มะเร็งกระเพาะอาหาร คืออะไร
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับมะเร็งกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารเป็นส่วนหนึ่งของระบบย่อยอาหาร เป็นอวัยวะที่อยู่บริเวณช่องท้องส่วนบน ใต้ต่อกระดูกซี่โครงเวลาเรารับประทานอาหาร อาหารจะเข้าทางปากจากนั้นผ่านไปยังหลอดอาหารไปสู่กระเพาะอาหารที่กระเพาะอาหาร อาหารบางส่วนจะถูกย่อยและจากนั้นอาหารก็จะเคลื่อนต่อไปยังลำไส้เล็กต่อไป เนื้องอกของกระเพาะอาหารสามารถแพร่กระจายได้ทั้งการลุกลามไปยังอวัยวะรอบๆ เช่น ตับอ่อน หลอดอาหาร หรือลำไส้ได้โดยตรง, แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ผ่านทางต่อมน้ำเหลือง หรือ กระจายผ่านทางกระแสโลหิต ปัจจัยเสี่ยง สาเหตุที่แท้จริงของการเกิดมะเร็งหลอดอาหารยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่มีการศึกษาพบว่ามีปัจจัยบางอย่างเกี่ยวของกับการเกิดเป็นมะเร็งของกระเพาะอาหาร เช่น - อายุ เมื่ออายุมากขึ้นก็จะมีโอกาสเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารมากขึ้น - เพศ พบว่าผู้ชายมีความเสี่ยงที่จะเป็นมากกว่าผู้หญิง - เชื้อชาติ พบมะเร็งกระเพาะอาหารในชาวเอเชียมากกว่า ชนชาติอื่นๆ - อาหาร การรับประทานอาหารปิ้งย่าง หมักดอง อาจทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งมากขึ้น ในขณะเดียวกันการรับประทานผักและผลไม้ก็อาจจะช่วยลดโอกาสเกิดโรคได้ - การติดเชื้อแบคทีเรีย H. Pylori เป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหาร ซึ่งเมื่อติดเชื้อนี้จะทำให้มีอาการอักเสบและเกิดเป็นแผลในกระเพาะอาหาร ซึ่งเพิ่มโอกาสในการเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น และเป็นเชื้อที่ไม่สามารถติดต่อกันระหว่างบุคคลได้ - การสูบบุหรี่ ทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้สูงขึ้น - โรคอื่นๆ เช่น กระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง และโรคเลือดบางชนิด อาการสำคัญ - ปวดท้อง หรือแน่นท้อง - คลื่นไส้อาเจียน - น้ำหนักลดอย่างมาก ผู้ป่วยที่มีอาการเหล่านี้ส่วนใหญ่มักไม่ได้มีสาเหตุมาจากโรคมะเร็ง แต่ถ้ามีอาการผิดปกติ ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและทำการรักษาต่อไป การตรวจเพื่อการวินิจฉัยโรค - การซักประวัติ และการตรวจร่างกายโดยทั่วไป - การกลืนแป้ง - การส่องกล้องดูทางอาหารส่วนบน และการตัดชิ้นเนื้อบริเวณที่สงสัยไปตรวจ การรักษา การรักษาที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับขนาด ตำแหน่งของก้อนเนื้องอก และระยะการแพร่กระจาย ของโรค วิธีการรักษานั้นประกอบด้วยการผ่าตัด การรักษาด้วยรังสี และการให้ยาเคมีบำบัด การผ่าตัด เป็นการรักษาหลักของมะเร็งกระเพาะอาหาร