...ห้องทำงานรก ๆ ร้าง ๆ ที่เจ้าของทิ้งขว้างไม่สนใจ...


Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2548
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
12 มิถุนายน 2548
 
All Blogs
 

[8] The Unforgiven Host : เผ่าภูตดำ



...


ยักษ์โทรลล์พ็อกแสทชนั่งคุดคู้อยู่ในเงามืดของชะง่อนหินชนวนสีเทา


เช่นเดียวกับปีศาจโทรลล์ทั่วไปที่หากพวกมันนั่งนิ่ง ๆ อยู่ข้างก้อนหินแล้วก็แทบจะกลืนไปเป็นเนื้อเดียวกัน แต่ในยามนี้ยักษ์โทรลล์มันไม่ได้พยายามซ่อนตัว แต่กำลังใช้ใบอ่อนของต้นวัชพืชถูลงบนแผลที่เกิดจากการต่อยของตัวพิกซี่เพื่อลดอาการปวดระบมบริเวณรูทวารหนัก


ที่จริงแล้วสำหรับปีศาจที่มีขนาดลำตัวและความแข็งแกร่งขนาดมัน รอยแผลเล็ก ๆ พวกนั้นน่าจะเป็นแค่ตุ่มคันน่ารำคาญ แต่จากการที่แก้มก้นทั้งสองข้างกระเด้งกระดอนกระทบกันตอนที่มันวิ่งหนีเอาตัวรอดออกมาเลยทำให้เกิดการเสียดสีกันนิดหน่อย แถมรอยโดนต่อยพวกนั้นก็ดันไปเกิดอยู่บนรอยช้ำจากการถีบส่งของพวกผีกัมพ์อีกต่างหาก มันเลยยิ่งเจ็บน่ะสิ


คืนนี้อากาศหนาว ลมกรรโชกแรงมาจากชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก พัดพาเอาเม็ดฝนเย็นเยียบขนาดใหญ่ให้ตกกระทบใบไม้และผิวน้ำดังเกรียวกราว หากคืนนี้มีดวงจันทร์ประดับฟ้า มันคงถูกบดบังอยู่หลังเมฆผืนใหญ่ที่พุ่งตัวเข้าหาแผ่นดินราวกองทัพปีศาจ ไม่มีสิ่งมีชีวิตตนใดออกมาเดินเพ่นพ่านในยามค่ำ นกกลางคืนซุกปีกอยู่ในรังอันอบอุ่น สัตว์ตัวเล็กตัวน้อยซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน พอใจกับสวัสดิภาพของตนเองในโพรงอุ่น


อากาศหนาวจัดจนแทบจะกลายเป็นน้ำแข็ง อบอวลไปด้วยกลิ่นฉุนเฉียวของป่าช้าชวนขนหัวลุก สายลมพัดผ่านหมู่ไม้คล้ายนักล่าที่ออกตามหาไออุ่นหรือชีวิตที่พอจะฉกฉวยได้ ไม่มีสิ่งใดรอดพ้นจากปลายนิ้วเย็นเฉียบของมัน มันคืบคลานไปตามซอกหิน รากไม้ และพยายามอย่างหนักที่จะแทรกตัวผ่านลงไปใต้ผิวน้ำ


แต่พ็อกแสทชกลับคิดว่าอากาศในคืนนี้ช่างดีเหลือหลาย เสียแต่ว่าตัวมันเหม็นโฉ่ไปด้วยกลิ่นไม่น่าพิศมัยของพวกภูตขาวที่ยังติดค้างอยู่ตามปลายขนจมูกที่ดกหนา


มันตดออกมาอีกหนด้วยเสียงดังสนั่นแถมด้วยความเปียกแฉะ แล้วก่นด่าไอ้แมวเปอร์เซียที่มันกระเดือกลงไปเมื่อตอนมื้ออาหารค่ำ แมวขนฟู ๆ ทำให้กระเพาะอาหารของมันทำงานผิดปกติเสมอ นี่ถ้ามันเลือกเฉพาะแมวอังกฤษขนสั้นหรือพวกหมา... ที่หมู่บ้านข้าง ๆ นี่มีหมาเวสตี้เทอเรียสีขาวหน้าตาน่ากินอยู่ตัวนึงนี่นา...


