Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
สมุดบันทึก
เรื่อง เก๋า เก๋า
Friendship
สมุดวาดเขียน
หลังสมุด
เมื่อดอกไม้บาน
kongratulation
มุมระเบียง
งานกระดาษ
<<
พฤศจิกายน 2548
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
22 พฤศจิกายน 2548
...เมื่อหมูดำชำรุด...
All Blogs
1..2..3.....say cheeseeeeeeeeee
Format My Life
ทายนิสัยส่วนตัวกับ dna.imagini ฮับ (ตาอินเอามาให้)
คำสัญญาของชาร์ล็อตต์
หอมน้อยอยากอยู่เงียบๆคนเดียว
What's Taggggggggg !!! O__________o"
เมื่อฉันวาดน้องหมู v - oo - v
You light up my life
เหมือนกับหยดน้ำฝนที่หล่นลงไปบนผิวน้ำที่ราบเรียบ
ตามเขาไปดูงิ้วที่ตลาดน้อย
จดหมายเหตุตลาดน้ำท่าพระจันทร์
...จากตรงนี้ก็ยังไม่รู้จะไปไหนดี...
...Winter , spring , summer or fall...
ยิปซีพเนจร ตอน ตามกลิ่นจำปาลาว
สีสัน วันรับน้อง
ท่าฉลอมกับมหาชัย จะคิดทำไมว่าไกล เชื่อมความรักไว้ดีกว่า
คนหัวสูง
วัน แรก พบ *บล็อกกระชากวัย*
วันดีดี
แล้วเรา...ก็คงจะได้พบกันใหม่
"คนที่คิดถึง" กับความรักของ "คุณแม่"
จ้าวเวหา
ดวงใจของครูปราณี
..ความฝัน..
Simon Says
>( เรื่อง ของ คน เกลียด ปู )<
วิวยามเช้า
ปีใหม่...วันใหม่...
การเดินทางตามหาขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน
ความลับของทะเล
เหงา
~ "วันนี้..ขอเป็นเจ้าหญิง 1 วัน" ~
เมื่อฮอบบิท คิด ปีนภูฯ (2)
เมื่อฮอบบิท คิด ปีนภูฯ
...เมื่อหมูดำชำรุด...
บันทึกใต้แสงดาว : ตอนที่ 6 ลมหนาว ดาว เดือน และ โคม
บันทึกใต้แสงดาว : ตอนที่ 5 ร้อง รำ ฮัม เพลง
บันทึกใต้แสงดาว : ตอนที่ 4 I can Fly !!!
เมื่อเมเปิ้ลทิ้งใบ
บันทึกใต้แสงดาว : ตอนที่ 3 ฝูงบินชาววิหคกับแม่ย่านางประจำกลุ่ม
บันทึกใต้แสงดาว : ตอนที่ 2 พี่เลี้ยงงงงงงง
บันทึกใต้แสงดาว : ตอนที่ 1 โหมโรง
โปสการ์ด จาก "เพื่อนสนิท"
++ กังหันกระดาษ กับ จั๊กจั่นมือถือ ++
++ Sembazuru : กระเรียนพัน ++
++ บาทเดียว..ซื้อเพลิน ++
หนึ่งวัน-แม่น้ำห้าสาย (กิมจูสัญจร)
= = น้ำท่วม...ใครว่าดีกว่าฝนแล้ง = =
Teruterubozu..let tomorrow be a fine day
**ขอให้โชคดี ขอบคุณนะที่มาส่ง**
If you miss the train I'm on, you will know that I am gone
คือ...ดอกไม้ของน้ำใจ
เที่ยวงานวัด
โปสการ์ดจากสามพราน...วันดี สีแดง
วันนี้...หนีเที่ยว
อยากจะชวนเธอให้มานับดาว..1 2 3 4 5 6 (เบื้องหลัง)
...เมื่อหมูดำชำรุด...
