นิยาย " จันทรากินรี " โดย เหมชาติ ทอง -- ( ตอนที่ 3.)



.                     ๓.
.
.           ผจญอุปสรรค
.

.
.           ล่วงเพลาใกล้สนธนยา
.   ขบวนช้างเสด็จจึงข้ามเขา ลงห้วย
ทะลุป่าดง  เข้าสู่เขตแดน 
.  และถึงยังนครกัลปพฤกษ์โดยสวั
สดิ
ภาพ
  .
 .      นครไพรวัลย์ ที่ว่าเป็นนครใหญ่โตแล้ว 
หากบัดนี้  เมื่อเทียบกับนครกัลปพฤกษ์  ก็ดูจะยัง
เป็นรองนครกัลปพฤกษ์หลายช่วงตัว

 .   เพราะที่นี่มีความเจริญมากมาย สิ่งก่อสร้าง
และบ้านเรือนต่างๆ ถูกปลูกสร้าง เรียงราย เป็น
ชุมชนหนาแน่น  และดูสวยงาม  เพราะล้วนแต่
ก่อสร้างจากวัสดุที่มีความแข็งแรง เช่น ศิลา 
อิฐเผา ไม้ซุงท่อน ฯลฯ  
.    อีกทั้ง ถนนหนทางสัญจรก็ดูกว้างขวาง
กว่าที่นครไพรวัลย์มากนัก
.
.    เจ้าชายอนันตราชเสด็จตรงไปยังราชวัง
หลวง  ทรงนำพาจันทรากินรี และนางพี่เลี้ยง
ให้ตามเสด็จเข้าไปในราชวังด้วย
.
.
.  *  * *  *  *  *  *  *  *  *
.
.       ที่นั่นมี -องค์มาตารานี-ผู้มารดา 
และอัปสราดาราราย-ผู้มเหสี   ตลอดจน
ข้าราชบริพาร กำลังเฝ้ารอรับเสด็จนิวัติ
พระนครในท้องพระโรงใหญ่
.
.      ทรงดำเนินนำหน้าเจ้าหญิงกินรี พร้อม
ด้วยนางพี่เลี้ยง พาไปประทับนั่งที่พระแท่น 
และเหล่าตั่งข้างพระแท่น
.
.    ผู้คนทั้งหลายหมอบกราบ ถวายบังคม
ตามราชประเพณี
.    เมื่อถวายบังคมรับเสด็จแล้ว ต่างก็พากัน
เงยหน้าขึ้น   จับจ้องมองดูจันทรากินรี  กับ
นางโพระดกไม่วางตา 
.    ด้วยความสงสัย และคาดเดา
.
.    "  เสด็จแม่มาตารานี  มเหสีอัปสรา
ดาราราย   และทุกท่าน ณ ที่นี้ 
.        -- จงฟังข้า "
.
.    ทรงประกาศก้อง  ผายพระหัตถ์ไปที่
จันทรากินรี ที่ประทับนั่งอยู่บนตั่งใกล้ๆ

.      "  นี่คือ --  เจ้าหญิงจันทรากินรี
ราชนิกูลผู้สูงศักดิ์จากดินแดนหิมพานต์
.  ข้าได้ทูลเชิญนางมาที่นี่  เพื่อนางจะมา
เป็นมเหสีของข้าอีกองค์หนึ่ง
.     ซึ่งจะดำรงศักดฺิ์ เท่าเทียมกับมเหสี
อัปสราดาราราย     
.  พระสิริยศของมเหสีทั้งสองจะเสมอกัน 
ไม่มีผู้ใดสูงต่ำกว่ากัน "
.
.    แล้วทรงผายพระหัตถ์ไปทางโพระดก
.
.       " โดยข้าจะให้นางกินรีโพระดก- 
พระพี่เลี้ยงเดิมของเจ้าหญิงจันทรา ได้สืบ
ตำแหน่งนางกำนัล  ถวายการดูแล  รับใช้
ปรนนิบัติเจ้าหญิงจันทราที่นครกัลปพฤกษ์
นี้ -ต่อไป "
.
.    จันทรากินรี และนางโพระดกก้มลงกราบ
รับพระบัญชาขององค์อนันตราช -กษัตริย์หนุ่ม
รูปงามแห่งนครกัลปพฤกษ์
.
.    ทรงก้าวลงจากพระแท่น ดำเนินมาที่กลาง
โถงพระโรง 
.   ตรัสกำชับอีกครั้งอย่างทรงไว้ซึ่งอำนาจ
.
.      " นี่คือโองการจากข้า -อนันตราช   
.  จึงขอให้ทุกท่านได้รับรู้ และปฏิบัติงานฝ่าย
ราชวังที่รับผิดชอบ ตามความที่ข้าตรัสมานี้  
.     -โดยทั่วกัน  "
.
.     ทุกคนก้มลงบังคม  รับโองการของ
อนันตราช โดยปราศจากการโต้แย้งใดๆ 
.
.    อนันตราชรับสั่งฝ่ายวัง ให้นำเสด็จ
องค์หญิงกินรี และพี่เลี้ยง  ไปพำนักที่
ตำหนักรับรอง ในเขตพระราชอุทยาน 
เป็นการชั่วคราว   
.      รอพิธีอภิเษกสมรส ที่จะกำลังเร่ง
จัดขึ้นในเร็ววันข้างหน้านี้
.
.          *  *  *  *  *  *  *-  *
.
     " เจ็บใจจริงๆ-- 
.     ทำไมเสด็จพี่อนันตราชถึงทำกับข้า
ได้ลงคอเช่นนี้ ! 
.      ทรงนึกอย่างไร ถึงเอานางกินรี  คน
ประหลาด มีปีกมีหางอย่างนก     มาเป็น
พระมเหสี 
.   -- แล้วยังจะให้เทียบศักดิ์เสมอกับข้า ! "
.
.    มเหสีอัปสราดารารายกลับมาถึงที่ตำหนัก
ด้วยอาการศีรษะฟัดศีรษะเหวี่ยง กลางดึก
.  ทรงบอกนางบ่าวกำนัลคู่ใจที่ชื่อนางเหยี่ยน
ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
.
.    " แกรู้ไหม นังเหยี่ยน--ข้าเกลียดมัน !!
.เกลียดตั้งแต่แรกเห็นหน้ามันเลยแหละ
.  แต่จำต้องอดทนหักห้ามใจไว้  ไม่ให้ส่อ
อาการชิงชังออกมาต่อหน้าพระพักตร์ หน้า
พระที่นั่ง "
.
.       "  อู๊ยยย-- "