ยักษ์โทรลล์ส่ายหัวโต ๆ แล้วลุกยืนขึ้น ไม่ดีกว่า ทางที่ดีแล้วมันควรจะรีบกลับไปรายงานความล้มเหลวของมันต่อนายหญิงเสียก่อน ยังไงเสียมันก็พอจะได้ข้อมูลติดมือมาบ้าง นางคงไม่โกรธอะไรมากมายหรอก ดีไม่ดีอาจจะพอใจกับผลงานของมันด้วยซ้ำ


แม้ว่าจะดูเป็นไปไม่ได้ แต่ยักษ์โทรลล์ก็ยึดติดอยู่กับความคิดนั้นในขณะที่ออกเดินโขยกเขยกไปในยามค่ำที่หนาวจับใจ



...



ทางเข้าสู่ค่ายเชกูเลถูกเก็บไว้เป็นความลับสุดยอด


ทางเข้านั้นถูกปกปิดมิดชิดเสียจนในความเป็นจริงแล้วสัตว์ประหลาดขนาดเล็กถึงกับต้องหาทางอาศัยเกาะหลังปีศาจตนอื่นเพื่อกลับเข้าบ้าน แม้กระทั่งฟินวาร์ราเองที่ชอบแสดงท่ายะโสทรงอำนาจและทำเหมือนตัวเองรอบรู้ไปหมดทุกอย่างยังไม่รู้ตำแหน่งที่แท้จริงของทางเข้านั้นเลย เขา คิด ว่าเขารู้ แต่แม่มดเจ้าเล่ห์ทู'ลลอชก็ฉลาดพอที่จะคอยเคลื่อนย้ายเปลี่ยนตำแหน่งทางเข้านั้นอยู่เสมอ

ในเวลานี้ ค่ายเชกูเลซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางดงกิ่งไม้ดกหนาขนาดใหญ่ของต้นเบิร์ชโบราณที่ขึ้นอยู่ใต้เงามืดของเทือกเขามัมเทิร์ค มันเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ดี อาจจะถือได้ว่าดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วยซ้ำเพราะถูกล้อมรอบไปด้วยป่าผีสิงและทะเลสาบน้ำลึกที่เต็มไปด้วยตัวนุกเคิลลาวี ปีศาจพาวเลอร์และผีวอร์เตอร์เลปเปอร์


หนทางเข้าสู่อาณาเขตของค่ายดูควบคุมดูแลโดยปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวผนวกกับการลงเวทมนตร์คาถา คนเดินป่าที่หลงเข้าไปใกล้ทางเข้าอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่จะถูกทำร้ายอย่างเหี้ยมโหด พวกที่โชคดีหน่อยก็จะมีคนมาพบตัวอยู่บนยอดเขาลูกอื่นในอีกสองสามวันให้หลังในสภาพที่ร่างกายสูญเสียความร้อนอย่างหนัก แต่หน่วยกู้ภัยไม่เคยหาร่างของพวกที่โชคไม่ดีพบเลยสักครั้ง บางทีอาจพบเพียงโครงกระดูกที่ถูกความหนาวเย็นกัดกินจนผุกร่อน หรือไม่ก็ซากรองเท้าบู้ทที่ขาดรุ่งริ่งถูกทิ้งไว้ริมฝั่งทะเลสาบน้ำลึกและเย็นจัด


ไม่มีใครใส่ใจกับเหตุการณ์พวกนี้มากนัก เพราะเทือกเขามัมเทิร์คเองก็ขึ้นชื่อในความน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้อยู่ก่อนหน้าแล้ว การสูญเสียนักท่องเที่ยวที่ไม่มีการเตรียมตัวให้พร้อมไปสักคนสองคนนั้นถือว่าคุ้มค่ากับการเสี่ยงเข้ามาชมทัศนียภาพอันวิจิตรของมัน


แม้เหล่าปีศาจภายใต้การปกครองของทู'ลลอชจะชื่นชอบการกลั่นแกล้งมนุษย์ในแบบเดียวกับภูตขาว แต่พวกมันก็ฉลาดพอที่จะไม่ทำร้ายคนในท้องถิ่นมากเกินไปจนผิดสังเกต ส่วนถ้าเกิดมีใครสักคนที่เมาแอ๋หรือเดินใจลอยเข้ามาในภูเขายามพลบค่ำนั้นถือเป็นกรณีพิเศษ ในขณะที่ทางภูตขาวมักจะปล่อยคนแก่ขี้เมาให้ผ่านไปด้วยความสงสาร แต่พวกภูตดำกลับเห็นว่านั่นคือเนื้อที่ได้รับการหมักปรุงรสมาแล้วเป็นอย่างดีเลยทีเดียว


