< KITAMURA : ราชบุตรจากขุมนรก >
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
10 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
Slumdog Millionaire : “โชคชะตา” ของนาย “โชคดี” (2008)

(บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของหนัง)






เมื่อพูดถึงรายการเกมโชว์ดังๆในสมัยก่อน อย่างรายการ “เกมเศรษฐี” ที่มีคุณ “ไตรภพ ลิมปพัทธ์” เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ผมนึกถึงวลีเด็ดๆของรายการนี้อย่าง “ขอใช้ตัวช่วย” และ “เป็นคำตอบสุดท้าย”(ประโยคหลังนี่ดังมาก จนมีคนนำไปแต่งเป็นเพลงลูกทุ่งด้วย)จำได้นะครับ ว่าตอนที่รายการนี้ดังมากๆนั้น ผมเพิ่งจะอยู่เพียงป.3 เท่านั้นเอง และผมกับเพื่อนๆยังชื่นชอบรายการนี้จนต้องไปหาซื้อหนังสือจำพวก คำถามความรู้รอบตัว มาทายเล่นกับเพื่อนๆ

ความสนุกของเกมเศรษฐีนั้น จะอยู่ตรงที่เราจะตอบคำถามเหล่านั้นได้หรือไม่? และการลุ้นว่าผู้เข้าแข่งขันนั้น จะตอบคำถามพิชิตเงินรางวัลสูงสุดได้หรือเปล่า? สิ่งเหล่านี้เอง ที่เมื่อผมมาเห็นในหนังเรื่อง “slumdog millionaire” ก็ทำให้ผมคิดถึงรายการเกมเศรษฐีฉบับบ้านเราขึ้นมาทันที





และสิ่งที่หนัง slumdog millionaire ทำให้ผมคิดถึงขึ้นมาอีกอย่างคือ เทคนิคการเขียนบทภาพยนตร์แบบเล่าเรื่องของ “พวกรองบ่อน” ที่ผมเคยอ่านในหนังสือสอนเขียนบทหลายเล่ม การเล่าเรื่องของคนรองบ่อนนี้(คนตัวเล็กๆที่ทำอะไรที่ดูเกินตัว) เป็นหนึ่งในสูตรการดำเนินเรื่องของหนัง ที่ถ้าจับจังหวะหนังได้ดี หนังเรื่องนั้นอาจจะประสบความสำเร็จได้ง่าย เนื่องจากคนดูส่วนใหญ่แล้ว นิยมชมชอบหนังแนวนี้(จนถูกบรรจุเป็นสูตรในการเขียนบทหนัง)และหนังเรื่อง slumdog millionaire ก็เป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จของหนังที่ใช้สูตรนี้อีกครั้งหนึ่ง(และไปไกลถึงขั้นคว้ารางวัลหนังเยี่ยมออสการ์อีกด้วย)

คนรองบ่อนในหนังเรื่องนี้คือ “จามาล”(เดฟ พาเทล) เด็กหนุ่มที่กำลังเล่นรายการเกมเศรษฐีของอินเดีย เขาได้สร้างความตกตะลึงให้กับคนดูและพิธีกรรายการ(อานิล คาปูร์) เมื่อจามาลสามารถตอบคำถามได้มาจนถึงข้อสุดท้าย จนเขาถูกสงสัยว่าโกงการแข่งขัน เขาจึงถูกส่งตัวให้ตำรวจเพื่อสอบปากคำว่า จามาลมีวิธีโกงตอบคำถามเกมนี้หรือไม่? ซึ่งจามาลก็ตอบไปว่าเขาไม่ได้โกง จากนั้น จามาล ก็เล่าถึงที่มาของ “ความรู้รอบตัว” ที่นำมาตอบในรายการให้ตำรวจฟัง





จามาล นั้นเคยเป็นเด็กในสลัมแห่งเมืองมุมไบ เขามีพี่ชาย “ซาลิม”(แมเดอร์ มิททัล) ที่อาศัยอยู่ในสลัมนี้ด้วยกัน ทั้งคู่ต้องสูญเสียแม่ไปจากเหตุการณ์ความขัดแย้งเรื่องศาสนา จากนั้น สองพี่น้องก็ได้มารู้จักกับสาวน้อย “ลาติกา”(ฟรีดา พินโต) ที่จามาลชวนให้เธอมาอยู่ร่วมวงด้วยกัน

จากนั้นพวกเขาทั้ง 3 ก็ถูกคนกลุ่มหนึ่งบังคับให้ไปเป็นเด็กขอทาน แต่จามาลกับซาลิมสามารถหลบหนีออกมาจากที่นั่นได้ ยกเว้นลาติกา หลังจากนั้น ชีวิตของทั้งสามก็ระหกระเหินและเปลี่ยนแปลงไปอย่างคาดไม่ถึง...





