ครูปั๊กกาเป้า.... O_o
Group Blog
 
 
มกราคม 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
30 มกราคม 2551
 
All Blogs
 
รัชกาลที่ ๒

<a href="//www.wherearepop.com/members/wherearepop/cha/hifias708s.swf" target="_blank">//www.wherearepop.com/members/wherearepop/cha/hifias708s.swf</a>





พระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีพระนามเดิมว่า "ฉิม" เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๓๑๐ ณ ตำบลอัมพวา เมืองสมุทรสงคราม ขณะนั้นกรุงศรีอยุธยาเสียแก่ข้าศึกแล้วในแผ่นดินพระเจ้าเอกทัศน์ เมื่อทรงประสูติ พระราชบิดามีพระยศเป็น หลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรี

พ.ศ.๒๓๒๕ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้ทรงปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงมีพระชนมายุ ๑๖ พรรษา พระราชบิดาจึงโปรดสถาปนาให้ดำรงพระยศเป็น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ครั้นมีพระชนมายุสมควรที่จะได้รับการอุปสมบท พระราชบิดาได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้อุปสมบท ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม แล้วเสด็จไปจำพรรษา ณ วัดสมอราย

ตลอดสมัยรัชกาลที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้โดยเสด็จพระราชบิดาไปในการสงครามทุกครั้ง เมื่อพระชนมายุได้ ๔๑ พรรษา พระราชบิดาได้ทรงสถาปนาให้ดำรงพระยศเป็น "พระมหาอุปราชกรมพระราชวังบวรสถานมงคล" ดำรงพระเกียรติยศเป็นพระมหาอุปราชอยู่ ๓ ปี ครั้นถึงปี พ.ศ.๒๓๕๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสวรรคต พระองค์จึงเสด็จขึ้นครองราชย์ นับเป็นองค์ที่ ๒ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงพระนามว่า " พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย " ทรงครองราชย์อยู่ ๑๕ ปี ครั้นถึง พ.ศ.๒๓๖๗ เสด็จสวรรคต เมื่อพระชนมายุได้ ๕๖ ปี กับ ๕ เดือน

พระบรมราชสัญลักษณ์ประจำรัชกาลที่ ๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระนามเดิม "ฉิม" ใช้รูปครุฑ (ฉิมพลี เป็นชื่อวิมานพญาครุฑ)



พระบรมราชสัญลักษณ์ (ลญจกร) ประจำรัชกาลที่ ๒ ใช้รูปครุฑ



พ.ศ.๒๓๕๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เสด็จสวรรคต ครั้นจัดการพระบรมศพแล้ว พระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนาง ข้าราชการพร้อมกันกราบบังคลทูลเชิญ กรมพระราชวังบวรสถานมงคลเสด็จขึ้นครองราชย์ทรงพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมีขึ้นเมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์ได้ ๗ วัน พระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่ทำในรัชกาลของพระองค์นี้ ทำตามตำราพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งตั้งเป็นแบบแผนไว้เมื่อรัชกาลที่ ๑ โดยตั้งพระมณฑป พระกระยาสนานสรง พระมุรธาภิเษกที่ท้องพระลาน ข้างท้องพระโรงหน้าพระที่นั่งจักรพรรดิพิมานด้านบูรพาทิศ ส่วนสำคัญของการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกซึ่งได้แก่การรับการถวายน้ำอภิเษก รับการถวายสิริราชสมบัติ รับเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ เครื่องบรมราชาภรณ์ เครื่องบรมราชูปโภค พระแสงอัษฎาวุธ ตลอดจนการถวายนพปฎลมหาเศวตฉัตรนั้น ทำภายในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ การพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนี้มีกำหนด ๗ วัน ซึ่งในระหว่างนี้ภายนอกพระบรมมหาราชวัง มีการตั้งศาลาฉ้อทานเลี้ยงสมณะ พราหมณาจารย์ ประชาราษฎร ไถ่สัตว์ซึ่งคนจะฆ่านำมาปล่อยและงดขายสุรา

เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสวรรคต พระเจ้าปดุงกษัตริย์พม่าเห็นว่าไทยกำลังอยู่ในระหว่างเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ จึงเกณฑ์ไพร่พลเพื่อยกทัพมาตีไทย โดยมี "อะเติงวุ่น" เป็นแม่ทัพ ทัพพม่ายกเข้ามาเพื่อตีหัวเมืองชายทะเล เช่น ชุมพร ตะกั่วป่า ตะกั่วทุ่ง และเกาะถลาง พม่าตีได้เมืองตะกั่วป่า ตะกั่วทุ่ง และยกข้ามไปล้อมเกาะถลางไว้ ล้อมเมืองอยู่ ๒๗ วัน ทัพพม่าก็เข้าตีเมืองถลางได้

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงทราบข่าวศึก จึงทรงโปรดให้เกณฑ์กองทัพลงไปช่วยเมืองถลางหลายทาง เมื่อพม่าทราบข่าวว่าทัพไทยยกลงมาจึงรวบรวมทรัพย์สมบัติลงเรือหนีไป ทัพไทยยกมาตีทัพพม่าและตีเมืองถลางคืนมาได้ รวมทั้งหัวเมืองชายทะเลอื่นๆด้วย