.    นางบ่าวขาประจบประแจง รีบทูลสนอง
อารมณ์เจ้านายของตนในทันที
.       
.        " --เหมือนบ่าวเลยเพคะ
. บ่าวเองก็ไม่ชอบหน้า เดอะเฟสไทยแลนด์ 
ของอีโพระดก -พี่เลี้ยงของมัน
. บอกกง ๆ ศรศิลป์ไม่กินกัน บ่าวเหม็นขี้หน้า
มัน   เหม็นสาบกลิ่นนกป่า !
.              -- ยี้ !! "
.
.     นางบ่าวเหยี่ยนทำแสยะปากสยอง 
ผสมโรงตามพระมเหสี
.
.         " นี่-- นังเหยี่ยน
.   งั้นแกก็คอยเฝ้าดูพวกมันไว้อย่าให้คลาด
สายตา เห็นมันตื่นกันเมื่อไหร่ แกก็รีบมาปลุก
ข้า "
.
.        "  เพื่อ - - ? "
.
.        นางเหยี่ยนถาม
.
.    "  อ๊าว !! --- ข้าก็จะได้ไปทำความรู้จัก
ส่วนตัวกับพวกมันไง 
.   หึ- เจอกันแบบไปรเวท ข้าจะได้ชิงสั่งสอน   
-กดหัวมัน ให้สำนึกเจียมกะลาศีรษะตัวเองไว้ 
.   อย่าได้ริมาทำตน ตีเสมอกับมเหสีเอกอย่าง
ข้า ! "
.
.           " อุ๊ยตาย !-- 
.       ท่าทางมันส์มาก เลยเพคะ - "
.
.  นางเหยี่ยนได้ฟัง ร้องอุทานอย่างตื่นเต้น 
สะใจ    เพราะเรื่องระรานพาลเกเร หาเรื่อง
คนอื่น   มันเป็นของโปรด ของว่างของนาง
อยู่แล้ว
.
 .   " เพคะพระมเหสี  - งั้นเชฺิญพระองค์
เสด็จเข้าบรรทมประทับนิทราได้เลย  
.   คืนนี้ บ่าวจะลงทุนลงแรง อดตาหลับขับ
ตานอน จะถ่างตาอยู่ยาม เฝ้าดูพวกมันไม่ให้
ละไปจากสายตา
.   แต่บ่าวขอประทานอนุญาต ขอต้มมาม่า
กินแก้หิวกลางดึก ซักสองห่อนะเพคะ
.    บ่าวรับรอง -จะรอดูจนเห็นพวกมันตื่น 
 แล้วบ่าวจะรีบเข้าไปปลุกพระองค์เพื่อสรงหน้า 
แปรงฟัน  เสด็จลงสู่สนามรบทันที เพคะ "

.        * *  *   *  *   *
.
.     จันทรากินรีตื่นบรรทมแต่เช้าตรู่ ชวน
นางพี่เลี้ยงลงเดินชมพรรณไม้ในสวนหลวง
ด้วยความสุขใจ
.      อากาศยามเช้าของเมืองมนุษย์ก็สดชื่น
พอให้หัวใจของเธอแช่มชื่นได้   แม้จะแค่ชั่ว
ขณะหนึ่ง
.
.   "  หอมบุปผา มาลี ที่รวยรื่น
. พาแช่มชื่น  สุขฤทัย ได้อีกหน
. เห็นน้ำค้าง พร่างดอกใบ ชวนให้ยล
. เร้ากระมล  ให้เริงร่า กับมาลี "

.  
..    ต้นไม้ที่นี่ อาจไม่สวยงามเท่าที่แดนหิมพานต์
แต่ก็ชวนพิศ ชวนมองไม่น้อยเลย ด้วยมีดอกสวยๆ
และมีผลรสดีให้เก็บกิน
.   ที่หิมพานต์นั้น ต้นไม้ต่างๆ  ล้วนประหลาด
พิศดารพันลึก
.    อย่างเช่น ต้นมักกะลีผล หรือนารีผล  ที่ออก
ผลหน่วยเป็นหญิงสาว และก็มีบางต้นที่ออกผล
เป็นบุรุษเพศ  
.   พอสุกงอม จะมีเหล่าวิทยาธร และเหล่านาง
ผีเสื้อยักษ์ พากันเหาะบิน มาแย่งเด็ดไปเชยชม
กัน 
.    เบื่อแล้วก็โยนทิ้ง ให้งอมเน่าไปเอง
.
.      หรืออย่าง ต้นชิงช้าชาลี ที่จะออกเถาที่กิ่ง 
งอกงามเป็นรูปเปลชิงช้า ห้อยไว้เต็มทั่วทั้งลำต้น
.   ฝูงนางตะเคียนมักจะชอบออกมาจากโพรงไม้
ในยามค่ำๆ  ชวนกันจับกลุ่มสางผม นั่งโหนชิงช้า
ชาลีเล่น ให้เพื่อนคอยไกว  เหวี่ยงลากผมที่ยาว
สยายจรดพื้นไปมา พลางหัวร่อต่อกระซิกกัน
 .    เพื่อยั่วยวนเหล่าวิทยาธรที่แอบซุ่มดู ให้เกิด
กำหนัด จนแวะมาเกี้ยว แทะโลม
. และชวนไปสมสู่ ได้เป็นสามีของพวกนางในที่สุด
.
.
.   โพระดกถือพานทองไว้สองมือ คอยตามรับ
ดอกไม้ที่จันทรากินรีเด็ดลงมาจากต้น

..  " ดอกอะไรน้านี่--
.        มีกลิ่นหอมจังเลยนะเพคะ "
.
.      " หญิงก็ไม่รู้จักเหมือนกัน
.   ดอกสวย กลิ่นก็หอมเย็น "
.
.        ดอกนั้น คือดอกจำปี 
.
.   จันทรากินรีเขย่งเท้า หมายจะเด็ดอีกดอก
ที่อยู่สูง
.
.       ทันใดนั้น ก็มีเสียงร้องทัก 
ดังขึ้น
.

.         " อ้าวววว ----
.      จันทรากินรี เองดอกรึ ?
.  ก็นึกว่าใครที่ไหน - มาบังอาจขโมยดอกไม้
ในพระสวนหลวง ของวังกัลปพฤกษ์แต่เช้า "
.
.   จันทรากินรีจำได้  นางคืออัปสราดาราราย
มเหสีหมายเลขหนึ่งนั่นเอง
.
.    " บังคมเพคะ องค์อัปสราดาราราย "
.
.     จันทรากินรีรีบก้มย่อองค์ ถอนสายบัวให้
ตามธรรมเนียมราชวงศ์
.
.    หากอัปสราดารารายกลับเชิดหน้า มองไป
เสียอีกทาง    นางกำนัลที่ตามเสด็จมาก็จ้อง
เขม็งมาที่โพระดก แล้วถลึงตา เบะมุมปากลง 
แบบดูแคลนฐานะ
.
.      "  อาหารเช้าของทางวัง ---
.  เราก็ได้บัญชาให้บ่าวไพร่เตรียมจัดสำรับใว้ให้
แล้วนี่  --"
.
.      อัปสราดารารายปรายเนตรมองเหยียดๆ 
 ตรัสกล่าวด้วยเสียงอันดัง
.
.       " เหตุใดเล่า    เจ้าหญิงแห่งหิมพานต์ 
ถึงไม่อดทนรอเวลาโต๊ะเสวย--"
.
.             จันทรากินรีอึ้ง
.
.    อัปสราดารารายกล่าวต่อว่า
.
.      "  นี่กระไร --
.    กลับชวนกันกับนางพี่เลี้ยง  รีบลงมาจากตำหนัก
ตั้งแต่เหมยน้ำค้างยังไม่เลิกตก "
.
.       น้ำเสียงนั้น เป็นเจตนาเยาะเย้ยถากถาง 
ชัดเจน
.
.    "  อ้อ---  ก็คงพากันเที่ยวเสาะหาหนอน 
และเหล่าแมลงตามต้นไม้ ใบหญ้า เพื่อจะจิก
กินเป็นภักษาหาร 
.    ประสานกไพร วิหคเถื่อน -กระนั้นรึ ? "
.
.      นางกำนัลของมเหสีรีบยกมือปิดปาก  
หัวเราะขำ คิก- คิก    ชอบใจในคำพูดของ
เจ้านายตัวเอง
.
.   โพระดกขยับตัว ทำท่าเงื้อมือทันที อย่าง
สุดกลั้น แต่จันทรากินรีฉวยข้อมือนางไว้ทัน
.
.       จันทรากินรีกล่าวตอบ ด้วยน้ำเสียง
ราบเรียบ
.
.    "  อัปสราดาราราย ท่านพูดถูกแล้ว
ข้าเป็นกินรี ก็ย่อมมีกำเนิดชาติมาจากนก "
.
.      มเหสีดารารายหัวเราะทันที
.
.         "   ฮ่า-ฮ่า-ฮ่า-ฮ่า --- 
.                  -- ดี
.          รู้สำนึกอย่างนี้ก็ดี ! 
.    แล้วเจ้าก็อย่ามาคิดเทียบศักดฺิ์เสมอตัว
กับข้า ในภายหน้าล่ะ
.   เพราะข้า--เป็นถึงธิดาของวงศ์วานแห่ง
นครโตนสะเรียม ย่อมมีเกียรติยศที่คู่ควรกับ
เสด็จพี่อนันตราช
.  มากกว่านกป่า นกไพร เถื่อนๆ อย่างเจ้า
.          -  รับรู้ไว้ด้วย !"
.
.      คำกล่าวเหยียดหยามนี้ ทำให้โพระดก
โกรธวิบ 
.    หายใจแรง ขอตอบโต้ปากคนพาลแทน
เจ้าหญิงสักทีเถอะ
.      -นางปรี่เข้าหามเหสีทันที
.
.       " หยุดนะ !  นังพี่เลี้ยง ! "
.
.    ดารารายโกรธมาก ทำตาโตถลนใส่ 
. ยกนิ้วชี้หน้าโพระดก มือสั่นรัว
.
.  " แกมันแค่ไพร่   อย่าได้สะเออะ บังอาจ
มาถูกเนื้อต้องตัวมเหสีอย่างข้าเป็นอันขาด
.      ไม่งั้น- จะโดนอาญาวังเล่นงาน
.  หัวหลุดจากบ่า เชียวนะแก"
.
.     นางกำนัลเหยี่ยนรีบพลอยพยัก
.
.           " ใช่ ๆ --
.    นังนกกะปูดเอ๊ย ระวังตัวให้ดีเถ๊อะ--
.จะโดนข้าสั่งให้แม่ครัวในวัง จับแกถอนขน 
สับเป็นชิ้นๆ ทำแกงสับนก-ซักวัน "
.
.
.       " นี่แน่---
.    นางวิหค นกเถื่อน อย่าเลื่อนศักดิ์
.   อย่าผยอง ชูพักตร์ จักเท่าข้า 
.   อย่าตะแบง หมายแย่งชู้ ผู้ภัสดา 
.   เจ้าผู้มา ทีหลัง  จงยั้งใจ ! "

