มิตตันดร ตอนที่ ๕
มิตตันดร


ตอนที่ ๕


หลังจากตักบาตรเรียบร้อยแล้ว ยังพอมีเวลาพักผ่อนอีกสักหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่คัมภีระจะมารับเขาไปท่องเที่ยวยังสถานที่ต่าง ๆ ทั้งวัน หลังจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เขาก็ต้องเริ่มงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเป็นทางการเสียที

เขาเหลือบเห็นโทรศัพท์ตรงมุมห้อง ทางโครงการจัดไว้ใช้สำหรับติดต่อระหว่างการทำงาน ลองยกหูฟังเสียงสัญญาณโทรศัพท์แล้วชัดเจนดี แต่เนื่องจากยังไม่ทราบวิธีการโทรศัพท์ข้ามประเทศกลับไปยังบ้านเกิดเมืองนอน เรื่องนี้ก็คงต้องรอถามไกด์หนุ่มหรือไม่ก็กองงายในภายหลัง อันที่จริง เขาสังเกตเห็นชาวเมืองไชยพระเกตุหลายคนพกโทรศัพท์มือถือ ทว่าจากบทความเกี่ยวกับไชยพระเกตุที่เคยอ่านเจอ พบว่า ทางการอนุญาตให้ใช้เฉพาะเจ้าหน้าที่บางหน่วยงานเท่านั้น ยังไม่เปิดให้บริการทั่วไป เรื่องที่จะเชื่อมต่อสัญญาณโทรศัพท์เพื่อโทรกลับประเทศไทยก็คงต้องลืมไปได้เลย

เมื่อไม่รู้จะทำอะไร ชายหนุ่มเปิดโทรทัศน์จอแบนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในส่วนนั่งเล่น เลื่อนดูรายการต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายการที่รับสัญญาณผ่านดาวเทียมมาจากประเทศจีน มีช่องสถานีของประเทศพม่าเพียงช่องเดียว และช่องข่าวของสถานีภาคภาษาอังกฤษหลายช่อง สถานีของไชยพระเกตุมีเพียงช่องเดียว และกำลังเสนอภาพข่าวของพระราชวงศ์ของไชยพระเกตุอยู่พอดี ในภาพข่าวที่เห็น เขาจำได้ทันทีว่า เป็นองค์เจ้าฟ้าอุปราชของไชยพระเกตุนั่นเอง เนื้อหาในบทความเกี่ยวกับพระราชวงศ์ไชยพระเกตุหวนปรากฎขึ้นในความทรงจำ...

สำหรับไชยพระเกตุ ตำแหน่งมกุฎราชกุมาร หรือผู้ที่ได้รับการสถาปนาให้ขึ้นครองราชย์ต่อจากกษัตริย์จะเรียกขานว่า เจ้าฟ้าอุปราช ตามด้วยพระนาม และมักมีสร้อยพระนามว่า ราชบุตร เพื่อแสดงพระอิสริยศักดิ์ว่าทรงเป็นพระโอรสของกษัตริย์ แต่ชาววังและประชาชนทั่วไป มักขนานนามตำแหน่งนี้ว่า เจ้าอุปราชหอหน้า หรือเจ้าหอหน้าก็เรียกกัน หากแต่ในสมัยของกษัตริย์พระองค์ปัจจุบัน คือ พระเจ้าติสสะ ผู้ซึ่งมีพระชนมายุเจ็ดสิบกว่าพรรษาแล้ว พระราชโอรสพระองค์เดียวของพระองค์ซึ่งประสูติแต่พระนางอุปปะละมหาเทวี ทรงพระนาม เจ้าฟ้ามหรรณพราชบุตร ได้ทรงพระประชวรและเสด็จสวรรคตไปเมื่อหลายปีก่อน จึงทรงสถาปนาพระราชนัดดาของพระองค์ขึ้นเป็นเจ้าอุปราชแทน ทรงพระนามว่า เจ้าฟ้าอุปราชสิคาล

เจ้าฟ้าอุปราชสิคาล ทรงประทับอยู่ที่วังหอหน้าในพระราชวังหลวงกับพระมารดา วังหอหน้านี้ได้สร้างติดกับกำแพงพระราชวังหลวงทางด้านหน้าพอดี จึงเป็นที่มาของคำว่า เจ้าอุปราชหอหน้า พระมารดาของพระองค์ คือ เจ้านางทอสาย พระชนมายุราวห้าสิบกว่าชันษาแล้ว ทรงใฝ่ในการทำบุญและบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ มักทรงเสด็จออกปฏิบัติพระกรณียกิจเกี่ยวกับงานเหล่านั้นอยู่เป็นประจำ เช่นเดียวกับในภาพข่าววันนี้ เป็นการปฏิบัติพระกรณียกิจทรงเสด็จพระดำเนินไปทรงเปิดอาคารปฏิบัติการหลังใหม่ของโรงพยาบาลแม่และเด็ก ประจำนครรัฐไชยพระเกตุ ซึ่งทรงบริจาคทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นจำนวนมากในการก่อสร้าง พร้อมกับพระโอรสของพระองค์ คือ เจ้าฟ้าอุปราชหอหน้า ซึ่งโดยเสด็จในการนี้ด้วย ประชาชนชาวไชยพระเกตุต่างพากันมาเฝ้าแห่แหนเพื่อชื่นชมพระบารมีของพระองค์


