Group Blog
 
 
ธันวาคม 2559
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
8 ธันวาคม 2559
 
All Blogs
 
เครื่องลงฮ่องกงปุ๊บก็นัดบอดหนุ่มฮ่องกงมากินข้าวมื้อแรกด้วยกันเล้ย

เพิ่งกลับจากฮ่องกงไม่นาน
เป็นการไปฮ่องกงครั้งแรกของแล้ว
แล้วแน่นอน เราไปคนเดียว ไปหาหนุ่มเอาดาบหน้า
แล้วดาบหน้าของเรา ก็หนีไม่พ้น tinder ฮา ๆ
หลังจากลอง tinder ไปหาหนุ่มตี๋มาทั่วเอเชียแล้ว
สรุปได้ใจความว่า
หาเพื่อนเที่ยวเถอะ
หาแฟนไม่ไหว มันไกล รักทางไกลไม่ work เลยจริง ๆ
คิดซะว่าหาเพื่อนเที่ยว
เวลาเค้ามาเที่ยวกรุงเทพก็ตอบแทนเค้า ก็เท่านั้น
ขำ ๆ เจอกันครั้งเดียว อย่างมากก็ 2 ครั้งเวลาเค้ามาเที่ยวที่นี่
แต่ถ้าเราไปอีกก็คงเปลี่ยนคนไปเรื่อย ๆ สะส้มแต้ม เก็บเลเวล เย้ยยยยย


ทริปนี้เราเดินทางหลังเลิกงาน
ไปถึงฮ่องกงก็ค่ำ ๆ


Image Hosted by PicturePush



เพิ่งรู้ว่าสนามบินฮ่องกงใหญ่มาก ทำอะไรแต่ละที เดินกันขาลาก
ไปถึง ด้วยความที่ไม่มีกระเป๋าโหลด ก็เดินไปซื้อบัตร octopus เลย
แต่ดั๊น เดินเลยไปถึงท่ารถ ต้องเดินกลับมาใหม่ ไกลประมาณนึง

มีความอาร์ท มีโชว์ศิลปะ


Image Hosted by PicturePush - Photo Sharing


ซื้อเสร็จก็เดินมารอรถ
ด้วยความที่เราพักฝั่ง HK ต้องขึ้น A11 ลงสุดสายเลย
ก็ต่อแถวรอรถไป เป็นป้ายที่คนต่อแถวยาวที่สุดเลย
เพราะมีแค่ 2 คันมั้งที่วิ่งถึงฝั่ง HK คือ A11 กับ A12
อันนี้อย่าเชื่อมาก บล็อคเราส่วนใหญ่ไว้เม้า หาความจริงจังไม่ได้ ฮา ๆ

ระหว่างต่อแถว ลมแรงมาก ฝนเพิ่งหยุดตกไม่นาน อากาศประมาณ 19-22 แต่ลมแรงเชียว
แหม่ ฮ่องกง เปิดแอร์แรงไปนะ ถ้าไม่มีลม เสื้อแขนยาวตัวเดียวเอาอยู่
แต่พอมีลม แทบจะวิ่งกลับเข้าข้างในสนามบินเลย แต่ติดต่อแถวคิวยาวอยู่ เลยต้องอยู่ปะทะลมหนาวอยู่อย่างนั้น
ระหว่างนั้นก็ swipe tinder ไปด้วย หาหนุ่มเที่ยว


Image Hosted by PicturePush - Photo Sharing



จริง ๆ เราก็มีหนุ่มฮ่องกงที่แชทคุยด้วยเกือบปีนะ เด็กกว่าเรา 3 ปี
คือมีอยู่ช่วงนึง เรา fake location ไป match กับหนุ่มฮ่องกง
แล้วหนุ่มคนนี้ดีมาก สม่ำเสมอมาก คุยกับเราบ่อยเลย ตลอดเวลาเกือบปี
แล้วเค้าทุ่มเทมากเลยอ่ะ
คือเค้าถามล่วงหน้านานมากแล้วนะว่าจะมาฮ่องกงเมื่อไหร่ เดี๋ยวแพลนทริปให้ แล้วเดี๋ยวเค้าจะได้ลางานล่วงหน้าพาเราไปเที่ยว
โห
เอิ่ม
อย่ามาจริงจังกะเจ้ขนาดนั้น
เจ้อยากเปลี่ยนคนเที่ยวมั่ง ฮา ๆ

