Group Blog
 
<<
มีนาคม 2560
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
5 มีนาคม 2560
 
All Blogs
 
วันที่สี่ในฮ่องกงคนเดียว ฝนเทกระหน่ำ หมดกันแผนการเดินเขากับหนุ่มฮ่องกงของช้าน

ใครยังไม่ได้อ่านตอนก่อน ๆ กลับไปอ่านก่อนนะค้า เพื่อความต่อเนื่อง เพราะหนุ่มวันที่สามคือหนุ่มคนที่เราเม้าเอาไว้ตั้งแต่บล็อคแรกถึงความเป็นมาเป็นไปละค่า



เครื่องลงฮ่องกงปุ๊บก็นัดบอดหนุ่มฮ่องกงมากินข้าวมื้อแรกด้วยกันเล้ย


วันที่สองในฮ่องกงคนเดียวกับการนัดบอดหนุ่มคนที่สอง


วันที่สามในฮ่องกงคนเดียวกับการเที่ยวกับหนุ่มฮ่องกงคนเดิมเพิ่มเติมด้วยผู้หญิงอีกคน



วันที่สี่ในฮ่องกงคนเดียว ฝนเทกระหน่ำ หมดกันแผนการเดินเขากับหนุ่มฮ่องกงของช้าน


วันที่ห้าในฮ่องกงคนเดียว กับการเดินลงเขาที่มืดและน่ากลัวที่สุดในชีวิต





เช้าวันเสาร์
ตื่นมาอย่างงัวเงียหลับ ๆ ตื่น ๆ เพราะเมื่อคืนนอนคนเดียวแต่ดันเป็นเตียงเดี่ยวสองเตียง
กลัวมีอีกตนมานอนเตียงข้าง ๆ คิดไปก็หลอนตัวเองอยู่ทั้งคืน ฮา ๆ
วันนี้ตื่นมาฝนก็ตกแต่เช้าเลย
หนุ่มที่นัดไว้ซะดิบดีว่าจะไปปีนเขาด้วยกันก็ดันมายกเลิกตั้งแต่เมื่อวาน
บอกว่าวันเสาร์พยากรณ์อากาศบอกว่าฝนตก ขอแคนเซิลนะ
แล้วไม่บอกว่าจะนัดกันวันไหนมั้ย
ก็เป็นอันเลิกคุยกะอีหนุ่มคนนี้ไปเลย
จริง ๆ เรานัดหนุ่มอีกคนวันเสาร์ แล้วพออีตานี่บอกว่านัดวันเสาร์
เราเลยเลื่อนหนุ่มคนนี้ไปวันอาทิตย์ แล้วมันดันเจือกมาแคนเซิลช้าน ทำเอาตารางชั้นรวนไปเลย
สรุปคือ วันเสาร์ ฝนตก โคดหนาวและไม่มีหนุ่ม อัลไลวะเนี่ย
ฝนตกทำตารางชั้นพังหมดเลย เหอ ๆ
แล้วจริงๆ นัดหนุ่มอีกคนวันอาทิตย์นะ เพราะมันบอกว่าไม่ว่างวันเสาร์
แล้วอยู่ดี ๆ ก็ติดต่อไม่ได้เลยตั้งแต่วันศุกร์ ส่งข้อความไปก็ไม่อ่าน วันเสาร์ส่งไปอีกก็ไม่อ่าน
จนวันเสาร์ค่ำ ๆ อ่ะอ่านแล้วบอกว่าโทษที ชั้นป่วย โอ๊ย วันอาทิตย์ชั้นก็รวนหมด
แทนที่วันเสาร์ อาทิตย์จะต้องมีหนุ่มไปเที่ยวเป็นเพื่อน เพราะทุกคนทำงานออฟฟิศ หยุดเสาร์ อาทิตย์
ดั๊น แผนรวน พังเละเทะไม่เป็นท่า ให้มันได้อย่างนี้
บทเรียนนี้สอนให้รู้ว่า อย่าไปหวังพึ่งผู้ชายมันเยอะ
บทมันจะรวนคนนึงแม่งรวนไปทั้งขบวน ฮ่วย



ตื่นมาก็สายโด่ง รีบลงไปเอาเสื้อกันหนาวที่ลืมไว้ที่อีกห้องเมื่อคืนก่อนแล้วได้คืนมา
เป็นอีกสาเหตุนึงที่ทำให้เรานอนไม่หลับ หลับ ๆ ตื่น ๆ เพราะกังวลว่า
สรุปแล้วไอ้เสื้อกันหนาวที่เรายืมพี่เค้ามาแล้วลืมไว้ใต้หมอนก่อนเช็คเอาท์เนี่ย จะมีแม่บ้านเก็บไว้ให้แล้วได้คืนมั้ย
คือจริง ๆ ถ้าเสื้อกันหนาวมันเป็นของเรา ๆ จะไม่กังวลเท่านั้นเลย
คือแบบว่า เออ ช่างแม่ง หายก็หายไป แต่นี่เป็นเสื้อกันหนาวขนแกะที่เรายืมเค้ามาอีกที มันเลยยิ่งกังวล
แต่สุดท้ายก็ได้คืนมา ดีใจมากมาย เป็นบทเรียนสำคัญให้ยิ่งเช็คแล้วเช็คอีกก่อนเช็คเอาท์สำหรับเราจริง ๆ
ขอบคุณ Homy Inn, North Point มา ณ ที่นี้ด้วยนะค้า (รูปจาก google)