แสงแดดยันไม่ทันจับเลื่อมยอดพระมหาปราสาทที่ซ้อนลดหลั่นกันของพระราชวังหลวงไชยพระเกตุ บนเฉลียงริมกำแพงด้านทิศใต้ ชายวัยกลางคนในชุดข้าราชการไชยพระเกตุ กำลังก้าวเท้าอย่างเร่งร้อนแล้วเลี้ยวขวาเลียบไปตามทางเดินริมกำแพงอันสูงใหญ่ ก่อนจะหันหน้าเข้าสู่หมู่ตึกที่ทำการคณะบริหารราชการแผ่นดินซึ่งอยู่ในบริเวณพระราชวังหลวง ประมุขสูงสุดของคณะบริหารราชการแผ่นดิน คือ พระเจ้าติสสะ กษัตริย์แห่งไชยพระเกตุองค์ปัจจุบันนั่นเอง

อาคารที่ชายคนนี้เดินขึ้นบันไดตรงไปยังชั้นสองอย่างเร่งร้อน คือ สำนักข้าหลวงพระกลาโหม

“ฉันนัดกับท่านสมุห์ไว้” เขาบอกกับเลขานุการหน้าห้อง ซึ่งลุกพรวดขึ้นเปิดประตูให้แทบจะในทันที

หน่วยงานบริหารราชการแผ่นดินของไชยพระเกตุ แบ่งสายงานออกเป็นสำนักข้าหลวงต่าง ๆ มีข้าราชการระดับสูงสุดเทียบเท่ารัฐมนตรีของไทย เป็นหัวหน้าสำนักข้าหลวงนั้น เช่น สำนักข้าหลวงยกกระบัตร มีหน้าที่ดูแลหัวเมืองและราชการชายแดน หัวหน้าคือ สมุหพระยกกระบัตร สำนักข้าหลวงราชวิเทศ มีหน้าที่ดูแลราชการต่างประเทศ และราชทูตต่าง ๆ หัวหน้าคือ สมุหพระราชวิเทศ เป็นต้น ดังนั้น สมุหพระกลาโหม คือ หัวหน้าสูงสุดของสำนักข้าหลวงพระกลาโหม แต่ยกเว้นส่วนสำนักพระราชวังที่กองงายสังกัดอยู่นั้น หัวหน้าคือ สมุหพระราชวัง มีหน้าที่ดูแลราชการในพระองค์ พระกรณียกิจ พระราชวัง ตำหนัก ทรัพย์สินส่วนพระองค์ และพระคลังข้างที่

ท่านสมุหพระกลาโหม ดูมีอายุมากกว่าชายที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้ แต่รูปร่างยังดูแข็งแรง หัวขาวโพลนตัดสั้นหวีเรียบ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาดูเคร่งขรึมเป็นนิจ ทำให้บุคลิกของท่านดูน่าเกรงขาม แต่เปี่ยมด้วยบารมี ชายที่เข้ามาคงจะพอรู้สึกได้ จึงแสดงกิริยาพินอบพิเทา

“พรุ่งนี้ผมคงต้องนำเรื่องในที่ประชุมเข้าเฝ้าถวายรายงานกระเจ้าหลวง” พระเจ้าหลวงที่เขาพูดถึง หมายถึงองค์พระเจ้าติสสะนั่นเอง “ผมยังไม่ได้ทูลถวายรายเกี่ยวกับนักเขียนจากเมืองไทย”

ท่านสมุหพระกลาโหมขมวดคิ้ว

“ท่านต้องการจะบอกอะไรผมหรือครับ?”

“ก็เรื่องที่เรานำทหารไทยเข้ามาเป็นนักเขียนสารคดีประจำโครงการฟุ้งเฟ้ออะไรของท่านนั่นไงละ”

“ระวังคำพูดของท่านหน่อย” ท่านสมุห์กล่าวเตือนด้วยเสียงเรียบ ๆ “อย่าลืมว่าโครงการนี้ พวกเราเป็นผู้ร่วมเสนอให้สำนักพระราชวังอนุมัติ มันจึงไม่ใช่โครงการฟุ้งเฟ้ออย่างที่ท่านเข้าใจ เป็นโครงการที่มีเป้าหมาย มีผลงานชัดเจนในตอนท้าย ท่านอย่าลืมเรื่องเหล่านี้สิครับ”

เมื่อเห็นบุคคลที่นั่งตรงข้ามยังคงบึ้งตึง ท่านสมุห์ก็ใช้น้ำเสียงที่อ่อนลง
“จากที่คนพูดมา ผมเห็นควรว่า ท่านก็ควรทำไปตามขั้นตอน”

“หมายถึงรายงานเรื่องเกี่ยวกับนักเขียนไทยนั่นนะหรือ?” อีกฝ่ายเกือบผุดลุกยืนขึ้นด้วยความตระหนก “มันจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหรือเปล่า?”

“ไม่มีใครรู้ภูมิหลังของนักเขียนคนนี้มากไปกว่าใบทะเบียนประวัติ และสรุปรายงานผลการทำงานราชการทั้งทางทหารและงานเขียนของเขา ที่ทางเราได้รับมาจากเมืองไทยและแสวงหาการข่าวเพิ่มเติม ในรายงานนั้นปราศจากข้อบกพร่องใด ๆ ที่จะชี้ช่องให้เห็นเป็นอย่างอื่นได้ ดังนั้น ถึงรายงานไปก็ไม่มีเหตุอันใดให้ต้องเกรงกลัว”

“เราจะแน่ใจได้อย่างไรกัน?”