พ.ศ.๒๓๖๒ พระเจ้าปดุงเสด็จสวรรคต พระเจ้าจิงกูจาขึ้นครองราชย์สืบต่อมา ทรงรวบรวมพลเพื่อจะยกทัพเข้ามาตีไทยเป็นการเผยแผ่พระบารมี ไทยได้ทราบข่าวที่พม่าจะยกทัพมา จึงเตรียมทัพไปคอยตั้งรับทัพข้าศึกที่เมืองเพชรบุรี ราชบุรี และกาญจนบุรี ส่วนหัวเมืองทางใต้ก็ให้เกณฑ์พลไปตั้งรักษาเมืองไว้ ทัพไทยเตรียมรับทัพพม่าอยู่จนล่วงเข้าฤดีฝน พม่าก็ไม่ได้ยกทัพมา พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงโปรดฯให้ทัพที่ยกไปนั้น ให้ยกทัพกลับ

พ.ศ.๒๓๕๓ พระเจ้าเวียดนามยาลองส่งราชทูตญวนเข้ามาเพื่อถวายบังคมพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ และเพื่อกราบถวายบังคมพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ซึ่งขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ ๒ ราชทูตญวนนำเครื่องราชบรรณาการมาถวาย และทูลเกล้าถวายพระราชสาส์นของพระเจ้าเวียดนามที่มีมาเพื่อทูลขอเมืองไผทมาศ อันเคยเป็นเมืองขึ้นของญวนมาก่อน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงยอมยกเมืองไผทมาศคืนให้ญวน เพื่อการทางพระราชไมตรี เพราะขณะนั้นไทยกำลังเตรียมการรับศึกพม่าอยู่

พ.ศ.๒๓๕๓ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดให้มีพระราชสาส์นไปเกณฑ์กองทัพเขมรมาช่วยรักษาพระนคร เพราะมีข่าวว่าพม่ากำลังเตรียมทัพมาตีไทย พระอุไทยราชา เจ้าเมืองเขมรได้รับพระราชสาส์นแล้วไม่ทำตาม พระมหาอุปโยราช พระยาจักรี พระยากลาโหม และพระยาสังคโลก ขุนนางผู้ใหญ่คิดการจะเกณฑ์ทัพมาช่วย พระอุไทยราชาทราบความจึงรับสั่งให้จับพระยาจักรี พระยากลาโหมประหารชีวิต ส่วนพระยาสังคโลกหนีมาไทย พระอุไทยราชาเกรงว่าไทยจะยกทัพมาตีเขมรจึงขอกำลังจากญวนมาช่วย ญวนจึงยกทัพมาตั้งมั่นอยู่ที่เกาะจีน ครั้นเห็นว่าเหตุการณ์ในเมืองเขมรยังสงบอยู่จึงยกทัพกลับ

จากนั้นมาเขมรก็แตกแยะเป็น ๒ ฝ่าย ฝ่ายอุไทยราชานิยมญวน และฝ่ายพระมหาอุปโยราชนิยมไทย ต่อมาพระมหาอุปโยราชแยกตัวเป็นอิสระ คุมพลมาตั้งมั่นที่เมืองโพธิสัตว์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงทราบความ จึงมีรับสั่งให้เจ้าพระยายมราชคุมกองทัพลงไปเจรจาไกล่เกลี่ยให้พี่น้องปรองดองกัน พระอุไทยราชารับสาส์นแล้วทำนิ่งเฉย เจ้าพระยายมราชจึงยกทัพไปตั้งมั่นอยู่ที่เมืองบันทายเพชร พระอุไทยราชาเกรงกำลังกองทัพไทยจึงหนีไปพึ่งญวน เจ้าพระยายมราชจึงมีสาส์นไปแจ้งให้ญวนและเขมรทราบว่าทัพไทยยกมาเพื่อเจรจาความให้พี่น้องปรองดอกกัน แต่สาส์นนั้นไม่ได้รับคำตอบ

เจ้าพระยายมราชจึงยกทัพกลับและให้เผาเมืองพนมเพ็ญ กระพงหลวง และเมืองบันทายเพชร เพื่อมิให้ข้าศึกได้ใช้เป็นที่อาศัยแล้วเชิญพระมหาอุปโยราช (นักองค์สงวน) พระมหาอุปราช (นักองค์อิ่ม) และนักองค์ด้วง ซึ่งเป็นน้องของพระอุไทยราชามาพำนักในกรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงให้คณะทูตนำพระราชสาส์นไปแจ้งให้พระเจ้าเวียดนามยาลองทรงทราบเหตุการณ์ในเขมร แต่พระเจ้าเวียดนามกลับมีพระราชสาส์นตอบเข้าข้างเขมร และทรงให้ขุนนางนำพระอุไทยราชากลับเขมร นับแต่นั้นมาเขมรก็ขึ้นอยู่กับญวน สำหรับไทย เขมรเพียงแต่ส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวาย แต่มิได้เข้ามาเฝ้าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยอีกเลย

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงมีพระราชดำริว่าพระสงฆ์ในลังกาทวีปเป็นวงศ์เดียวกับพระสงฆ์ในประเทศสยาม จึงควรที่จะได้มีการติดต่อเป็นไมตรีกัน ระหว่างพระสงฆ์ไทยกับพระสงฆ์ในลังกาทวีป ดังนั้น ใน พ.ศ.๒๓๕๗ พระองค์จึงทรงให้จัดคณะสมณทูตเดินทางไปลังกาเพื่อเจริญทางไมตรี การเดินทางไปครั้งนี้ได้ผลดียิ่ง คณะสมณทูตเดินทางกลับถึงเมืองไทย เมื่อ พ.ศ.๒๓๖๑ และได้นำหน่อพระศรีมหาโพธิมาจากลังกา ๖ ต้น ปลูกไว้ที่เมืองกลันตัน ๑ ต้น นครศรีธรรมราช ๒ ต้น นำขึ้นทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ๓ ต้น ทรงให้ปลูกไว้ที่วัดสุทัศน์ ๑ ต้น วัดสระเกษ ๑ ต้น และวัดมหาธาตุ ๑ ต้น



หน่อพระศรีมหาโพธิ (ว่ากันว่าเป็นต้นที่นำมาจากลังกา)



ในด้านการศาสนา พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงโปรดให้ทำสังคายนาสวนมนต์ เพื่อให้คู่กับการสังคายนาพระไตรปิฎกที่ได้ทำในรัชกาลที่ ๑ โดยทรงโปรดให้แปลพระปริตทั้งหลายออกเป็นภาษาไทย และทรงโปรดให้พระเจ้าน้องนางเธอพระองค์เจ้าศศิธรเป็นหัวหน้าชักชวนพระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการฝ่ายในฝึกหัดสวดพระปริตด้วย

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงมีพระราชดำริที่จะสร้างเมืองขึ้นไว้สำหรับป้องกันข้าศึกที่จะมาทางทะเล จึงทรงโปรดให้กรมพระราชวังบวรสถานมงคล เป็นแม่กองคุมการก่อสร้างเมืองขึ้นที่ปากลัด ทางปากแม่น้ำเจ้าพระยาโดยสร้างขึ้นเป็นเมืองใหม่ พระราชทานชื่อว่า เมืองนครเขื่อนขันธ์ และทรงโปรดให้ย้ายครอบครัวมอญพวกพระยาเจ่งออกไปอยู่ที่นครนี้ พร้อมกันนั้นก็ได้สร้างป้อมขึ้นทางด้านตะวันออก ๓ ป้อม รวมทั้งป้อมเก่าที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ รวมเป็น ๔ ป้อม การสร้างนครเขื่อนขันธ์นี้สร้างเสร็จใน พ.ศ.๒๓๕๘ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงโปรดให้ตั้งสมิงทอมา บุตรพระยาเจ่งเป็นพระยานครเขื่อนขันธ์

ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงได้ช้างเผือกมาสู่พระบารมีถึง ๓ เชือก คือใน พ.ศ.๒๓๕๕ ทรงได้ช้างพลายเผือกเอก ๑ เชือก จากเมืองโพธิสัตว์ พระราชทานนามว่า พระยาเสวตรกุญชร ต่อมาเจ้าเมืองเชียงใหม่ได้นำขึ้นถวายอีก ๑ เชือก พระราชทานนามว่า พระยาเสวตรไอยรา ครั้นใน พ.ศ.๒๓๖๐ พระยาน่านได้นำขึ้นถวายอีก ๑ เชือก พระราชทานนามว่า พระยาเสวตรคชลักษณ์

ตามโบราณราชประเพณีถือว่า การที่มีช้างเผือกมาสู่พระบารมีนั้น เป็นการเพิ่มพูนพระเกียรติยศ เป็นบารมีอันสูงสุด พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงทรงได้รับการถวายพระนามว่า " พระเจ้าช้างเผือก "

จากการที่มีช้างเผือกมาสู่พระบารมีถึง ๓ เชือก พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงโปรดให้ใช้ธงซึ่งชักในเรือกำปั่นหลวง ที่แต่งไปค้าขายยังนานาประเทศ เป็นรูปช้างสีขาวอยู่กลางวงจักรติดในธงสีแดง เป็นมูลเหตุที่ใช้ธงช้างเป็นธงสำหรับชาติไทยแต่นั้นมา



ธงชาติที่มีรูปช้างเผือกอยู่กลางวงจักร .. ใช้สำหรับชักในเรือกำปั่นหลวงที่ไปค้าขายกับต่างประเทศ