ตื่นมาเช้านี้ฝนก็ตกเลยไม่รู้จะทำอะไร
นั่งหาผู้ชายแชทด้วยแล้วกัน
เพราะไปปีนเขาไหนก็ไม่ได้ ผู้ชายไม่มีให้นำทาง
ไม่อยากไปเอง แต่ลื่นตกเขาตาย หนาวด้วย
แชทไปแชทมา เฮ้ย มีผู้ชายแชทด้วยเว้ยเฮ้ย
เป็นหนุ่มสิงคโปร์ มาทำงานฮ่องกง พักอยู่โรงแรมแถวเราเนี่ยแหละ เดินไปแป๊บเดียวถึง
ผู้ชายก็นัดเจอล็อบบี้โรงแรมเลยจ้า แล้วเดี๋ยวค่อยไปหาไรกินกัน
จัดไปค่า อิชั้นมาคนเดียว ออกนอกประเทศ ผู้ชายชวนไปไหน ไปหมด
ถ้าอินี่หายตัวไป โดนฆ่าหมกศพที่ไหน ไม่มีใครรู้เลยนะเนี่ย มาคนเดียว ตัดสินใจอยู่คนเดียว ก๊าก ๆ
เอาน่า ผู้ชายประเทศเจริญแล้วมันจะฆ่าหมกศพชั้นทำไม คิดเอง เออเองเสร็จสรรพ
จัดการเช็คเอาร์โฮสเทลนี้ แล้วเดินไปอีกโฮสเทลนึง ซึ่งห่างกันแค่สถานีเดียวเท่านั้น
ดูจาก google map เฮ้ย มันใกล้กันด้วย ประมาณแค่ 500 เมตรเอง
ก็เลยเดินลากกระเป๋าไปในวันฟ้าหม่น ฝนพรำ หนาวจับใจไปหาผู้ชาย เอ้ย ไปเช็คอินโฮสเทลใหม่ (ซึ่งใกล้โรงแรมผู้ชาย) เอ๊ะยังไง เอะอะ ผู้ชายตล๊อด ก๊าก ๆ


โฮสเทลนี้ เราได้นอนเดี่ยว
มันมีชื่อว่า Yesinn @Fortress Hill ห้องพักเดี่ยวสีสันสดใส
(รูปของโฮสเทลถ่าย)






จองได้ตอนมีโปร ตกคืนละ 700 กว่าบาทได้
ลองคลิ๊กดูวันก่อนพักวันนึงนะ แม่งราคาขึ้นเป็นคืนละ 1700 ห้องเดียวกันเนี่ยแหละ
โหดมาก ใครมาฮ่องกงแล้วพักโฮสเทลนะ เป็นไปได้ จองโฮสเทลก่อนจองตั๋วเครื่องบินก็ดีนะ
เอาแบบที่มันยกเลิกได้ก็ได้ ราคาไม่โหด จองใกล้วัน ราคาโหดมาก
แล้วขอโทษ มันห่วยแตกมาก ขนาดได้พักคนเดียวนะ
วิวเป็นท่อน้ำทิ้งจ้า เหม็นด้วย เสียงดังด้วย ขนาดมีหน้าต่างตรงห้องน้ำเล็กนิดเดียวนะ
แบบว่าไม่เห็นเดือนไม่เห็นตะวันเลย ไม่รู้เลยว่าฝนตกหรือแดดออก เพราะเป็นท่อน้ำทิ้งแบบไม่มีแสงแดดหรือฝนหล่นถึงเลยจ้า
ขนาดพักชั้น 15 นะยังไม่มีวิวเลย
ห้องน้ำมองในรูปก็ดูดีนะ มาเห็นของจริงนี่แอบเก่ากว่าในรูปเยอะเลย
หลังจากพักเสร็จเค้าก็จะให้เขียนรีวิวนะ แต่ก็เขียนไม่ลงจริง ๆ
กลัวทางโฮสเทลเขียนมาด่าว่าราคานี้เอาไรมากมายยะ จบเลยนะ
เลยไม่อยากเปลืองอารมณ์และเวลาเขียนไป มาเขียนในบล็อคตัวเองดีกว่า อิอิ
ยิ่งห้องแชร์ 6-8 เตียงนะ แอบเข้าไปดู โหย แคบและอับมาก ไม่รู้อยู่กันได้ไง
เราว่าของสิงคโปร์แคบแล้วนะ เจอของจริงที่ฮ่องกงเล่นเอาขนลุกเลย
ดีนะได้จองห้องเดี่ยวตอนโปรในราคาห้องรวม 6-8 เตียง
ถ้าต้องจอง 6-8 เตียงนะ อย่าเอาเลย รูปก็ดูแคบแล้วนะ
ของจริงแคบและแออัดกว่าในรูป 10 เท่า ไม่รู้ซุกกันเข้าไปได้ยังไง