“ผมมั่นใจ”

อาจจะด้วยบุคลิกทหารของท่านสมุหพระกลาโหมด้วยกระมัง ทำให้คำพูดนั้นดูแข็งขันมั่นคงและหนักแน่น จนอีกฝ่ายเริ่มวางใจ

“ผมเข้าใจละ ผมจะดำเนินการต่อไปละกัน”

ท่านสมุหพระกลาโหมยิ้มมุมปาก

“สิ่งที่เราควรกลัว ไม่ใช่เรื่องที่ท่านพระเจ้าหลวงจะล่วงรู้ความลับของเรา แต่เป็นเรื่องที่อีกพวกหนึ่งจะล่วงรู้ความลับของเราต่างหาก”

“ท่านหมายถึงใครกัน?” คราวนี้ อีกฝ่ายต้องฉงน

“คนที่อยู่เบื้องหลังความลับทั้งหมดทั้งมวลของไชยพระเกตุนี่ไงละ”

“ปู่ครูโอฆะมุนินทร์!!!!” ชายอุทานเสียงเบา ราวกับกลัวเจ้าของชื่อจะได้ยิน

“ถูกแล้ว...” ท่านสมุห์เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ แววตาครุ่นคิด “ท่านพอจะระวังทางนี้ได้หรือไม่?”

เงียบกันไปครู่หนึ่ง จู่ ๆ ชายที่นั่งตรงหน้าท่านท่านสมุหพระกลาโหมก็เอ่ยขึ้น

“ปู่ครูโอฆะมุนินทร์เพิ่งมีรายงานเข้ามา ผ่านนางกำนัลของเสด็จพระองค์ใหญ่เพื่อกราบบังคมทูลพระเจ้าหลวงว่า มีผู้รบกวนพลังของท่านเมื่อคืนนี้เอง เป็นผู้มีพลังระดับสูงมากเสียด้วย”

ท่านสมุห์จ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง “เมื่อวานนี้ นายทหารหนุ่มนั้นเพิ่งเดินทางมาถึง”

“ท่านคิดว่า... มันอาจเกี่ยวข้องกันไหม?” อีกฝ่ายตั้งข้อสังเกต “ปู่ครูโอฆะมุนินทร์มีญาณวิเศษอันสูงส่ง และพระเจ้าหลวงก็ทรงไว้วางพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น ถ้าหากว่าใครก็ตามที่มีพลังเหนือญาณของท่านแล้ว แสดงว่าต้องไม่ใช่ชาวไชยพระเกตุ ท่านก็ทราบดีไม่ใช่หรือว่า เราจัดการปัญหานี้มาด้วยกันอย่างไรบ้างแล้ว?”

ท่านสมุหพระกลาโหมนิ่งงันราวกับกำลังประมวลความคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้นช้า ๆ “ผมจะลองหาทางป้องกันเรื่องนี้ดู ท่านวางใจเถอะ...”

“มีใครรู้เรื่องนี้อีกบ้างไหมครับ?”

ท่านสมุห์ฟังคำถามแล้วขมวดคิ้ว “ท่านถามแปลก เรื่องนี้เรารู้กันเฉพาะเราสองคนมาตั้งนมนานเท่าไรแล้วละ จะไปมีคนอื่นรู้อีกได้อย่างไรกัน”

“ขออภัย... ผมลืมไป”

“อย่าลืม! เรื่องที่ท่านต้องรายงานพระเจ้าหลวงท่านไปตามนั้นด้วยนะ”

“ตกลงครับ หลังประชุมพรุ่งนี้ อาจจะสักวันสองวันผมอาจจะมาพบท่านอีก”

“ขอบคุณท่านมาก” สมุหพระกลาโหมเอ่ยชม “ขอบคุณที่ช่วยเหลือกัน ท่านราชเลขานุการในพระองค์!”



สำรับอาหารเช้าจัดแบบธรรมเนียมตะวันตกแท้ ถูกปรุงขึ้นโดยเหล่านางกำนัลห้องเครื่องของเจ้านางทอสาย เสิร์ฟบนภาชนะกระเบื้องเนื้อดีขอบเงินแท้ สลักอักษรพระนามาภิไธยย่อพระนามของเจ้าฟ้ามหรรณพราชบุตรผู้ล่วงลับ ชุดช้อนส้อม มีด เครื่องแก้ว และถ้วยกาแฟล้วนสลักลวดลายเดียวกัน เป็นของประกอบพระอิสริยยศที่ใช้ในวังหอหน้านี้

เจ้านางทอสาย ขยับพระองค์เมื่ออาคันตุกะส่วนพระองค์มาถึง เจ้าฟ้าอุปราชสิคาลซึ่งประทับอยู่ด้วย ทรงลดพระหัตถ์ที่ทรงถือหนังสือพิมพ์ลงเพื่อทอดพระเนตรอินทุชารี

“กระหม่อมขอเบิกตัว เจ้าอินทุชารี เข้าเฝ้าและร่วมโต๊ะเสวยพระกระยาหารเช้าพะย่ะคะ”

ข้าราชบริพารในพระองค์เจ้าฟ้าอุปราชเป็นผู้เบิกตัว หญิงสาวรู้สึกอึดอัดเมื่อโดนเรียกคำนำหน้าว่า เจ้า แท้ที่จริงในบัตรหมายที่มาถึง ไม่ได้มีแค่หมายกำหนดการเข้าเฝ้าสำหรับงานประชุมโครงการนัดแรกในวันพรุ่งนี้เท่านั้น แต่ยังมีหมายกำหนดการสำหรับเข้าเฝ้าในวันนี้เพิ่มมาเป็นพิเศษ