หลายคนที่รู้จักเราดี จะรู้ว่า เราค่อนข้างเป็น "อีอึด" คือ ร้อยวันพันปีไม่ค่อยจะเป็นไรหนักหนาสาหัส นอกจากโรคประจำ ซึ่งก็คือภูมิแพ้ที่มักจะขึ้นผื่นลมพิษเวลาเผลอไปกินกุ้ง ปู + ฝรั่ง กับเวลาที่เหนื่อยจัดๆ นอกจากนั้น ก็ไม่เคยเป็นไรหนักๆถึงขนาดล้มหมอนนอนเสื่อซะที
แต่สามสี่วันมานี่เอง ก็ถึงคราวหมูดำชำรุด
เรื่องของเรื่องก็คือว่า หลังจากไปตรวจสุขภาพฟันฟางในปากมา ก็พบว่า มีฟันจ๋าที่ต้องจำซ่อมสร้างอยู่หลายซี่ บังเอิญให้ว่า ช่วงนั้นมีเหตุจำเป็นที่ต้องกระเด็นออกจากงานที่เคยทำอยู่ ทำให้เงินที่เคยมีพอดูแลสุขภาพชะงักลงไป ก็เลยเก็บเรื่องราวของฟันที่ต้องซ่อมสร้างไว้ก่อน มาหาทางหาเงินซ่อมสร้างพุงกะทิน้่อยๆต่อไป
จำเนียรกาลผ่านเลย ฟันจ๋าก็เลยอุทธรณ์
เริ่มจาก อากการปวดฟัน เพราะกินฝรั่งมากเกินไป ทั้งฝั่งดองและฝรั่งสด กินๆๆๆๆ จนทำให้ฟันที่เคยแย่อยู่ แย่หนักกว่าเดิม ปวดประจานความจนของเจ้าของปากตั้งแต่วันลอยกระทง ลอยกระทงปีนี้จึงทั้งเงียบเหงา(ตามที่คร่ำครวญไว้ในบล็อกเก่า)และ รวดร้าว (เพราะปวดฟัน) ราวกับว่า มันรู้ด้วยว่า ช่วงนี้เงินกำลังหมุนเข้ากระเป๋าเจ้านาย เลยเลือกที่จะปวดมันตอนนี้ซะเลย
แต่มันดันมาปวดผิดเวลาไปหน่อย เพราะถัดมา เราต้องไปถ่ายรูปงานรับปริญญาของน้องที่สนิทมากๆคนหนึ่ง แล้ววันถัดไปก็มีนัดที่จะไปหัวหิน มาปวดแบบนี้ ตัดอนาคตความสำราญกันเห็นๆ
คืนวันพฤหัส เก็บข้าวของลงกระเป๋า เตรียมอพยพไปนอนที่อื่นตามประนกขมิ้น อาการปวดก็เริ่มรุนแรงขึ้นอันเนื่องมาจาก ตอนบ่ายทำซ่าไปกินเพรทเซลจิ้มชอคโกแลต อารามหิวแล้วนึกว่าฟันจะไม่ปวดอีกแล้วกลับมาได้เรื่องเลย ปวดจนเห็นดาว (เดือนไม่ต้อง ยังกลมเต็มดวงอยู่) งานนี้เลยต้องพึ่งบริืการพาราฯไปพลางๆ เพราะทำไรไม่ได้มากกว่านี้แล้ว กับกินยาแก้อักเสบตาม อาการที่ตามมาคือ รู้สึกแน่นหน้าอก และอยากจะอาเจียน ไม่คิดอะไร คิดแต่ว่า อยากได้คนมาผายปอด เอิ้กๆๆๆ
เช้าวันศุกร์ วิ่งขึ้นรถเมล์ไปหอการค้าด้วยความอัดอั้นตันใจ ไม่ได้แค้นใครหรอกนะ แต่มันแบบมึนๆอยากอ้วก ตอนนั้นยังไม่รู้ว่า มันคือสัญญาณของอาการแพ้ยา พอไปถึง บรรยากาศในงานกับหน้าที่ตากล้อง ทำให้ลืมไปชั่วขณะว่าปวดฟัน จนบัณฑิตเริ่มทยอยเดินเข้าหอประชุมไปนั่นแหละ อาการถึงกลับมาอีกที