.
.
.    จันทรากินรีตั้งสมาธิ ยืนหลับตานิ่ง
ยกมือทั้งสอง เป็นท่าห้ามญาติ เพื่อเข้า
ฌาน
.    อ่านที่มาแห่งเผ่าวงศ์ ของอัปสรา
ดาราราย--
.
.      " ทำบ้าอะไรของเจ้าน่ะ ? "
.
.     มเหสีร้องถามอย่างไม่เข้าใจ
.
.         " ทำบ้าที่ไหนกัน ?
.   ไม่รู้เหรอ ? ว่าองค์หญิงจันทรากินรี
ของข้ากำลังเรียกฌาณวิเศษ  เพื่อส่อง
นิมิตดูภูมิหลังชาติกำเนิดของมเหสี
.         -นะสิ "
.      
.  โพระดกตอบแทนจันทรา ด้วยสีหน้า
มีโมโห  ที่ฝ่ายตนถูกเหยียดหยามซึ่งๆ 
หน้ากันเช่นนี้
.
 .      " รู้ไว้ซะด้วย --
.    ถึงองค์หญิงของข้าจะเป็นเผ่าพันธุ์
นกป่า แต่ก็เป็นวงศ์นกยูงทองเชียวนะ 
จะบอกให้
.    ดังนั้น พระนางจึงมีญาณวิเศษจาก
สวรรค์  สามารถมองเห็นได้หมดว่าผู้ใด 
มีกำเนิดชาติมาจากอะไร "
.
.  อัปสราดารารายสะดุ้ง หน้าเสียทันที
.ถามโพระดก ด้วยน้ำเสียงเจื่อนๆ

.         "  ตายละ---
.   นี่แกพูดจริงๆ  ไม่ใช่ล้อเล่นใช่มั้ย ? 
 นังพี่เลี้ยงกินรี "
.
.        "  ทรูๆ -  แน่นอน
ขี้ข้าอย่างข้า พูดโกหกไม่เป็นหรอก "
.
.          "  อุย--
.   งั้น---ข้ากลับตำหนักดีกว่า "
.
.     ดารารายเปลี่ยนท่าทีฉับพลัน
.
.          " ไป- นังเหยี่ยน -
.  รีบกลับตำหนักกันเร็ว-- "
.
.      มเหสีคว้าข้อมือนางกำนัลคู่ใจ
เตรียมดึงตัวกลับ
.
.    จันทรากินรีรีบลืมตา และพูดดักไว้
.
.      " เดี๋ยวสิ -- องค์อัปสราดาราราย
อย่าเพิ่งรีบเสด็จกลับวัง
.     เชิญประทับ อยู่เม้าธ์-mouth กับ
หม่อมฉันตรงนี้ก่อน   สักประเดี๋ยวเดียว
เพคะ "
.
.       "  นี่ -- 
.    ข้าไม่มีธุระอะไรกับพวกเจ้าแล้ว -  
อย่ามาชวนดรามา-drama
.      - จบนะ  แยกย้าย
 ข้าจะกลับตำหนักของข้าเดี๋ยวนี้ละ "
.
.     ดารารายพูดอย่างหวั่นหวาด
.
.     " อ้อ-   มเหสีจะรีบเสด็จกลับ 
เพราะทรงกลัว-ไม่กล้าอยู่สู้กับความจริง
ใช่ไหมเพคะ ? "
.
.   " ความจริงอะไรของเจ้า
               - ห็า  ? "
.
.      ดารารายย้อนเสียงดัง
.  ทำกริ้ว แบบใจดีสู้เสือ
.
.             "  หึ ! --
 ก็ความจริง- ที่หม่อมฉันรู้หมดทุกอย่าง  
.   ว่าที่แท้แล้ว วงศ์วานของพระมเหสี
ไม่ใช่มนุษย์
.     แต่มาจาก ปลาไหล -นะสิ ! "
.
.             " ว้ายยย--
.       แก---
.            แกรู้เหรอเนี่ย ?  

.
.      แกรู้ได้ไง -- นี่มันเรื่องส่วนตัว
ของตระกูลของข้า   แกสอดรู้สอดเห็น ! "
.
        ดารารายร้องเสียงหลง
.  ส่วนนางกำนัลเหยี่ยนนั้น พอได้ฟังถึง
กับอ้าปาก ขากรรไกรค้าง หุบไม่ลง
.    ตายแล้ว !! - พวกมันรู้ความจริง !