พ.ศ.๒๓๕๕ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดให้ข้าหลวงขึ้นไปเชิญพระแก้วผลึกอันปรากฎพระนามว่า พระพุทธบุษยรัตน์จากเมืองนครจำปาศักดิ์เข้ามาประดิษฐานยังกรุงเทพฯ ทรงโปรดให้จัดกระบวนเรือแห่ขึ้นไปรับพระพุทธปฎิมาลงมาตามลำแม่น้ำถึงหน้าพระตำหนักเทพ แล้วจึงตั้งกระบวนสถลมารค แห่พระพุทธปฎิมาไปประดิษฐานในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จากนั้นอัญเชิญไปประดิษฐานในหอพระสุราไลยพิมาน ในบริเวณพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน

พ.ศ.๒๓๖๐ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงมีพระราชดำริด้วยสมเด็จพระสังฆราช (มี) ให้ทำพิธีวิสาขบูชา กลางเดือน ๖ นับเป็นครั้งแรกที่ได้มีพิธีดังกล่าวขึ้นในกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์โปรดให้ประดับตกแต่งตามพระอารามหลวงและบ้านเรือนเป็นพุทธบูชา โปรดให้นิมนต์พระสงฆ์แสดงธรรมเทศนาแก่ราษฎร นอกจากนั้นโปรดให้มีการรักษาอุโบสถศีลปล่อยนกปล่อยปลา

พระอุไทยราชาสมคบกับญวนจะตีเมืองพระตะบองคืนจากไทย เพราะเมืองพระตะบองนั้นเป็นที่มั่นสำหรับจัดหาเสบียงอาหารให้ทัพไทยในเวลาที่ยกมาตีเขมร พระอุไทยราชาจึงทำอุบายให้ขุนนางยกพลเข้ายึดเมืองพระตะบอง แต่พระยารามคำแหงและพระยาอภัยภูเบศร์ผู้รักษาเมืองพระตะบองไม่ยอมให้เข้าเมือง เกิดสู้รบกัน ทหารเขมรสู้ไม่ได้ ถอยไปตั้งมั่นที่เมืองโพธิสัตว์ เจ้าเมืองพระตะบองมีใบบอกเข้ามาในกรุง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงโปรดให้ส่งกองทัพไปช่วย พร้อมกับมีพระราชสาส์นแจ้งไปให้พระเจ้าเวียดนามทรงทราบ แต่พระเจ้าเวียดนามกลับตอบพระราชสาส์นเข้าข้างเขมร

พ.ศ.๒๓๖๒ ราชทูตญวนเข้ามาส่งข่าวว่าพระเจ้าเวียดนามยาลองสิ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงโปรดให้พระยาทิพโกษาเป็นราชทูต นำคณะทูตไปถวายบังคมพระบรมศพ และเชิญพระราชสาส์นไปแสดงความยินดีกับพระเจ้าเวียดนามพระองค์ใหม่ คือ พระเจ้าเวียดนามมินมาง

วัดอรุณราชวราราม เดิมชื่อ "วัดแจ้ง" พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้ทรงบูรณะและปฎิสังขรณ์ขึ้นใหม่ในสมัยของพระองค์ เมื่อการบูรณะปฎิสังขรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้โปรดให้มีมหรสพฉลอง และพระราชทานชื่อว่า "วัดอรุณราชธาราม" (ซึ่งในรัชกาลที่ ๔ ได้ทรงเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดอรุณาราชวราราม")

สำหรับองค์พระปรางค์วัดอรุณนั้น เป็นพระราชดำริของพระองค์ที่ต้องการจะให้ก่อสร้างพระปรางค์ขึ้นองค์หนึ่ง ให้สูงที่สุด แต่ทำได้เพียงกะที่และขุดรากเท่านั้น ยังมิทันดำเนินการก่อสร้าง พระองค์ก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน ซึ่งรัชกาลต่อๆมาก็ได้ดำเนินการตามพระราชดำริของพระองค์จนสำเร็จ



พระอุโบสถในวัดอรุณราชวราราม




วัดอรุณราชธาราม ชื่อเดิม ต่อมารัชกาลที่ ๔ ทรงเปลี่ยนใหม่เป็น วัดอรุณราชวราราม




พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก พระประธานในพระอุโบสถวัดอรุณราชวราราม



พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก พระประธานในพระอุโบสถวัดอรุณราชวราราม พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงปั้นหุ่นพระพักตร์ด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง พระอุโบสถในวัดอรุณราชวรารามตั้งอยู่ทางด้านเหนือของวัด

พ.ศ.๒๓๖๓ เจ้าเมืองมาเก๊าได้มีหนังสือเข้ามาขอต่อเรือกำปั่น พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ต่อเรือกำปั่นขึ้นที่หน้าบ้านกงสุล เมื่อต่อเรือกำปั่นเสร็จแล้วได้บรรทุกของหลวงออกไปขายและได้โปรดพระราชทานให้ยกค่าธรรมเนียมต่อเรือปากเรือให้ด้วย

กัปตันเฮล พ่อค้าชาวอเมริกัน ได้นำปืนคาบศิลาเข้ามาค้าขายโดยแลกกับน้ำตาลทราย กัปตันเฮลได้เข้าเฝ้าทูลเกล้าถวายปืนคาบศิลาห้าร้อยกระบอก พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงมีพระราชดำริว่า กัปตันเฮลมีความชอบเนื่องจากนำปืนเข้ามาขายให้เป็นกำลังของแผ่นดินถึงสองครั้ง จึงทรงโปรดให้ตั้งกัปตันเฮลเป็น หลวงภักดีราชกัปตัน