การผ่าตัดกระเพาะอาหารนั้น อาจเป็นการผ่าตัดเพื่อตัดกระเพาะอาหารออกบางส่วน หรือตัดออกทั้งหมด รวมถึงมีการตัดต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียงด้วยการให้ยาเคมีบำบัด เป็นการให้ยาทางหลอดเลือดเพื่อไปทำลายเซลล์มะเร็ง ทั่วร่างกาย โดย อาจมีผลข้างเคียง เช่น - เม็ดเลือดลดลง ทั้งเม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น, เม็ดเลือดแดง ซึ่งทำหน้าที่นำพาออกซิเจนไปยังเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกาย อาจทำให้มีอาการอ่อนเพลีย และ เกร็ดเลือด ซึ่งช่วยในการแข็งตัวของเลือด ทำให้อาจมีเลือดออกง่ายขึ้น - ผมร่วง - มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน การรักษาด้วยรังสี เป็นการให้รังสีพลังงานสูงเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง โดยมีผลจำกัดอยู่เฉพาะบริเวณที่ได้รับการฉายรังสีเท่านั้น ผลข้างเคียงนั้นขึ้นอยู่กับว่าเป็นการให้รังสีที่ส่วนใดของร่างกาย ส่วนใหญ่สำหรับโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มักเป็นการให้ รังสีบริเวณช่องท้องส่วนบน ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย ถ่ายเหลว และมีอาการแดงบริเวณผิวหนังที่ได้รับรังสีได้ แต่อาการเหล่านี้มักค่อยๆ ดีขึ้นหลังจากจบการรักษา การรับประทานอาหาร รับประทานอาหารได้ทุกชนิด โดยรับประทานให้ครบ 5 หมู่ และเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายของผู้ป่วยแข็งแรงและทนต่อการรักษาได้ดี มะเร็งกระเพาะอาหารคืออะไร มะเร็งกระเพาะอาหารคือโรคที่เกิดจากการมีเซลล์เนื้อร้ายเกิดขึ้นที่บริเวณเยื่อบุผิวของกระเพาะอาหาร ลักษณะของกระเพาะอาหารโดยปกติเป็นรูปตัว เจ (J) อยู่บริเวณช่องท้องส่วนบน เป็นอวัยวะหนึ่งในระบบการย่อยซึ่งจะดูดซึมสารอาหารต่างๆ เช่น วิตามิน เกลือแร่ แป้ง ไขมัน โปรตีน และน้ำที่เรารับประทานเข้าไป อาหารจะผ่านจากคอหอย ไปยังกระเพาะอาหาร โดยผ่านทางอวัยวะที่เรียกว่า หลอดอาหาร หลังจากนั้นอาหารที่ออกจากกระเพาะอาหารจะไปยังลำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่ ตามลำดับ กระเพาะอาหารและหลอดอาหารนั้นเป็นอวัยวะย่อยอาหารส่วนบน ผนังของกระเพาะอาหารนั้นประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อ 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นของเยื่อบุผิวด้านในอยู่ชั้นในสุด ชั้นถัดมาตรงกลางคือชั้นกล้ามเนื้อ และชั้นนอกสุดเป็นชั้นของเยื่อบุผิวด้านนอกโดยมะเร็งกระเพาะอาหารนั้นจะเริ่มเกิดจากเซลล์ที่อยู่บริเวณเยื่อบุผิวด้านในและกระจายผ่านออกมาถึงบริเวณเยื่อบุผิวด้านนอก เนื้องอกกระเพาะอาหารชนิด GIST (Gastrointestinal stromal