Group Blog
 
<<
มีนาคม 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
23 มีนาคม 2549
 
All Blogs
 

"คนที่คิดถึง" กับความรักของ "คุณแม่"

เชื่อมั้ย คนที่เราคิดถึงเป็นคนแรกก็คือเขาน่ะ ทำไมเราถึงไม่คิดพ่อกะแม่ก่อนก็ไม่รู้ เราดูเป็นลูกที่ไม่ดีใช่มั้ย?"

นี่เป็นคำถามปิดรายการสนทนาประจำภาคบ่ายของ"คุณแม่" ซึ่งเป็นฉายาที่เราเรียกเพื่อนรักคนนึง

หลังจากเครียดเรื่องคนเรื่องงานมาเป็นวันยันข้ามคืน เรื่องต่างๆก็ค่อยๆถูกสะสางและคลี่คลายลงไป เราจึงพอมีเวลาที่จะได้คิดได้ทำเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ใช่ได้บ้าง ดังนั้น วงสนทนาของบรรดาสาวๆที่ชอบโดดงานจึงเริ่มต้นขึ้นในบ่ายแก่ๆของเมื่อวาน

"คุณแม่" เป็นฉายาที่เราชอบล้อเพื่อนสาวคนนึง เนื่องจากตอนนี้เธอเป็นคุณแม่ลูกหนึ่งคน วัยกำลังซนน้องๆเห้งเจีย นอกเหนือไปจากที่เธอเป็นแม่คน (ที่บางครั้งเหมือนลิงมากกว่า)แล้ว นิสัยของเธอก็คุณแม้ คุณแม่

เรารู้จักคุณแม่ตั้งแต่สมัยเรียนที่ทุ่งรังสิต เนื่องจากเป็นสมาชิกเด็กไปกลับรถไฟเหมือนกัน แล้วก็รู้ไปถึงตำนานรักที่ยั่งยืนมั่นคงของคุณแม่ ที่รักกันมาตั้งแต่สมัยวิ่งไล่ตามรถไฟ จนได้ไปเป็นแขกวีไอพีร่วมงานแต่งงานของทั้งคู่ มาเป็นเพื่อนปากมอมแซวคุณแม่ตอนท้อง แล้วก็มานั่งดูคุณแม่โดนลูกชายสุดที่รักกลั่นแกล้งสารพัด

คุณแม่เป็นผู้หญิงที่นิสัย ผู้ยิ้งงงง ผู้หญิง จากเพื่อนร่วมรุ่น มาสู่การเป็นเพื่อนร่วมงาน คุณแม่ก็ดูแลเพื่อนเก่าเป็นอย่างดี (นอกจากดูแลครอบครัวอันเป็นที่รักยิ่ง) เวลามาก็จะต้องมีขนมติดไม้ติดมือมาฝากทุกครั้ง นัยว่าจะซื้อกลับบ้าน แต่แวะมาคุย พอมาคุยก็ต้องกิน กินแล้วหมด สามีอดแต่เพื่อนอิ่ม

นอกเหนือไปจากดูแลเรื่องอาหารการกินแล้ว คุณแม่ก็ยังดูเรื่องบุคลิกลักษณะให้ด้วย แต่งตัวอย่างไรให้ดูภูมิฐานสมตำแหน่ง ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่เราชอบล้อลับหลัง เพราะคุณแม่จะภูมิใจในชุดผ้าไหมสไตล์คุณครูภาษาไทยเป็นอย่างมาก (แม้จะพยายามแก้ตัวว่า วันไหนไม่มีอะไรที่ต้องเป็นทางการ ก็จะชอบใส่เชิ้ตใส่กระโปรงธรรมดาๆ) แต่เราก็พร้อมจะล้อคุณแม่ด้วยฉายา "คุณนาย" อยู่บ่อยๆ เพราะเวลาเธอใส่ชุดแบบนั้นทีไร ดูเป็นคุณน้าย คุณนายเมื่อเทียบกับพวกสาวใช้อย่างเราๆ

จะไม่ใช้ดูเป็นสาวใช้ยังไง คุณนายแกใส่ผ้าไหม ส่วนเราใส่กระโปรงยีนส์ เสื้อก็เชิ้ตบ้าง ยืดบ้าง สะพายเป้ไปทำงานอีก ดูแล้วเหมือนจะทำคนละอาชีพมากกว่าอาชีพเดียวกัน

วันนี้ก็เช่นเคย คุณแม่ก็ลงมาหา (ออฟฟิศคุณแม่อยู่ชั้น7 เราอยู่ชั้น 2) พร้อมกับขนมถุงใหญ่ แล้วก็นั่งคุยกัน เว้ากันซื่อๆ ก็ใช้เวลางานมานั่งเม้าท์แหละ ผอ.ก็นั่งอยู่ด้วย ดีเท่าไหร่แล้วไม่ชวน ผอ.มาร่วมวง