อ่ะ ต่อ
ไปถึงโฮสเทลนี้ตอนสิบโมงกว่า เค้ายังไม่ให้เช็คอินเลยฝากกระเป๋าไว้ก่อน
แล้วเราก็ไปหาผู้ชายกันเถอะ ก๊าก ๆ
ไปถึงโรงแรม City Garden Hotel ที่ผู้ชายอยู่
โอ้ว หรูหรา ทัวร์จีนเต็มพื้นที่ กว่าจะหากันเจอ หน้าอิชั้นก็ยิ่งกลมกลืนอยู่ในกรุ๊ปอยู่
เจอผู้ชายแล้วออกไปกินโจ๊กฮ่องกงกัน
ผู้ชายอายุน่าจะมากกว่าเราเกือบ 10 ปีได้นะ
เฮียแกมาทำงานสร้างโรงพยาบาลในฮ่องกง
โชคดีที่เฮียแกพูดกวางตุ้งได้ เลยสบายเลย
ก็บินไปบินมาอยู่เนี่ย สิงคโปร์ ฮ่องกง
อยู่ฮ่องกงเดือนสองเดือนก็กลับบ้านไปดูแลแม่อาทิตย์สองอาทิตย์ก็บินกลับมาฮ่องกงอีกละ
เบื่อนะ แต่ไม่รู้จะทำยังไง เบื่ออาหารฮ่องกง (แหมเฮีย อาหารที่สิงคโปร์ก็ไม่ได้ต่างกันเลยนะคะ อาจจะต่างถ้ามีอาหารมาเลย์กับอาหารแขกเพิ่มเข้ามาให้มันหลากหลาย แต่อาหารจีนก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละ)
เฮียก็สั่งโจ๊ะ สั่งก๋วยเตี๋ยวหลอด แล้วอะไรก็ไม่รู้แป้ง ๆ จำไม่ได้แล้วมาให้อีกอย่าง
นี่ล่ะน้า ข้อเสียของคนที่ไม่ชอบถ่ายรูปอาการ
บริโภคอะไรไปก็จำไม่ได้ จะเล่าให้ใครฟังก็อธิบายไม่ถูก
คือถ้ามีรูปก็จบไปละ แต่ก็นะ อินดี้อ่ะ ไม่ชอบคนถ่ายรูปอาหารก่อนกิน ดูน่ารำคาญ ตัวเองก็ต้องไม่ทำ ฮา ๆ
กินไปคุยไปบนโต๊ะกลม ที่ต้องแชร์กับชาวบ้าน
เป็นร้านท้องถิ่นบ้าน ๆ ตามสไตล์ที่เราอยากให้เค้าพามากินพอดี
นั่งคุยอยู่นานมาก ไม่ใช่อะไร ฝนมันเริ่มตกหนัก แล้วอากาศข้างนอกก็หนาว
ให้เดินออกไปข้างนอกตอนนี้ก็ไม่เดินนะ หนาว เลยนั่งคุยเรื่อยเปื่อยกะเฮียเป็นชั่วโมง 2 ชั่วโมงเลยในร้านนั้น
คนมากินร่วมโต๊ะกลมกินแล้วออกกันเปลี่ยนไปหลายหน้าแล้ว
อิตี๋หมวยต่างชาติ 2 คนนี้ก็ปักหลักเม้าไม่เลิก เหมือนโลกนี้มีแค่เรา 2 คน
แต่ในความเป็นจริงคือ กรูหนา กรูไม่อยากลุกออกไปไหน ณ ตอนนี้

คุยอะไร จำไม่ได้แล้ว แต่เฮียแกงงว่าทำไมรู้เรื่องสิงคโปร์เยอะจัง
รู้แม้กระทั่งเรื่องแต่งงาน เรื่องซื้อบ้านที่สิงคโปร์
แต่ก็ไม่ได้บอกเฮียไปหรอกนะว่าคุยกะหนุ่มสิงคโปร์อย่างต่ำครึ่งร้อยแล้วมั้ง ก๊าก ๆ
แต่คุยแล้วหาย ๆๆๆๆๆ หมดเลยนะ เพราะอยู่กันคนละประเทศ ไม่เห็นมีใครอยากลองเล่นรักทางไกลเลยซักคน จ๊าก
แล้วเฮียก็เดินมาส่งที่ใต้ดินตอนที่ฝนซาเกือบหยุดตกแล้ว
เฮียไม่ยอมไปวัดด้วย
เพราะเราบอกเฮียว่าเราจะไปวัดนางชี เฮียคงเบื่อวัด หรือเพราะฝนมันตก อากาศมันหนาวก็ไม่รู้
แต่ไม่ต้องรู้ก็ได้
เดี๋ยวนี้ยิ่งคุยกับผู้ชายเยอะ ยิ่งไม่ต้องหาเหตุผลว่าทำไมมันถึงหายไป
ทำไมมันทำอย่างนั้น ทำไมมันไม่ทำอย่างนี้
ปล่อยวาง คุยแล้วหาย ก็ช่างแม่ง ยังไม่เจอของจริง
แค่คิดว่า he’s just not that into you แค่นั้นจบ
ไม่ต้องคิดเผื่อ ไม่ต้องเข้าข้างตัวเอง ไม่ต้องดราม่า ไม่ต้องทำห่าอะไร
ใช้ชีวิตของเราให้เหมือนกันก่อนที่มีพวกมันจะเข้ามาคุย จบ. (พูดง่าย แต่เวลาทำแม่ง ต้องฝึกจิตข้ามขั้นเลยนะยูว์...)




แล้วเราก็นั่งใต้ดินไปวัดนางชี 1 ในสถานที่ ๆ อยู่ในลิสเรา
เออ ทริปฮ่องกงเรา ทำอยู่ 2 อย่างนะ คือไปปีนเขากะเข้าวัด
วันไหนอากาศดีก็ไปปีนเขา อากาศไม่ดีอย่างวันนี้ก็ไปเข้าวัด


