< KITAMURA : ราชบุตรจากขุมนรก >
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
10 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
< The Midnight Meat Train : “บางสิ่ง”ที่แอบซ่อนอยู่ (2008) >

(บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของหนัง)






ในฐานะที่ผมเป็นแฟนตัวยงของผู้กำกับหนัง “ริวเฮย์ คิตามูระ” การโกอินเตอร์ไปทำหนังที่ฮอลลีวู้ดเรื่องแรก “The Midnight Meat Train” ของคิตามูระ ทำให้ผมเกิดความสงสัยบวกความกังวลว่า หนังมันจะออกมาอีท่าไหน? และที่สำคัญ หนังมันจะยังคง “ความเป็นคิตามูระ” ไว้ได้หรือเปล่า?

ซึ่ง The Midnight Meat Train ก็ยังคงความเป็นคิตามูระไว้อย่างครบถ้วนครับ ทั้งการหมุน ทั้งควง กล้องอย่างเมามัน และยังมีการ ทุบ,เหวี่ยง,ยิง,แทง เหยื่ออย่างโหดชนิด สาแก่ใจแฟนๆ(หุหุ) และเอกลักษณ์ที่ขาดไม่ได้คือ ฉากควงกล้องหมุนในระดับ 360 องศา ซึ่งในหนังเรื่อง The Midnight Meat Train ก็ยังคงมีฉากหมุนแบบนั้น โดยคราวนี้ หมุนกล้อง 360 องศา ในโบกี้รถไฟใต้ดินกันเลยทีเดียว(โอ้ววว)





และสิ่งที่เป็นจุดเด่นในหนังหลายเรื่องของริวเฮย์ที่เห็นได้ชัดอีกอย่างคือ รูปแบบของตัวละคร กล่าวคือ ตัวละครเอกในหนังของริวเฮย์ มักจะเป็นตัวละครที่ไม่รู้ว่า ในตัวเองนั้นมี “บางสิ่ง” ซ่อนอยู่ในตัว และมันจะค่อยๆเผยออกมา และการที่บางสิ่งอยู่ในตัวละครนั้น ก็เป็นชะตากรรมของตัวละครที่ถูกกำหนดมาแล้ว ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือหนังเรื่อง “Aragami”(2003) ที่ตัวละครเอกของเรื่อง เป็นซามูไรสงครามธรรมดาๆที่ต้องมาต่อสู้ฟาดฟันกับ “อารากามิ” ซึ่งเป็นถึงเทพเจ้าแห่งการต่อสู้ โดยที่ซามูไรคนนั้น ไม่รู้เลยว่า ตัวเองก็มีพลังมหาศาลซ่อนอยู่ในตัวเช่นกัน และในท้ายที่สุด การที่พลังมหาศาลอยู่ในตัวของซามูไรคนนั้น ก็เป็นดั่งชะตากรรมที่กำหนดให้เขาต้องมาเป็น อารากามิ แทนคนเดิม ซึ่งใน The Midnight Meat Train ก็เช่นกัน ตัวละครเอกของหนัง ก็มีรูปแบบที่ไม่ต่างจากตัวละครเอกในหนังเรื่องอื่นๆของริวเฮย์เลย

The Midnight Meat Train สร้างจากเรื่องสั้นชื่อเดียวกัน จากหนังสือชุด “Book of Blood”(จารึกเลือด)ของ “ไคล์ฟ บาร์คเกอร์” เล่าเรื่องราวของ “ลีออง”(แบรดลี่ คูเปอร์) ช่างถ่ายรูป ที่หลงใหลการถ่ายภาพความรุนแรงและด้านมืดของเมือง ที่ภาพถ่ายชุดล่าสุดได้ไปเตะตา “ซูซาน”(บรู๊ค ชีล) เจ้าของห้องแสดงภาพศิลป์ชื่อดัง เธอชักชวนให้ ลีออง ไปถ่ายภาพที่มืดและรุนแรงมากขึ้นอีก เพื่อที่จะเอารูปมาแสดงในแกลลอรี่ของซูซาน ลีออง เห็นโอกาสที่จะโด่งดัง เลยรีบพยายามไปตระเวนถ่ายรูปยามค่ำคืน เพื่อหาอะไรที่มัน “มืดและรุนแรงแบบที่สุด” จนในที่สุดเขาก็มาพบ “มะฮอกกานี”(วินนี่ โจนส์)ฆาตกรต่อเนื่อง ที่ชอบมาฆ่าคนในรถไฟใต้ดินเที่ยวดึก ในขณะที่ “มายา”(เลสลี่ บิ๊บ) แฟนสาวของลีออง ก็เริ่มจะเป็นห่วงชีวิตของแฟนหนุ่มว่าจะตกอยู่ในอันตราย เพราะดูเหมือนว่า ลีออง จะหมกหมุ่นกับการตามถ่ายภาพฆาตกรรายนี้ซะเหลือเกิน