ประเด็นวันนี้อยู่ที่ เรื่องราวตำนานรักของคุณแม่

แม้จะดูอายๆ แต่ก็เห็นชัดว่าคุณแม่มีความสุขที่จะได้ย้อนถึงจุดเริ่มต้นของความรัก
.
.
.
.
คุณแม่เจอกับหวานใจที่มาเป็นคุณพ่อของเจ้าลิงน้อยตั้งแต่สมัยเรียนปีหนึ่ง คุณแม่ปลื้มเขาก่อนเพราะเขาเป็นคนหล่อมากๆ สาวๆติดกันเกรียว ในขณะที่คุณแม่เป็นสาวอ้วนๆกลมๆ จึงได้แต่แอบมองเขาอยู่เงียบๆ แต่ไปบอกกับเพื่อนสนิทว่า ชอบคนนั้นจังเลย ซึ่งเพื่อนคนนี้ก็ทำหน้าที่เป็นพ่อสื่อที่ดี ช่วยประสานความห่างให้ดูใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น

คุณแม่เล่าว่า แอบมองเขามานาน เพราะเขาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับเพื่อนของคุณแม่ เวลากลับบ้านก็จะกลับพร้อมกัน ไปไหนไปกัน แต่คุณแม่ก็ได้แค่มอง

มีอยู่เรื่องหนึ่งที่คุณแม่เล่าด้วยความสุข รอยยิ้มปรากฏทั้งที่มุมปากและแววตา วันนั้น คุณแม่ไปขึ้นรถไฟที่หัวลำโพงตามปกติ ขึ้นไปแล้วก็หาที่นั่ง บังเอิญว่า ที่นั่งแถวหนึ่งว่าง แต่มีผู้ชายนั่งอยู่แล้ว ซึ่งก็คือคนที่คุณแม่แอบมองมานานนั่นเอง วันนั้น เขานั่งหลับ คุณแม่ก็เลยยึดที่ว่างข้างๆนั่งด้วยซะเลย

วิวสองข้างทางทุ่งรังสิตก็สวยนะ แต่คุณแม่ก็เลือกที่จะมองเขาในยามหลับ คุณแม่บอกว่า มันเป็นความสุขลึกๆ เป็นความอบอุ่น อย่างที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร

"แล้วตอนนั้น แกเคยคิดไปถึงอนาคตเปล่าอ่ะ ว่าแกอาจจะได้แต่งงานกะเขาก็ได้ คนที่แกแอบมองเขาอ่ะ"

เราถามขึ้นอย่างอดอยากรู้ไม่ได้

"ไม่หรอก เราไม่คิดไปไกลขนาดนั้น เราแค่รู้สึกว่า เรามีความสุขที่ได้ทำแบบนี้" คุณแม่ตอบมาเบาๆ

ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เริ่มพัฒนามากขึ้น แต่ก็เป็นไปในแบบของเพื่อน คุณแม่เองก็ไม่เคยบอกกับเชาว่า ชอบเขา แต่ใช้การกระทำเป็นตัวบอก คุณแม่เป็นห่วงเป็นใยเขาทุกอย่าง เขาเองก็คงจะรับรู้ความรู้สึกตรงนั้น แต่ไม่แสดงออกมาเท่าไรนัก

"มีเรื่องหวานๆด้วยนะแก" คุณแม่รีบเสริมหลังจากนึกมานาน กลัวเพื่อนจะมองสามีตัวเองว่าเย็นชา

"มีคราวนึง เราบอกว่าเราชอบดอกมะลิ อยู่ๆ เขาก็เอาดอกมะลิใส่ถุงมาให้ ยื่นให้ทื่อๆ บอกว่า เอาไปสิ ชอบไม่ใช่เหรอ"

*วี้ดดดดดดดดดดดดดดดวิ้ววววววว* เสียงลูกคู่ร้องรับ

ทั้งคู่ตัดสินใจคบกันหลังจากที่มองไปมองมาอยู่ปีกว่าๆ คุณแม่เล่าว่า วันที่เริ่มคบกันนั้น เป็นวันที่ไปเที่ยวทะเลด้วยกัน ก็ไปกันเป็นก๊กใหญ่ตามเคย แต่ตอนเช้าคุณแม่กับเขาก็ได้มีโอกาสไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันสองต่อสอง

พระอาทิตย์เจ้ากรรม ดันติดแหงกอยู่ที่ปุยเมฆ รอตั้งนานก็ไม่ยอมขึ้นเสียที จนบทสนทนาเริ่มขาดแคลน อยู่ๆฝ่ายชายก็พูดขึ้นมาว่า "เรามีอะไรจะบอกล่ะ"