วันนี้เราก็ไม่ได้ดูพยากรณ์อากาศเลยว่าพายุเข้า ฝนตกฟ้าคะนองทั้งวัน
เพราะวันสองวันแรกที่มาก็ดูพยากรณ์อยู่นะ
บอกว่าฝนตก แต่จริง ๆ ไม่เจอฝนเลย แดดออกเปรี้ยงก็เลยเลิกเชื่อ แล้วก็เอาร่มเก็บไม่ได้เอาติดตัวเพราะมันหนัก
วัน ๆ แบกน้ำ 2 ขวดไปกินทั้งวันก็หนักจะแย่แล้ว
แถมพวกเสื้อหนาวและผ้าพันคอหนา ๆ ก็ไม่ได้ติดตัวมา เพราะไม่คิดว่ามันจะหนาว
ก็เลยเสร็จเลย วันนี้ฝนตกทั้งวันแถมหนาวด้วย
แล้ววันนี้อิป้านี่ยังกระแดะมาวัดซึ่งอยู่บนเขา


ก็นั่งใต้ดินไปสถานี Diamond Hill
ขึ้นจากสถานี โอ้โห มี uniqlo ใหญ่มากตรงด้านบนซึ่งเป็นห้างใหญ่

Image Hosted by PicturePush


คือแบบว่า
ไม่รู้ว่าใหญ่ขนาดไหน แต่ไปเมืองนอกคนเดียวทริปไหนไม่เคยเข้าห้างเลยไง
อยู่แต่ป่า แต่สวนหรือทะเลสาป
เวลาเห็นห้างโดยบังเอิญแล้วจะแอบตื่นเต้นตกใจ เพราะไม่ได้อยู่ในแผนที่จะไปเที่ยว ฮา ๆ
ระหว่างนั้น ฝนก็ยังตกไม่เลิก ตกหนักขึ้นอีกด้วย
เลยไปเข้าห้องน้ำแล้วเดินดูรอบ ๆ ห้างแป๊บนึง

Image Hosted by PicturePush

ด้วยความที่เราไปถึงก็บ่าย 3 ครึ่งแล้วมั้ง
แล้วจำไม่ได้ว่าวัดนางชีจะปิดบ่าย 4 โมงหรืออะไรเนี่ยแหละ
ฝนก็ยังตก แต่เริ่มซานิดนึง
เอาวะ เห็นวัดลิบ ๆ ไม่ไกลจากสถานีเท่าไหร่ก็เลยวิ่งฝ่าฝนไป
กลัววัดปิดแล้วเหมือนวันนี้ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย
ตอนวิ่งฝ่าฝนไปเนี่ย ฝนก็ตกไม่หนักเท่าไหร่นะ แต่ตัวก็ชื้น ๆ แล้วมันก็หนาว
พอไปถึงวัด โชคดีมาก วัดยังไม่ปิด แล้วฝกก็เริ่มห่างเม็ด
มีเวลาได้เดินดูรอบวัด ได้ไหว้พระอยู่แป๊บนึง


Image Hosted by PicturePush


Image Hosted by PicturePush


เห็นกลุ่มผู้หญิงใส่เสื้อหนาวสีทึม ๆ ยืนถ่ายรูปกลางแจ้งหน้าวัดกับฝนตกปรอย ๆ บวกอากาศหนาว
ถ่ายประมาณ 30 ช็อตในที่เดิม
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นคนไทย ฮา ๆ
คือแบบว่า เพื่อนนางถ่ายให้ นางวิ่งไปดูรูป ไม่สวย วิ่งกลับไปแอ็คท่าแบบเดิม วิ่งกลับไปดูรูปแล้วกลับมาโพสใหม่
ทำอย่างนี้กลับไปกลับมาจนเราจำไม่ได้
ไอ้เราก็ไม่มีอะไรทำนะ ยืนมองเค้าวิ่งกลับไปกลับมาอยู่ด๊าย
จริง ๆ อยากจะกลับแล้วนะ
แต่ฝนยังตกพรำ ๆ เลยกะรอฝนหยุดแล้วค่อยกลับทีเดียว
เพราะเสื้อผ้ายังชื้นอยู่เลย ไม่อยากให้มันเปียกมากขึ้น
เพราะแค่นี้ก็หนาวจะแย่ ใส่มาแต่เสื้อกันหนาวผ้าสำลีตัวบาง
อุปกรณ์ต่อสู้กับความหนาวแทบไม่มีเลย
แถมกางเกงยืนวันนี้ดันใส่กางเกงขาดอีกต่างหาก
เป็นไงล่ะคะ สนานเลยทีเดียว แทบจะแข็ง



Image Hosted by PicturePush


แต่จริงแล้ว เราคิดผิดมากที่ยืนรอฝนหยุด
เพราะยิ่งนานเข้า ฝนยิ่งลงหนัก
ไม่พอ มันมาพร้อมลมกรรโชกแรงมากกกกกกก
ผู้คนมารวมตัวกันหน้าประตูวัด เพราะ 4 โมงครึ่งวัดปิดจ้า
ขนาดคนที่มีร่ม ยังไปไม่ได้เลย เพราะฝนก็ตกหนัก ลมก็พัดแรง
กางร่มไปก็เปียกอยู่ดี
คิดผิดจริง ๆ ที่อยู่แล้ว
แล้วคิดดูสิ เราไม่มีที่กันลมได้เลย
เพราะวัดไม่ได้มีที่ปิดทึบกันหนาวเลยแม้แต่น้อย
เป็นช่องลมให้ลมผ่านทั้งวัด แล้ววัดเป็นวัดกลางแจ้ง
แถมอยู่บนเขานิดนึง ฝนก็สาดทุกช่องลม แถมลมก็พัดแรง หนาวจับใจ
หนาวจนอยากจะบอกทุกคนให้เรามารวมกอดกันได้มั้ย ขอไออุ่นใกล้ ๆ กันหน่อย
หนาวเหลือเกิน มือเท้าแข็งไปหมดแล้ว
แถมมาคนเดียวอีก หนาวกายไม่พอ หนาวใจด้วย ฮิ้ว...... (เสี่ยวได้อี๊ก)