.             "  ใช่--
.       หม่อมฉันรู้  หม่อมฉันเห็น !
. ญาณวิเศษทำให้หม่อมฉันเห็นถึงชาติ
ตระกูลของพระมเหสี "
.
.    เจ้าหญิงจันทรากินรีสูดลมหายใจเข้า
แรงๆ
.  ประทับยืนกอดอก ตรัสอย่างเป็นต่อ
.
.     " อย่าปฏิเสธนะ---
.   ว่าแท้ที่จริงแล้ว พระมเหสีมีเทือกเขา
เหล่ากอแห่งบรรพบุรุษ 
.    ตั้งแต่  พ่อ- แม่   ปู่ -ย่า   ตา-ยาย  
ชวด -ทวด   เชียด - เทียด
. ยัน ลูก - หลาน   เหลน - ลื่อ    ลืบ -ลืด
     ล้วนอาศัยเบียดเสียดกัน ในโพรงรู
ใต้โคลนตม ณ ก้นบึ้งของหนองน้ำที่โตน
สะเรียม 
. ตามสัญชาติของปลาเหยี่ยน -ปลาไหล ! "
.
.    ดารารายกับนางเหยี่ยน ทั้งนายบ่าว
กอดประคองกันตัวสั่นอย่างตื่นตระหนก
.
.  "    และเป็นเผ่าพันธุ์ปลาเหยี่ยน -
ปลาไหลที่ชอบหากินพวกเศษซาก ของ
เปื่อยของเน่า และอาจม 
.    หาใช่เชื้อวงศ์สายของมนุษย์ไม่  ! "
.
.    ดารารายสะอื้น ส่ายพักตร์ไปมา
อย่างเข้าตาจน 
.     --  เถียงแถไม่ออก
.
.    จันทรากินรีชี้นิ้ว กราดใส่ทั้งเจ้านาย
และนางบ่าวรับใช้ 
.     กล่าวเสียงหนักแน่นว่า  
.
.  " --และที่เห็นพระนาง กับนางกำนัล
มีรูปกายเป็นมนุษย์เช่นนี้
.   ก็เพราะ ใช้แอปพลิเคชั่นแปลงร่าง !! "
.
. " อ๊ายยยยย... "
.
.    ดารารายหวีดร้องสุดเสียง เจอโดนแฉ
ดอกนี้ นางถึงแก่เข่าอ่อน 
.  ทรุดองค์ลง ยกหัตถ์ทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้า     
.   ตกใจสุดขีด ที่จันทรากินรีล่วงรู้ความลับ
ทุกอย่าง  ที่ตนสู้ปกปิดชาวกัลปพฤกษ์มา
โดยตลอด

.       " จำไว้ -- 
.  ต่อแต่นี้ มเหสีก็จงอย่าดูถูกข้า ผู้มีสัญชาติ
แห่งกินรีอีกต่อไป "
.
.        เจ้าหญิงกินรีพูดเสียงเข้มขึ้น
.
.     "  มิเช่นนั้น เรื่องสัญชาติที่ต่ำตมแห่ง
กำเนิดจากปลาไหลของท่าน ก็จะต้องถึงหู
ทุกคน - ที่นี่ ! "
.
.           ดารารายตาเหลือก
.  รีบยกมือไหว้จันทรากินรีปะหลกๆ   
ยอมแพ้โดยดุษฎี
.
.            " ตกลง ๆ --
.      ตกลงกันนะคะ จันทรา
.     ข้า-ดาราราย ขอให้สัญญาแก่เจ้า
ว่าต่อไปนี้ ข้าจะไม่ดูถูกวงศ์วานกินรีอีก
.    และข้าขอร้องเจ้า อย่าทูลเรื่องนี้กับ
เสด็จพี่อนันตราช และองค์มาตารานีเลย
นะจ๊ะ
.  ไม่ยังงั้น ข้ากับนังเหยี่ยน ก็จะต้องถูก
อัปเปหิ โดนเนรเทศให้ออกจากพระนคร
กัลปพฤกษ์  "
.
.     ยังมิทันจะว่ากระไรกันต่อ
. พลัน-ก็มีเสียงเป่าแตร และสังข์ 
ดังประโคมขึ้นที่ประตูราชอุทยาน
.   และมีเสียงทหารวังตะโกนมา
.
.    " องค์เหนือหัวอนันตราช-
และองค์มาตารานี จะเสด็จประพาส
ราชอุทยาน  บัดนี้ แล้ววววว... "
.

.
.       *  *  *  *  *  *  *  *
.      "   อุ๊ยตาย --
.   เสด็จลงอุทยานทั้งสองพระองค์
เลย  "

.        
.     ดารารายลนลาน  รีบจับแต่งอาภรณ์
เนื้อตัวโดยไว
.      พลางสั่งนางรับใช้คู่ใจ
.
.      "  นังเหยี่ยน.. เร็วเข้า 
รีบมาเมคอัพ แต่งหน้าให้ข้าใหม่ 
.    - เดี๋ยวนี้ "
.
.    แล้วดารารายก็นึกได้ รีบกระซิบบอก
มันว่า
.
.         "  เอ้อ ---
.    แต่แกอย่าแต่งหน้าให้ข้าแบบวันก่อน
อีกนะ   
.  ที่แกบอกว่า แต่งแบบสไตล์ เมก โอเว่อร์
-make over อะไรนั่นน่ะ
.   แกรู้มั้ย - วันนั้น องค์มาตาทรงตำหนิข้า 
ทรงว่า ข้าแต่งพักตร์เข้มไป "

.        " วุ๊ย---
.    จะไปเอาอะไรกะองค์มาตา -ล่ะเพคะ    
.ทรงแก่  ทรงเชยเฉิ่ม ทรงไม่มีเทสต์ -taste  
.     สายเนตรไม่ถึงเทรนด์-trend เอง  "
.
.       นางเหยี่ยนนินทาองค์มาตารานี  แล้ว
แอบส่งค้อนลมๆ แล้งๆ ไปทางหน้าประตูราช
อุทยาน ด้วยให้เคืองนัก ที่ทราบว่า องค์รานี
ทรงเบลมฝีมือเมคอัพ-แต่งหน้าของตน
.
.        เห็นนางบ่าวเหยี่ยนชักงอน  อัปสรา
ดารารายต้องรีบง้อมัน
.        เปลี่ยนน้ำเสียงให้นุ่มนวลลง
.
.        " เออน่่ะ--
.   วันนี้เอาแบบอ่อนๆ ก็พอ อย่าหนักมืออีก
ละกัน -แก 
.       เหอะ --  เชื่อข้าสิ 
.             - เร็วเข้า  ! "
.
.  นางกำนัลเหยี่ยนจึงรีบควักกระปุกผงถ่าน
ที่ผสมกับยางมะขวิดออกมาจากชายพก
.  สวมวิญญาณม้า-อรนภา  ประจงเขียนคิ้ว
ปลิงทับซ้ำให้อัปสราดาราราย
.   นางลากหางคิ้วซ้าย-ขวา  ปร๊าด--
ออกมาได้หางคิ้วแหลมปรี๊ดอย่างชำนาญ
.    และรีบส่งเยื่อกระดาษสีแดงให้เจ้านาย
เอาไปเม้มขบ จนริมฝีปากมีสีแดงสดขึ้น
.
.     ดารารายรีบหมุนตัวรอบๆ ให้นางเหยี่ยน
ตรวจดูความเรียบร้อยของมงกุฎทรงกะบังที่แผ่
กว้าง และยกสูงเป็นทรงสามเสายอดแหลม
กับจับแต่งมวลดอกลีลาวดี ที่มัดติดกับเส้นผม
ห้อยไว้เป็นราวนั้นอีกครั้ง
.
.
.      โพระดกเอง ก็ไม่แพ้นางเหยี่ยน
 เหมือนกัน
.  นางรีบหยิบตลับฝุ่นแป้งเนื้อละเอียดมา
ลูบไล้พักตร์ขององค์หญิงจนนวลผุดผ่อง
.   แล้วหยิบแท่งถ่านปลายแหลม จุ่มน้ำมัน
มะพร้าว เติมคิ้วทรงสวยให้จันทรากินรีอีกรอบ  
อย่างช่างเมคอัพมือหนึ่ง แห่งหิมพานต์บิวตี้ 
ซาลอน
.        - ไม่ยอมแพ้กัน
.
 .  พอส่งกลีบผลกระเจี๊ยบให้ขบสี จันทรา
กินรีก็บอกว่าพอแล้ว
.    แต่โพระดกส่ายหน้าไม่ยอม บังคับให้
เจ้าหญิงขบเม้ม  จนได้ริมฝีปากสีแดงเรื่อ
แลดูสวยขึ้น
.
.
.       *  *  *  *  *  *  *
.
.
.     ทั้งสองฝั่งมเหสี และว่าที่ ต่างนั่ง
คุกเข่าประจัญหน้ากัน
.  เว้นทางเดินตรงกลางไว้ เพื่อเฝ้ารอรับ
เสด็จ
.
.       " จันทรากินรี---  "
.
 .   ดารารายป้องปาก กระซิบเรียก
.
.          " อย่าลืมนะ --
.  ข้าให้สัญญาแก่เจ้าแล้ว  เจ้าก็อย่า
ผิดคำแก่ข้าล่ะ  "
.
.
.           *  *  *  *  *  *  *
.
.    องค์มาตารานี ราชนิกูล
ผู้มารดาแห่งเจ้าชายอนันตราช
.   ทรงพระสรวลลั่น