พ็อกแสทชก้มตัวลอดกิ่งไม้ที่ทอดต่ำลงก่อนลัดเลาะไปตามเส้นทางเสื่อมโทรมสายเล็กที่พาดผ่านระหว่างยอดเนินสูงชัน ต้นไม้ผอมกะหร่องที่ขึ้นอยู่ตามสองข้างทางสั่นไหว สลัดเม็ดฝนให้ร่วงพราวลงราวหยาดน้ำตาเยียบเย็น ป่าไม้บริเวณนี้กำลังป่วยหนัก ลำต้นกลายเป็นสีดำ เปลือกไม้หลุดลอกและกิ่งก้านผุพัง ไม้พุ่มเตี้ยที่คลุมพื้นดินอยู่ก็แคระแกร็นหงิกงอ เต็มไปด้วยกาฝากและไม้เลื้อยที่ขึ้นคลุมครอบ แม้กระทั่งต้นหญ้าหร็อมแหร็มยังแห้งตายเป็นสีน้ำตาล และสายหมอกที่แทรกตัวผ่านขึ้นมาจากบ่อน้ำเล็ก ๆ และทะเลสาบมีสีขาวขุ่น มันเยิ้มและเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นของโลหะ


นี่คือบ้าน


พ็อกแสทชพยักหน้าทักทายพร้อมขมวดคิ้วให้กับปีศาจต้นไม้ที่กำลังใช้ปลายหนวดยาวลูบไล้ไปตามกิ่งไม้ใหญ่ในลักษณะเดียวกับการลูบไล้ร่างกายระหว่างคู่รักพร้อมส่งเสียงขู่ฟ่อ จากนั้นจึงก้าวผ่านม่านมนตราเข้าสู่อาณาเขตภายใน


มันคล้ายกับการก้าวเข้าไปในกระโจมหมอดูดวงชาวยิปซีในงานออกร้านที่ต้องผ่านผ้าม่านสีขาวบางเบาเข้าไปด้านในที่มืดสลัว เต็มไปด้วยเสียงงึมงำจับใจความไม่ได้และกลิ่นธูปฉุนกึก


ที่จริงแล้วค่ายเชกูเลก็คือห้องขนาดใหญ่เพียงห้องเดียว (พ็อกแสทชรู้สึกอิจฉาพวกภูตขาวกับคฤหาสน์ของพวกมันขึ้นมาทันที!) ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงต้นไม้เก่าแก่ กิ่งก้านมากมายสอดประสานกันเป็นหลังคาวิเศษที่สามารถกันน้ำได้ (แต่โปร่งลม) ลักษณะคล้ายยอดโดมของวิหารแม้จะไม่มีใครเคยกล้าที่จะเปรียบเทียบแบบนั้นออกมาโต้ง ๆ นอกจากนี้ยังมีส่วนที่แยกออกไปเพื่อเป็นที่พักของทู'ลลอช แต่ส่วนนั้นเป็นเขตหวงห้ามสำหรับผู้ไม่ได้รับเชิญจึงถือว่าไม่ได้รวมอยู่เป็นส่วนหนึ่งของตัวค่าย และมีถ้ำยาวเปียกชื้นเป็นตัวเชื่อมต่อกับดินแดนแห่งเงา


ด้านในค่ายเหม็นอับไปด้วยกลิ่นเหงื่อไคล กลิ่นผักบูดและเนื้อเน่า ผีโบกี้ส์จับกลุ่มนั่งคุยกันอยู่บนถุงผ้าป่านที่ยัดเส้นผมอ่อนนุ่มไว้แน่น (ผีตนหนึ่งบังเอิญไปเห็นมนุษย์นั่งเล่นอยู่บนหมอนยัดเม็ดถั่วใบใหญ่ มันเลยเอาแนวคิดนั้นมาประยุกต์ใช้ โชคร้ายหน่อยที่การสุมหัวระดมความคิดของพวกมันไม่เคยก่อให้เกิดประโยชน์สักที พวกมันจึงได้แต่ใช้เส้นผมที่ไปแอบขโมยจากเด็กนอนหลับมายัดเป็นไส้หมอนมาโดยตลอด)