ถึงแม้ว่า หนังจะใช้สูตรหนังคนรองบ่อนมาใช้ แต่ด้วยทักษะการเล่าเรื่องที่แม่นยำของ “แดนนี่ บอยล์” ผู้กำกับของหนัง เลยทำให้หนังออกมาดูสนุก ไม่น่าเบื่อเหมือนกับหนังหลายๆเรื่องที่ใช้สูตรนี้เช่นกัน แต่กลับจับจังหวะหนังไม่ถูก

อีกสิ่งหนึ่งที่บอยล์ “ถนัด” เป็นพิเศษคือ การถ่ายทอด “สันดานความเป็นมนุษย์” ที่ใน slumdog millionaire นี้ มีตัวละคร(เช่นจามาล,ซาลิม,ลาติกา,คนคุมเด็กขอทาน)หรือเหตุการณ์ต่างๆ(เช่น เหตุการณ์การปะทะกันระหว่างคนต่างศาสนา)ที่เอื้ออำนวยต่อการนำเสนอสันดานของคนได้เป็นอย่างดี(แม้กระทั่ง คนที่ฉากหน้าดูดีอย่าง พิธีกรรายการเกมเศรษฐี แต่ลับหลังกลับขัดขวางจามาลทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้จามาลคว้าเงินรางวัลสูงสุดไป)





นอกจากบอยล์จะถ่ายทอดความเป็นมนุษย์ได้ดีแล้ว เขายังถ่ายทอดภาพของโลกของ “สลัม” และชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนแออัดได้น่าสมจริงและน่าตื่นเต้น ในตอนต้นเรื่อง หนังได้พาคนดูไปสำรวจโลกของสลัมผ่านการวิ่งหนียามสนามบินที่วิ่งไล่กวดของจามาลกับซาลิม(ในวัยเด็ก)หลังจากที่พวกจามาลและเพื่อนแอบไปเล่นเบสบอลในสนามบิน ซึ่งในฉากนี้ก็มีดนตรีประกอบที่เร้าใจ บวกกับมุมกล้องและการตัดต่อที่ฉับไว จึงทำให้โลกของสลัมดูมีชีวิตวาและน่าตื่นเต้นดีแท้

และต่อจากนั้นหนังก็ติดตามเล่าชีวิตที่ผกผันของจามาล,ซาลิม และลาติกา ผ่านการเล่าเรื่องของจามาล ที่กำลังให้การกับตำรวจเพื่อแก้ต่าง การถูกกล่าวหาว่าโกงรายการเกมเศรษฐี





จุดร่วมสำคัญของทั้ง 3 ชีวิต(จามาล,ซาลิม และลาติกา) หลังจากที่ต้องสูญเสียครอบครัวไป คือการพยายามดิ้นรนที่อยากจะมีชีวิตที่ดีขึ้น และทั้งสามก็ต้องมาเจอเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อพวกเขาเริ่มโตขึ้น ซาลิม ที่ดูจะเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างบ้างระห่ำมากที่สุดในบรรดา3คน ทั้งการกล้าใช้ปืนสังหารคน(จากการที่จามาลและซาลิมไปชิงตัวลาติกาจากคนคุมเด็กขอทาน หลังจากที่จามาลได้ตามหา ลาติกา มาตลอด) จนซาลิมได้เข้าร่วมแก๊งค์เจ้าพ่อชื่อดังแก๊งค์หนึ่ง และซาลิมยังเลยเถิดถึงขั้น เอาผู้หญิงที่จามาลรักมากที่สุดอย่าง ลาติกา ไปทำเมีย! อย่างที่จามาลไม่เต็มใจ(แต่ก็ต้องยอมเพราะถูกพี่ชายตัวเองข่มขู่ด้วยปืน)จากนั้นซาลิมก็ส่งลาติกาไปให้กับเจ้าพ่อแก๊งค์ที่ซาลิมสังกัดอยู่ ส่วนจามาล ก็กลายมาเป็นเด็กเสิร์ฟชาที่ศูนย์ Call Center โทรศัพท์แห่งหนึ่ง

หลังจากเหตุการณ์ที่เลวร้ายนั่น จามาล ก็ยังคงออกตามหาลาติกา และยังหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับเธอ หลังจากที่พลัดพรากกันมาหลายครั้ง และฉากที่แสดงถึงความรักของเขาที่มีต่อเธอได้เป็นอย่างดีคือ ฉากที่จามาลแอบติดตามซาลิม จนได้มาเจอกับลาติกาอีกครั้งในบ้านของเจ้าพ่อ เขาชวนให้เธอหนีไปกับเขา “หนีไปกับฉันเถอะ” ลาติกาถาม “หนีแล้วจะไปอยู่กับอะไร?” จามาลตอบ “อยู่กับความรัก...”