.
.      " อะไรกันนี--ข้าไม่อยากเชื่อแก่
สายเนตรตัวเองเลย
.    อัปสราดาราราย กับจันทรากินรี
 ก็มาชมสวนด้วยกันแต่เช้า
 .     --- เป็นไปได้ไงเนี่ยะ ?  "
.
.      ดารารายชิงเพ็ดทูล
.
.     " คือ หม่อมฉันเกรงว่า น้องหญิง
จันทราผู้มาใหม่จะเหงาง่อม
 .   หม่อมฉันจึงรีบตื่นบรรทมไปปลุก
แล้วเชิญให้เสด็จลงมาเที่ยวราชอุทยาน
ด้วยกันเพคะองค์มาตา "
.
.      โพระดกได้ฟัง ก็เผลอร้องว่า-
 " โอ๊ะ!-ตอแหล "  เบาๆ
. แต่พอเห็นจันทรากินรีฝืนทำยิ้มรับคำทูล
นั้นของอัปสราดาราราย  โพระดกก็ได้แต่
กัดฟันกรอดๆ อดทน
.
.   ครั้นเหลือบมองไปทางนางกำนัลเหยี่ยน 
ก็พบว่าฝ่ายนั้นกำลังส่งยิ้มหยันแบบสะใจ มา
ที่ตนตามคาด
.
.       " ดาราราย เนี่ยะ -
.  ช่างเป็นมเหสีที่งดงามทั้งรูปกาย ทั้งสาย
กำเนิดที่สูงส่ง และมีจิตใจที่เปี่ยมเมตตาต่อ
ผู้อื่นจริงๆ
.     แม่พูดเช่นนี้ ถูกต้องไหมอนันตราช ? "
.
.         " พระเจ้าข้า  "
.
.  กษัตริย์หนุ่มพระพักตร์เปื้อนยิ้ม
.
.      "  เสด็จแม่ตรัสถูกแล้ว
ลูกเองก็ดีใจที่ทั้งสององค์เข้าใจกันและกัน
แบบนี้
.    คงไม่ก่อปัญหาทะเลาะเบาะแว้งให้ลูก
ต้องปวดเศียร พระเจ้าข้า  "
.
.   เจ้าชายอนันตราชประทับบนพระเก้าอี้
ของอุทยาน  ส่วนมาตารานีนั้น ทรงเอน
กาย พิงหมอนบนเตียงนอนกลางวันตัวงาม
สีทอง 
.    อันเป็นเครื่องราชบรรณการที่ประเทศราช
สั่งซื้อจากเมืองวิลาศไกลโพ้นมาถวาย ทูลบอก
ว่าชาววิลาศเรียกว่า เดย์ เบด-day bed  สไตล์
หลุยส์ 
.  
.  มาตารานีสุขใจ อารมณ์ชื่นมื่น ทรงเอื้อมหยิบ
ดอกไม้ในพานข้างวรกายขึ้นมาทัศนา  แล้วดม
ดอม สูดหอมกลิ่น
.
.  เหล่านางกำนัลต่างรีบคลานเข่าเข้าไปถวาย
กระแสวาโย ให้พอสบายทั้งสององค์ด้วยพัดลม
แบบมือถือ  ซึ่งก็คือพัดโบก 
.   ทำด้วยขนนกยางขาวบริสุทธิ์  มีขนาดใหญ่ 
และมีด้ามจับที่ยาวมากๆ
.
.         " อนันตราช  -
.       เพลานี้  แม่อยากดูระบำรำฟ้อน
แต่แม่ไม่เอาที่พวกนางกำนัลชุดนั้นเคยแสดง
ถวายอีกแล้วนะ
.   ไม่ไหว-- รำยึกๆ ยักๆ แบบเดิมๆ ซ้ำซาก 
.      --  บ่องตง  แม่เบื่อมาก ๆ "
.
.      " เสด็จมาตารานีเพคะ "
.
.     อัปสราดารารายรีบทูลเสนอ 
.
.        " เช่นนั้น -
.  หม่อมฉัน-ดารารายขออนุญาตฟ้อนระบำ  
ถวายให้ทอดเนตรเอง เพคะ "
.
.      " ว้าว-- อัปสราดาราราย
.     นี่เจ้าก็ฟ้อนระบำเป็นด้วยรึ "
.
.       มาตารานีรู้สึกทึ่ง
.
.         " เพคะ --
.    หม่อมฉันจะฟ้อนระบำโตนสะเรียม
ซึ่งเป็นระบำใน ---
.             เอ่อ-- "
.
.    หันไปสบเนตรกับเจ้าหญิงจันทรากินรี
แต่แล้วดารารายก็ตัดสินใจด้านหน้าตะแบง
คำทูลต่ออย่างสิ้นความละอาย
.
.          "  ง่า-- 
.  - ในราชสำนักของราชวงศ์ของหม่อมฉัน 
เพคะ "
.    
       โพระดกกลั้นขำ หึ- ราชสำนัก รูโพรง
ปลาไหลของพวกแก -อะนะ  


.        " วุ้ย-- ดี  
.                แม่ชอบ "
.
.       ราชมาตารานีดีพระทัย 
.
.  " แม่ก็อยากทอดเนตรระบำจากราชสำนักอื่น
บ้างเหมือนกัน  เซ็งของกัลปพฤกษ์อย่างหนัก - 
ขอบอก 
.         เออ-- แล้วจันทรากินรีล่ะ ?-
.  เจ้าพอจะฟ้อนรำ เป็นกะเขาบ้างหรือเปล่า "
.
.      จันทรากินรีประนมกร ทูลตอบ
.
.   " หม่อมฉันพอฟ้อนได้บ้างเพคะ "

.       " งั้นดีเลย
.                เอางี้...
.   เจ้าทั้งสอง จงฟ้อนถวายให้ข้าชมพร้อมๆ 
กันเลย  -  ดีไหม๊ ?
.  ข้าจะได้ให้เจ้าพนักงานฝ่ายดนตรี บรรเลง
มโหรีเพลงชมสวนให้เป็นเพลงบังคับ "
.
.        "  เพคะ องค์มาตา
.  หม่อมฉัน จันทรากินรี ผู้เป็นเพียงราชนิกูล
เชื้อสายนกป่าจากถิ่นเถื่อนไพร  จะขอฟ้อน
ระบำนกยูงทองถวายเพคะ "
.
 .       "  ไอ้ยะ-- ระบำนกยูงทอง !!
.    แค่ฟังชื่อ ข้าก็รู้สึกกว่า น่าจะไฮโซปรี๊ด
.  แหม่--ข้ายิ่งอยากเห็นซะจริงๆ 
.    เอ้อ-- แล้วมันก็เป็นระบำนี่นะ  รำเดี่ยวๆ 
ไม่ได้  งั้น-นางพี่เลี้ยงของเจ้าทั้งสองก็ต้อง
ออกมา   ช่วยฟ้อนพร้อมกับเจ้านายด้วยเลย
ละกัน "
.
.
.   เหล่าข้าราชบริพารพากันขยับที่ ขยาย
วงนั่งใหม่
.  แรกๆ ก็ยังได้แค่วงแคบๆ ต้องช่วยกันดู 
และบุ้ยปากให้คนที่ยังนั่งขวางวงอยู่ ขยับ
ก้น ถอยหลังออกไปอีก
.   จนในที่สุด ก็เกิดเป็นวงลานกว้าง -น่าออก
ไปฟ้อนรำเล่นแต๊ ๆ
.
.     อัปสราดาราราย และนางกำนัลเหยี่ยน
ยืนรอแสดงอยู่ที่มุมหนึ่ง
  และอีกมุมหนึ่ง --จันทรากินรี กับนางพี่เลี้ยง
โพระดกก็ยืนสแตนด์บาย 
.         รอเตรียมประชัน
.
. " มิวสิค !-
.              เอ๊ย --  มโหรี ! "
.
.      ผู้ควบคุมวงตะโกนก้อง แล้วยกไม้คทา
อันผอมๆ สั้นๆ ชี้สั่งไปทางเครื่องดนตรีแต่ละ
ชิ้น
.   ชิ้นนั้น- ชิ้นนี้- ชั้นโน้น -ชิ้นนู้น ให้บรรเลง
.
.   เสียงบรรเลงเพลงชมสวนก็ประโคมแข่งกัน 
อื้ออึง  ทั้งปี่แน  ปี่อ้อ  พิณเปี๊ยะ ฉิ่ง ฉาบ และ
กลองตะโพน
.
.   ด้านพนักงานฝ่ายขับร้องก็คอยจ้อง รอให้
ฝ่ายดนตรีบรรเลงหัวเพลงนำไป พอสบจังหวะ 
ก็พยักหน้ากันให้ เสียบเนื้อเพลง ครวญเสียง
ไพเราะผสมเข้าไปทันที
.