เช่นเคย กินยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบ คราวนี้เห็นผลจะจะ หน้าตาที่เคยอ้วนดำกลม กลับกลายเป็น อ้วนดำใสและกลมมาก
โดยความใสเริ่มจาก บริเวณคิ้วกับขมับ ปรากฏปื้นหนาๆขึ้นมาก่อนที่จะลามไปยังหน้าผากที่หมด แล้วลงมาที่แก้ม เริ่มแน่ใจแล้วว่า แพ้ยาแน่ๆ ตอนนั้นทำได้ดีที่สุดคือ ก้มหน้าก้มตาหลบซ่อนผู้คน เพราะเดี๋ยวจะตกใจที่เห็นหมูมานั่งรอบัณฑิต
ขากลับ เริ่มอาการภูมิแพ้ เวลาเหนื่อยมากๆ พักผ่อนน้อย ร่างกายเราจะฟ้องด้วยการขึ้นผื่นลมพิษ มากน้อยตามความเพลียและความเครียด อาการที่บ่งบอกก็คือ มันจะรู้สึกจี๊ดๆตามผิวหนัง เหมือนไฟดูดเล็กๆ ซึ่งคราวนี้ก็ไม่พลาด ส่องดูมือของตัวเองกับแสงไฟจากรถยนต์ข้างทางก็เห็นแล้วว่า ผื่นเม็ดเป้งๆขึ้นตามมือสองข้าง ระบาดหนักมายังฝ่ามืออีกด้วย แปลกกว่าทุกที่ที่ขึ้นแต่หลังมือ
นึกในใจว่า "ซวยแล้ว" เพราะไม่ได้เอายาแก้แพ้มา แล้วก็ซวยจริงๆ เพราะผื่นที่ขึ้นมันลามหนัก เม็ดใหญ่ๆขึ้นๆ จนมือเราละม้ายคล้ายแม่อึ่งอ่างพองลม
บวม ใส จนแทบจะปริ งอก็ไม่ได้ จับอะไรก็เจ็บไปหมด นึกในใจว่า ทำไมซวยซับซ้อนอย่างนี้
วันนั้น ไม่ได้นอนอยู่บ้านตัวเอง ไปค้างบ้านน้องคนที่รับปริญญา เพราะตอนเช้า จะได้รอรถที่จะไปหัวหินได้เลย
เช้าวันเสาร์ตื่นมา อาการปวดฟันก็ยังพอมีบ้าง แต่ไม่มากนัก แต่มือบวมหนัก แถมที่หน้าก็ยังบวมอยู่นิดหน่อย นิ้วข้างที่ใส่แหวนแย่สุด เพราะถอดแหวนออกไม่ได้ ตอนที่จะออกไปรอรถไปหัวหินกับพวกอาจารย์ คิดว่า จะไหวมั้ยเนี่ยตรู
และแล้วก็ได้ไปหัวหิน หวังว่า อากาศดีดี ทะเลสวยๆจะช่วยให้ร่างกายดีขึ้น แต่ทุกสิ่งทุกอย่างกลับผิดคาดไปหมด ทะเลหัวหินวันนั้นปั่นป่วนอย่างหนัก ในท้องที่บางสะพานน้ำท่วมเลยด้วยซ้ำ ดีที่หัวหินยังรอด ทะเลก็ลงไปเดินเล่นไม่ได้ ทำได้แต่นั่งดูคลื่นลมแรงอยู่ที่ลานหน้าโรงแรมกับขับรถออกไปหาของกินที่ตลาด อาการปวดเริ่มมากขึ้นทำให้หัวหินในวันนั้นสิ้นเสน่ห์ด้านของกินไปเลย
คืนนั้นนอนกระสับกระัส่ายทั้งคืน ไม่ได้กลัวผีหรอกนะ มือชั้นนี้แล้ว แต่เพราะปวดฟันต่างหาก ตื่นมาตอนเช้าพบว่า บริเวณคางที่เคยติดสองชั้น บัดนี้มันขึ้นกลมสวยเหมือนเป็นคอพอก