Image Hosted by PicturePush

เรารออยู่เป็นคนสุดท้ายที่ออกจากวัดเลย
เพราะมันหนาวมากจริง ๆ แล้วฝนก็ไม่ยอมหยุดตก ลมไม่ยอมหยุดพัด
ทำได้เพียงเอาตัวซุกซอกประตูใหญ่ แต่ก็ไม่พ้นลมแรงที่พัดผ่านช่องลมมาจากทุกทิศทุกทาง
ไม่มีทางหนีได้เลย (ชั้นเลยต้องเอ่ยปาก บอกรักเธอ รักเธอมานานแสนนาน <<< ไม่ใช่ละ หนาวจนเพ้อ)
เลยต้องยืนซุกหน้าซุกตัวอยู่ตรงนั้นอย่างไม่รู้จะทำอะไร มือถือก็เล่นไม่ได้เพราะแบตจะหมด powerbank ก็เจ๊ง
ต้องยืน ๆ เต้น ๆ ให้หายหนาว เราคิดว่าเรายืนอยู่เป็นชั่วโมงนะ
จนสุดท้าย เห็นฝนเริ่มซานิดนึง ต้องตัดสินใจรีบวิ่งออกมา
เพราะมีอยู่ช่วงนึง ฝนเริ่มซา ก็คิดว่ายืนอีกแป๊บนึงเดี๋ยวคงหยุด
แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย ฝนเริ่มซา แล้วมันก็เริ่มกลับมาแรงใหม่อีก พร้อมลมกรรโชกกลับมาแรงอีกรอบ
โห แทบจะล้มทั้งยืน


Image Hosted by PicturePush

พอฝนเริ่มซารอบ 2 หลังจากเวลาผ่านเป็นชั่วโมง
เราเลยตัดสินใจวิ่งออกมา เพราะมันเริ่มจะเย็นและมืดแล้ว เดี๋ยวรอกว่านี้ ตกหนักกว่าเดิมแล้วมืดกว่าเดิมจะยิ่งแย่
อยากไปดูสวน ไฮไลท์อีกที่ของที่นี่
ทำได้เพียงรีบหยุดแล้วถ่ายรูปเก็บไว้แล้ว แล้วรีบวิ่งกลับใต้ดินอย่างระมัดระวัง เพราะร้องเท้าผ้าใบมันลื่น


Image Hosted by PicturePush



วันนี้เป็นวันที่เซ็งที่สุดในทริปเลย เหมือนไม่ได้เที่ยวไหนเลย
แต่เราก็ยังทำได้จริง ๆ ในทริปที่เราบอกตัวเองในทริปฮ่องกงว่า
ชั้นจะเปลี่ยนหนุ่มทุกวัน
ตั้งแต่วันพุธถึงวันเสาร์ ก็ยังทำได้นะ
จริง ๆ คืนวันพุธยังไม่เริ่มนับนะว่าจะต้องได้หนุ่ม เพราะถึงฮ่องกงก็ดึกแล้ว
แต่คุยกับหนุ่มคนนึง มันดั๊นไวไฟ
บอกว่ามาเจอเลย
มันก็มาเจอจริง ๆ ภายใน 1 ชั่วโมง จากการคุยกันไม่กี่ประโยค
ก็ถือว่าเกินความคาดหมายจริง ๆ (ใครยังไม่ได้อ่านตั้งแต่ตอนแรก กลับไปอ่านนะแจ๊ะว่าหนุ่มแต่ละคน แต่ละวันอิป้าเป็นอย่างไร อิอิ)

หลังจากวิ่งกลับมาห้าง
เราโคดหนาว
เลยเข้าไปเดินใน uniqlo แก้หนาว
ตอนแรกคิดว่าเค้าจะเปิดฮีตเตอร์
แต่เปล่าเลย คิดว่าฮ่องกงไม่มีฮีตเตอร์นะ
เข้าไปก็เย็นน้อยกว่าข้างนอก
เพราะเค้าไม่เปิดแอร์
มันก็ดีที่มันไม่หนาว แต่มันอับ!!!
กลิ่นในช้อป อับมากกกกกกกกกกก
เดินได้ไม่นานก็ต้องรีบเดินออกมาแล้วเข้าไปเดินวนอยู่ในห้าง
ซึ่งคนก็จะเยอะไปไหน
อย่างว่า ห้างนี้มันต่อจากใต้ดินเลย มาเดินแล้วไม่หนาว ตัวก็ไม่เปียก
รู้สึกว่าคนฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น จะมีวัฒนธรรมออกมาเดินห้าง ออกจากบ้านกันนะ
เพราะความที่คนส่วนใหญ่ของประเทศเค้าอยู่ในห้องแคบ ๆ
เวลามีวันหยุดเลยอยากออกมาสูดอากาศข้างนอก มากว่าอุดอู้อยู่ในห้องแคบ ๆ


เราก็เดินห้างอย่างเซ็ง ๆ
ห้างที่นี่ เดินไปเดินมา แม่งเล็กว่ะ
ก็ไอ้ห้างเดิมเมื่อตอนขึ้นมาตอนแรกนั่นแหละนะ
แต่อารมณ์มันเปลี่ยน อะไรมันก็เปลี่ยน ฮา ๆ