.    " อันดอกไม้ ในสวน ล้วนงามตา
คือมาลี ที่ราชา ทรงเลือกสรร
ดอกซอมพอ ดอกปด มะลิวัลย์
บัวสวรรค์ กล้วยพัดโบก โยกล้อลม
.
. นั่นดอกจิก ระริกย้อย เป็นสร้อยสวย
งามล้ำด้วย ท่าที ที่งามสม
เล็บมือนาง สีชมพู คู่ภิรมย์
กับพวงแสด สีเหลืองส้ม อยู่ใกล้กัน
.
.    การเวก เฉกเช่น เป็นกอซุ้ม
เข็มแดงพุ่ม ตรงนี้ เด่นสีสัน
สีม่วงคราม งามใดเท่า เจ้าอัญชัน
สวนสวรรค์ กัลปพฤกษ์ สุดนึกชม
.
.               --  ฯลฯ  ---   "
.

.
.
.            *  * * * * * *
.
.    อัปสราดาราราย รีบชิงออกรำก่อน
 นางยิ้มน้อยๆ   กางแขน ช้อนขึ้นเป็นวง
กว้าง
.
.   แล้วจีบกรีดนิ้วอย่างช้าๆ นุ่มนวล  ดูสวย
งามทีเดียว
.   ที่เด่น คือนางสามารถแอ่นตัวได้อ่อนช้อย
มาก ยามร่ายรำ  และวาดวงแขนช้าๆ จึงน่าดู
.
.   น่าเวทนาก็แต่นางกำนัลเหยี่ยน  ดูท่าทาง
นางจะรำฟ้อนอะไรไม่เป็นเอาซะจริงๆ  เมื่อจำ
ต้องออกมารำ  มือที่จีบนั้นเกร็งแข็ง  หน้าคน
ฟ้อนจึงย่น-ยู่
.  ตอนหมุนตัวเปลี่ยนท่า ก็ดูกระโดกกระเดก 
จะล้มแหล่ มิล้มแหล่
.     ยามเผลอตัว - นางเหยี่ยนก็จะชอบฟ้อน
แบบบิดตัวหมุนเป็นเกลียวสว่าน   ซึ่งดูรวมๆ 
แล้ว พานให้นึกถึงปลาไหลตอนจะหนีลงรู
.    มีเสนาหลายคนแอบซุบซิบ หัวเราะกัน
เพราะขำท่ารำแย่ๆ ของนางเหยี่ยน
.
.   จันทรากินรีพนมมือนบไหว้ครู  แล้ว
ก้าวเท้าออกฟ้อน ด้วยจินตลีลางดงาม
ของนกยูงรำแพน
.     นางจีบนิ้วฟ้อนรำได้งดงามยิ่งนัก
.
.      และด้วยวงพักตร์ที่สวยสะดุดตาของ
จันทรา  อีกท่าวาดวงแขนที่กลมกลืนอ่อนช้อย 
จึงสะกดให้ทุกสายตาละจากอัปสราดาราราย 
มาจับจ้องอยู่ที่เธอเพียงผู้เดียว
.
.       ยามที่จันทรากินรีฟ้อนท่าเอียงอาย
อนันตราชที่นั่งดูอยู่ ถึงกับจ้องสบตา  ส่งยิ้ม
หวานซึ้งให้นาง  ราวกับจะเข้าประชิดปลอบ
ประโลมขวัญให้  ณ ตรงนั้น
.
.   นางพี่เลี้ยงโพระดกก็ฟ้อนแบบโดกเดก
ไม่เป็นท่าเหมือนกัน   
.    นางติดจะคอยทำท่าหัวผงกๆ คล้ายนก
โพระดกที่กำลังจิกกินลูกไทรอย่างเอร็ดอร่อย
.     เรียกว่า รำไม่เป็นประสาพอๆ กับระบำ
ปลาไหลลงรูของนางเหยี่ยน แต่ก็รอดตัวไป  
เพราะไม่มีใครสนใจมองนาง 
.  ทุกคนกำลังตกในภวังค์ ชื่นชมการฟ้อน
นกยูงทองของจันทรากินรีกันหมด
.
.
.          * * * * * * * * *
.
 .        เพลงจบ มโหรีหยุด
.   จังหวะเดียวกับที่ อัปสราดาราราย
และจันทรากินรีทรุดตัวลง  เบื้องหน้า
องค์อนันตราช และมาตารานี
.   หมอบกราบ จบการฟ้อนถวาย
.
.    เสียงปรบมือดังกึกก้องจากทุกคน
แสดงถึงความประทับใจท่วมท้น
.
.    มาตารานีทรงยิ้มแย้ม ตรัสว่า
.
. " ขอบใจเจ้าทั้งสอง...
.      ฟ้อนได้สวย ถูกใจข้าเหลือเกิน
มิเสียแรงที่เลือกฟ้อนแบบราชสำนัก
มาให้เห็นเป็นบุญตา 
.       อัปสราดาราราย--
.     เข้ามาใกล้ๆ ข้าซิ  "
.
.  ดารารายยิ้มดีใจ ขยับคลานไปหมอบ
อยู่แทบเท้าขององค์มาตา
.
. " ธำมรงค์โป่งข่าม- วงนี้  ข้ายินดีมอบ
ให้เจ้า เป็นรางวัลจากน้ำใจข้า "

.     " ขอบพระทัยเพคะ "
.
.    อัปสราดารารายเอื้อมแขนยื่นรับแหวน
แล้วแอบหันมายิ้มกับนางเหยี่ยน
.    เหยี่ยนจึงหันไปยิ้มเย้ยใส่โพระดกต่อ
ทันที
.
.     " จันทรากินรี ...
.            จงมาหาข้า "