คุณแม่กลั้นใจ รอฟัง พวกเราที่ฟังคุณแม่เล่าก็ตาโตรอฟังต่อเช่นกัน

"อืมม์ ไม่บอกดีกว่า เธอคงรู้แล้วล่ะ"

ถ้าเราเป็นคุณแม่คงจับเจ้านั่นกดน้ำบังคับให้บอกมาแล้ว แต่เพราะนั่นคือคุณแม่ จึงทำได้เพียงนั่งนิ่งๆ (ซึ่งก็เหมาะสมดีกับการเป็นสุภาพสตรี) แม้ว่าในใจคุณแม่จะขัดใจเช่นกัน

"อืมม์...... ไม่รู้เนอะ ว่าใครเริ่มชอบใครก่อน"

ประโยคนี้ประโยคเดียวที่เขาบอกในวันนั้น คือสิ่งที่คุณแม่รอมานาน รอด้วยความไม่แน่ใจว่า เขาคิดอย่างเดียวกันกับคุณแม่หรือเปล่า

นับจากวันนั้นมา ทั้งคู่ก็เป็นเงาซึ่งกันและกัน ช่วยกันเรียน ช่วยกันเป็นกำลังใจ ดูแล ห่วงใยซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะช่วงทำวิทยานิพนธ์ คุณแม่ท้อแท้จนเกือบจะถอดใจก็ได้เขาคนนี้แหละ ที่เป็นทั้งเพื่อน พี่ และที่ปรึกษา ช่วยกันประคับประคองจนผ่านอุปสรรคมาได้

"รู้มั้ย ตอนนั้นเขาถึงกะคุกเข่าอ้อนวอนอาจารย์ที่ปรึกษาของเราให้ช่วยรับ thesis เราไปพิจารณาด้วย ให้เราได้เข้าสอบด้วย"

เราแอบขำกันเมื่อนึกถึงภาพผู้ชายตัวใหญ่ๆนั่งคุกเข่า มือหนึ่งจับมือคุณแม่ซึ่งยืนร้องไห้ เพราะทำอะไรไม่ถูกแล้ว คุณแม่ก็หัวเราะกับเรื่องในตอนนั้น แต่เรารู้ว่า มันเป็นสิ่งที่คุณแม่ประทับใจไม่มีวันลืม เป็นเรา...เราก็คงไม่ลืมเช่นกัน

ทั้งคู่แต่งงานกันหลังจากที่เรียนจบโท วันแต่งงาน เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่คุณแม่ ได้ยินคำว่า "รัก"

"คำว่า 'รัก' มันมีค่านะ จะพูดบ่อยๆได้ไง" เขาเคยบอกกะคุณแม่แบบนี้

ชีวิตหลังแต่งงานมันก็มีอะไรที่ต้องปรับตัวเปลี่ยนแปลงกันหลายอย่าง ถึงจะคบกันมานาน แต่เมื่อต้องมาอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน ก็ต้องปรับตัวเรียนรู้ ยอมรับความเป็นตัวตนของกันและกันใหม่ รวมถึงครอบครัวของแต่ละฝ่ายด้วย

คุณแม่เคยเล่าให้ฟังอยู่เรื่อยๆ ว่า เหนื่อย เหนื่อยจากที่ทำงานแล้ว ต้องกลับไปเหนื่อยงานบ้านอีก บลาๆๆๆ แตเราก็แอบเห็นนะ ว่าปากก็บ่นไป แต่แววตายังมีความสุขดี

"ทุกวันนี้แกยังชอบแอบมองเขาอยู่อีกหรือเปล่า?" ถามเพราะความอยากรู้อีกแล้ว

"ก็มีนะ เราก็ยังชอบแอบมองเขาเวลาเขาเผลอๆ เหมือนกลับไปเป็นตอนเพิ่งแอบชอบเขาเลย ฮ่าๆๆๆ" คุณแม่หัวเราะอย่างถูกใจ

บทสนทนาใกล้ยุติลงพร้อมกับขนมบนโต๊ะ อยู่ๆคุณแม่ก็พูดขึ้นว่า

"เชื่อมั้ย ทุกวันนี้ เวลาเราจะทำอะไร จะสุขจะทุกข์มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในชีวิต เราจะนึกถึงเขาก่อนเป็นคนแรก ทำไมเราไม่นึกถึงพ่อกะแม่ก่อนก็ไม่รู้" คุณแม่พูดเสียงสั่นๆ แล้วก้ร้องไห้ น้อยครั้งนักที่เราจะเห็นเพื่อนคนนี้ร้องไห้

ถึงใครจะบอกว่า คนเราต้องนึกถึงพ่อแม่ก่อนสิ แต่เราก็คนนึงล่ะ ที่พร้อมเข้าใจความรู้สึกของคุณแม่ ที่เลือกจะคิดถึงใครอีกคนหนึ่งก่อน เราเองก็เป็นเช่นนั้น เช่นกัน