“ถวายบังคมเพคะ” หล่อนถอนสายบัว ราชโปริมนายหนึ่งปราดเข้ามาลากพระเก้าอี้ให้ประทับ

เจ้าฟ้าอุปราชสิคาลทรงแย้มพระสรวล “สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับนะ”

“นั่งเลยจ๊ะ” เจ้านางทอสายแย้มพระสรวลอย่างอารมณ์ดีเช่นกัน “ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมาย เชิญตามสบาย”

“พ่อและแม่ของเจ้าอินทุชารีสบายดีหรือ? เราไม่ได้พบกันเสียนาน” เจ้าฟ้าอุปราชตรัสถาม

“สบายดีเพคะ...” อินทุชารียังไม่ทันทูลตอบเสร็จสิ้น เจ้านางก็ทรงเสริมขึ้น

“นั่นสินะ... ครั้งสุดท้ายที่เราเจอ น่าจะเกือบสามสี่ปีที่แล้วกระมัง ตอนนั้นที่เราไปเปิดศูนย์การศึกษาที่พระแก้วหลวงไงละชาย... เจ้าอินทุชารีคงจะยังอยู่เมืองไทยกระมังเลยไม่ได้พบกัน”

“ถูกแล้วเพคะ หม่อมฉันเพิ่งกลับมาจากเมืองไทยเพื่อทำงานให้โครงการนี้เป็นงานแรกในไชยพระเกตุ”

หญิงสาวเลยถือโอกาสทูลขยายความเกี่ยวกับประวัติตนเองอีกเล็กน้อย ทั้งสองพระองค์ดูสนอกสนใจมากทีเดียว

“ได้ยินมาว่า ที่ตำหนักไชยชุมเงินของเราเองก็มีห้องเครื่องที่รสชาติไม่แพ้กับห้องเครื่องหลวงเลยทีเดียว... โดยเฉพาะฝีมือของเจ้าย่าของเจ้าอินทุชารี... เจ้าแสงอนุฬา... วันหลังต้องขอไปชิมหน่อยละนะจ๊ะ”

พระตำหนักไชยชุมเงินที่เจ้านางพูดถึง คือ พระตำหนักที่ประทับของเจ้าเมืองชุมเงินซึ่งทรงสร้างไว้ริมแม่น้ำแสงฝั่งตรงข้ามพระราชวังหลวง เพื่อสำหรับประทับเมื่อคราวเสด็จมาประชุมราชการในเมืองหลวง ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของพระธิดาสายตรงของเจ้าเมืองชุมเงินพระองค์สุดท้าย มีศักดิ์เป็นย่าของอินทุชารี มีนามว่า เจ้าแสงอนุฬา

เมื่อพูดถึงตำแหน่งเจ้าเมืองชุมเงินแล้ว ตำแหน่งนี้ได้หมดไปเมื่อเกือบร้อยกว่าปีก่อนหน้านี้ ในสมัยพระเจ้าอินทรวงศ์บุตร พระเจ้าแผ่นดินไชยพระเกตุพระองค์ที่ ๑๒ ที่ทรงปฏิรูปการปกครองหัวเมืองใหม่ ทำให้ตำแหน่งเจ้าเมืองชุมเงิน หรือเมืองพระแก้วหลวงนั้น กลายเป็นมุขมนตรีที่มาจากการแต่งตั้งของพระเจ้าแผ่นดินไชยพระเกตุไปปกครอง เจ้าเมืองชุมเงินซึ่งสืบทอดราชบัลลังก์แต่เดิมมา ถูกลดบทบาทลงเหลือเพียงประมุขทางรัฐพิธีเท่านั้น สร้างความชอกช้ำให้แก่เชื้อพระวงศ์เจ้าเมืองชุมเงินยิ่งนัก แต่ก็มิอาจทานกระแสการพัฒนาประเทศลักษณะรวมศูนย์อำนาจในขณะนั้นไม่ได้

ถึงกระนั้น พระเจ้าอินทรวงศ์บุตรก็พระราชทานพระราชานุญาตให้เชื้อพระวงศ์สายตรงอันเกิดจากเจ้าเมืองในขณะนั้น กับมหาเทวีและเทวีรองรวม ๓ พระองค์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่า “สามนางฟ้า” สืบตระกูลทางสายเลือดบิดาโดยใช้คำว่า เจ้า นำหน้าชื่อได้ทุกคน เพื่อแสดงถึงการทะนุดำรงวงศ์ตระกูลต่อไป ชั้น เจ้า นี้ ถือเป็นเครื่องหมายแสดงอิสริยยศ เทียบเท่ากับหม่อมเจ้าในฐานันดรศักดิ์ของไทย เจ้าอินทุชารี ซึ่งมีศักดิ์เป็นเหลนของเจ้าเมืองชุมเงินพระองค์สุดท้ายก็ได้คำนำหน้าว่า เจ้า ตั้งแต่กำเนิดเช่นกัน

“เป็นพระกรุณาเพคะ” หญิงสาวยอบตัวลงเล็กน้อย “ที่วันนี้ได้มีโอกาสมาทานอาหารเช้าร่วมกับพระองค์ทั้งสองก็รู้สึกสำนึกในพระกรุณายิ่งเพคะ”

“อย่าพูดราชาศัพท์กันเลยจ๊ะ” เจ้านางทอสายโบกพระหัตถ์ “ปกติเจ้าย่าของเจ้าอินทุชารีก็มาร่วมโต๊ะเสวยกับเราทั้งเช้า กลางวัน หรือไม่ก็เย็นตามแต่โอกาสอยู่สม่ำเสมอ อีกอย่าง... เราก็เหมือนเครือญาติเดียวกันแท้ ๆ จะมาเกร็งกันทำไมละ ใช่ไหมจ๊ะชาย?”

เจ้านางทอสายทรงโยนลูกไปให้พระโอรสผู้สูงอิสริยยศ แต่พระองค์กลับทำพระพักตร์เจื่อนลงเล็กน้อย อินทุชารีจึงคลี่คลายสถานการณ์อันกระอักกระอ่วนนี้

“หม่อมฉันมิบังอาจเพคะ”

“ก็เมื่อก่อน สมัยพระเจ้าพุทธ พระเจ้าหลวงองค์ที่ ๖ ของเราก็ทรงเสกสมรสกับธิดาของเจ้าเมืองชุมเงิน คือ พระนางแสงหยาดมหาเทวี แล้วสืบเชื้อสายพระเจ้าหลวงต่อลงมา... อ้อ! พระนางจันทรมุขมหาเทวีก็ทรงมีเชื้อสายชุมเงินด้วยเหมือนกัน ดังนั้น สายเลือดเจ้านายชุมเงินก็อยู่ในสายเลือดเราด้วยไงละจ๊ะ” เจ้านางทอสายไม่ทรงลดละ

“อยากได้อะไรเพิ่มไหม? จะสั่งห้องเครื่องให้” เจ้าฟ้าอุปราชสิคาลทรงเปลี่ยนเรื่อง และทำเป็นไม่สนพระทัยพระมารดา ทอดพระเนตรเห็นหญิงสาวเสวยเพียงขนมปังทาเนยคู่หนึ่ง กับน้ำผลไม้เท่านั้น “ข้าวต้มกุ้งของที่นี่อร่อยไม่แพ้ที่ใดเลยนะ”

“ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันทานอาหารเช้าน้อยอยู่แล้วเพคะ” เจ้าอินทุชารีตรัสเสียงเรียบ ๆ

“เอ้อ จริงสิ... แม่มีเรื่องจะบอกเราพอดี” เจ้านางทอ ทรงพยักเพยิดใส่พระโอรส “วันจันทร์หน้านี้ เสด็จพระองค์ใหญ่ต้องการพบเรากับชายนะ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้าที่ตำหนักใน”

“สมเด็จทวดนะหรือเพคะ” เจ้าอินทุชารีทำท่าตระหนกเล็กน้อย เสด็จพระองค์ใหญ่ หรือสมเด็จทวดที่พูดถึงนี้ คือ พระชายาศิรินันทา พระราชมารดาของพระเจ้าติสสะ พระชนมายุ ๑๐๑ พรรษาแล้ว

“มีอะไรหรือ เห็นน้องหญิงทำหน้าตกใจ?” เจ้าฟ้าอุปราชทรงตรัสถาม

“ไม่มีอะไรหรอกเพคะ หม่อมฉันไม่เคยเข้าเฝ้าพระองค์ท่าน แถมไม่เห็นเสด็จออกงานมาร่วมหลายสิบปีแล้ว เลยรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเพคะ ถือเป็นพระกรุณาสูงสุดเลยเพคะ”

“ให้เข้าเฝ้าเนื่องในโอกาสอันใดหรือครับ?” เจ้าฟ้าอุปราชทรงฉงนพระทัย เพราะปกติถ้าไม่มีโอกาสพิเศษแล้ว สมเด็จทวดของพระองค์ก็ไม่โปรดฯให้ใครเข้าเฝ้า

“พระเจ้าหลวงอาจทรงไปกราบทูลเกี่ยวกับโครงการสารคดีที่ชายทำอยู่กระมัง เลยทรงโปรดให้เข้าเฝ้า น่าจะมีชาย กับคณะทำงานอีกสามสี่คน” เจ้านางทอสายทรงพักจิบพระสุธารส “นาน ๆ ครั้ง เสด็จพระองค์ใหญ๋ถึงจะโปรดให้เข้าเฝ้า นับเป็นพระกรุณาธิคุณเลยทีเดียว”

เจ้าอินทุชารีรับฟังด้วยความรู้สึกตรงข้าม หล่อนหวาดกลัวที่จะได้พบกับบุคคลพระองค์นี้ เจ้าพ่อและแม่ของหล่อนมักเล่าเรื่องในรั้วในวังให้ฟังมากมาย หนึ่งในนั้น มีเรื่องท่านทั้งสอง และเหล่าบรรดาเชื้อพระวงศ์เจ้าเมืองชุมเงิน ซึ่งรวมทั้งเจ้าย่า... เจ้าแสงอนุฬาเคยเล่าให้หล่อนฟัง ก็คือ

“ระวังตัวให้มาก อย่าทำอะไรที่ไม่ถูกใจเสด็จพระองค์ใหญ่ละ”

“เสด็จพระองค์ใหญ่?” เจ้าอินทุชารีทวนคำ

“ก็นางชายาศิรินันทาไงละ?” น้ำเสียงคนเล่ามีแววเกลียดชัง “ร้ายพอตัวเชียวละ จะบอกให้”

“ร้ายยังไงหรือคะ?”