.
 .    เสียงองค์อนันตราชตรัสเรียกจันทรา
กินรี   สุรเสียงนั้น แสนจะนุ่มนวล
.
.   พอได้ยินอนันตราชเรียกหาจันทรากินรี  
พระนางอัปสราดารารายที่หมอบอยู่ตรงนั้น 
ถึงกับอึ้ง
. หน่วยตานางร้อนผะผ่าว ด้วยแรงพิษริษยา
.
.   จันทรากินรีขยับองค์เข้าไปหาอนันตราช
ตามรับสั่ง
.     อนันตราชตรัสชมนางว่า
.
.     " เจ้าช่างฟ้อนรำได้งดงามยิ่งนัก
 พระมารดาและข้า ถูกใจระบำนกยูงทอง
 ของเจ้าเหลือเกิน "
.
.       " ขอบพระทัยเพคะ "
.
.       จันทรากินรีประนมไหว้
.
.   ดารารายรีบก้มหน้าต่ำลง หลบซ่อนน้ำตา
แห่งความน้อยใจที่กำลังเอ่อคลอเบ้า  ไม่ให้
ใครสังเกตเห็นมัน
.      
 .   "  ธำมรงค์ วงนี้ -ประดับเพชรล้อมรอบ
ทับทิมสยามสีเลือดนกสด "
.
.        ยิ่งได้ฟัง ดารารายก็ยิ่งใจหาย
.   แอบชำเลืองมองดูแหวนวงนั้นในหัตถ์ของ
อนันตราช
.     ใช่แล้ว-- มันคือธำมรงค์ วงสวยสุด ที่นาง
เฝ้าหมายมั่น   ว่าสักวันนางจะได้ครอบครอง
เป็นเจ้าของ -นั่นเอง

..    "   ข้าได้มันมาจากอาณาจักรจันทบุรี 
แห่งทวีปสุวรรณภูมิ    เนื้อทับทิมเม็ดนี้สะอาด
บริสุทธิ์   หายากมากๆ
.     หากข้าเห็นว่า มันเหมาะสมกับเจ้าที่สุด 
จึงขอมอบให้เป็นรางวัล  ที่เจ้ามีน้ำใจฟ้อนรำ
ถวาย
.
.         ยื่นหัตถ์มาสิ จันทรากินรี --
.ข้าจะสวมมันให้เจ้า -เดี๋ยวนี้  "
.
.    โพระดกปลื้มปิติ เมื่อเห็นเจ้าหญิง
ยื่นหัตถ์ให้อนันตราชสวมพระธำมรงค์
ทับทิมแต่โดยดี  ไม่บิดพลิ้ว เกี่ยงงอน
.
.    *  *  *   *  *   *   *  *
    น้ำตาร้อนจัดจากใบหน้าที่ยังหมอบกราบ
ของอัปสราดารารายร่วงเผาะ ตกลงที่พื้น
เปียกเป็นดวงวงตรงนั้น

.   นางฝืนก้มหน้า กลั้นสะอื้นไห้ต่อหน้า
พระพักตร์อย่างสุดความสามารถ
.
.     นางเหยี่ยนผู้บ่าวเห็นแล้ว ให้รู้สึก
 สงสารเจ้านายของตนจับใจ
.
.
.    *  *  *  *  *  *  *  *  *
.
.      ทันทีทีกลับถึงตำหนัก
 ดารารายก็รีบถอดแหวนโป่งข่าม
ออกจากนิ้ว
.     เขวี้ยงกระเด็น กลิ้งไปตามพื้น
.
.      " เอาแหวนโป่งข่ามบ้าบอ
ขี้-นอก  ขี้-นอก ของแก - คืนไป๊ !
.           ฮือ ๆๆๆ  ..."
.
.     " ว้าย--ตายแล้ว  !  "
.
.        นางเหยี่ยนตกใจ-
.  รีบวิ่งตามไปไล่ตะครุบ คว้าแหวนกลับ
มา  เดินเข่าเข้ามาหาเจ้านาย
.     
.    " ทำไมทำอย่างนี้ล่ะเพคะ ทูนหัว
ของบ่าว 
.     นี่ถ้าองค์มาตาทราบเข้า งานใหญ่
เข้าแน่-  นะเพคะ "
.
.      ดารารายย้อนมันทันที
.           
. " ก็ถ้าแกไม่สาระแน  ไปเล่าคนอื่นต่อ
ใครจะมารู้เรื่องนี้ล่ะ ? 
.   เจ็บใจ ใหญ่โต - โอ้โห เวรี่บิ๊ก!
.   อีนังจันทรามันได้แหวนทับทิมสยาม
วงนั้นไปตัดหน้าข้า -
.        แกรู้มั้ยนังเหยี่ยน---
.  แหวนทับทิมวงนั้น  ข้าแอบเล็งของ
ข้ามาตั้งนานล้าวว  "
.
.   " วู้ย--แต่จะว่าไป มันก็ฟ้อนดีจริงๆ 
นะเพคะ 
.    สกิล-skill แด๊นซิ่ง แบบคลาสสิคอล
แด๊นซ์ของมัน บ่าวยอมรับว่าสเต็ปขั้นเทพ   
.         - รำส๊วย-สวย   
.    สวยกว่าทูนหัวของบ่าว ที่รำแบบมั่วๆ
- จะ จะ  เห็นๆ "
.
.     ดารารายได้ฟัง ก็พระเศียรร้อนฉ่า
ใช้พระบาทถีบนางเหยี่ยนเปรี้ยง! -ยันโครม! 
เข้าให้
.
.         " นัง--
.                  --นี่ ! "

.         
.     ร่างของนางเหยี่ยนกระเด็น กลิ้งหลุนๆ 
ม้วนเจ็ดตลบ ไปนู่น
.
.   "  กล้าดี-มาพูดตอกย้ำ ว่าข้ารำมั่วซั่ว  
แกเห็นอุจจาระดีกว่าลำไส้หรือไง- ห๊ะ ? "
.
.   เหยี่ยนลุกได้ ก็คลานกลับมาหาเจ้านาย
ใหม่อีกรอบ  ไม่ว่ากระไร
.
.     " ทีแกล่ะ - ข้าก็อยากจะต่อว่าแก อยู่
เหมือนกัน
.   ตอนนั้นแกนึกบ้าอะไร  ถึงทำท่ารำแบบ
บิดๆ เลื้อยๆ ยังงั้น 
.  แกรู้มั้ย   ฉันยังแอบได้ยินไอ้เสนาที่ตัวดำๆ 
อ้วนๆ  มันนินทาแก  
.     มันว่าแกรำเหมือนปลาไหลลงรู ! "
.      
.            " อ๋อ--
. ไอ้อ้วน โคตรดำทมิฬตัวนั้น-เหรอเพคะ ?
 เชอะ-ไอ้นี่ วอนจะไม่ได้ตายดีซะแล้ว
.   บ่าวก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าไปรำท่าเลื้อยๆ
ลงไปขวางรูท่อระบายน้ำ หน้าบ้านของมัน
ตั้งแต่เมื่อไหร่  ?
.       -- หน็อย--
.  ไอ้อ้วนนี่ มันก็คอยปากไม่ดีกับบ่าวเรื่อย
แหละ    มันคงอยากให้บ่าวสูญพันธุ์-ไม่มี
ที่ยืนในสังคม  
.     บ่าวไม่สนคำพูด จากปากสุนัขจรจัด
ของมันหรอกเพคะ "
.
.        " อุย --อีเหยี่ยน
แกนี่ก็ด่าเก่ง  -แรงส์ไม่แพ้ข้าเลยนะนี่
.     อะ - งั้นขอถามอีกอย่าง เพราะข้าก็
ยังไม่เข้าใจแก -จนบัดนี้ "
.
.   มเหสีขอจัดเต็มทุกเรื่อง -เลยยาวเลย
 ทีนี้
.
.    " ตอนที่เราสองคนเข้าแอปพลิเคชั่น 
แปลงร่างจากปลาไหลเป็นมนุษย์ 
.      ชื่อมนุษย์ มีให้เลือกเยอะแยะ
 - น้องกิ๊ฟ เชอรี่ น้องวาย   มีตั้งมากมาย 
ไม่ยอมชื่อกัน
 .     น้องแอน น้องโบว์ น้องอัน หรือชื่อ 
ปัน-ปัน น้องขวัญ ก็ยังดี
.  น้องเมย์ ชื่อเท่จะตาย ก็แล้วทำไม 
แกไม่เลือก -ละนี่ ?
.     ทำไมแกไปเลือกชื่อเหยี่ยน ?
.  แกไม่รู้เหรอ ? ว่าเหยี่ยน-น่ะ มันแปลว่า  
ปลาไหล ! "
.
.    นางเหยี่ยนคอตก ซวยอะไรอย่างนี้
ไปๆ มาๆ อะไรๆ ก็มาลงตรงหน้าบ้านมัน
ซะเอง
.   รีบทูลเจ้านายอย่างสำนึกผิด พยายาม
ชี้แจง
.
.        " ทูนหัวของบ่าว --
.   อภัยให้บ่าวเถอะเพคะ   ที่จริงตอนแรก 
บ่าวก็ขอใช้ชื่อยูสเซอร์เนมอื่น  
.   แต่โหมดแอปฯ มันปฏิเสธบ่าว   มันบอก
ว่า มีคนใช้ชื่อนั้นแล้วเพคะ "
.
.     " ชื่ออะไรล่ะ ? -
.            ที่แกตั้งตอนแรกน่ะ "
.
.      "  อั้ม-พัชราภา เพคะ "
.
.    นางเหยี่ยนรีบตอบอย่างภาคภูมิ
.
.  มเหสีอัปสราดารารายค้อนขวับเข้าให้
ทำปากยี้สยองใส่มัน ประมาณว่า เนาะ-
ไม่เจียม
.
.   นางเหยี่ยนยังพยายามอธิบายต่อ
.
.    " แล้วโหมดแอปฯ มันก็ถามบ่าวต่อ
ว่า ท่านสนใจชื่อ เหยี่ยน-Yhian นี้มั้ย ?
.     บ่าวก็นึกว่า เป็นภาษาฝรั่งวิลาศ
 บ่าวก็เลยกด โอเค -- เพคะ "
.
.      ดารารายร้อง " หื๊อม! "
.   เอานิ้วชี้จิ้ม ยันหน้าผากนางเหยี่ยน
อย่างแรงจนมันหน้าหงาย
.   ตะคอกใส่หน้าแถมให้ ด้วยดีกรีของ
ความหมั่นไส้ระดับแม๊กซิมั่ม
.
.       " ทู่-
.             -- เรศ !!! "