tumor) เกิดจากเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ซึ่งจะได้รับการรักษาแตกต่างจากมะเร็งกระเพาะอาหาร ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งกระเพาะอาหาร อายุ อาหาร และโรคทางกระเพาะอาหารมีผลต่อความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร สิ่งใดก็ตามที่มีโอกาสส่งผลทำให้เราเกิดโรคขึ้นได้เราเรียกสิ่งนั้นว่า ปัจจัยเสี่ยง แต่การที่มีปัจจัยเสี่ยงไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นมะเร็ง และในทางกลับกัน การที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่มีโอกาสเป็นมะเร็ง สำหรับใครที่คิดว่าตัวเองมีปัจจัยเสี่ยงหรือไม่ควรปรึกษาแพทย์ ปัจจัยเสี่ยงสำหรับการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร มีดังนี้ - มีสภาวะดังต่อไปนี้ +มีการติดเชื้อ Helicobacter pylori ในกระเพาะอาหาร +กระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง +โลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงใหญ่ +การเจริญเติบโตผิดที่ของเซลล์ในลำไส้แทนที่เซลล์ของกระเพาะอาหาร +เนื้องอกลำไส้ที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม หรือเนื้องอกกระเพาะอาหาร - รับประทานอาหารเค็มจัด อาหารประเภทย่างเผา รับประทานผักและผลไม้ในปริมาณน้อย - รับประทานอาหารที่ไม่ได้รับการปรุงอย่างเหมาะสมถูกวิธี - อายุมากหรือ เพศชาย - สูบบุหรี่ - มีพ่อ แม่ พี่ หรือน้องที่เคยมีประวัติเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร อาการแสดงของมะเร็งกระเพาะอาหาร ลักษณะอาการแสดงของมะเร็งกระเพาะอาหาร ซึ่งในสภาวะโรคอื่นอาจมีอาการเดียวกันนี้ได้ในระยะเริ่มแรกของมะเร็ง กระเพาะอาหารอาจจะมีอาการแสดง ดังนี้ - อาหารไม่ย่อยและรู้สึกไม่สบายในช่องท้อง - ท้องอืดหลังรับประทานอาหาร - คลื่นไส้เล็กน้อย - ไม่อยากอาหาร - ปวดแสบร้อนที่บริเวณหน้าอก ในระยะขั้นต่อมาของมะเร็งกระเพาะอาหารอาจจะมีอาการแสดง ดังนี้ - มีเลือดปนในอุจจาระ ถ่ายอุจจาระสีดำ - อาเจียน - น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ - ปวดท้อง - ตัวเหลืองตาเหลือง - มีน้ำในช่องท้อง - กลืนลำบาก ถ้ามีอาการเกิดขึ้นตามนี้ควรรีบปรึกษาแพทย์ การตรวจหามะเร็งกระเพาะอาหาร การตรวจหามะเร็งกระเพาะโดยการตรวจหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร - การตรวจร่างกายและซักประวัติถึงสุขภาพโดยทั่วไป ตรวจดูอาการต่างๆ รวมถึงตรวจดูลักษณะก้อนหรือสิ่งใดที่อาจมีลักษณะผิดปกติไป ตรวจดูพฤติกรรม การเจ็บป่วยในอดีต รวมถึงประวัติการรักษาที่ผ่านมา - ตรวจเลือด เป็นการตรวจเพื่อดูปริมาณสารต่างๆ ที่ถูกปล่อยออกมาจากอวัยวะหรือเนื้อเยื่อใดๆ ของร่างกาย ปริมาณที่มากไปหรือน้อยไปอาจเป็นการบ่งบอกถึงสภาวะเป็นโรคของอวัยวะนั้นๆ - ตรวจนับจำนวนเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์ เป็นวิธีการที่ตรวจหา +ปริมาณเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด +ปริมาณฮีโมโกลบิน (โปรตีนที่จับกับออกซิเจน) ในเม็ดเลือดแดง +ส่วนประกอบต่างๆ ที่อยู่ในเม็ดเลือดแดง - การส่องกล้องช่องท้องส่วนบน เป็นวิธีการที่จะตรวจดูภายในบริเวณ หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนแรก (ดูโอดีนัม) เพื่อหาบริเวณที่ผิดปกติ กล้องที่ใช้ส่องนั้นมีขนาดเล็ก บาง จะผ่านจากช่องปากไปถึงลำคอและผ่านลงไปยังหลอดอาหาร - ตรวจเลือดในอุจจาระ โดยสามารถตรวจดูได้จากวิธีการทางจุลทรรศน์เท่านั้น - การเอกซเรย์กลืนแป้ง เป็นการตรวจโดยจะให้ผู้ป่วยกลืนน้ำที่ผสมแบเรี่ยม (เป็นผลสีขาว เงิน) ซึ่งน้ำที่กลืนไปนั้นจะไปเคลือบที่ผิวของหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร หลังจากนั้นจะทำการเอกซเรย์ตรวจดู วิธีการนี้อาจเรียกอีกอย่างว่า การเอกซเรย์ทางเดินอาหารส่วนบน - การตรวจชิ้นเนื้อทางพยาธิวิทยา โดยทั่วไปจะทำการตัดชิ้นเนื้อในระหว่างการส่องกล้อง โดยทำการตัดชิ้นเนื้อออกมาตรวจดูภายใต้กล้องจุลทรรศน์ เพื่อดูลักษณะเซลล์มะเร็ง - เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (ซี ที สแกน) เป็นการตรวจโดยใช้คอมพิวเตอร์ซึ่งเชื่อมต่อกับเครื่องเอกซเรย์ สามารถถ่ายภาพบริเวณภายในของร่างกายและยังสามารถถ่ายได้หลายมุม การฉีดสารทึบรังสีเข้าไปทางเส้นเลือดดำหรือการกลืนจะช่วยทำให้สามารถมองเห็นอวัยวะนั้นๆ ได้ชัดเจนขึ้น ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการหายของโรคและทางเลือกของการรักษา การพยากรณ์โรค (โอกาสหายของโรค) และวิธีการรักษานั้นขึ้นอยู่กับ - ระยะและการกระจายของมะเร็ง (ว่ามะเร็งนั้นยังอยู่ในกระเพาะอาหารหรือมีการกระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง - สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย การตรวจพบมะเร็งกระเพาะอาหารที่ยังอยู่ในระยะแรกๆนั้นมีโอกาสที่จะหายได้มากกว่า แต่มะเร็งกระเพาะอาหารนั้นโดยทั่วไปมักจะตรวจพบเมื่อเป็นระยะท้ายๆแล้วซึ่งมีทางที่จะรักษาได้ แต่น้อยนักที่จะรักษาจนหายขาดได้ ระยะของมะเร็งกระเพาะอาหาร ระยะ 0 (ระยะก่อนลุกลาม) ระยะนี้เซลล์ผิดปกติจะพบที่บริเวณผนังชั้นในสุดของกระเพาะอาหารนั่นคือ ชั้นเยื่อบุผิวด้านใน ซึ่งเซลล์ที่ผิดปกตินี้จะกลายเป็นเซลล์มะเร็ง และแพร่กระจายต่อไปยังเนื้อเยื่อปกติข้างเคียงต่อไป หากไม่ได้รับการรักษา ระยะที่ 1 ระยะนี้เซลล์มะเร็งถูกพบโดยระยะนี้สามารถแบ่งได้เป็น ระยะ IA และระยะ IB ขึ้นอยู่กับว่าเซลล์มะเร็งได้แพร่กระจายไปที่ใดแล้ว - ระยะ IA มะเร็งที่เยื่อบุชั้นในสุดของกระเพาะอาหารโดยทั่ว - ระยะ IB มะเร็งลุกลามเฉพาะที่ +เยื่อบุผิวชั้นในสุดของกระเพาะอาหารและพบว่าได้กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียงไม่เกิน 6 ต่อมหรือ +ลุกลามไปถึงชั้นกล้ามเนื้อหรือชั้นกลางของกระเพาะอาหาร ระยะที่ 2 ระยะนี้มะเร็งได้ลุกลามไปที่ - เยื่อบุผิวชั้นในสุดของกระเพาะอาหารและพบว่าได้กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียง 7-15 ต่อมหรือ - ลุกลามไปถึงชั้นกล้ามเนื้อหรือชั้นกลางของกระเพาะอาหาร ร่วมกับการกระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียงไม่เกิน 6 ต่อม หรือ - ลุกลามไปถึงเยื่อบุผิวชั้นนอกสุดของกระเพาะอาหาร แต่ยังไม่แพร่ไปยังต่อมน้ำเหลืองหรืออวัยวะอื่นใด ระยะที่ 3 ระยะนี้ ได้แบ่งออกเป็น ระยะ IIIA และระยะ IIIB ขึ้นกับว่ามะเร็งได้ลุกลามไปที่ใดแล้ว - ระยะ IIIA ระยะนี้มะเร็งได้ลุกลามไปที่ +ชั้นกล้ามเนื้อหรือชั้นกลางของกระเพาะอาหารและพบว่าได้กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียง7-15 ต่อมหรือ +เยื่อบุชั้นนอกสุดของกระเพาะอาหาร และพบว่าได้กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียง 1-6 ต่อมหรือ +อวัยวะที่ติดกับกระเพาะอาหาร แต่ไม่แพร่ไปยังต่อมน้ำเหลืองหรืออวัยวะส่วนอื่น - ระยะ IIIB ระยะนี้มะเร็งได้ลุกลามไปที่เยื่อบุชั้นนอกสุดของกระเพาะอาหาร และพบว่าได้กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียง 7-15 ต่อม ระยะที่ 4 ระยะนี้มะเร็งได้แพร่กระจายไปที่ - อวัยวะที่ติดกับกระเพาะอาหาร และต่อมน้ำเหลืองอย่างน้อย 1 ต่อม หรือ - ต่อมน้ำเหลืองมากกว่า 15 ต่อม - อวัยวะส่วนอื่นๆ ของร่างกาย การกลับเป็นซ้ำของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร (การกำเริบของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร) การกลับมาเป็นซ้ำหรือการกำเริบของโรคมะเร็งกระเพาะอาหารนั้นอาจเกิดขึ้นได้หลังจากที่รับการรักษาไปแล้ว มะเร็งอาจจะกลับมาเป็นซ้ำอีกได้ที่กระเพาะอาหาร หรืออวัยวะส่วนอื่นใดของร่างกาย เช่น ตับ หรือต่อมน้ำเหลือง วิธีการรักษามะเร็งกระเพาะอาหาร มีหลายวิธีการรักษาสำหรับผุ้ป่วยที่เป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร วิธีการรักษานั้นมีหลายอย่าง บางวิธีนั้นก็เป็นการรักษาตามมาตรฐานทั่วไปที่ทุกวันนี้ใช้อยู่ บางวิธีก็เป็นการรักษาเพื่อการศึกษาวิจัยทางคลินิก ซึ่งการศึกษาวิจัยทางคลินิกนี้นั้นจะเป็นการพัฒนา ช่วยปรับปรุงวิธีการรักษาแบบเดิมให้ดีขึ้นสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งถ้าการศึกษาวิจัยทางคลินิกนั้นได้ผลดีกว่าการรักษาแบบเดิมที่ใช้ เราก็จะนำการรักษาแบบใหม่ที่ได้ผลมาแทนที่การรักษาแบบเดิม โดยผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาแบบการศึกษาวิจัยทางคลินิกนั้น