บทสนทนาเปลี่ยนไปเมื่อคุณแม่ให้เราเล่าเรื่องของเราให้ฟังบ้าง ยิ่งฟัง คุณแม่ก็ยิ่งดีใจ เพราะชีวิตเราแย่กว่าของคุณแม่เยอะ แต่คุณแม่ก็เป็นคนดีพอที่จะไม่ซ้ำเติมอย่างที่พวกเราชอบทำกัน แต่ก็พยายามบอกว่า "ดูหวือหวา เร้าใจท้าทายดี ดูเป็นหนังที่เดาตอนจบไม่ออก"

"ชีวิตแกเหมือนเพลงเลยว่ะ" คุณแม่เริ่มร่ายวิชาปรัชญาชีวิต

"เพลงอะไร?"

"ไอ้พวกเพลงที่มันแกหักรักคุดไง แกก็.....สงสารนะเฟ้ย แต่ฟังแล้วเหมือนฟังเพลงเลยอ่ะ"

วงสนทนายุติลงทันที เมื่อคุณแม่สรุปจบท้ายได้อย่างน่าแช่งให้ลูกกลายเป็นลิงว่า

"แก... ถ้าฉันมีเวทมนตร์ ฉันจะช่วยแก...
.
.
.
.
"ฉันจะเสกให้แกสวยกว่านี้ว่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"


@%!$&!%$%*!





คนที่คิดถึง
รู้ไหม ทุกครั้งที่ฉันนั้นมีเรื่องหนักหัวใจ
เรื่องที่ไม่สามารถจะไปปรึกษาใคร ฉันจะคิดถึงใครก่อน

และรู้ไหม ไม่ว่าฉันนั้นจะมีความสุขเท่าไร
ไม่ว่าชีวิตฉันจะไปอยู่จุดไหน ฉันจะคิดถึงใครก่อน

คนๆเดียวที่ฉันจะรออยู่ เฝ้ารอด้วยใจเว้าวอน
ก็คือเธอคนเดียว และจะมีเพียงคนเดียวแน่นอน

ที่ฉันจะรัก ที่จะคิดถึง ที่จะยังคงซึ่งความเข้าใจ
และยกให้เธอได้เป็นที่หนึ่ง ทุกๆอย่าง
อยากให้เธอรู้ ไม่ว่าเมื่อไร
ไม่ว่าเรานั้นต้องไกลแสนไกล แต่ว่าในหัวใจใกล้กันอยู่
จึงขอมอบเพลงนี้เพื่อให้เธอรับรู้ ฉันจะรอเธอเป็นคู่
และจะเฝ้ารออยู่ชั่วชีวิต

ถึงแม้ จากนี้เราจะต้องอยู่ห่างแสนไกล
และยังไม่รู้จะเจอกันอีกเมื่อไร แต่ฉันจะคิดถึงเธอก่อน

เธอคนเดียวที่ฉันจะรออยู่ เฝ้ารอด้วยใจเว้าวอน
ก็คือเธอคนเดียว ที่จะมีเพียงคนเดียวแน่นอน

โอ้เธอที่ฉันรัก ที่จะคิดถึง ที่จะยังคงซึ่งความเข้าใจ
และยกให้เธอได้เป็นที่หนึ่ง ทุกๆอย่าง
อยากให้เธอรู้ ไม่ว่าเมื่อไร
ไม่ว่าเรานั้นต้องไกลแสนไกล แต่ในหัวใจใกล้กันอยู่
จึงขอมอบเพลงนี้เพื่อให้เธอรับรู้ ฉันจะรอเธอเป็นคู่
และจะเฝ้ารออยู่ตลอดชีวิต
ตลอดชีวิต




 

Create Date : 23 มีนาคม 2549
2 comments
Last Update : 23 มีนาคม 2549 10:03:18 น.
Counter : 401 Pageviews.

 

 

โดย: อืม IP: 203.188.62.70 28 มีนาคม 2549 16:31:25 น.  

 

น่ารักจังเลย อยากเป้นแบบนั้นบ้างจังเลย

 

โดย: เอ็ม IP: 58.11.68.242 31 มีนาคม 2549 10:15:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Meliot Baggins
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




สวัสดีค่ะ ... กลับมาแล้วค่ะ



อัพบล็อกใหม่แล้วค่ะ
... ชมสวนที่คาดว่า จะอังกิ๊ด อังกฤษได้ที่กรุ๊ป เมื่อดอกไม้บาน


Photobucket ...ภาพงานกระดาษของขวัญวันแต่งงาน ที่กรุ๊ป งานกระดาษ
ค่ะ
Friends' blogs
[Add Meliot Baggins's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.