และในอีกฉากหนึ่งที่หนังแสดงให้เห็นถึงความคิดถึงของจามาลที่มีต่อลาติกาได้อย่างน่ารักคือ ในตอนที่จามาลกำลังตอบคำถามข้อแจ็คพ็อต เขาเลือกใช้ตัวช่วยโทรหาใครก็ได้หนึ่งครั้ง จามาลเลือกที่จะโทรหาพี่ชาย แต่หารู้ไม่ว่า ก่อนหน้านี้ ซาลิมได้ “ไถ่บาป” สิ่งที่ทำไว้อย่างเลวร้ายกับน้องของตัวเอง หลังจากที่ซาลิมได้เห็นน้องเล่นเกมเศรษฐีข้อสุดท้ายนั่น เขาก็ได้ช่วยเหลือ ลาติกา ให้ได้หนีออกไปจากบ้านของเจ้าพ่อ และยังมอบโทรศัพท์ของเขาให้กับเธอ จากนั้นลาติกาก็รีบรุดหน้าไปหาจามาล และระหว่างไปก็ได้รับสาย จามาล จากโทรศัพท์ของซาลิมนั่น และเพียงแค่ได้ยินเสียงของเธอ จามาลก็แทบจะไม่สนใจอย่างอื่นเลย(ลืมแม้กระทั่งอ่านคำถามให้เธอฟัง)

และในที่สุด จามาล ก็ตอบคำถามข้อสุดท้ายนั้นได้สำเร็จและได้อยู่กับลาติกาสมใจ...จามาลตอบคำถามข้อสุดท้ายนั่นได้อย่างไร? แม้ในขณะที่พิธีกรกำลังถามคำถามข้อสุดท้าย จามาลเองก็ยังเปรยๆว่า เขาไม่รู้คำตอบของข้อนี้จริงๆ(แม้แต่ลาติกาที่ “โฟนอิน” เข้ามา ก็ยังช่วยตอบไม่ได้) แต่ในที่สุดเขาก็ตอบถูก...คิดแบบไม่ต้องซับซ้อนเลย การตอบคำถามแบบเดาสุ่มแล้วดันถูก ก็เหมือนเป็น “ความโชคดี” ของเขา อีกทั้งเรื่องราวต่างๆในชีวิตที่จามาลพบเจอ ต่างก็เป็นเหมือน “โชคชะตาลิขิต” ไว้ให้เป็นเช่นนั้น





ซึ่งจริงๆแล้ว ในตลอดทั้งเรื่องของหนัง ก็คอยตอกย้ำถึงเรื่อง “โชคชะตาลิขิต” ไว้หลายครั้ง ทั้งตอนที่จามาล มาเจอเด็กตาบอดที่เคยอยู่เป็นขอทานด้วยกัน เมื่อจามาลให้เงินกับเด็กขอทานตาบอดคนนี้ เด็กตาบอดก็บอกกับจามาลประมาณว่า “นายน่ะโชคดีนะ ทุกอย่างถูกกำหนดไว้หมดแล้ว” และพิธีกรรายการเกมเศรษฐีก็พูดบ่อยครั้งในตอนที่รายการออกอากาศประมาณว่า “นี่เหมือนเป็นดั่งความฝัน เหมือนโชคชะตากำหนดไว้” หรือแม้กระทั่งตัวจามาลเอง ก็ยังเคยพูดกับลาติกาไว้ว่า “มันเป็นพรหมลิขิต ที่ทำให้เรามาเจอกัน”

สรุปได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับจามาลในหนังเรื่องนี้คือ โชคชะตาที่ได้ถูกกำหนดไว้หมดแล้ว ที่แม้กระทั่งตำรวจที่สอบสวนจามาล ยังอดทึ่งไม่ได้กับเรื่องราวชีวิตของเขา จนแทบไม่อยากจะเชื่อ(แต่ในที่สุดก็เชื่อ) และถ้าตำรวจเกิดอยากจะพยายามจับจามาลในข้อหาโกงรายการเกมเศรษฐีจริงๆ ก็คงต้องเขียนไว้ในคำให้การแล้วว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพราะการมี “โชคชะตาที่โชคดีเกินไป”ของเด็กหนุ่มที่ชื่อ จามาล...



kitamura
















Create Date : 10 ตุลาคม 2553
Last Update : 10 ตุลาคม 2553 6:16:47 น. 0 comments
Counter : 3824 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Kitamura
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add Kitamura's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.