้นมา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีการบูรณะใหญ่และทรงสร้างพระปรางค์ เป็นที่บรรจุพระบรมสรีรังคารและพระบรมอัฐิบางส่วนของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบรมราชชนก นอกจากนี้ยังทรงสร้างพระวิหารและพระที่นั่งทรงธรรมขึ้นอีกด้วย

วัดแห่งนี้อยู่ในบริเวณ อุทยาน ร.2 รวมทั้งอยู่ใกล้เคียงกับตลาดน้ำอัมพวาอีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นอีก 1 สถานที่ที่ไม่ควรพลาดในการไปเยือนครับ







"อาศนวิหารพระแม่บังเกิด"

สถานที่สุดท้ายเป็นโบสถ์คริสต์ที่สวยงาม ซึ่งในปี พ.ศ.2390 มีคริสตชนประมาณ 200 คน ได้ช่วยกันสร้างวัดขึ้นในที่ดินของ ฟรังซิสโก ไง้ เป็นเรือนไม้หลังคามุงจาก มีชื่อว่า "วัดศาลาแดง" หริอบางคนเรียกว่า "วัดรางยาว" ตามลักษณะของสีทาวัดและทำเลที่ตั้ง อยู่ริมคลองที่ชาวจีนขุดต่อกับแม่น้ำแม่กลองเพื่อนำน้ำมาทำสวนผัก ต่อมาได้ย้ายมาอยู่ที่ปากคลองบางนกแขวก ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงสั่งขุดเชื่อมระหว่างแม่น้ำแม่กลองกับแม่น้ำท่าจีน เป็นเส้นทางคมนาคมทางน้ำมุ่งไปสู่กรุงเทพฯ และได้สร้างวัดหลังใหม่ที่นั่น โดยมีชื่อว่า "แม่พระบังเกิด"

ปี พ.ศ. 2433 บาทหลวงเปาโลซัลมอน หรือที่ชาวบ้านเรียกท่านว่า "คุณพ่อเป่า" ได้เริ่มลงมือสร้างวัดหลังนี้ให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้น โดยได้รับทุนสนับสนุนจากญาติพี่น้องของท่านในฝรั่งเศส จากคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปรารีส จากกรุงโรม หาทุนในการสร้างจนแล้วเสร็จ ทำพิธีเสกและเปิดใช้อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2439 ส่วนวัสดุของวัดหลังเก่าได้ถูกนำไปสร้างไว้ที่คลองขวางล่าง โดยมีนามชื่อว่า "วัดพระแม่องค์อุปถัมภ์" หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "วัดใน"

ต่อมาในปี พ.ศ. 2537 สังฆมณฑลราชบุรี ได้ทำการบูรณะซ่อมแซมวัดครั้งใหญ่ เพื่อฉลองครบ 100 ปี ในปี 2539 ดังนั้นอาสนวิหารแห่งนี้ จึงเป็นวัดที่สวยงามและเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย











ดังนั้นหากผมคิดอยากจะพักผ่อน แต่ไม่ต้องการเดินทางไกล อัมพวาจะเป็นที่แรกๆ ที่ผุดขึ้นมาในหัวทันทีครับ เพราะว่าที่แห่งนี้มีทั้งวัฒนธรรมและความสวยงามเรียบง่าย ของชาวบ้านในพื้นที่ รวมทั้งมีมุมให้เลือกเก็บภาพสวยๆ มากมาย และที่สำคัญมีแหล่งของกินที่ชวนให้น้ำลายไหลหลายที่เลยครับ

แล้วคุณละครับ หากต้องการพักผ่อนซัก 2 วัน 1 คืน คุณเลือกที่จะไปเที่ยวที่ไหน เล่าสู่กันฟังได้นะครับ


ตอนนี้ Eat and Travel Diary by ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง มี fan page เพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อครับ ถ้าใคร "ถูกใจ" blog นี้ ฝากช่วยกด "Like" กันนะครับ จะได้ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น ^_^
Click ข้างล่างได้เลยจ้า


click เพื่อเข้าสู่ facebook Eat and Travel Diary




Create Date : 13 ตุลาคม 2554
Last Update : 13 ตุลาคม 2554 22:32:31 น. 3 comments
Counter : 3390 Pageviews.

 
สวัสดียามค่ำคืนค่ะ คุณปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง

ขอตามมาเที่ยว อัมพวาพาเพลิน ด้วยคนค่ะ

บรรยากาศ ดี เห็นแล้วคิดถึง อัมพวา จัง

คืนนี้นอนหลับฝันดีนะคะ


โดย: iamorange วันที่: 13 ตุลาคม 2554 เวลา:23:29:53 น.  

 


โดย: Kavanich96 วันที่: 14 ตุลาคม 2554 เวลา:7:51:59 น.  

 
@ คุณ iamorang : สวัสดีตอนเช้า หลังน้ำลดว่าจะแวะไปเที่ยวที่อัมพวาอีกทีเหมือนกันครับ คุณส้ม

@ คุณ Kavanich96 : ขอบคุณที่แวะมาทักทายครับ


โดย: ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง วันที่: 14 ตุลาคม 2554 เวลา:9:18:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.