Image Hosted by PicturePush



เดิน 3 รอบ ใช้เวลาแป๊บเดียว ร้านข้าวแต่ละร้านก็เล็กจุง
เล็กว่าเซ็นทรัลในเมืองที่แพง ๆ บ้านเราซะอีก นี่ไม่ได้เทียบกับพวกเซ็นทรัลนอกเมืองที่ดินถูกกว่านะเนี่ย
ว่าแล้วก็เดินหาที่นั่งดีกว่า
ที่นั่งในห้างในฮ่องกงนั้น หายากยิ่งกว่าทอง
พอหาเจอก็มีคนนั่งติดกันเต็ม ไม่สามารถแทรกตัวเองเข้าไปได้เลย
ทำให้ต้องเดินห้างแก้ยืนรอเมื่อยมันหลายรอบหน่อย


Image Hosted by PicturePush


พอได้ที่นั่งพัก
จะให้ทำอะไรล่ะ
ก็หาหนุ่มสำหรับวันพรุ่งนี้ไง
ตอนแรกก่อนที่ตารางจะรวนก็มีซะดิบดีแล้วนะ
พอคนนึงแคนเซิลวันเสาร์ อีกคนก็ไม่ว่างสลับวันจากอาทิตย์เป็นเสาร์
อีกคนก็ติดต่อไม่ได้แล้วสุดท้ายมาบอกว่าป่วยขอแคนเซิลของวันอาทิตย์
ทำให้สับสนวุ่นวาย
เอาวะ ลองถามหนุ่มที่ก่อนบินมานี่
เรานัดเค้าวันอาทิตย์ซะดิบดี
แล้วมาขอเลื่อนเป็นวันเสาร์แทน แต่เค้าไม่ว่าง
ลองส่งข้อความขอความช่วยเหลือเรื่องที่จะไป The peak แล้วเดินป่าไปอ่างเก็บน้ำดูดีกว่า
อย่างน้อยไม่ได้ตัวเค้านำทาง ก็ขอทางเดินป่าวอย่างละเอียดก็ยังดี
แต่ก็แอบง้อหน่อย ๆ ว่า เออยู โทษนะที่เลื่อนจากวันอาทิตย์แล้วมาวันเสาร์ แล้วขอกลับไปวันอาทิตย์ได้มั้ย
พรุ่งนี้ยูมีอะไรทำมาแทนนัดชั้นแล้วเหรอ
ฮีก็ใจอ่อนบอกว่า อืม เจอก็ได้ แต่ชั้นขอไปทำธุระครึ่งวันเช้าก่อนนะ
เดี๋ยวถ้าทำธุระเสร็จจะส่งข้อความบอก
แฮ่ เสร็จโจร รอดตัว บรรลุเป้าหมายเจอหนุ่มทุกวันไปอีก 1 วัน

กลับมาที่วันเสาร์เย็นต่อ
หลังจากหลอกหนุ่มให้ใจอ่อนพาเที่ยววันพรุ่งนี้ได้สำเร็จ
เราก็นั่งใต้ดินไปเดินอีกห้างนึง ทั้ง ๆ ที่ใจน่ะไม่อยากเดินห้างเลย
แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรได้ดีกว่าเดินห้าง
เพราะกิจกรรมที่อยากทำ เดินป่า เข้าวัดมันทำไม่ได้ตอนค่ำวันฝนตกแบบนี้



Image Hosted by PicturePush



เลยนั่งใต้ดินไป Causeway Bay แหล่งรวมสารพัดห้างติด ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กัน
ไม่รู้มีแม่งกี่ห้างติดกันอยู่ในนั้น
เดินอย่างเซ็ง ไม่ได้อยากมาช้อป ไม่มีตังช้อปด้วย
แต่ละอย่างก็แพงเกิ๊น
เครื่องสำอางที่นั่งจัดชุดเซล ก็ยังรู้สึกว่าแพง
น้ำหอมที่ว่าเซล ก็ยังแพง
แถมพนักงานขายก็ไม่ค่อยสนใจ
บอกราคาแล้วพอเราถามหรือคำนวณเป็นเงินบาท เค้าก็หันหลังไปบริการลูกค้าคนอื่นทันที
คือคนบ้านเมืองเค้ารีบไปหมดจริง ๆ
รีบจะขาย รีบจะปิดการขาย ถ้าเรายืนคิด เค้าก็ไปรีบปิดการขายกับคนอื่นไรเงี้ย
แล้วแบบ
ไปเดินดูน้ำหอม เค้าบอกว่าน้ำหอมฮ่องกงถูกเนอะ
ในห้างด้วย ซึ่งห้างแม่งก็จะเล็กไปไหน
แต่ละแผนกติด ๆ กัน เป้บนหลังเราแทบจะเบียดผ่านไม่ได้ แคบขนาดนั้น
เราก็เอาแผ่นกระดาษมาฉีดน้ำหอม
พนักงานขายเดินมาเอ็ดใหญ่ว่าไอ้แผ่นกระดาษเป็นตั้ง ๆ เนี่ย เค้าฉีดเอาไว้แล้ว
โห รีบกันจริง ๆ
แบบว่าคงจะให้สะดวกกับลูกค้า
มาถึงหยิบขึ้นดมแล้วจ่ายเงินเลย จะมายืนคิดไม่ได้ ไรเงี้ย
เรารู้สึกเลยว่า คนฮ่องกง นอกจากจะรีบไปซะทุกอย่างแล้ว ยังมีแต่เรื่องเงินอยู่ในหัวจริง ๆ
คุยอะไร ทุกอย่างเป็นตัวเลขราคาทั้งหมด
ไม่ว่าจะคุยกับคนฮ่องกงแท้ ๆ อย่างหนุ่มที่เราเจอ 2 วันแรก
จริง ๆ หนุ่มสิงคโปร์ก็คุยเรื่องเงินนะ แต่น้อยกว่าฮ่องกงนะ