มาร์ควิส เฮสติงส์ ผู้สำเร็จราชการอินเดียของอังกฤษได้ส่ง จอห์น ครอเฟีด เป็นทูตเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับไทย

จอห์น ครอเฟีด เดินทางเข้ามาถึงเมืองไทยเมื่อ พ.ศ.๒๓๖๕ ได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เพื่อทูลเกล้าฯถวายพระราชสาส์นและเครื่องบรรณาการ จากนั้นจึงได้เข้าพบและเจรจาปรึกษาข้อราชการกับขุนนางไทย การเป็นทูตเข้ามาเจรจาของ จอห์น ครอฟีด ครั้งนี้ไม่ได้ผลเพราะ จอห์น ครอเฟีด แสดงกิริยาไม่เหมาะสม ดูถูกดูหมิ่นคนไทย เอาเปรียบในการเจรจา และที่สำคัญคือทั้งสองฝ่ายต่างไม่เข้าใจในภาษาซึ่งกันและกัน การเจรจาต้องผ่านล่ามซึ่งเป็นคนชั้นต่ำและสาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ จอห์น ครอเฟิด ได้ให้พนักงานของตนสำรวจร่องน้ำ ทำแผนที่ เพื่อจะได้รู้ลักษณะภูมิประเทศของประเทศไทย ทำให้คนไทยไม่พอใจ ครอเฟิด พักอยู่เมืองไทย ๔ เดือน จึงได้เดินทางกลับ โดยไม่ได้รับความสำเร็จในการเจรจาแต่อย่างใด

รัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย วรรณคดีไทย โดยเฉพาะละครรำเจริญเฟื่องฟูอย่างยิ่ง ราชสำนักของพระองค์เป็นที่ชุมนุมของกวี นักปราชญ์ สำหรับพระองค์ก็ทรงสนพระทัยและสนับสนุนด้านการละครเป็นอย่างมาก โดยทรงโปรดให้หัดตัวละครรุ่นใหม่ๆขึ้น บทละครบางเรื่องทรงพระราชทานนิพนธ์ขึ้นเพื่อให้ใช้สำหรับเล่นละคร ในการทรงบทละครนั้น ทรงเลือกสรรเจ้านายและข้าราชการที่เป็นกวี ชำนาญกลอนไว้สำหรับทรงปรึกษา เช่น กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี และขุนสุนทรโวหาร บทละครตอนใดที่ไม่ได้พระราชนิพนธ์ด้วยพระองค์เอง ก็จะพระราชทานให้กวีที่ปรึกษานำไปแต่งตอนใดที่ทรงพระราชนิพนธ์ หรือกวีที่นำไปแต่งแล้วนำมาถวาย ก็จะนำมาอ่านหน้าพระที่นั่งในที่ประชุมกวีเพื่อช่วยกันแก้ไข

บทละครที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นนั้น ใช้สำหรับเล่นละครเป็นสำคัญ ดังนั้นเมื่อทรงพระราชนิพนธ์จบแล้ว จะโปรดพระราชทานให้เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรีนำไปลองซ้อมกับกระบวนรำ คิดวิธีรำ ทำบท บทรำใดขัดข้อง ต้องแก้บทเข้าหาวิธีรำแล้วจึงนำละครนั้นมาซ้อมถวายให้พระองค์ทอดพระเนตร เพื่อทรงติ ชม แก้ไข กระบวนรำอีกชั้นหนึ่ง จึงจะยุติลงเป็นแบบแผน

ทางด้านบทละคร เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงเป็นกวี ดังนั้นจึงทรงพระราชนิพนธ์วรรณคดีไว้หลายประเภท โดยเฉพาะทางด้านบทละครได้ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นไว้ทั้งบทละครในและละครนอก พระราชนิพนธ์บทละครที่มีชื่อเสียงได้แก่เรื่อง รามเกียรติ์ อิเหนา สังข์ทอง ไกรทอง คาวี ฯลฯ นอกจากพระราชนิพนธ์บทละครแล้วพระองค์ได้ทรงพระราชนิพนธ์ กาพย์เห่เรือ บทพากย์โขน และบทละครเสภาขุนช้างขุนแผนบางตอนไว้ด้วย บทพระราชนิพนธ์ของพระองค์ได้รับการยกย่องว่ามีความดีเด่น และไพเราะ งดงามในทุกๆด้าน เป็นที่นิยมยกย่องกันมาจนตราบเท่าทุกวันนี้