พอซักเรื่องราวต่อไปกับคนเล่ามาก ๆ ก็ดันเงียบไปเฉย ๆ หล่อนจึงไปคาดคั้นเอากับผู้เป็นเจ้าพ่อและแม่ ก็ได้รับคำตอบทำนองเดียวกัน

“แม่ก็ไม่เคยรู้จักพระองค์ท่านเป็นการส่วนตัวหรอก แต่ฟังคนอื่นเขาเล่ามา เรื่องมันนมนานมาแล้ว”

“ทำไมหรือคะ?”

“ราชวงศ์ไชยพระเกตุเราถึงจุดพลิกผันก็เพราะพระองค์นี่แหละ แม่ไม่อยากเล่ามาก ส่วนใหญ่คนในวังเขาแทบจะไม่พูดถึงกันแล้ว... ”

ดังนั้น เจ้าอินทุชารีจึงรู้สึกหวั่น ๆ เมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะได้เข้าเฝ้าเสด็จพระองค์ใหญ่ที่ว่านี้

“อยู่ที่ตำหนักคงจะเหงาแย่... วันหลัง ต้องให้ชายพาเที่ยวไชยพระเกตุให้ทั่วซะละ เราละ...อยากไปไหนเป็นพิเศษบ้างละจ๊ะ?”

ประโยคหลังเจ้านางทอสาย ตรัสถามเจ้าอินทุชารีโดยตรง

“จริง ๆ หม่อมฉันเคยมาที่ไชยพระเกตุหลายครั้งแล้ว จึงรู้จักสถานที่หลายแห่งพอสมควรเพคะ เลยนึกไม่ค่อยออกว่าอยากไปที่ไหนเป็นพิเศษบ้าง”

หล่อนภาวนาพลางนั่งนับเวลาถอยหลังให้เวลาหมดลงอย่างรวดเร็ว ในที่สุดพระกระยาหารเช้ามื้ออันแสนเบื่อหน่ายก็สิ้นสุดลง อินทุชารีถวายบังคมลากลับไปยังพระตำหนักไชยชุมเงินตามเดิม

...ทำไม เรารู้สึกเหมือนเจ้านางทอสายจะทรงจับเราเข้าคู่กับเจ้าฟ้าอุปราชสิคาลเลยแหะ!?!? ...เจ้าอินทุชารีครุ่นคิด

ไม่เพียงแต่เฉพาะอินทุชารีเท่านั้นที่คิดอย่างนั้น พอหล่อนคล้อยหลังกลับไปไม่นาน เจ้านางทอสายก็ตามเสด็จพระโอรสของพระองค์เข้าไปยังห้องทรงพระสำราญ

“แม่คิดจะทำอะไร?” เจ้าฟ้าอุปราชทรงเปิดฉากเสียก่อน

“เปล่านี่” ผู้เป็นพระมารดาทรงทำพระพักตร์ไม่รู้ไม่ชี้

เจ้าฟ้าอุปราชทรงถอนพระอัสสะ “แม่อย่าทำอย่างนี้เลย มันไม่เป็นผลดีกับทั้งชาย และทั้งแม่เอง”

“เจ้าอินทุชารีน่ารักนะ” เจ้านางทอสายทรงพยายาม “ลูกไม่สนใจบ้างหรือ?”

“แม่อย่าพยายามเลย” เจ้าฟ้าอุปราชสิคาล ทรงตรัสปฏิเสธ “ชายเคยบอกแม่แล้ว ว่า ผมมีแพทอยู่แล้ว”

“หยุดพูดชื่อนี้ให้แม่ได้ยินเสียที!!!!...” เจ้านางทอสายตัดบทอย่างมีอารมณ์ “แพทของชาย หรืออะไรนั่น ไม่มีวันที่หล่อนจะมาเป็นสะใภ้หลวงได้หรอก...”

“ถ้าแม่คิดจะจับคู่ให้ชาย ชายก็ขอยืนยันคำเดิมว่า ชายไม่เอาด้วย”

“นี่ดีเท่าไรแล้ว ที่เราปิดข่าวเรื่อง... ผู้หญิงคนนั้นของชายไว้! ไม่อย่างนั้นข่าวสะพัดไปถึงไหนแล้ว!” เจ้านางทอสายทรงเปี่ยมด้วยโทสะอย่างไม่ลดละ

เจ้าอุปราชหอหน้าทรงเอนพระวรกายลงกับโซฟา “ชายอายุสามสิบปีแล้ว ไม่มีแฟนมาก่อนก็แปลกแล้วละ แม่รังเกียจแพทก็เพราะว่าเขาเป็นแค่ลูกคนธรรมดา ทั้งที่เขาเองก็เรียนจบมหาวิทยาลัยปักกิ่งถึงปริญญาโท ได้เกียรตินิยมอีกต่างหาก ประวัติการศึกษาเขาดี”