ผีโบกี้ส์มีรูปร่างและขนาดที่หลากหลาย ตั้งแต่ขนาดเล็กจิ๋วประมาณลูกอ๊อดมีขน ไปจนถึงโบกี้ส์รุ่นปู่ที่ตัวเกือบเท่ายักษ์กอบลินในหนังสือนิทาน นอกจากนี้พวกมันยังมีหน้าตาแตกต่างกันไป ผีบางตนมีหน้าตาเกือบเหมือนมนุษย์ธรรมดา เว้นแต่มีลักษณะผิดแปลกเช่นมีดวงตาสีแดงเพลิงหรือมีเท้าเหมือนกรงเล็บของอีกา ในขณะที่ผีบางตนมีหน้าตาเหมือนหมาหนังกลับหรือกิ้งก่ามีเขา แต่สิ่งเดียวที่พวกมันมีเหมือนกันหมดทุกตัวคือนิสัยอันน่าสะอิดสะเอียนและร้ายกาจ พวกผีที่ไม่ออกไปท่องราตรีมักจะแฝงตัวอยู่ตามหลืบผนังของอาณาจักร นั่งส่งเสียงครอก ๆ หรือหัวเราะคิกคักกันเป็นกลุ่ม ๆ และมีการต่อยตีเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว


ถัดจากแหล่งมั่วสุมของผีโบกี้ส์ไปคือภูตแฮกซ์สองนางที่กำลังสนทนากันด้วยเสียงงึมงำต่ำ ๆ ในมุมมืด ทั้งคู่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะออกมาจากพิมพ์เดียว ซึ่งไม่น่าแปลกอะไรเพราะเป็นพี่น้องกัน ปีศาจสาวทั้งสองมีผมสีขี้ตากแห้งยาวรุงรังลงมาถึงบั้นเอว เรือนร่างเร้าใจของพวกนางไม่อยู่ในสายตาของยักษ์โทรลล์แม้แต่น้อยเพราะมันรู้อยู่แก่ใจดีว่าพวกนางสามารถกลายร่างเป็นสาวน้อยแรกรุ่นโฉมงามหากโหดร้ายได้ภายในชั่วพริบตา


ถัดจากปีศาจพี่น้องสองสาวแอนนิสไปคือยักษ์แจ็คผู้ถูกล่ามโซ่ที่นั่งอยู่ด้วยท่าทางเหนื่อยล้า พ็อกแสทชไม่รู้ว่าทำไมหมอนั่นถึงไม่ออกไปป้วนเปี้ยนข้างนอก แต่จากเสียงหัวเราะคิกคักแบบสาวน้อยสลับกับเสียงหัวเราะน่าขนหัวลุกที่ดังมาจากยักษ์แจ็คทำให้ยักษ์โทรลล์ตั้งข้อสังเกตว่าหมอนั่นคงมีอาการทางประสาทกำเริบอีกแล้ว


พ็อกแสทชกระโดดถอยหลังเพื่อหลบผีฟาชานขาเดียวที่กระโจนพรวดผ่านไป เจ้าผีนั่นพ่นคำก่นด่าออกมาไม่ขาดสายในขณะที่ใช้มือบิดเบี้ยวถูปลายคางไปมา ที่ตามก้นมาติด ๆ คือปีศาจหมาล่าเนื้อกาเบรียลที่คอยแต่จะยื่นปลายจมูกเข้าไปเลียสิ่งที่อยู่ใต้กระโปรงผ้าลายสก็อตของมัน


ยักษ์โทรลล์ชื่นชอบอารมณ์ตลกร้ายของผีฟาชานอยู่ไม่น้อย ทั้งคู่มักออกไปก่อความเดือดร้อนให้ชาวบ้านด้วยกันเสมอ แม้บางทีพ็อกแสทชจะรู้สึกเบื่อหน่ายที่ต้องยืนคอยให้ผีฟาชานเดินตามมาให้ทัน การมีขาสองข้างย่อมดีกว่ามีข้างเดียวเป็นไหน ๆ


ตามปกติแล้วพ็อกแสทชจะรู้สึกอบอุ่นเมื่อกลับถึงบ้าน เพราะขนาดลำตัวที่ใหญ่มหึมาของมันมักกลายเป็นเป้าหมายให้พวกภูตฮอบจอมเจ้าเล่ห์และผีพุ้กเกิ้ลแสนโหดร้ายเข้ามากลั่นแกล้งทำร้ายอยู่เป็นประจำ ถึงแม้เจ้ายักษ์จะพยายามซ่อนตัวอย่างสุดความสามารถ แต่ภูตแสนรู้พวกนั้นก็หามันเจอทุกทีสิน่า


แต่ความรู้สึกในคืนนี้กลับต่างไป


ยักษ์โทรลล์กล้ำกลืนความรู้สึกหวาดหวั่นลงคอก่อนที่จะก้าวตรงไปยังทางเข้าห้องพักของทู'ลลอช มันเคาะประตูแผ่วเบา ภาวนาให้คืนนี้นางออกไปล่าเหยื่อหรือไม่ก็...