ว่าแล้วก็เปลี่ยนห้างเดินไปด้านหลัง
ระหว่างทางก็เดินดูร้านขายเครื่องสำอางตามร้านห้องแถวที่อยู่ระหว่างห้างไปด้วย
ขายเครื่องสำอางถูกนะ โดยเฉพาะ bioderma

Image Hosted by PicturePush


แต่กระป๋องแป้งพอนด์ 20 กว่าบาทบ้านเรา
ไปอยู่ฮ่องกง อัพเป็น 200 กว่าบาทมั้ง
เครื่องสำอางเกาหลีก็ราคาโอเคเลยนะ
แต่เราซื้ออะไรที่เป็นน้ำไม่ได้ เพราะไม่ได้ซื้อน้ำหนัก แล้วก็ไม่อยากรับฝากใครด้วย
สายอินดี้เที่ยวป่า ไม่ค่อยมีใครกล้าฝากด้วย เพราะรู้ว่าอินี่ไม่เที่ยวห้าง ก๊าก ๆ
แต่วันนี้มีเหตุให้เที่ยวแต่ห้าง เดินแม่ง 3 ห้าง 4 ห้าง
แล้วตลกมากนะ
มีหนุ่มที่ไม่เคยเจอกัน แต่เคยคุยกันผ่าน ๆ เห็นว่าเรามาฮ่องกง
แม่งฝากซื้อรองเท้า addidas เว้ยเฮ้ย บอกรุ่น บอกเบอร์ที่จะฝากซื้อเสร็จสรรพ แล้วเป็นรุ่นดังคู่หลายพันหรือเป็นหมื่นเลยนะ
ก็ไปดู ไปถามมางั้นแหละ ไม่มีอย่างที่คิดเอาไว้ เพราะมันป๊อปมากจริง ๆ
แต่ถึงมีก็ไม่ซื้อให้หรอก ฝากลมได้ลม แล้วไม่มีน้ำหนักในกระเป๋าแบกกลับมาให้มันด้วย
สมองเรายังดีอยู่ ใครจะไปซื้อของเป็นหมื่นจ่ายให้ผู้ชายที่ไม่เคยเจอหน้ามาก่อนวะ ตลกละ


Image Hosted by PicturePush

แล้วเราก็กลับไปโฮสเทลเดิมที่เรานอนเมื่อ 3 คืนก่อนหน้าก่อนจะกลับไปโฮสเทลใหม่ที่เราจะนอนคืนนี้
เพราะเรานัดกินข้าวกับอาเจ้เกาหลีที่ห้อง living area ของโฮสเทลนั่นแหละ
เพราะเหนื่อย หนาว เบื่อ อยากหาคนคุยด้วย
แล้วอยากฟังเรื่องของอาเจ้เกาหลีที่ไปเที่ยวอีกเกาะนึงมาด้วย เพื่อไปกินอาหารทะเล
อาเจ้ไม่เจอฝนหนักบนเกาะนั้นเหมือนเรานะ
คืนนี้อยากคุย อยากฟังด้วย แล้วนอนกะอาเจ้ยังแทบไม่ได้คุยกันเลย ๆ นัดกันเอาอาหารมากินกันในโฮสเทล

มาถึงก็ขึ้นไปเคาะห้องอาเจ้อยากที่อาเจ้บอกแล้วเอาอาหารมานั่งกินข้างล่างกัน
อาเจ้เหมาะเป็นแม่บ้านมาก เพราะมีปอกผลไม้ใส่กล่องเก็บไว้ในตู้เย็นเรียบร้อย
เจ้บอกว่า ก่อนมานี่ก็ทำซุป กับอาหารแช่แข็งเป็นกล่อง ๆ แต่ละวันให้สามีเอาออกมาอุ่นกินตามวันที่อาเจ้มาเที่ยวเรียบร้อย
คืออยากมาเที่ยว งานบ้านก็ไม่ได้ขาดนะจ๊ะ สามีอยู่คนเดียวก็ไม่ได้ต้องอด ๆ อยากไป ไปหาอาหารนอกบ้าน แต่ไปหาสาวนอกบ้านระหว่างเมียไม่อยู่รึเปล่า อันนี้ไม่รู้ ก๊าก ๆ
เจ้ก็เล่าว่าแต่งงานกับสามีตั้งแต่เรียนจบไม่นานมั้ง คบตั้งแต่สมัยเรียน
แต่ไม่มีลูก
เดาจากหน้า อาเจ้น่าจะ 45+ ถามเท่าไหร่ก็ไม่ยอมบอกอายุ ไม่ว่าจะถามตรง ๆ หรืออ้อม ๆ ฮา ๆ
อาเจ้ชอบเที่ยว แต่สามีชอบเที่ยวแบบนาน ๆ ประมาณว่าประเทศละหลายเดือน
สามีชอบเที่ยวช้า ๆ ไปทุกซอกทุกมุม แต่ก็ทำไม่ได้เพราะยังทำงานอยู่
แต่อาเจ้รอไม่ไหว ลูกก็ไม่มี เลยเที่ยวคนเดียวให้หายอยาก เพราะชอบเที่ยวมาก
ปีนึงต้องเที่ยวเกือบทุกเดือน หรือประเทศนึงเป็นเดือน
ปี 2016 อาเจ้ไปมาแล้ว 7-8 ประเทศในเอเชีย
ปีหน้าอาเจ้จะไปโปรตุเกสกับสเปนคนเดียวเป็นเดือน!!!!!!!!!!!
แล้วเราก็เล่าว่าวันนี้ไปเที่ยวไหนมาบ้าง แล้วอาเจ้ไปเที่ยวไหนมาบ้าง
ระหว่างที่เราคุยกันตรง living area นั้น
ก็มีผู้ชายฝรั่งนั่งพิมพ์คอมทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจ
เราก็เลยคุยกันเสียงเบา ๆ อยู่เป็นชั่วโมง
แล้วอาเจ้ก็ make friend กับฝรั่งคนนั้นโดยการยื่นผลไม้ไปให้
เค้าก็เลยละจากหน้าจอมายิ้มและเอาผลไม้าไปกิน
แล้วก็กลับไปพิมพ์คอมต่อ แล้วเอาหน้าจอหันมาทางเรา 2 คน
สรุปคือ เค้าหูหนวก เป็นใบ้!!!!!!!!!!!!
ป๊าดดดดดดดดดดดดด............อุตส่าห์นั่งกระซิบเกรงใจกันอยู่เป็นชั่วโมง 5555
เค้ากำลังตัดต่อวีดีโออยู่
รู้สึกว่าเป็นคนออสเตรีย หรือ ดัชต์เนี่ยแหละ
เดินทางไปทั่วโลก แล้วเค้าก็โชว์วีดีโอให้ดู เจ๋งมาก
เค้ามาเมืองไทยแล้ว ไปทั้งกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต
แล้วก็ทั่วทั้งเอเชีย เค้ากำลังเก็บแต้มอยู่
โชคดีมากที่ครอบครัวเค้าเข้าใจและเป็นกำลังใจในการเดินทางของเค้า
มันเจ๋งมากกกกกกกกกก
แล้วเราก็คุยกันในความเงียบอยู่เป็น 2 ชั่วโมงได้ก็แยกย้าย