อาจจะต้องคิดพิจารณาทบทวนก่อนการตัดสินใจ และบางการศึกษาวิจัยทางคลินิกนั้นจะรับเฉพาะผู้ป่วยที่ยังไม่เคยได้รับการรักษาแบบบอื่นมาก่อน สำหรับการรักษาในปัจจุบันนั้นมี 4 แบบ ดังนี้ การผ่าตัด การผ่าตัดเป็นการรักษาที่ใช้บ่อยในทุกระยะของมะเร็ง ซึ่งมีหลายแบบดังนี้ - การผ่าตัดกระเพาะอาหารออกบางส่วน เป็นการักษาโดยการผ่าตัดเอากระเพาะอาหาร ส่วนที่มีเซลล์มะเร็งอยู่รวมถึงต่อมน้ำเหลือง เนื้อเยื่อและอวัยวะใกล้เคียงออก ม้ามอาจถูกตัดออกไปด้วย โดยม้ามนั้นเป็นอวัยวะที่อยู่ส่วนบนของช่องท้องมีหน้าที่กรองเลือดขับเม็ดเลือดที่เสียออก - การผ่าตัดกระเพาะอาหารออกทั้งหมด เป็นการผ่าตัดเอากระเพาะอาหารออกทั้งหมด รวมทั้งต่อมน้ำเหลืองข้างเคียงบางส่วนของหลอดอาหาร ลำไส้เล็ก และเนื้อเยื่อรอบๆ ก้อนมะเร็ง ม้ามอาจถูกตัดออกไปด้วย หลังจากนั้นหลอดอาหารจะถูกต่อกับลำไส้เล็กโดยตรง ดังนั้นผู้ป่วยจึงสามารถกินอาหารและกลืนได้ปกติในกรณีที่ก้อนมะเร็งอุดกั้นกระเพาะอหาหารทั้งหมด และไม่สามารถผ่าตัดโดยวิธีมาตรฐานได้ อาจทำการรักษาโดย - การใส่ขดลวดในท่อทางเดินอาหาร เป็นวิธีที่ใช้ขดลวดที่บางและสามารถขยายได้ ซึ่งใช้ถ่างบริเวณใดก็ตามที่มีลักษณะเป็นท่อกลวงให้เปิด เช่น เส้นเลือดแดง หรือหลอดอาหาร การผ่าตัดขึ้นอยู่กับตำแหน่งของก้อนมะเร็ง อาจใส่ขดลวดเข้าไปในบริเวณระหว่างหลอดอาหารกับกระเพาะอาหาร หรือระหว่างกระเพาะอาหารกับลำไส้เล็กก็ได้ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถรับอาหารได้ - การใช้เลเซอร์ เป็นการส่องกล้องที่มีเลเซอร์ติดอยู่ที่ปลายกล้อง แล้วใส่เข้าไปในร่างกายบริเวณที่มีก้อนมะเร็ง เลซอร์จะทำหน้าที่เหมือนกับมีดผ่าตัดนั่นเอง เคมีบำบัด เป็นการรักษามะเร็งโดยการใช้ยาเพื่อไปหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าเซลล์โดยตรงหรือหยุดการแบ่งตัวเท่านั้น เมื่อยาเคมีบำบัดเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าจะเป็นทางการกิน หรือการฉีดเข้าเส้นเลือดดำหรือกล้ามเนื้อ ยาจะวิ่งไปถึงเซลล์มะเร็งที่กระจายอยู่ทั่วร่างกาย นอกจากนี้อาจให้ยาเคมีบำบัดโดยการใส่เข้าทางกระดูกสันหลัง อวัยวะ หรือช่องว่างในร่างกาย เช่น ช่องท้อง จะเรียกว่าเป็นการให้ยาเฉพาะที่ การจะเลือกวิธีใดขึ้นอยู่กับชนิดและระยะของมะเร็ง รังสีรักษา รังสีรักษา เป็นการรักษามะเร็งโดยการใช้รังสีเอ็กซเรย์ที่มีพลังงานสูงหรือรังสีชนิดอื่นๆ เพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง หรือหยุด การเจริญเติบโต แบ่งเป็น 2 วิธี ได้แก่ 1.การใช้เครื่องมือฉายรังสีจากภายนอกร่างกาย 2.