ทางด้านศิลปะและการดนตรี พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์การดนตรีทั้งในด้านการสร้างเครื่องดนตรีและการเล่น พระองค์เองทรงมีความชำนาญและโปรดทรงซอสามสายมาก ทรงมีซอสามสายคู่พระหัตถ์อยู่คันหนึ่ง พระราชทานนามว่า "ซอสายฟ้าฟาด" เพลงพระราชนิพนธ์ที่มีชื่อเสียงซึ่งบรรเลงด้วยซอสามสายได้ไพเราะยิ่งนัก ชื่อว่าเพลง "บุหลันลอยเลื่อน" หรือ "บุหลันเลื่อนลอยฟ้า" หรือ "เพลงทรงพระสุบิน" หรือ "เพลงสรรเสริญพระจันทร์"

สุนทรภู่ กวีเอกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย สุนทรภู่เกิดเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๓๒๙ ในรัชกาลพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมื่อเยาว์วัย สุนทรภู่ได้รับการศึกษาที่วัดชีปะขาว (วัดศรีสุดาราม) เมื่อจบการศึกษา เริ่มออกทำงานเป็นเสมียนนายระวางกรมพระคลังสวนแล้วกลับมาเป็นมหาดเล็กในกรมพระราชวังหลัง

ในรัชกาลที่ ๒ สุนทรภู่เข้ารับราชการ ได้ตำแหน่งเป็นขุนสุนทรโวหาร กวีประจำราชสำนัก ในสมัยรัชกาลที่ ๓ สุนทรภู่ลาออกจากราชการและออกบวช ระเหเร่ร่อนไปตามที่ต่างๆ ต่อมาได้รับการอุปถัมภ์กลับเข้ารับราชการอีกครั้ง ในตำแหน่งพระสุนทรโวหาร เจ้ากรมพระอาลักษณ์ ฝ่ายพระราชวังบวร จนถึง พ.ศ.๒๓๙๘ สุนทรภู่ถึงแก่กรรม รวมอายุได้ ๗๘ ปี

ช่วงเวลาที่สุนทรภู่มีชีวิตอยู่ ได้สร้างผลงานทางกวีไว้มากมาย ทั้งประเภท นิราศ นิทานคำกลอน สุภาษิต บทละคร เสภา หนังสือแบบเรียนและบทเห่กล่อมพระบรรทม แต่ผลงานของสุนทรภู่ที่มีคุณค่า และเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายที่สุดคือ นิทานคำกลอนเรื่อง พระอภัยมณี



สุนทรภู่ หรือ ขุนสุนทรโวหาร กวีเอกสมัยรัชกาลที่ ๒




พระอภัยมณี .... ได้รับการยกย่องว่าเป็นนิทานคำกลอนที่ดีเด่นที่สุด



นิทานคำกลอนเรื่องพระอภัยมณี เป็นงานชิ้นเอกของสุนทรภู่ สุนทรภู่คิดผูกเรื่องขึ้นมาด้วยตนเอง เป็นนิทานที่รวมไว้ซึ่งความแปลกใหม่ และให้คุณค่าในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคุณค่าในด้านวรรณกรรมหรือด้านการสั่งสอนอบรม นิทานเรื่องนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดของนิทานคำกลอน

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็นระยะเวลาที่บ้านเมืองเป็นปกติสุข การศึกสงครามกับประเทศเพื่อนบ้านมีบ้างในตอนต้นรัชกาล แต่ด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์ที่ทรงพยายามระงับข้อขัดแย้งต่างๆ จึงทำให้การสงครามกับประเทศเพื่อนบ้านสงบลงได้โดยสันติ

เมื่อบ้านเมืองปราศจากศึกสงคราม พระองค์จึงทรงมีเวลาเพื่อการทะนุบำรุงบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองได้เต็มที่ โดยเฉพาะทางด้านศิลปกรรม ซึ่งเสื่อมทรามมาตั้งแต่สมัยเสียกรุงศรีอยุธยา เพราะพม่าได้โยกย้ายกวาดต้อนศิลปวัตถุและช่างฝีมือดีๆ ไปเมืองพม่าเกือบหมด พระองค์จึงทรงมุ่งทะนุบำรุงทางด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติให้รุ่งเรืองขึ้นใหม่ในทุกๆด้าน ศิลปกรรมในสมัยของพระองค์จึงมีความงดงามเป็นเลิศ และไม่เพียงแต่จะเกิดประโยชน์ในแง่ทะนุบำรุงการช่างเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดประโยชน์ทางใจแก่บุคคลในชาติด้วย จนกล่าวได้ว่า ในรัชสมัยของพระองค์นั้นนับว่าเป็นยุคทองของศิลปกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

ผลงานทางด้านศิลปกรรมในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ที่มีความงดงามเป็นเลิศ เช่น บานประตูพระวิหาร วัดสุทัศน์เทพวราราม



บานประตูพระวิหาร วัดสุทัศน์เทพวราราม ...รัชกาลที่ ๒ ทรงแกะร่วมกับช่างฝีมือชั้นเยี่ยมในสมัยนั้น



พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงแกะสลักบ้านประตูพระวิหารร่วมกับช่างฝีมือชั้นเยี่ยมในสมัยนั้น โดยมีกรมหมื่นจิตรภักดี เป็นนายงาน บานประตูพระวิหารนี้แกะเป็นรูปป่า เขา ลำเนาไพร และสัตว์นานาชนิดอย่างมีชีวิตชีวา งดงามมาก สมดังที่ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ในเรื่องอิเหนาว่า