แพท ที่เจ้าอุปราชพูดถึงคือ พิมเพชร ลูกสาวชาวสวนในไชยพระเกตุ มีฐานะปานกลาง พิมเพชรเรียนเก่งมาก เป็นเพื่อนกับเจ้าอุปราชหอหน้าตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นในโรงเรียนอันดับหนึ่งของไชยพระเกตุ เจ้าอุปราชตอนนั้น ดำรงพระยศเป็นเพียงเจ้าฟ้าสิคาล เป็นฝ่ายแอบชอบพิมเพชรเสียอีก ต่อมา ทั้งสองพัฒนาความสัมพันธ์จนกลายเป็นคนรักกันในที่สุด แต่เรื่องนี้ ก็ทราบเพียงเฉพาะคนใกล้ชิดเท่านั้น ครั้นแรกที่เจ้านางทอสายทรงทราบเรื่องก็ไม่พอพระทัย แต่ก็ไม่ทรงแสดงอาการอะไรออกมา จนกระทั่งพระเจ้าติสสะทรงสถาปนาพระยศเป็นเจ้าฟ้าอุปราชหอหน้า พระชายาศิรินันทา พระมารดาในพระเจ้าติสสะ หรือที่เรียกว่า สมเด็จทวด หรือเสด็จพระองค์ใหญ่ ทรงทราบเรื่องเข้าก็ไม่ทรงพอพระหฤทัย มีรับสั่งให้เจ้านางทอสายหาคู่ให้เจ้าฟ้าอุปราชทันที เจ้านางทอสายจึงทรงยื่นคำขาดให้พระโอรสตัดความสัมพันธ์ระหว่างกันลง ความรักของคนทั้งสองจึงต้องพลันสะดุดลง

“ลูกควรจะนึกภาพตอนสมเด็จทวดทรงกริ้วดูละกัน เวลาท่านกริ้ว ท่านกริ้วขนาดไหน...” เจ้านางทอสายทรงถอนพระอัสสะ “อีกหน่อยลูกของแม่ก็ต้องเป็นถึงพระเจ้าหลวงแทนทูลกระหม่อมพ่อที่สิ้นไป ลูกก็ควรจะมีคู่ครองที่เหมาะสมกันมากกว่า เขาจะได้เป็นถึงมหาเทวี ราชินีของไชยพระเกตุเชียวนะลูก”

“ทำไมชายไม่รู้สึกว่า ชายจะมีวันนั้นเลยละแม่...” เจ้าฟ้าอุปราชสิคาลกรอกพระเนตรไปมา “จะว่าไป... แม่ไม่สังเกตหรอกหรือว่า เจ้าฟ้าอุปราชมีอันเป็นไป... ไปแล้วกี่พระองค์กัน นับแต่ตั้งแต่ทูลกระหม่อมพ่อ คือ เจ้าฟ้ามหรรณพราชบุตร แล้วไยจะ... เจ้าฟ้าฤาภพราชบุตร นั่นอีก ไม่เห็นมีใครได้ขึ้นราชบัลลังก์พระเจ้าหลวงสักคน”

“สิคาล!!!!” เจ้านางทอสายผุดพระองค์ขึ้นยืนอย่างตระหนกพระทัย “ชายพูดอะไรออกมา!!!!”

“ทำเป็นโวยไปได้ ชายพูดความจริงนี่แม่...” เจ้าฟ้าอุปราชทรงยืนขึ้น “เบื่อละ ชายออกไปตึกหน้าดีกว่า มีงานเอกสารรอให้ชายเซ็นอีกเพียบเลย”

เจ้าฟ้าอุปราชสิคาลไม่สนพระทัยกับพระอาการของพระมารดา ทรงพระดำเนินออกจากห้องนั่งเล่นส่วนพระองค์ เจ้านางทอสายทอดพระเนตรผู้เป็นพระโอรสจนลับจากห้องไป พลางกดริมฝีพระโอษฐ์แน่น ก่อนจะทรุดพระองค์ลงนั่งกับโซฟา พระอัสสุชลไหลหลั่งลงมาเป็นทาง

“ปู่ครูโอฆะมุนินทร์ เพราะมันคนเดียวแท้ ๆ ...”



พระเกตุ ซึ่งเป็นที่มาแห่งชื่อ ไชยพระเกตุ นี้ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองมีอายุเก่าแก่นับพันปีตั้งแต่สมัยชาวทมิละปกครองดินแดนแถบนี้ องค์พระพุทธรูปหน้าตักกว้างราวศอกเศษ ทำจากทองคำแท้ ตามหลักฐานทางโบราณคดีของไชยพระเกตุ สันนิษฐานว่า พุทธลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสมัยหริภุญไชยแบบหนึ่ง เช่นเดียวกับพระรอด และพระพิมพ์สกุลลำพูนอื่น ๆ โดยชาวทมิละได้อัญเชิญมาจากอาณาจักรหริภุญไชย บางตำนานก็เล่าว่า พระนางจามเทวีได้ทรงสร้างพระเกตุองค์นี้ขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และพระราชอนุสรณ์ถึงท้าววิรังคะ พระเจ้าแผ่นดินแห่งชาวลัวะ หรือชาวทมิละที่สิ้นพระชนม์ไปด้วยเหตุศึกสงครามระหว่างกัน พระราชทานมาให้ชาวทมิละเหล่านี้เก็บไว้บูชา ภายหลังชาวทมิละถอยร่นขึ้นไปอยู่ยังดินแดนทางตอนเหนือของลุ่มน้ำปิง และลุ่มน้ำสาละวิน สร้างเมืองอีกหลายแห่งขึ้นในดินแดนเหล่านั้น

บางตำนานก็ว่า เป็นพระพุทธรูปที่พระอินทร์ทรงสร้างไว้ที่ยอดดอยทุงฟ้า ต่อมา ชาวทมิละไปพบเข้าก็อัญเชิญมาสักการะบูชา พระเกตุนี้ก็ตกทอดสืบต่อมา จนกระทั่งสมัยพระเจ้าอานันทะฤาไชย ผู้สถาปนานครรัฐ ได้สร้างวัดพระเกตุหลวงขึ้น แล้วอัญเชิญพระเกตุมาประดิษฐานให้สมแก่เป็นศิริแห่งนครรัฐ จวบจนปัจจุบัน เมืองไชยพระเกตุ จึงมีที่มาแต่เหตุชื่อ พระเกตุ ด้วยดังนี้