เราก็ตกใจ เพื่อนร่วมห้องก็ตกใจ อาจารย์ก็ตกใจ ส่วนที่น่าเจ็บใจก็คือ เพราะคางที่บวมนี่เอง ทำให้เรากินอะไรอย่างลำบาก เพราะมันตึงเจ็บไปหมด
วันนั้ คณะทัวร์เลยตัดสินใจกลับกรุงเทพฯให้ไวขึ้น ทั้งนี้ก็เพราะอากาศไม่อำนวยแล้วก็คางที่ย้วยๆของเรานี่เอง
(หนูขอโทษค่ะ อาจารย์)
กลับมาบ้าน ยังพูดเป็นต่อยหอยเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ได้ แต่กินขนมที่ซื้อมาฝากที่บ้านไม่ได้ คืนนั้นเฝ้ารอดูอาการหนึ่งวัน ถ้ามันวิกฤตหนัก วันรุ่งขึ้นจะเผ่นไปโรงพยาบาลตั้งแต่เช้า ซึ่งแน่นอน เป็นขนาดนี้แล้ว มันคงยุบหรอก เช้าวันจันทร์คางก็บวมย้วยเป็นหินย้อย มีไข้ขึ้นอีกต่างหาก กินอะไรก็ไม่ได้ พูดก็ไม่ชัด แต่แรงยังพอมีอยู่เลยลากคอน้องชายที่วันนี้ได้คิวหยุดงานให้ขับรถไปส่งโรงพยาบาล
ก่อนจะเจอหมอ ก็มีกรรมวิธีวัดหน้ำหนักส่วนสูง เอ้ย ความดัน ซึ่งก็ตามคาด น้ำหนักลดฮวบ ส่วนความดันกลับปกติแฮะ นึกว่าจะต่ำเพราะชอบเวียนหน้าเวลาล้มตัวนอนลุกขึ้นจากที่นอน
เลยหมดข้ออ้างที่จะกินเบียร์เพิ่มความดันไปโดยปริยาย นั่งรอหมอสักพักก็ได้เข้าตรวจ คำถามแรกที่เจอ ก็คือ "ไปทำไรมาเนี่ย ไปล้มกระแทกไรมาเปล่า?"
หมอขา....หนูไม่ใช่นักมวยเวทีราชดำเนินนะค้าาา จะได้โดนหมัดปลายคาง... อันนี้ได้แต่คิด เพราะขืนพูดไปคงได้โดนหมัดหมอแน่ๆ
หมอก็จับๆกดๆ สั่งให้อ้าปากกว้างๆ กว้างที่สุดเท่าที่จะกว้างได้ ก็ทำไม่ได้ มันติดๆขัดๆ เจ็บไปหมด พอจะสั่งยาก็ไม่สามารถให้อะม็อกซิลยาแก้อักเสบที่ดีที่สุดได้อีก เพราะเราแพ้ เลยต้องกินยาตัวอื่น พร้อมกับสั่งให้มาดูอาการอีกทีวันพุธ ตอไปรับยามาแทบบ้าคลั่ง กินยาเช้าเย็นมื้อละ 5 เม็ด
มีเม็ดหนึ่งยาวมาก 2 cm -_________---" หมอขา...หมอก็เห็น หนูอ้าปากได้แค่นั้น จะให้กินยาอะไรกันน่ากลัวปานนี้
กลับมาบ้าน แม่ทำอาหารอ่อนๆให้ เพิ่งรู้ว่า กับข้าวที่เราเคยเขมือบสามนาทีเกลี้ยงชาม เมื่อยามที่ต้องมากินแบบคนป่วยชาววัง มันกลับใช้เวลามากกว่าเดิมถึง 10 เท่า แถมทรมาณทุกครั้งที่เอาเข้าปาก (ทรมาณยิ่งกว่า คือการกินยา)
ตกกลางคืน เวลานอนก็ทรมาณ ไข้ขึ้นด้วย นอนราบๆก็ไม่ได้ปวดคอมากๆ ต้องนอนยกหัวสูงๆ นอนกระสับกระส่าย หลับๆตื่นๆ ปวดทีก็ตื่นที ไม่เคยร้องไห้ก็ได้ร้องไห้เพราะความเจ็บ ไม่เคยครางฮือๆ ก็มาครางเวลาไข้ขึ้น