ก็เลยบอกว่าไปช่วงนี้นะ แล้วเค้าก็ลางานไว้จริง ๆ
แล้วจังหวะพอดีว่า เค้าลงทะเบียนแข่งเดินเขา 100 กิโลภายใน 48 ชั่วโมง
คือต้องเดินทั้งกลางวัน กลางคืนเลยนะ
ทีมนึงมี 4 คน เค้าก็นัดเพื่อนในทีมกันฝึกเดินเขากันมาครึ่งปีแน่ะ ก่อนจะมาแข่งวันจริง
ซึ่งเราว่ามันโหดมากนะ กับการเดินเขาทั้งวัน ทั้งคืน
แล้วเค้าก็ลาพักร้อนทั้งอาทิตย์เลย แล้วเราก็ไปฮ่องกงอาทิตย์นั้นพอดี


Image Hosted by PicturePush


จริง ๆ เค้าก็จะมารับเราที่สนามบินแหละ
(แต่ไม่อยากให้ใครมารับนะ เพราะเกรงใจ สนามบินแต่ละประเทศก็อยู่ไกลจากตัวเมือง ต้องเสียเวลามารับ สามารถอ่านความเกรงใจของเราได้จากทริปสิงคโปร์)
แล้วอีกอย่าง มาถึงก็ค่ำแล้ว เจอกันแป๊บเดียวเอง
เลยบอกเค้าว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องมารับ ไปเองได้ อ่านมาแล้วว่าต้องขึ้นรถอะไร ยังไง ไว้เจอกันเช้าอีกวันเลย
แล้วแม่เค้าเข้า รพ ด้วย เค้าเลยมารับไม่ได้ ต้องทำเรื่องที่ รพ
ก็เลยถามว่าแม่เป็นอะไรเหรอ
เค้าบอกว่า แม่ผ่าตัดเปลี่ยนไต ไปผ่าที่กวางโจว
โห!!!!!!!!!!!!!! งั้นไม่ต้องพาชั้นเที่ยวแล้วล่ะเงี้ย แกไปดูแลแม่แกไป๊ (ด้วยความหวังดี)
แต่หนุ่มบอกว่า
ไม่เป็นไร
ผ่าตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ระหว่างที่เค้าแข่งเดินเขาแล้ว

คือหนุ่มก็เล่าให้ฟังว่า
ไตแม่เค้าทำงานไม่ดี ต้องไปฟอกไตที่ รพ ตั้งแต่ปี 2005 ไม่รู้บ่อยแค่ไหนเหมือนกัน
แต่เมื่อ 2-3 เดือนก่อน
ทุกคนในครอบครัวตัดสินใจว่า จะให้แม่เค้าผ่าตัดเปลี่ยนไตดีกว่าให้แม่ต้องมาทรมานฟอกไตทุกอาทิตย์ หรือหลายวันต่ออาทิตย์
แต่ไม่สามารถผ่าตัดเปลี่ยนไตที่ฮ่องกงได้
เพราะการผ่า ไตต้องไม่ทำงานเลย ถึงสามารถผ่าตัดเปลี่ยนไตได้
เค้าก็เลยไปผ่าที่กวางโจว นั่งรถไปจากฮ่องกงประมาณ 3 ชม