เราเดินกลับมาโฮสเทลของเราตอน 4 ทุ่มครึ่ง
ฝนแม่งยังตกอยู่เลย อยากจะบ้าตาย ฝนประเทศนี้แม่งตกทั้งวันทั้งคืนจริง ๆ เจ้ล่ะเชื่อเลย
สภาพห้อง

Image Hosted by PicturePush


Image Hosted by PicturePush

อย่างที่บอก อยู่ห้องไม่เห็นเดือนไม่เห็นตะวัน ฝนตกหรือแดดออกก็ไม่รู้
เพราะหน้าต่างเปิดไปเป็นท่อน้ำทิ้งซอกตึก วัน ๆ ได้ยินแต่เสียงน้ำไหลตลอดเวลา
อาบน้ำกำลังจะนอน
ชายจีน 2 คนนอกห้อง คิดว่าน่าจะอยู่ห้องตรงข้ามคุยกันโช้งเช้งตรงทางเดิน
ไม่พอ มันยังสูบบุหรี่ตรงทางเดินในตึกด้วย!!!!!!!! บัดซบที่สุด
เพราะควันและกลิ่นมันเข้ามาห้องเราเต็ม ๆ เลย เพราะมันสูบหน้าห้องมันก็คือหน้าห้องเรา
จะโทรไปบอก front ก็โทรไม่ได้ เพราะโทรเป็น ais sim to fly เล่นเน็ทได้อย่างเดียว
จะเอาไปโวยก็ไม่กล้า กลัว 2 คนนั้นจำหน้าได้แล้วเดี๋ยวมันบ้าขึ้นมา เราพักอยู่คนเดียว อย่าเสี่ยงดีกว่า
เลยต้องเปิดพัดลม และเปิดหน้าต่างท่อน้ำทิ้ง ซึ่งอากาศก็หนาวอยู่แล้ว
แต่ก็ต้องเปิดเพื่อไล่ควันบุหรี่มันมันลอดเข้ามาใต้ประตู้ห้อง
ห้องก็นิดเดียวก็เหม็นมันทั้งห้องวุ้ย
ก็ต้องทำใจนอนมันทั้งอย่างนั้น
วันนี้เป็นวันที่แย่ที่สุดในทริปเลย
แต่ยังดีได้ผลไม้ปอกจากอาเจ้เกาหลี เหมือนเป็นลูกมีแม่ปอกผลไม้ให้เลย กระซิก ๆ


ไว้มาเม้าต่อในบล็อคถัดไปนะค้า ถ้ารอนานอย่าว่ากันน้า บล็อคนึงเรื่องเม้าเพียบ รูปเพียบ ใช้เวลาเขียนหลายวันหรือหลายอาทิตย์กว่าจะได้แต่ละบล็อค แหะ ๆ
ใครติดตามอ่านแล้วรออ่านวันต่อ ๆ ไป พิมพ์คอมเม้นท์มาบอกกันหน่อยนะจ๊ะ จะได้มีกำลังใจในการพิมเม้าตอนต่อไปเร็ว ๆ ค่า อิอิ
รักคนอ่านทุกคนค่า เลิฟ ๆ


ปล. ใครรออ่านทริปฮ่องกงไม่ไหว กลับไปอ่านทริปที่ไปเจอหนุ่มสิงคโปร์ก่อนได้นะ แซ่บเหมือนกัล

ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 1

ช่วงนี้เราอัพช้ามาก เดือนละบล็อคได้มั้ง ไม่ค่อยมีเวลาเลย พอมีเวลาแค่คิดจะพิมพ์เล่าก็ขี้เกียจขึ้นมาซะงั้น เพราะมันใช้เวลาหลายชั่วโมง แฮ่




Create Date : 05 มีนาคม 2560
Last Update : 26 มีนาคม 2560 20:43:16 น. 0 comments
Counter : 1765 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.