.
.        " ทุเรศ- สิ้นดี ! "
.
.     ดารารารายต่อว่ามัน ซ้ำอีกที
.
.  เหยี่ยนรีบลุกขึ้นมานั่งใหม่ มันได้แต่
ทำตาปริบๆ ดูน่าสงสาร
.
        *  *  *  *  *  *  *  *
.
.    แล้วเหยี่ยนก็รู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมา
ทันที   เมื่อเห็นดารารายเม้มพระโอษฐ์
มีสีหน้าที่เคร่งเครียด
.       มองไปข้างหน้าอย่างโกรธแค้น
เค้นเสียงหนักๆ ออกมาจากลำคอ
.
.       " นังจันทรา  -อีกินรีหิมพานต์  
แกอย่าหวังเลย ว่าจะชนะข้าในรอบไฟนอล
-final ได้ !
.   ถึงแกจะเป็นต่อ กำลังเป็นคนโปรดของ
สวามีข้า  แถมยังล่วงรู้ความลับแห่งตัวตน
ของข้า  แต่ข้าก็จะไม่ยอมแพ้  ขอสู้กับแก 
แม้จะต้องตายกันไปข้างหนึ่ง "
.
.        สิ่งที่เหยี่ยนคาดคิดก็เป็นจริง
.    เพราะทันใดนั้น ดารารายก็หันมาบอก
กับบ่าวผู้จงรักภักดีด้วยสีหน้าจริงจัง
.
.      " หนิ-- นังเหยี่ยน...
.             ข้าจะทำเสน่ห์ ! "
.
.     เหยี่ยนสะดุ้ง รีบยกมือพนมขอร้อง
ดารารายเสียงสั่น
.
.    " ทูนหัวของบ่าว
.          อย่าทำเลยเพคะ---
. ทรงจำได้ไหมเพคะ ว่าบ่าวเคยขอร้อง
พระองค์มาก่อนแล้ว เรื่องนี้
.   เรื่องอื่นหมื่นแสน บ่าวยินดีรับใช้ทูนหัว
เต็มที่  แต่เรื่องทำเสน่ห์ มันอันตรายมากๆ  
เราพลาดนิดเดียว    วิญญาณโสโครกจะ
ออกมาฆ่าเราทันที นะเพคะ "
.
.     อัปสราดารารายเม้มปากนิ่ง พระศอ
แข็งตรง
.   ใช่ -นางเหยี่ยนเคยเล่าว่า ป้าของมัน
ทำเสน่ห์ให้ชายข้างบ้าน แล้วตัวเองต้อง
ตายอย่างทรมาน และทารุณ
.
.      " พระมเหสี คงจำเรื่องของป้าที่บ่าว
เคยทูลเล่าได้ นะเพคะ "
.
.      " ก็ป้าของแกมันโง่เอง ! "
.
.          ทรงด่าสวนย้อน
.
.     " โธ่-- ทูนหัวของบ่าว  
อย่าดื้อดึงเลยเพคะ ที่ป้าของบ่าวต้อง
ตายโหง  เพียงเพราะลืมให้อาหารสด
อาหารคาวแก่วิญญาณร้าย แค่มื้อเดียว
เท่านั้น "
.
.    ดารารายเบือนหน้า หนีสายตาของ
นางเหยี่ยน   ที่คลานเข้ามาคุกเข่าขอ
อ้อนวอน
.
     " วิญญาณในเวทมีหลายดวง
ครานั้น- ที่มันทะลุมนตร์ยาเสน่ห์ออก
มาได้ เป็นดวงวิญาณของผีงูเหลือม
. ตอนมันออกมา บ่าวกับทุกคนเห็นเป็น
งูตัวใหญ่เท่าลำต้นมะพร้าว
.   มันรัดตัวป้าของบ่าวจนกระดูกลั่น
ป้าของบ่าวร้องให้ทุกคนช่วย แต่ไม่มีใคร
กล้าเข้าใกล้เจ้างูปีศาจนั่น
.   แล้วมันก็ค่อยๆ กลืนกินป้าทีละนิด
จากตีสาม จนยันสว่าง  มันถึงกลืนป้า
ทั้งเป็นได้หมดทั้งตัว-  "
.
.  ดารารายยังคงหลบตาเหยี่ยน ไม่ยอม
มองตอบมัน 
.        พูดเบาๆ ว่า
.
.   "ข้าจะไม่มีวันลืมให้อาหารพวกมัน
แน่นอน นังเหยี่ยน  "
.     
.     " แม่ทูนหัวของบ่าว -
.  โธ่เอ๋ย--อย่าดื้อดึงเลย  โปรดเชื่อบ่าว
เถิดเพคะ "
.  
.         นางเหยี่ยนสะอื้น 
.   ตัวสั่นด้วยความหวาดวิตก เพราะรู้ดี
ถึงนิสัยรั้น ไม่ยอมใครของดาราราย


        ************************************

.    
.   
                         จบตอนที่ 3 .
..................................................................

** หมายเหตุ : ครั้งนี้เป็นการนำนิยายมาลงบล็อกใหม่อีกครั้ง

        เขียนลงบล็อกครั้งแรกเมื่อ   5 ตุลาคม 2559                      
      สถิติบันทึกการเข้าอ่าน 2003 ครั้ง   ณ 18 ธันวาคม 2561       **
................................................................................................... 



Create Date : 08 ตุลาคม 2563
Last Update : 27 ตุลาคม 2563 11:09:36 น.
Counter : 366 Pageviews.

0 comments

Huean Piang Din
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



ตุลาคม 2563

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog