ปวดหัวซะไม่มี
ช่วงนี้ไม่ค่อยได้หาอะไรใหม่ๆ เข้าร้านเลย เพราะมัวแต่ไปจับจดอยู่กับการทำใบขับขี่รถยนต์นั้นเอง แต่ก็ยังหาโปรโมชั่นมาลงเรื่อยๆ ให้ลูกค้าได้เลือกกันเพลินๆ ไปก่อน
หลังจากไปสอบทฤษฎีในวันที่ 7 ธันวาคม มาทั้งวัน อาทิตย์ต่อมาก็มาเริ่มสอบสนามล่ะ ซึ่งเราเองสอบสนามไป 3 ครั้งด้วยกันถึงจะผ่าน แฮะๆ ด้วยท่า 7 เกียร์ ทำให้ต้องไปสอบแก้ตัวอีก 2 ครั้ง 2 ครา วันแรกตื่นสนาม ตื่นรถ ไปเช่ารถที่สนามสอบ 100 บาท พอถึงท่า 7 เกียร์ เกร็งๆ ตื่นๆ สายตาผู้คนจับจ้อง เลยถอยหลังไปชนเสาเขาซะยังงั้น ครั้งที่ 2 รถของโรงเรียนที่ไปเรียนขับรถมา ก็ถอยชนเสาอีก ประมาณว่ากะไม่ถูกว่าก้นรถมันยาวจนยื่นออกไปชนเสาหรือยัง ตัดสินใจผิดนิดเดียวก็ชนเสาเขาซะแล้ว
รอบที่ 3 เอารถตัวเองไปเองยอมเสียง ต้องเรียกว่าเสี่ยง เพราะไม่มีใบขับขี่ไปขับบนถนนมันคือผิด... แต่ด้วยว่าความคุ้นเคยมันผลักดันจิตใจให้เราต้องยอมเสียง ดีที่สนามสอบไม่ได้ไกลบ้านมาก อีกทั้งเราเองไม่มีใครขับรถไปให้ได้ จะหวังอาศัยให้พี่ช่วยขับไปให้ ขอร้องตั้งแต่ครั้งแรก มันรับปากแต่ถึงวัน ไม่รู้ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ไปสอบกลับมา ยังมีหน้าจะมายืมเงินเราอีก บัดซบจริงๆ ชีวิต.......
สุดท้ายท้ายสุดเราก็ตัดสินใจขับไปเอง ก็ขับไปอย่างระมัดระวัง และนำรถเข้าสอบ และก็ผ่านมาในที่สุด เป็นอะไรอีกเรื่องที่ใช้เวลาพอสมควร แต่ก็ผ่านมาได้ อีกครั้ง เหนื่อยๆ กับชีวิต หมดจากเรื่องนี้ช่วงนี้ก็หันกลับมาดูแลร้านต่อ แต่อาจจะเพราะช่วงใกล้ปีใหม่ คนไม่ค่อยใช้จ่าย เงียบๆ มีออเดอร์ทุกวันแต่ก็น้อยกว่าเดิมเยอะเลย แต่ก็ดีกว่าไม่มีนะ คิดในทางที่ดีเอาไว้ ปลอบใจตัวเองซะก่อนจิตจะตกแล้วโรคซึมเศร้าจะเข้ามาแทรกแซงชีวิตอีก แค่นี้ก็แย่แล้ว
วันนี้ตื่นมาก็สายแล้ว กลางคืนช่วงนี้เริ่มนอนไม่ค่อยหลับ ไมเกรนขึ้น ไม่รู้เพราะอะไร อาจจะเครียดสะสม ใจมันชอบเก็บเรื่องราวต่างๆ มากองสุมไว้ในใจ พยายามจะปล่อยวางก็ไม่เคยจะได้ หงุดหงิดตัวเอง นั่งๆ ตอบลูกค้าอยู่วันนี้ก็ต้องหงุดหงิด ทำไมคนเราถึงเห็นแก่ตัวกันได้ขนาดนั้น ใจอ่อน อ่อนใจ ล้าและเพลียมากสุดๆ อาทิตย์ก่อนๆ แม่มาเยี่ยม วันที่พี่ยืมเงินแล้วเราบอกไม่มี เค้าก็หันไปยืมแม่แทน(ยืมที่ไม่เคยคืน) แม่แกก็บ่น แต่ก็ให้ (ความรักของแม่ไม่มีที่สิ้นสุด) แล้วแกก็เผลอพูดออกมาว่าแกเคยบ่นว่า พี่เอาไปเยอะแล้วเมื่อไหร่จะหยุดเสียที แล้วลูกชายแกก็ตอบมาว่า ทีแม่เอาเงินมาส่งเราเรียน เราใช้เยอะไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ เราได้ฟังแล้วก็อดเศร้าไม่ได้ เรื่องอย่างนี้มันยังเอามาเปรียบเทียบ ตัวเองไม่เรียนต่อเอง จะโทษใคร เราผิดเหรอที่เราเรียนต่อ พ่อแม่ผิดเหรอที่ส่งเราเรียน ทำไมใจร้ายอย่างนี้
ช่วงนี้เราคิดวนไปวกมาแต่เรื่องนี้ ที่เราทำทุกวันนี้มันดีไม่พอ ให้พี่เรามาอยู่บ้านด้วยในตอนที่ล้มไม่มีที่ไป ให้เงินใช้เป็นครั้งคราว เลี้ยงหมาให้มัน ค่าใช้จ่ายเราออกทุกบาททุกสตางค์ ทั้งหมาทั้งคน เว็บไซต์บริษัทมันเราดูแลให้ ทำและจ่ายเงินค่าเช่าโฮสต์ค่าโดเมนให้ จ่ายค่าทำโฆษณาให้ เราทำให้ทุกอย่างโดยไม่คิดจะได้อะไรกลับมาตอบแทนนอกจากให้เค้ายืนขึ้นได้อีกครั้งไวๆ แต่กลับได้ยันได้ฟังอะไรแบบนี้ มันอดจะทุกข์ใจเพราะรู้สึกเสียใจไม่ได้ พอแม่โทรหา มันปิดมือถือ พอมันมีธุระมันโทรมาหาเรา ไม่รับมัน วอทซ์แอพมา ไม่ตอบ มันเฟสบุ๊คมา ............ คือเราก็เหนื่อยกับสิ่งที่เราเป็นอยู่แล้ว ยังต้องมาเหนื่อยกับสิ่งที่เห็นมันเป็นอยู่อีก และสิ่งที่มันคิด................ตอนนี้ทำได้อย่างเดียวคือรู้สึกเสียใจ และพยายามทำใจ ไม่ให้ถือสา....
Create Date : 20 ธันวาคม 2555 |
|
1 comments |
Last Update : 20 ธันวาคม 2555 15:06:28 น. |
Counter : 799 Pageviews. |
|
|
|