วัดพระเกตุหลวง เป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่เลย สร้างโดยนัยความหมายเป็นวัดในเขตพระราชฐาน แต่แท้จริงกลับไม่ได้อยู่ในเขตพระราชฐาน ตั้งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำแสง ตรงข้ามพระราชวังหลวง ใช้เป็นที่ประกอบพระราชพิธีสำคัญทางศาสนามาช้านาน กำแพงวัดเป็นลายปูนปั้นปิดกระจกสวยงามมาก หลังคาซ้อนหลั่นกันเป็นชั้นจำนวนเก้าชั้น ศิลปะเชียงตุง เนื่องด้วยตอนสร้างวัดแห่งนี้ในสมัยพระเจ้าอานันทะฤาไชย ไม่มีช่างเพียงพอต่อการสร้างบ้านแปลงเมือง ทำให้มีการว่าจ้างช่างชาวเชียงตุงเข้ามาเป็นจำนวนมาก จึงทรงอนุโลมให้วิหารของวัดพระเกตุหลวงเป็นศิลปะแบบเชียงตุงได้ เพียงแต่งดการปิดแผ่นอะลูมิเนียมจำหลักลายตามชายคา แต่ให้ใช้ไม้สักแผ่นแกะสลักเป็นลวดลายแล้วปิดทองทาน้ำยาเคลือบลงไป ผลที่ได้จึงดูสง่างาม มั่นคงและแข็งแกร่งสมดังพระราชหฤทัย

อาณาบริเวณของวัดนอกจากจะมีวิหารประดิษฐานพระแก้วหลวงแล้ว ยังมีสุสานบรรจุพระอัฐิและพระราชสรีรังคาร ของบรรดาพระเจ้าหลวงนครรัฐไชยพระเกตุตั้งอยู่ทางด้านหลังอีกด้วย

ใกล้กับวัดพระเกตุหลวงเพียงแค่ข้ามถนน คือ วัดพระธาตุศรีจุฬามณี จุดเด่นของวัด นอกจากจะมีวิหารหลวงอันใหญ่โตโอ่โถงแล้ว ยังมีพระธาตุศิลปะไชยพระเกตุแท้ปิดทองอร่ามทั้งองค์ จนมองเห็นได้แต่ไกล พระที่จำพรรษาที่วัดแห่งนี้ จะมีหน้าที่คอยดูแลวัดพระเกตุหลวงอีกด้วย ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์กล่าวว่า วัดพระธาตุศรีจุฬามณีแห่งนี้ เป็นวัดที่พระสงฆ์ชาวล้านนาใช้พำนักเมื่อครั้งมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสมัยหนึ่ง

คัมภีระ ขับรถยนต์คันเดิมเมื่อเย็นวานด้วยความชำนิชำนาญพอตัว ส่วนชินนุตยังไม่ชินกับการขับรถแบบพวงมาลัยอยู่ซ้าย และการสัญจรเป็นแบบเลนซ้าย ซึ่งตรงข้ามกับประเทศไทย เด็กหนุ่มเลี้ยวเข้าไปจอดในวัดพระธาตุศรีจุฬามณี แล้วเดินข้ามถนนกลับมาไหว้พระเกตุ

“ดอกบัวครับ” คัมภีระ บูชาดอกไม้จากเจ้าหน้าที่ การไหว้พระเกตุนั้น นิยมไหว้ด้วยดอกไม้ โดยเฉพาะดอกบัว ไม่มีการจุดธูปหรือเทียนบูชา ยกเว้นในงานพระราชพิธีสำคัญ “คนโบราณเขาถือกัน ใครต่างบ้านต่างเมืองเข้ามาในนี้ ต้องไปไหว้ขอพระเกตุช่วยคุ้มครองให้อยู่รอดปลอดภัยทั้งนั้น”

ตัววิหารเป็นจัตุรมุขกว้างขวางพอสมควร ภายในอากาศเย็นสบาย ยังมีชาวไชยพระเกตุเข้ามากราบสักการะไม่ขาดสาย ชายหนุ่มตั้งใจอธิษฐานขอให้พระเกตุช่วยปกปักคุ้มครองรักษาตนให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง ตลอดเวลาที่พำนักอยู่ในนครรัฐแห่งนี้

...............................



Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2557 14:41:02 น.
Counter : 285 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

PeeEm
Location :
ลำพูน  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



สวัสดีครับ ผมชื่อ ภาคิน มณีกุล ครับ ปัจจุบันทำงานอยู่ที่ บริษัท ลานนาโปรดักส์ จำกัด เป็นบริษัทผลิตวาซาบิรายใหญ่ของประเทศ งานอดิเรกของผม นอกจากส่วนใหญ่จะเล่นกีฬา คือ ปั่นจักรยานและเล่นแบดมินตัน อ่านหนังสือ ดูภาพยนตร์และชอบเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อถ่ายรูปหรือพักผ่อนแล้ว ผมยังชอบเขียนบทความ เรื่องสั้น และนวนิยายอีกด้วยครับ

เพื่อน ๆ คนไหนเข้ามาอ่านก็สามารถติชมได้นะครับ ขอบคุณครับ
New Comments
กุมภาพันธ์ 2557

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
27
28