หลังจากยื่นเรื่องไป
แค่เดือนกว่า ๆ ก็ได้ไตที่เข้ากับแม่ได้แล้ว (การมีเงินนี่ มันสามารถทำอะไรก็ได้จริง ๆ จากที่ต้องรอกันหลายปี ที่แค่เดือนกว่าก็ได้แล้ว)
หนุ่มบอกว่าค่าผ่าตัดประมาณ 7 แสนเหรียญฮ่องกง ก็คูณ 4.6 ไปนะจ๊ะโดยประมาณก็ 3.2 ล้านบาท
วันที่ทาง รพ ที่นู้นบอกว่ามีไตเปลี่ยนแล้ว (เป็นไตของผู้ชายอายุ 29)
หนุ่มยังเดินเขาที๋ฮ่องกงอยู่เลย
ก็เลยส่งตัวแม่ไปกับพ่อ
แล้วที่นู่น เค้าเข้มงวดเรื่องญาติมาก
คือญาติสามารถเข้าเยี่ยมได้แค่คนเดียว แล้วเยี่ยมได้แค่ 1 ชมตอนเช้า และอีก 1 ชมตอนเย็นเท่านั้น
คือวันหลังจากที่เค้าแข่งเสร็จ เค้าก็นั่งรถไปผลัดกับพ่อเค้าพอดี
ซึ่งโชคดีมากที่เค้าลางานไว้ล่วงหน้าทั้งอาทิตย์แล้ว เลยได้ไปดูแลแม่เค้าพอดี





แต่วันที่เราไปฮ่องกง หนุ่มก็กลับมาฮ่องแล้ว
มาทำเรื่องที่ รพ ในฮ่องกง
เพราะจะพาแม่กลับมาสุดสัปดาห์นี้
ค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ของรพเอกชนในฮ่องกงก็ประมาณวันละเกือบ 2 พันเหรียญ
ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องพักรักษาตัวนานแค่ไหน
แต่จริง ๆ หลังผ่าตัดเปลี่ยนไต เค้าก็จะดูอาการ 2 อาทิตย์
ซึ่งเป็น 2 อาทิตย์ที่จะอยู่หรือจะไปก็ 2 อาทิตย์แรกเนี่ยแหละเพื่อดูว่าไตเข้ากันได้มั้ย

เราก็เลยได้เที่ยวกับหนุ่มวันพฤหัสกับวันศุกร์
(ซึ่งจริง ๆ ก็เยอะไปด้วยซ้ำ กะเปลี่ยนหนุ่มวันละคน ฮาๆ แต่หนุ่มที่สามารถเที่ยววันธรรมดากับเราได้ก็หายาก เพราะหนุ่มส่วนใหญ่ก็ทำงานออฟฟิศกันหมด)

เกริ่นเรื่องหนุ่มคนแรกมาซะยาว
กลับมาเข้าเรื่องคืนวันแรกของเราต่อ

เราก็ต่อคิวรอรถ
มันไม่มีรถจอดรอนะ
ซึ่งแถวยาวมาก
รถก็ยังไม่มาซะที
คันแรกก็ไปได้ไม่หมด ต้องรอคันต่อไป
ระหว่างนั้น
หลังจากอิชั้นรายงานสดกับป๊าม้าแล้ว
ก็ดำเนินการหาหนุ่มเที่ยวใน 5 วันในฮ่องกงต่อ
จำได้ว่า swipe หนุ่มในฮ่องกงเยอะมาก
คือหน้าตี๋ปุ๊บ กรูเอาหมด ฮา ๆ

ขึ้นรถได้ก็หนุ่มมี 2-3 คนทักมา
แล้วมีหนุ่ม 2 คนที่คุยต่อเนื่อง
แล้วเราก็ได้นัดเจอหนุ่มฮ่องกงคนนึง
ซึ่งฮีก็ไม่ได้อยู่แถวที่พักเรานะ
ก็นั่งรถไฟมาหาแถวที่พักเลย ชวนกินข้าวกัน
เราก็โอเคเลย
ดีกว่ากินข้าวคนเดียว มีคนคุยด้วย ฮา ๆ
การเที่ยวคนเดียวก็ดีอย่างนะ นัดง่าย คุยง่าย ผู้ชายนัดเจอ สามารถตอบตกลงได้เลย
เพราะเวลาเราน้อย อยากเจอก็เจอเลยอีก 20-30 นาทีเจอกันตรงนั้นตรงนี้ ง่ายแบบนี้เลย ฮา ๆ
ดีกว่าหนุ่มกรุงเทพฯ นะ คุยมาตั้งหลายเดือน ไม่เห็นทีท่าว่าจะนัดเจอเลยแฮะ
เหมือนคุยเอามันแก้เหงาไปวัน ๆ งั้นแหละ
แต่เราก็ดันคุยด้วยนะ เอาขำ เอาแก้เหงามาเม้าในบล็อคได้เหมือนกันเป็นวัตถุดิบ ก๊าก ๆ