ฉลักรูปสิงสัตว์นานา
ดุจเด่นออกมาเหมือนจริง
ทั้งเนื้อนกดังเป็นเห็นประหลาด
พฤกษชาติเหมือนจะไหวไกวกิ่ง
อันรูปเสือสีห์หมีกระทิง
เหมือนจะย่างวางวิ่งเวียนวน

(ปัจจุบันบานประตูพระวิหารนี้ได้ถูกไฟไหมไปด้านหนึ่ง กรมศิลปากรจึงถอดไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ)

พระที่นั่งสนามจันทร์ เป็นพระที่นั่งไม้องค์เล็ก สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระองค์ทรงมีส่วนร่วมในการสร้างและตกแต่งพระที่นั่งองค์นี้ด้วยพระองค์เอง


พระที่นั่งสนามจันทร์



หน้าหุ่นหลวง เป็นศิลปกรรมการช่างในสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ที่สวยงามอีกประเภทหนึ่ง มีทั้งหน้าพระ หน้านาง หน้ายักษ์ หน้าลิง ซึ่งเป็นตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์ สำหรับพระองค์นั้นได้ทรงแกะหน้าหุ่นด้วยไม้รักไว้คู่หนึ่ง เรียกกันว่า พระยารักใหญ่ พระยารักน้อย (ปัจจุบัน เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ)

เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงโปรดเครื่องถ้วยชามเบญจรงค์มาก จึงทรงมีรับสั่งให้หมู่ช่างหลวงทำขึ้นเป็นของหลวง โดยทรงส่งลายตัวอย่างออกไปเป็นลายรูปครุฑ รูปราชสีห์ รูปนรสิงห์ รูปเทพพนม และรูปพรหมสี่หน้า กับทรงโปรดให้ช่างทำลายน้ำทองถวาย ฝีมือช่างหลวงในสมัยของพระองค์ได้ปั้นและเขียนลวดลายได้เด่นชัด เนื้อถ้วยชามและภาชนะละเอียดเป็นเงางามเทียบได้กับฝีมือเครื่องถ้วยชามเบญจรงค์ที่ทำมาจากเมืองจีนได้ เครื่องถ้วยชามเบญจรงค์และลายน้ำทองในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงนับเป็นศิลปกรรมของชาติที่มีความงามเป็นเอก

พ.ศ.๒๓๕๔ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย นางนก หญิงลูกครึ่งจีนชาวเมืองสมุทรสงคราม ได้คลอดทารกฝาแฝดเพศชาย ชื่อว่า อิน-จัน เด็กฝาแฝดทั้งสองมีลักษณะร่างกายปกติเหมือนคนธรรมดาครบบริบูรณ์ คนละร่างกาย คนละจิตใจ ต่างนิสัยต่างอารมณ์ แต่มีส่วนของร่างกายด้านหน้าติดกันตั้งแต่บริเวณส่วนอกถึงหน้าท้อง



ฝาแฝด ... อิน - จัน



เมื่อ อิน-จัน อายุได้ ๑๘ ปี พ่อค้าชาวสก๊อตได้มาพบเด็กฝาแฝดเข้า จึงติดต่อขอซื้อจากมารดา และนำเด็กฝาแฝดเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา ไปฝึกหัดเป็นนักแสดงในคณะละครสัตว์ ออกแสดงเร่ร่อนไปตามเมืองใหญ่ๆ ทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอังกฤษ เมื่อมีอายุมากขึ้น อิน-จัน จึงตั้งรกรากอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา เปลี่ยนสัญชาติเป็นชาวอเมริกัน ใช้นามสกุลบังเกอร์ อิน-จันแต่งงานกับพี่น้องชาวอเมริกัน มีลูกหลานสืบสกุลต่อมาถึง ๒๑ คน เขาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างมีความสุข จนกระทั่งถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๔๑๗ นับเป็นฝาแฝดไทยคู่แรกที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วโลก

เมื่อสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ามงกุฎ ทรงมีพระชนมายุควรแก่การอุปสมบท สมเด็จพระราชบิดา คือพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงจัดให้มีพิธีผนวชสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอขึ้นในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระสังฆราช (มี) เป็นพระอุปัชฌาย์ ครั้นอุปสมบทเป็นพระภิษุแล้ว เสด็จไปประทับอยู่ ณ วัดสมอราย หรือวัดราชาธิวาส ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคตแล้ว จึงได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดมหาธาตุ

พ.ศ.๒๓๖๗ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงประชวรอยู่ ๘ วัน ครั้นถึงวันพุธ เดือน ๘ แรม ๑๑ ค่ำ จึงเสด็จสวรรคต รวมพระชนมายุได้ ๕๘ พรรษา

ครั้นเสด็จสู่สวรรคตแล้ว พระบรมวงศานุวงศ์ เสนาบดี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ จึงพร้อมกันอัญเชิญสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ซึ่งเป็นพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ใหญ่ เจริญพระชนมายุมากกว่าพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์อื่น และทรงรับราชการต่างพระเนตรพระกรรณมาตลอด ให้ขึ้นครองราชย์ต่อจากสมเด็จพระราชบิดา เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๓ แห่งบรมราชจักรีวงศ์


Create Date : 30 มกราคม 2551
Last Update : 30 มกราคม 2551 19:45:43 น. 22 comments
Counter : 6460 Pageviews.

 
ไม่ได้แวะมาหามาเยี่ยมซะนาน วันนี้คิดถึงจึงแวะมาเยี่ยมครับ มาถึงก็ได้รับทราบพระประวัติฯด้วย แหมดีจังเลย...


โดย: เขาพนม วันที่: 31 มกราคม 2551 เวลา:21:52:07 น.  

 
บล็อกเขาพนมเปลี่ยน url ใหม่แล้วนะครับ ถ้าอย่างไรล่ะก็ รบกวนลบชื่อเขาพนมที่ Friends' blogs ออกไปก่อน จากนั้นก็ไป Add ชื่อมาใหม่นะครับ จึงจะเข้าบล็อกเขาพนมได้เช่นเดิมๆ ขอบคุณมากครับ


โดย: เขาพนม วันที่: 31 มกราคม 2551 เวลา:21:53:26 น.  

 
อบ


โดย: ดาส IP: 125.26.67.246 วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:19:10:13 น.  

 
ชอบมาก


โดย: อาย IP: 125.26.67.246 วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:19:12:38 น.  

 
อดส่า


โดย: ไชโย IP: 125.26.67.246 วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:19:14:20 น.  

 
น่าจามีปาหวัดสุนทรภู่มากกว่างี้อ่ะ


โดย: devil IP: 202.129.10.218 วันที่: 28 มิถุนายน 2551 เวลา:14:44:28 น.  

 
ดีมากกกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: ฟืแบ็ก IP: 118.173.162.26 วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:19:56:52 น.  

 
ดี จ ร้ า

ห นู ช อ บ ผ ล ง า น

พี่ๆ ม า ก จ ร้ า



โดย: พิมพ์ IP: 203.172.159.82 วันที่: 3 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:55:19 น.  

 
เเง


โดย: มานน IP: 124.120.24.91 วันที่: 3 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:56:29 น.  

 
สวยงาม


โดย: นา IP: 117.47.228.96 วันที่: 5 ตุลาคม 2551 เวลา:9:59:53 น.  

 
ขอบคุณสำหรับความรู้มากๆเลยคะ
ละเอียดมากๆเลย (:


โดย: จีน IP: 124.121.117.218 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:32:11 น.  

 
สุนทรภู่เก่งจังเลยอะ ทุกเรื่องที่ท่านแต่งสนุกทั้งนั่นเลยคะชอบชอบ



โดย: พลอย IP: 222.123.78.202 วันที่: 26 สิงหาคม 2552 เวลา:10:37:14 น.  

 
ชอบมั่กๆๆๆๆๆ


โดย: นวพรรษ IP: 124.157.221.26 วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:11:31:56 น.  

 
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him


โดย: da IP: 124.122.247.144 วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:23:05:54 น.  

 
เพลงเพราะ ให้ความรู้เยี่ยม ขอบคุณค่ะ


โดย: JaN IP: 124.120.108.211 วันที่: 21 เมษายน 2553 เวลา:9:00:42 น.  

 
ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


โดย: รน IP: 125.24.61.163 วันที่: 8 มิถุนายน 2553 เวลา:19:34:03 น.  

 
ลั๊ก และ คิดถึง
เธอ เสมอ รู้มั้ย
เค้า ชอบ เธอนะ


โดย: ไชโย IP: 58.10.24.10 วันที่: 21 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:50:13 น.  

 
เป็นความรู้ที่ยิ่งใหญ่มาก ขอบคุณมากค่ะ


โดย: ทราย IP: 118.173.167.28 วันที่: 10 กรกฎาคม 2554 เวลา:8:18:18 น.  

 
เป็นความรู้ที่ยิ่งใหญ่มาก ขอบคุณมากค่ะ


โดย: ทราย IP: 118.173.167.28 วันที่: 10 กรกฎาคม 2554 เวลา:8:18:27 น.  

 
good
My name is Alex sander
I like sountonpho


โดย: alex IP: 124.120.101.98 วันที่: 13 กรกฎาคม 2554 เวลา:18:48:16 น.  

 
เป็นอะ ไร


โดย: หฟก IP: 124.121.151.106 วันที่: 15 มิถุนายน 2555 เวลา:13:54:04 น.  

 
พระปางสมาธิน่าจะอยู่วัดโอรสาธิรามครับ


โดย: Somchai Sakulkoo IP: 134.196.44.41 วันที่: 25 พฤษภาคม 2560 เวลา:12:22:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

@ ปั๊กกาเป้า @..อิอิ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




ติดต่อเจ้าของบ้านได้ที่นี่ ............ e - mail
New Comments
Friends' blogs
[Add @ ปั๊กกาเป้า @..อิอิ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.