แหล่งของพลังงานรังสีอยู่ภายในร่างกาย เป็นการใส่สารทึบรังสีที่ถูกปกปิดอย่างดีในท่อเข็ม หรือเครื่องมือใดๆ ก็ตาม เข้าไปในจุดที่เป็นเซลล์มะเร็งเองหรือจุดใกล้เคียงเซลล์มะเร็ง การจะเลือกวิธีใดขึ้นอยู่กับชนิดและระยะของมะเร็งเช่นกัน รังสีเคมีบำบัด รังสีเคมีบำบัดเป็นการรักษาที่ร่วมกันระหว่าง รังสีรักษาและยาเคมีบำบัดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพซึ่งกันและกัน การใช้รังสีเคมีบำบัดอาจจะเป็นหลังการผ่าตัดเพื่อหวังให้โรคหายขาดหรือให้ก่อนการผ่าตัดเพื่อให้สามารถผ่าตัดให้ง่ายขึ้นก็ได้ โดยปกติแพทย์รังสีรักษาจะฉายรังสีบริเวณกระเพาะอาหารประมาณ 25-30 ครั้งใน 5-6 สัปดาห์ ร่วมกับให้ยาเคมีบำบัด ผู้ป่วยอาจจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลในช่วงเวลาดังกล่าว ผู้ป่วยต้องตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในงานวิจัยทางคลินิก สำหรับผู้ป่วยบางรายที่มีส่วนร่วมในงานวิจัย อาจจะได้รับวิธีการรักษาที่ดีที่สุดก็เป็นได้ เนื่องจากว่างานวิจัยนั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ค้นพบวิธีการรักษาใหม่ๆ ที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพดีกว่าการรักษามาตรฐานการรักษามาตาฐานในปัจจุบันนี้ อยู่บนพื้นฐานของงานวิจัยในอดีต ซึ่งผู้ป่วยที่เข้าร่วมงานวิจัยอาจจะได้รับการรักษาโดยวิธีมาตรฐานหรืออาจจะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับการรักษาที่จะกลายเป็นการรักษามาตรฐานในอนาคตก็ได้นอกจากนี้ผู้ป่วยเหล่านี้ยังถือได้ว่าเป็นกลุ่มที่จะช่วยใหมีการรักษาใหม่ๆ ที่ดีกว่าให้เกิดขึ้นในอนาคต และเป็นการช่วยเหลือผู้ป่วยรายอื่นๆ ต่อไปอีกด้วย ผู้ป่วยสามารถเข้าร่วมงานวิจัยทางคลินิกก่อน ระหว่าง หรือหลังจากการเริ่มการรักษาไปแล้วก็ได้ บางการศึกษาวิจัยต้องการผู้ป่วยที่ยังไม่เคยได้รับการรักษาใดๆ หรือบางการศึกษาอาจเลือกผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาแล้วยังมีอาการไม่ดีขึ้น หรือหายแล้วแต่มีการกลับเป็นซ้ำของโรคเดิมอีก เพื่อให้ได้การรักษาที่ดีและมีผลข้างเคียงน้อย การตรวจติดตามหลังการรักษา การตรวจบางอย่างเพื่อใช้ในการวินิจฉัยหรือจัดระยะของโรคมะเร็งอาจมีความจำเป็นต้องตรวจซ้ำเพื่อดูว่าการรักษาที่ได้นั้นได้ผลหรือไม่ เพื่อตัดสินใจว่าจะให้การรักษาเดิม หยุดการรักษาหรือเปลี่ยนการรักษาไปเป็นชนิดอื่น ซึ่งกระบวนการนี้เรียกว่า "การจัดระยะของโรคใหม่" นอกจากนี้การตรวจบางอย่างนั้นจะตรวจหลังจากการรักษานั้นสิ้นสุดแล้วเพื่อดูว่ามีการกลับเป็นซ้ำของโรคหรือไม่เรียกว่า การตรวจติดตาม การเลือกวิธีการรักษาตามระยะของโรค การเลือกการรักษานั้นอยู่บนพื้นฐานของผลการศึกษาในปัจจุบัน ในมะเร็งบางชนิดหรือบางระยะอาจไม่ได้แสดงในที่นี้ โปรดปรึกษาแพทย์ของท่านเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องต่อไป ระยะที่ 0 (ระยะก่อนลุกลาม) ให้การรักษาโดยการผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็นผ่าตัดกระเพาะอาหารออกบางส่วนหรือตัดออกทั้งหมด ระยะที่ 1 - การผ่าตัดกระเพาะอาหารออกทั้งหมดหรือบางส่วน - การผ่าตัดกระเพาะอาหารออกทั้งหมดหรือบางส่วน ติดตามด้วยการให้รังสีเคมีบำบัด - การให้รังสีเคมีบำบัดก่อนการผ่าตัดนั้น ยังอยู่ในช่วงของการศึกษาวิจัย ระยะที่ 2 - การผ่าตัดกระเพาะอาหารออกทั้งหมดหรือบางส่วน - การผ่าตัดกระเพาะอาหารออกทั้งหมดหรือบางส่วน ติดตามด้วยการให้รังสีเคมีบำบัด - การให้ยาเคมีบำบัดก่อนการผ่าตัด - การให้รังสีเคมีบำบัดก่อนการผ่าตัดนั้น ยังอยู่ในช่วงของการศึกษาวิจัย ระยะที่ 3 - การผ่าตัดกระเพาะอาหารออกทั้งหมด - การผ่าตัดกระเพาะอาหาร ติดตามด้วยการให้รังสีเคมีบำบัด - การให้ยาเคมีบำบัดก่อนและหลังการผ่าตัด - การให้รังสีเคมีบำบัดก่อนการผ่าตัดนั้น ยังอยู่ในช่วงของการศึกษาวิจัย ระยะที่ 4 - ยังไม่มีการกระจายไปยังอวัยวะที่อยู่ไกล +การผ่าตัดกระเพาะอาหารออกทั้งหมด +การผ่าตัดกระเพาะอาหาร ติดตามด้วยการให้รังสีเคมีบำบัด +การให้ยาเคมีบำบัดก่อนและหลังการผ่าตัด +การให้รังสีเคมีบำบัดก่อนการผ่าตัดนั้น ยังอยู่ในช่วงของการศึกษาวิจัย - มีการกระจายไปยังอวัยวะที่อยู่ไกล +การรักษาแบบประคับประคอง โดยการให้ยาเคมีบำบัด เพื่อบรรเทาอาการต่างๆ และเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต +การใช้เลเซอร์หรือขดลวดถ่าง เพื่อช่วยบรรเทาอาการอุดกั้นของกระเพาะอาหาร +รังสีรักษา เพื่อประคับประคองอาการเลือดออก อาการปวด หรืออาจช่วยให้ก้อนมะเร็งมีขนาดเล็กลงได้เพื่อบรรเทาการอุดกั้นของกระเพาะอาหาร +การผ่าตัดประคับประคองอาการเลือดออก หรืออาจช่วยให้ก้อนมะเร็งมีขนาดเล็กลงได้เพื่อบรรเทาการอุดกั้นของกระเพาะอาหาร +การให้ยาเคมีบำบัดเพื่อการรักษาแบบประคับประคอง เพื่อบรรเทาอาการต่างๆ และเพิ่มคุณภาพชีวิต ยังอยู่ในช่วงของการศึกษาวิจัย วิธีการรักษามะเร็งกระเพาะอาหารที่กลับมาเป็นซ้ำ - การให้ยาเคมีบำบัดเพื่อการรักษาแบบประคับประคอง เพื่อบรรเทาอาการต่างๆ และเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต - การใช้เลเซอร์หรือขดลวดถ่าง เพื่อช่วยบรรเทาอาการอุดกั้นของกระเพาะอาหาร - รังสีรักษา เพื่อประคับประคองอาการเลือดออก อาการปวด หรืออาจช่วยให้ก้อนมะเร็งมีขนาดเล็กลงได้เพื่อบรรเทาการอุดกั้นของกระเพาะอาหาร - การผ่าตัดประคับประคองอาการเลือดออก หรืออาจช่วยให้ก้อนมะเร็งมีขนาดเล็กลงได้ เพื่อบรรเทาการอุดกั้นของกระเพาะอาหาร ที่่มา : //www.chulacancer.net ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
Create Date : 14 กันยายน 2555 |
|
1 comments |
Last Update : 14 กันยายน 2555 9:54:53 น. |
Counter : 9002 Pageviews. |
|
|
|