การฝึกพิลาทิส
ก่อนจะบริหารร่างกายแบบพิลาทีส ผู้ฝึกควรเข้าใจหลักการ 8 ข้อต่อไปนี้ที่เป็นหัวใจของการฝึก ได้แก่ 1. Concentration การมีสมาธิจดจ่ออยู่กับท่าทางต่างๆ ที่จะต้องทำในแต่ละขั้นตอน เป็นการปิดกั้นความคิดอื่นๆ ที่หลงเข้ามาในสมอง
2. Breath หายใจเข้าให้ลึก และหายใจออกให้สุด โดยไม่กลั้นลมหายใจ แต่ใช้วิธีเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องเข้าช่วยบังคับให้ท้องแบนราบ ทั้งเวลาหายใจเข้าและออก นอกจากจะช่วยให้ได้ฝึกหายใจอย่างเต็มที่แล้ว ยังเป็นวิธีที่ช่วยฟิตหน้าท้องไปในตัวด้วย
3. Centering การรวมสมาธิไปที่จุดศูนย์กลางของร่างกายบริเวณหน้าท้อง การเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้อง เพื่อบังคับร่างกายให้ทำท่าบริหารทุกๆ ท่า ช่วยให้ร่างกายทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน
4. Control การบังคับให้ร่างกายทำงานต้านแรงโน้มถ่วงโลก เพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย ยิ่งเคลื่อนไหวร่างกายช้าๆ ต้านแรงโน้มถ่วงได้มากเท่าไหร่ ยิ่งได้ความแข็งแรงมากขึ้น
5. Precision การวางมือ เท้า หรือท่าทางเริ่มต้นในตำแหน่งที่ถูกต้อง จะช่วยควบคุมการเคลื่อนไหว และความต่อเนื่องของการบริหารได้ดี
6. Flowing Movement การเคลื่อนไหวจากท่าหนึ่งไปสู่อีกท่าหนึ่ง ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เหมือนวงล้อที่หมุนด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ตลอดระยะเวลาการเคลื่อนไหว
7. Isolation การฝึกพิลาทีสจะเป็นความท้าทายเฉพาะตัว ที่แต่ละคนจะมีไม่เท่ากัน แตกต่างกันไปคนละแบบ การศึกษาเทคนิคที่ถูกต้องจะช่วยให้ผู้ฝึกเรียนรู้โครงสร้างร่างกายของตนเอง และสามารถแยกการควบคุมการทำงานของกลุ่มกล้ามเนื้อในแต่ละส่วนได้ดียิ่งขึ้น
8. Routine การทำซ้ำๆ สม่ำเสมอ จะยิ่งเพิ่มระดับความเชี่ยวชาญให้กับผู้ฝึก จนสามารถพัฒนาไปสู่ท่าที่ยากขึ้นได้ในระยะเวลาไม่นาน
ผลดีจากการฝึกพิลาทีสอย่างสม่ำเสมอ การฝึกพิลาทีสเป็นประจำสม่ำเสมอติดต่อกันจะมีผลดีต่อ
สุขภาพ ร่างกาย ช่วยยืดกล้ามเนื้อ และสลายไขมัน ทำให้กล้ามเนื้อฟิตและเฟิร์มยิ่งขึ้นแล้ว ยังเป็นการฝึกใช้จิตใจช่วยควบคุมการทำงานของร่างกาย ฝึกการทำงานประสานกันของอวัยวะส่วนต่างๆ สร้างความสมดุล เพิ่มความกระฉับกระเฉง คล่องตัว ยืดหยุ่น ความแข็งแรง เสริมการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายทำให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยบริหารกระดูกสันหลัง พัฒนาบุคลิกภาพ การวางท่าทาง บรรเทาความปวดเมื่อย ฝึกการหายใจอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเครียด ทำให้จิตใจแจ่มใส และที่สำคัญพิลาทีสเป็นการออกกำลังกายที่ท้าทายผู้เล่น แต่ปลอดภัยสูง ลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ เพราะร่างกายได้ฝึกความยืดหยุ่นของร่างกายอยู่ตลอดเวลา
คนที่ฝึก พิลาทีสจะเห็นผลกับร่างกายได้ช้าหรือเร็วแตกต่างกันในแต่ละคน คนที่ฝึกได้ผลดีต้องทำเป็นประจำสม่ำเสมอ อย่างน้อยประมาณ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หากทำได้อย่างนี้แล้วก็จะเริ่มเห็นผลดีต่อร่างกายภายหลังการฝึกประมาณ 15-20 ครั้ง พิลาทีสจัดเป็นโปรแกรมการบริหารกล้ามเนื้อและกระดูกอย่างหนึ่ง ไม่ใช่การบริหารเพื่อการเต้นของหัวใจ ดังนั้นคนฝึกสามารถฝึกพิลาทีสควบคู่ไปการฝึกออกกำลังกายแบบแอโรบิค เช่น การเดิน เต้นแอโรบิค หรือว่ายน้ำ รวมทั้งหากในคนที่ต้องการ
ลดน้ำหนัก ด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งไม่ควรละเลยการรับประทานอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการด้วย
สำหรับ คนที่อยากฝึกพิลาทีส คงต้องเลือกสรรหาที่เรียนที่มีมาตรฐานน่าเชื่อถือ มีครูฝึกที่เชี่ยวชาญสอบผ่านมาตรฐานรับรองจากสถาบันฝึกสอนพิลาทีสโดยเฉพาะ ที่ตรวจสอบได้ และถ้าจะให้ดีก็ควรเลือกเรียนในชั้นเรียนที่มีคนน้อยๆ (ไม่ควรเกิน 10 คน / ชั้นเรียนท่าฝึกบนพื้นเบาะ หรือ 3 คน / ครูฝึก 1 คนสำหรับท่าที่ใช้เครื่องมือ) เพื่อให้ครูฝึกมีโอกาสดูแลได้อย่างทั่วถึง เพราะการปฏิบัติท่าทางต่างๆ หากทำไม่ถูกวิธีมีโอกาสทำให้ร่างกายเกิดการบาดเจ็บได้เหมือนกัน ทั้งนี้เพื่อประโยชน์กับ
สุขภาพ ของคุณเอง
ที่มา...
hpilates.blogspot