Image Hosted by PicturePush


แล้วเราก็ check in ที่ที่พักของเราคือ Homy Inn North Point
ก่อนมาฮ่องกง เราไม่มีความรู้เลยว่าต้องอยู่ตรงไหน
แต่อ่านรีวิวแล้วเค้าบอกว่ามันเงียบดี ก็เลยจองเลย ฮา ๆ
เพราะหลัก ๆ เราอยากมาปีนเขากับไหว้เจ้าเข้าวัดในฮ่องกง ไม่มีเรื่องช้อปปิ้งอยู่ในหัวเลย
เลยไม่รู้ว่าจะพักใกล้แหล่งช้อปปิ้งไปทำไม
แล้วเค้าก็บอกว่าห้องกว้างกว่าในราคาเท่ากัน
ก็อย่างว่า ถ้าพักชานเมืองหน่อย มันก็ถูกกว่าอยู่แล้ว แต่อาจจะต้องเสียค่ารถไฟเข้าเมืองแพงหน่อย เสียเวลามากหน่อยเท่านั้นเอง
แต่เราก็เพิ่งรู้ว่า วัดทั้งหลายที่เราจะไป มันอยู่เกาลูนเกือบหมดเลย!!!
ไม่เป็นไร เสียเวลาหน่อย ได้ความเงียบหน่อย คุ้มกันอยู่


บรรยากาศในห้อง
เรานอนแบบแชร์ผู้หญิง 2 คน
นอน 3 คืน
คืนแรกเป็นสาวจีน มาจากเซี่ยงไฮ้
มาดูคอนเสิร์ตที่ฮ่องกง
มานอนคืนเดียว เดี๋ยวคืนต่อไปนอนบ้านเพื่อนจ้ะ


Image Hosted by PicturePush



Image Hosted by PicturePush


แคบมากสุดติ่ง
แม่สาวจีนกระเป๋าเดินทางใหญ่มาก
เพราะมาจากเมืองหนาว
ตอนนี้ที่จีน 5 องศา!!!!


North Point เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยล้วน ๆ เลยมั้ง
มีแต่ตึก (เออ จริง ๆ ฮ่องกง ตรงไหนก็มีแต่ตึกติด ๆ กันนั่นแหละ)
มาวันแรก มึนกับตึกติด ๆ กันเป็นแพแบบนี้จริง ๆ
แต่ความประทับใจแรกของเราในฮ่องกงก็คือ............
รถเมล์!!!!!!!!!!!!
รถเมล์บ้านเค้าดีมากกกกกกกกกกกก กอไก่ล้านตัว
รถเมล์ทุกคันใหม่ สะอาด ไม่เหม็น ไฮเทค มีบอกทุกป้าย ประทับใจสุด ๆ
ไม่ได้ดีเฉพาะคนเมล์สายเข้า ออกสนามบินนะ
แต่รถเมล์ทุกคันที่ดีดีหมด เจ๋งอ่ะ ชอบบบบบบบบบ





อยู่บนรถเมล์ก็แชทกับหนุ่มเรื่อยมา
หนุ่มคนนึงก็ถามว่าพักอยู่ไหน
แต่ก็ไม่ได้บอกชื่อโฮสเทลหรอกนะ กลัวมันตามมา ฮา ๆ
ก็บอกแค่ว่าอยู่แถว ๆ North Point
แถวนี้มีอะไรอร่อย ๆ กินมั่ง
ฮีก็บอกว่า เจอกันป่าว
เออ หนุ่มคนนี้ profile ก็เก๋ดีนะ
บอกว่าเป็นเจ้าของกิจการ
ฉันไม่ต้องการเพื่อนแชททางอินเตอร์เนท
ต้องการเจอหน้า
เราก็บอกว่า ถ้าอยากเจอมาเล้ย
แนะนำที่กินข้าวแถวนี้ด้วย
แล้วฮีก็หายไป
เราก็ไม่ได้สนใจ นั่งดูวิวห้างแถว ๆ Causeway Bay ไปเพลิน ๆ
ซึ่งห้างแถวนั้นเยอะมาก และอยู่ติด ๆๆๆๆๆ กันหมดเลย รถก็ขยับได้เอื่อย ๆ
ติดคนข้ามถนน ข้ามกันเยอะเชียว ถนนแค่ 2-3 เลนแคบ ๆ

แล้วเราก็มาถึงจุดหมายป้ายสุดท้ายของเราคือ North Point
ซึ่ง เราก็ไม่ค่อยรู้หรอกว่ามันไกลมั้ยจากตรงนี้
เพราะ google map เครื่องเราแม่ง มีปัญหาตลอด ๆ
Your location ชั้นเป็น location เมื่อ 2 ชม. ที่แล้วตลอด ๆ ตั้งแต่ไต้หวันเมื่อต้นปีละ
เราก็เลยเซฟมาจากการหาทางเว็ป ซึ่งมันดูไม่ไกล
เออ แค่เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา 2 ครั้งก็ถึงละ
ซึ่งไอ้ตึก Homy Inn North Point ของเราก็หายง่ายจริง อะไรจริง

เดินไปปุ๊บ เห็นเลย
แล้วฮ่องกงเดินง่ายนะเราว่า เพราะมันเป็นบล็อค ๆ อยู่แล้ว
แค่มีชื่อบล็อคถนนตรงนั้นก็สบายละ
ซึ่งนี่ก็คงเป็นอีก 1 ข้อดีของฮ่องกง

เดิน ๆ อยู่หนุ่มที่หายไปก็ส่งข้อความมาว่าถึง North Point แล้ว
อ้าว ที่เมิงหายไปเนี่ย กรูนึกว่าเลิกคุยกะกรูปายละ
งืม ๆ งั้นก็โอเค ไปรอ sasa แล้วกัน ใกล้ ๆ
ขอชั้นลากกระเป๋าไป check in แล้วเอากระเป๋าเข้าห้องก่อน
ไปถึงห้องประมาณ 3 ทุ่มกว่าได้
รีบลงไปเจอหนุ่มข้างล่างตรง sasa ใกล้ๆ โฮสเทล ซึ่ง ณ ตอนนั้น sasa ปิดแล้วจ้า
แค่หนุ่มก็ยืนอยู่นั่นแหละ
เจอครั้งแรก
เฮ้ย ไมเมิงอ้วนจังวะ
คือรู้เลย ถ้าผู้ชายถ่ายรูปแค่เห็นหน้านะหรือแค่ไหล่ ส่วนใหญ่จะอ้วน
แล้วใครว่าผู้หญิงถ่ายรูปหลอกลวงอยู่ฝ่ายเดียว
ผู้ชายนี่ก็ตัวดีเลย
เจอผู้ชายมาหลายประเทศละ
อ้วนกว่าในรูปทุกคน
แต่มีคนเดียวที่คิดว่าฮีเตี้ย แต่จริง ๆ ฮีสูง
เป็นคนเดียวเท่านั้นที่คาดคะเนผิดในทางที่ไม่ดี แต่กลับเป็นดี
นอกนั้นเหรอ
คือจะอ้วนและเตี้ยไปไหนฟระ
คือเราก็ไม่ใช่ว่าเราสวย หุ่นดีอะไรนะ เพราะเราก็เป็นผู้หญิงที่สูงไม่ถึง 160 แต่ก็ไม่ได้อ้วน แต่ก็ไม่ได้ผอมเหมือนวัยรุ่นสมัยนี้ ฮา ๆ
แล้วรูปที่เราถ่ายทุกรูปก็ไม่ได้ใส่แอพใด ๆ แล้วก็ไม่เซลฟี่ด้วย
คือมันดูหลอกลวงอ่ะ
เวลาเจอตัวจริง ผู้ชายก็รู้อ่ะว่า แหมเธอ ใส่มาทุกแอพเลยนะ
แล้วมันเกิดอาการผิดหวัง
เหมือนกับที่เราผิดหวังเวลาเจอหนุ่มแต่ละคนที่ไม่ค่อยจะเหมือนกันรูปกันเล้ย ฮ่วย
จริง ๆ การใส่ส่วนสูงใน profile ก็ดีอย่างนะ
จะได้ไม่ผิดหวัง คาดเดาได้ว่าสูงเท่าไหร่
เราว่าความสูงก็สำคัญนะ
เจ้านายพี่ที่ออฟฟิศ เป็นเอเชียนะแต่เกิดและโตเมืองนอก
ฮีบอกไว้เลยนะว่า ยู ที่เมกาเนี่ย tall means handsome นะเฟ้ย
มิน่า ฝรั่งส่วนใหญ่ถ้าเค้าสูง เค้าจะใส่ส่วนสูงไว้เลย
เป็นจุดเด่นไงก็ใส่โลด
เพราะบางครั้งรูปมันก็หลอกกันได้ แต่ครึ่งตัวแต่ดูเหมือนเตี้ย
แต่พอรู้นะ ส่วนใหญ่ผู้ชายเตี้ย จะถ่ายรูปแค่ครึ่งตัวหรือเซลฟี่ซะเป็นส่วนใหญ่
ส่วนผู้ชายสูง ถ่ายทั้งตัวให้มันรู้กันไปเลยว่ากรูสู้งงงงงง






ก็ไปหาอะไรกินกัน
เออ
สิ่งนึงที่ได้เราสัมผัสเมื่อเข้าเมืองเลยก็คือ กลิ่นบุหรี่
ไอ้บ้านนี้ เมืองนี้ เมิงจะสูบอะไรกันนักหนาก็ไม่รู้
ระหว่างทางไปเดินไปโฮสเทลนะ ได้กลิ่นตลอด
ด้วยความที่มัน 3 ทุ่มกว่าแล้ว ร้านรวงก็ปิดเกือบหมด
เพราะอย่างที่บอก แถวนี้มันเป็นย่านที่อยู่อาศัย ไม่ได้อยู่ในเมืองที่ร้านรวงเปิดกันเยอะแยะมากมาย
แล้วอิเจ้นี่ก็บอกหนุ่มเลย
ว่าขอกินอาหารฮ่องกงนะ ไม่เอาญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่งอะไรทั้งนั้น
เพราะตอนแรก ฮีจะพาไปกินอาหารไทยจ้า
เวง มาถึงนี่ให้กรูกินอาหารไทยเนี่ยนะ
แล้วฮีบอกว่า
เนี่ย ไอมีเพื่อนเป็นคนเกาหลีนะ
แล้วคนเกาหลีมีความแปลกอย่างนึง
คือไม่ว่าจะไปเที่ยวหรือใช้ชีวิตที่ไหน ก็จะหากินแต่อาหารเกาหลี
แต่กรูไม่เป็นโว้ย
มาฮ่องกง ก็อยากกินอาหารฮ่องกง
แล้วอาหารฮ่องกงก็ขึ้นชื่ออยู่แล้วด้วย พลาดได้ไง

ถ้าจำไม่ผิด
มันคือ HungHom North Point นะ
แต่เราจำไม่ได้แม่น เพราะมันมืดแล้ว แล้วเป็นฮ่องกงวันแรกสำหรับเรา




เข้าไปก็สั่งอาหารมื้อแรกในฮ่องกงกินกัน
ซึ่ง
เราจำไม่ได้ว่าเรากินอะไร!!!!!!!!!!
เพราะไรรู้มั้ย
เพราะเราไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ ฮา ๆ
คือเราเป็นคนไม่ชอบถ่ายรูปอาหารเลย
ไม่ว่าจะอยู่เมืองไทยหรือไปเมืองนอก
แล้วเราก็ไม่ค่อยชอบพวกที่ถ่ายรูปอาหารโชว์
หรือไปด้วยกันแล้วถ่าย
คือมันน่ารำคาญ
อาหารมา แทนที่จะได้กินเลย
ต้องมารออิพวกนี้ถ่ายรูป
แต่มันก็ดีอย่างนะ
ตรงที่เราจะจำได้ว่าเรากินอะไร
แล้วเล่าให้คนอื่นฟังได้ด้วย
แต่นี่ จำไม่ได้เลย ไม่มีไอเดียเลยว่ากินอะไร คิดดูสิ
แสดงว่ามันไม่ได้อร่อยเลิศเลออะไรนะ เราถึงจำมันไม่ได้ คิดแค่นี้ ฮา ๆ

แล้วก็นั่งคุย นั่งกินกับหนุ่มถึงเที่ยงคืนนั่นแหละ
แต่ก็มีเรื่องให้ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่นะ
คือว่าหนุ่มแชทกับเพื่อนมันตลอดเลยอ่ะ
คือเค้าจะวางมือถือไว้ข้างตัวตลอด
พอถึงร้านก็แชทบอกเพื่อนว่าอยู่ร้านนี้ เจอกันแล้วประมาณนี้นะคิดว่า
แล้วแป๊บนึง เพื่อนก็โทรมา คุยประมาณว่า เฮ้ย สาวมึงเป็นไงมั่งวะไรเงี้ย
แต่ก็คุยแป๊บนึงแล้วก็วางนะ
พออาหารมา ก็ถ่ายรูปแล้วก็ส่งไปให้เพื่อน
คุย ๆ อยู่ บางครั้งก็จะแว๊บมองมือถืออ่ะ
แล้วตอนเราให้ของฝากจากเมืองไทยก็ต้องรีบถ่ายรูปแล้วส่งไปให้เพื่อนเลยไรเงี้ย
นี่เมิงรอส่งกรูเสร็จก่อนแล้วค่อยพิมพ์หาหรือโทรเม้าไม่ได้ไงวะ
มาเจอแล้วดูมือถือบ่อย ๆ เราถือว่าไม่ให้เกียรติกันเลย

คือเราอาจจะ hardcore ไปนิดนะ
แต่เวลาเรานัดกินข้าวกับใคร ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทหรือเพิ่งเจอกันครั้งแรก
เราไม่จับมือถือเลยนะ
แล้วไม่เอามันมาวางไว้บนโต๊ะให้เราเสียสมาธิด้วย
เราว่าบางครั้งกาละเทศะมันก็สำคัญนะ
ให้เกียรติกันหน่อย เจอครั้งแรกจะได้ประทับใจแล้วมีครั้งต่อ ๆ ไป
แต่สำหรับหนุ่มคนนี้ เอิ่ม ขอเจอกันครั้งเดียวนะ

ร้านจะปิด เค้าเลยมาให้จ่ายเงินได้แล้ว
พูดง่าย ๆ คือจะไล่แล้วนี่เอง
แล้วหนุ่มถามว่าวันต่อ ๆ ไปทำอะไรที่ไหนยังไง
เชอะ
ใครจะบอก
เพราะทุกวัน ชั้นมีล็อคหนุ่มไว้หมดแล้วยันวันกลับ
กะเจอวันละคน คิก ๆ
เลยไม่ได้บอกฮีไป
เพราะรู้ว่าถ้าบอก ฮีต้องอยากพาเที่ยงแหง
ตอนเดินกลับก็ไม่ให้หนุ่มไปส่งถึงโฮสเทลนะ
กลัวมันรู้ว่านอนที่ไหน ฮา ๆ
ก็มีบอกมันเหมือนกันนะว่า
ทำไมฮ่องกง เต็มไปด้วยกลิ่นบุหรี่
มันกำลังเอาขึ้นมาสูบพอดี
แล้วมันก็ถามว่า อ้าว ยูไม่สูบเหรอ แล้วยื่นบุหรี่มาให้
เราก็บอกว่า ไม่สูบ ๆ
เราเห็นมันมันจะจุดสูบ เลยขอตัวแยกกับมันตรงนั้นเลยดีกว่า

เป็นอันจบวันแรก ณ ตรงนี้นะคะ ไว้ติดตามตอนต่อไป
แค่ตอนแรกตอนเดียว อิชั้นพิมพ์และทำรูปมาอาทิตย์กว่าแหละค่ะ (ใครถาม???)
ใครติดตามอ่านแล้วรออ่านวันต่อ ๆ ไป พิมพ์คอมเม้นท์มาบอกกันหน่อยนะจ๊ะ
รักคนอ่านทุกคนค่า เลิฟ ๆ




เครื่องลงฮ่องกงปุ๊บก็นัดบอดหนุ่มฮ่องกงมากินข้าวมื้อแรกด้วยกันเล้ย


วันที่สองในฮ่องกงคนเดียวกับการนัดบอดหนุ่มคนที่สอง


วันที่สามในฮ่องกงคนเดียวกับการเที่ยวกับหนุ่มฮ่องกงคนเดิมเพิ่มเติมด้วยผู้หญิงอีกคน



วันที่สี่ในฮ่องกงคนเดียว ฝนเทกระหน่ำ หมดกันแผนการเดินเขากับหนุ่มฮ่องกงของช้าน


วันที่ห้าในฮ่องกงคนเดียว กับการเดินลงเขาที่มืดและน่ากลัวที่สุดในชีวิต




Create Date : 08 ธันวาคม 2559
Last Update : 26 มีนาคม 2560 20:44:45 น. 5 comments
Counter : 5880 Pageviews.

 
เข้ามาดู เพราะหัวกระทู้ เลยค๊าาาา เห็นแล้วอยากไปเที่ยวฮ่องกง กำลังหนาวเลย


โดย: Pear_Plean วันที่: 8 ธันวาคม 2559 เวลา:19:02:50 น.  

 
ติดตามเรื่อยๆนะคะ มาอัพตอนต่อไปบ่อยๆน่า
ตามตั้งแต่ไต้หวันยันสิงคโปร์ มาต่อฮ่องกงสักที


โดย: Fon IP: 180.180.49.85 วันที่: 15 ธันวาคม 2559 เวลา:22:13:27 น.  

 
มาอัพตอนใหม่ได้แล้วค่าาา :)


โดย: Moomin IP: 115.87.48.171 วันที่: 22 ธันวาคม 2559 เวลา:22:44:24 น.  

 
ชอบเรื่องราวของพี่ม๊ากกกก..เลยค่ะ ตอนนี้พยายามติดตามอ่านหลายเรื่องของพี่ค่ะ ว่าจะอ่านให้หมดทุกเรื่องเลยค่ะ👍😍😄


โดย: Kachi IP: 223.24.180.45 วันที่: 9 พฤษภาคม 2561 เวลา:0:23:41 น.  

 
เข้ามาเจอบล็อกของพี่ด้วยความบังเอิญ อ่านแล้วชอบมากเลยค่ะ แบบตรงใจสุดๆ คืออ่านแล้วรู้สึกแบบนั้นเป๊ะๆเลยค่ะ เลยอยากทราบว่าปี 2561นี้พี่ยังอัพบล็อกอยู่เรื่อยๆมั้ยคะ ทักมาได้ตามเมลเลยนะคะ อยากรู้จักพี่จีงๆ นะคะ😊


โดย: Kachi.odette@gmail.com IP: 223.24.180.45 วันที่: 9 พฤษภาคม 2561 เวลา:0:33:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.