จนมาวันนี้ อาการก็ยังไม่ดีขึ้นเลย เจ็บมากๆ อยากจะอัพบล็อก ก็ไม่มีสติมากพอที่จะคิดมุข แต่เห็นว่ามีหลายคนมาถามถึง เลยตัดสินใจเขียนบอกเล่าอาการ(อันสาหัส)ให้ฟังก่อน
หายเจ็บหายปวดเมื่อไหร่ คงได้เจอกันอีกครั้ง
ขอบคุณ ป้ากระต่าย ป้าจ้อย ฮก วัชชี่ น้องย้วย ก่ายยย พี่แอล ลุงมะละกอ และทุกๆคนที่คอยถามไถ่ห่วงใยกัน ทั้งทางโทรศัพท์ MSN SMS และในบล็อก
รู้สึกดีมากๆ ที่ได้รับรู้ความห่วงใยตรงนี้
ขอบคุณค่ะ
Create Date : 22 พฤศจิกายน 2548
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2548 21:49:46 น.
9 comments
Counter : 459 Pageviews.
Share
Tweet
นึกภาพไปสยองไปอ่ะ หายไวๆแล้วกันนะ
โดย: 6 - " -) IP: 161.246.1.34 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2548 เวลา:21:56:52 น.
ตายแระ อึดขนาดป้ากิมจูยังป่วยได้ถึงเพียงนี้
ยังดีนะเนี่ยที่นิ้วยังสามารถพิมพ์ keyboard ได้ ^^"
เลยหมดข้ออ้างที่จะกินเบียร์เพิ่มความดันไปโดยปริยาย
^
^
อากาศหนาวแล้ว คิดถึงลานเบียร์ อิๆๆๆ
โดย:
ก่ายยย...
วันที่: 22 พฤศจิกายน 2548 เวลา:22:16:08 น.
เฮอะ ผมทักเอ็มไป ไม่ยอมตอบ แถมไม่พูดอีก
โดย:
ช่างไม้
วันที่: 23 พฤศจิกายน 2548 เวลา:10:23:02 น.
โธ่! น่าสงสารแม่นางกิมจู ต้องทุกข์ระทมถึงเพียงนี้ แต่หามีผู้รู้ใจคอยปรนนิบัติข้างกายไม่
เออ..หายไวๆ นะป้า จะได้ฟังเสียงพูดชัดๆ ซะที ไม่อยากฟังเสียง อู้ๆ อี้ๆ ของป้าเลยอ่ะ
โดย: กระต่ายน้อยท้องอืด(อีกแล้ว) IP: 202.28.181.7 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2548 เวลา:11:17:32 น.
^
^
^
ทักมาเมื่อไหร่? ไม่เห็นจริงๆ
ตาช่างทักมา ใครจะกล้าไม่ตอบ เอิ้กๆๆๆ
โดย: ป้ากิม IP: 203.153.172.52 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2548 เวลา:11:18:51 น.
จะบอกว่าถ้าเป็นลุง ลุงคงเผ่นไปหาหมาตั้งแต่เริ่มแพ้ หน้ากลม (อันนี้แก้ยาก อิ อิ)
แ้ล้วก็ไอปื้นๆจากหน้าผากน่ะป้า
ไม่อยากอยากบอกเลยว่า ป้าอึดมากกกกก (นี่ไม่ได้ชมน้ะ
) ยังมีอารมณ์ไปหัวหินทั้งที่อาการขนาดน้านนนน
เอาเป็นว่านอนนิ่งๆ ไม่ต้องไปไหนแล้วน้ะ
แล้วลุงจะให้รางวัล มันคือลูกอม 555555
โดย: ลุงเอง (
melkor
) วันที่: 24 พฤศจิกายน 2548 เวลา:10:13:12 น.
>>>จะบอกว่าถ้าเป็นลุง ลุงคงเผ่นไปหา"หมา"ตั้งแต่เริ่มแพ้
ไม่ไปหาหมอเหรอ
ที่อึดได้ขนาดน้านนก็เพราะคิดว่า จะไม่มีไรไม่เป็นไรมากอ่ะดิ แล้วก็อยากไปทะเลอ่ะ อยากไปหาเพื่อนคุย
ตอนนี้ก็นอนนิ่งๆมาได้หลายเพลาแล้ว เพราะกินไม่ได้ เลยได้แต่นอน
วันแรกๆนอนไม่ได้เลย ปวดมากๆ ตอนหลังจับเคล็ดได้ กินคลอเฟฯไป หลับซะทั้งวันทั้งคืน
พอตื่นมาก็เลยมานั่งอยู่หน้าจอ ออนไลน์ อัพเดทข่าวหาเพื่อนคุย อย่าว่ากันนะ ว่าทำไมไม่ยอมพักผ่อน ไม่ยอมนอน มานั่งเล่นเน็ตอยู่ได้ เราพักแล้ว แล้วก็อยากหาเพื่อนคุยอ่ะ รู้เลยว่า เวลานอนป่วยเฉยๆมันเหงามากๆ ยิ่งป่วยแบบใช้เสียงไม่ได้ด้วยนี่ เหงา*2
อยากเจอผู้คน อยากพูด อยากคุย
อย่ารำคาญกันเลยนะ แค่เราอยากคุยด้วยจริงๆ
โดย: ปกจ IP: 203.153.173.77 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2548 เวลา:21:51:07 น.
กลัมมาอ่านที่ตัวเองพิมพ์ แล้วหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง
>>ไปหา หมา คิดได้ไง 555555555
โถ ป้าก็ พิมพ์บ้างจิ โอ๊ย ยังขำอยู่
อืม....... ลุงเห็นใจน้ะ นอนอยู่กับบ้านอย่างเดียว
ไม่ได้พบปะพูดคุยกับใคร เป็นลุงลุงก็เซ็ง
หายป่วยไวๆ ก็แล้วกัน
ของรางวัลคือลูกอมเหมือนเดิม
โดย: มะเอง (
melkor
) วันที่: 27 พฤศจิกายน 2548 เวลา:9:56:17 น.
วันที่อ่านขำนะ แต่หัวเราะม่ายล่าย เจ็บคอ เอิ้กๆๆ
แต่วันนี้หัวเราะได้แล้ว
ว่าแล้วก็ เอาลูกอมมา *ปล้น*
โดย: กจ เอง IP: 203.153.171.35 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2548 เวลา:11:47:16 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Meliot Baggins
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [
?
]
สวัสดีค่ะ ... กลับมาแล้วค่ะ
อัพบล็อกใหม่แล้วค่ะ
... ชมสวนที่คาดว่า จะอังกิ๊ด อังกฤษได้ที่กรุ๊ป
เมื่อดอกไม้บาน
...ภาพงานกระดาษของขวัญวันแต่งงาน ที่กรุ๊ป
งานกระดาษ
ค่ะ
Friends' blogs
ก่ายยย...
ตาอิน
ลุงมะละกอ
กระต่ายน้อยท่าพระจันทร์
บบ
มม
พต
ชมนร
ลุงเดี้ยง
วัชชี่
ลุงแอลจี้
หมีเอ็ม
นาย dont
fakeplasticgirl
Qooma
uggie*
Candydolls
nsk
"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
jan_tanoshii
the grinning cheshire cat
wj42
กึ่งยิงกึ่งผ่าน
Cozmen
KOok_k
tuktikmatt
fozzil
parawarm
Webmaster - BlogGang
[Add Meliot Baggins's blog to your web]
Links
มัลติพลาย
เรารักโปสการ์ด
หอมน้อย
ห้องต้นไม้
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.