ซึ่งหลังจากที่ ลีออง ได้พบเห็นกับมะฮอกกานี ฆาตกรต่อเนื่องจอมโหด ก็ดูเหมือนว่าพฤติกรรมของ ลีออง จะค่อยๆเปลี่ยนไป ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ในตอนต้นเรื่องของหนัง ลีออง เป็นคนไม่กินเนื้อสัตว์ แต่พอหลังจากที่ได้พยายามตามถ่ายรูปเจ้าฆาตกร เขากลับหันมากินเนื้อสัตว์หน้าตาเฉย จนเพื่อนๆของเขาแปลกใจ และในอีกฉากที่ยืนยันการเปลี่ยนแปลงของลีอองได้เป็นอย่างดี คือ ฉากที่เขาให้แหวนกับ มายา แฟนของเขา และก็ร่วมรักกัน ซึ่งการร่วมรักครั้งนี้ มายา(และคนดู) รู้สึกได้ถึง “ความรุนแรง” ในตัวของลีออง

และดูเหมือนว่า ลีออง เอง ก็สลัดความรู้สึกความรุนแรงนั้น ไม่ออกไปจากตัวเขา โดยเห็นได้ชัดจากฉากที่ มายา อ้อนวอนขอร้องให้ ลีออง เลิกถ่ายภาพที่มีแต่ด้านมืดและความรุนแรง และหันมาถ่ายสิ่งสวยๆงามๆบ้าง อย่างเช่นตัวเธอ แต่ลีออง กลับไม่สามารถถ่ายรูปแม้กระทั่งแฟนตัวเองได้ เพราะภาพความรุนแรงที่เขาถ่ายนั้น ยังคงอยู่ในหัวเขา อย่างสลัดไม่ออก และยิ่งลีออง ดูรูปของฆาตกรมะฮอกกานีที่เขาถ่ายไว้มากเท่าใด เขาก็รู้สึกราวกับเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าฆาตกรมากขึ้นเท่านั้น





อย่างที่กล่าวไว้ในย่อหน้าแรกๆว่าตัวละครเอกของหนังริวเฮย์ มักจะมี “บางสิ่ง”อยู่ในตัว โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ว่า การมีบางสิ่งในตัวนั้นเป็นชะตากรรมที่ถูกกำหนดขึ้นมา ลีออง เองก็เช่นกัน “ความรุนแรง”นั้นอยู่ในตัวลีอองมาตั้งนานแล้ว โดยความรุนแรงนั้น แสดงตัวตนออกมาผ่านรูปถ่ายของเขา และเขาเองก็ดูเหมือนจะหลงใหลการถ่ายรูปแนวนี้เป็นอย่างมาก และสิ่งที่แสดงถึงความรุนแรงที่มีในตัวเขา ไม่ใช่แค่ผลงานรูปถ่ายเท่านั้น แต่หนังยังใส่ฉากที่สนับสนุนให้เห็นถึงความรุนแรงที่มีในตัวเขา โดยในฉากนั้นคือฉากที่ลีอองลงมาถ่ายรูปในสถานีรถไฟใต้ดินแล้วมาเจอพวกอันธพาลกลุ่มนึง ที่กำลังจะปล้นทรัพย์ผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ ลีออง ลงไปถ่ายรูปพวกอันธพาลนั่นแบบใกล้แทบจะประชิดตัว เขากดลั่นชัตเตอร์อย่างรวดเร็ว แล้วพวกอันธพาลก็รู้ตัว หันมาเหมือนจะเอาเรื่องลีออง แต่พวกอันธพาลกลับมองลีอองด้วยสายตาที่หยุดนิ่งราวกับเห็นอะไรบางอย่างในตัวลีออง ก่อนที่พวกมันจะปล่อยผู้หญิง และเดินหนีไป

เมื่อลีอองได้พบกับฆาตกรก็ดูเหมือนจะยิ่งดึงดูดให้ความรุนแรงในตัวของเขา ออกมายิ่งขึ้น(พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปและภาพความรุนแรงที่ติดอยู่ในหัวของเขา) จนความรุนแรงนั้น นำเขาไปสู่การปะทะกับฆาตกร และในท้ายที่สุด ฆาตกรก็ตายลงโดยฝีมือของลีออง และลีอองก็ต้องมาทำหน้าที่เป็นฆาตกรมะฮอกกานีคนใหม่แทนคนเก่า ตามที่คนขับรถไฟใต้ดินขบวนชำแหละเนื้อบอกกล่าวว่า ลีอองต้องมาเป็นฆาตกรคนต่อไป ตามชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้(ครบสูตรตัวละครเอกของคิตามูระ)

นั่นทำให้เหมือนกับว่า ทุกสิ่งทุกอย่างและทุกการกระทำของลีออง ทำไปก็เป็นเพราะ “ความรุนแรง” เป็นตัวผลักดันให้เขาทำทั้งสิ้น ฉะนั้นแล้ว เรา เหล่าคนดู คงไม่มีชะตาชีวิตที่พิลึกพิลั่นแบบลีออง แต่กระนั้น เวลาที่เราเกิดความรู้สึกถึง “ความรุนแรง”ในตัว เราก็ควรขจัดหรือออกห่างจากความรุนแรงนั้น ก่อนที่มันจะผลักดันเราไปสู่ความวิบัติในที่สุด...



kitamura










Create Date : 10 ตุลาคม 2553
Last Update : 10 ตุลาคม 2553 6:32:24 น. 0 comments
Counter : 1198 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Kitamura
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add Kitamura's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.