"เข้ามาได้ โทรลล์"


น้ำเสียงนั้นดังกังวานและเย็นเฉียบอย่างน่าอัศจรรย์ คล้ายสายธารภูเขาอันโสโครกที่หลั่งรินผ่านริมฝั่งน้ำที่ถูกปกคลุมด้วยต้นวัชพืชเตี้ย ๆ สีม่วงเหม็นฉุน


พ็อกแสทชใช้มือลูบท้องเพื่อลดอาการปั่นป่วน แล้วจึงแหวกม่านเถาไอวี่พิษเข้าไปด้านใน


ห้องพักของทู'ลลอชสลัวเรือง แสงนวลตานั้นมาจากแท่งเทียนอ้วนกลมที่ถูกหลอมขึ้นจากมันเปลวจากซากศพนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันสิบสองคนที่ถูกปักกระจัดกระจายอยู่ทั่วห้อง ผนังผิวหยาบโดยรอบเต็มไปด้วยคราบตะไคร่เขียว เงาร่างสีเทาวูบไหวไปมาไม่เคยหยุดนิ่ง ส่วนเพดานห้องคือร่างแหของรากไม้ที่เกาะเกี่ยวกันแน่นรวมกับไม้เลื้อยเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยปุ่มปม


ในห้องนั้นเต็มไปด้วยนกนานาชนิด ซึ่งไม่แปลกอะไรเพราะทู'ลลอชเองก็ชื่นชอบการแปลงร่างเป็นอีกาหัวหงอนเป็นพิเศษ


ยักษ์โทรลล์ปาดเหงื่อมัน ๆ ออกจากหน้าผากพร้อมกวาดตามอง "นายหญิงของข้าน้อย?..."


ไม่มีเสียงใดตอบรับนอกจากเสียงขนนกที่สะบัดเสียดสีกัน จนกระทั่ง...


"ข้าอยู่ตรงนี้ โทรลล์"


พ็อกแสทชสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจสุดขีดกับเสียงที่กระซิบอยู่ข้างหู มันหมุนตัวกลับด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่มันจะทำได้


ไม่มีอะไรอยู่ข้างหลัง


มีการเคลื่อนไหวอยู่ด้านในสุดของถ้ำ เงาวูบไหวในเตาผิงที่กำลังมอด เสียงกระดูกสั่นกระทบกันแว่วเบา


ยักษ์โทรลล์ลงนั่งคุกเข่าเมื่อทู'ลลอช หรือที่รู้จักกันในนามของนางพญากาดำหรือแม่มดแห่งป่า เคลื่อนกายเข้ามาในแสงสลัว


กระเพาะของเจ้ายักษ์ตีลังกาสามตลบ มันรู้สึกว่ากากอาหารในลำไส้ของมันเหลวเละขึ้นกว่าเดิมเมื่อมันได้เห็นผู้เป็นนายหญิงเต็มตา


คืนนี้ทู'ลลอชอยู่ในร่างที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของนาง ความน่าเกรงขามนั้นทำให้แม้กระทั่งปีศาจที่ดื้อรั้นที่สุดในคณะภูตดำยังต้องกลัวจนหัวหด เรือนผมสีดำสนิทเหมือนสีของน้ำมันดิบยาวสยายลงประบ่าคล้ายผ้าคลุมไหล่ที่ถูกคลี่วางทาบอยู่บนชุดราตรีรัดรูปตัดเย็บจากผ้ากำมะหยี่ เส้นไหมสีเดียวกับแสงจันทร์สุกสว่างถูกถักทออยู่กับเส้นผมของนางเพื่อใช้เป็นเชือกร้อยกระดูกสัตว์ขนาดเล็กและกระโหลกศีรษะของนกเป็นแถวยาว โครงกระดูกเหล่านั้นแกว่งกระทบกันแผ่วเบาไปตามจังหวะการเคลื่อนไหวของนาง


วงหน้าของนางน่าสะพรึงกลัวเฉกเดียวกับดวงจันทราเยียบเย็นที่ประดับโค้งฟ้าในคืนหนาว ผิวกายของนางขาวจนซีดหากเรียบเนียนไร้รอยแผลหรือรอยเหี่ยวย่นทั้ง ๆ ที่นางมีอายุยืนยาวมาจนนับไม่ถ้วนแล้ว ดวงตากร้าวกระด้างราวหินผา แก้วตาขุ่นขาวเหมือนน้ำแข็งฝ้า เรือนร่างสูงโปร่งไร้จุดตำหนิให้กล่าวถึงได้ ไม่มีไฝฝ้าหรือรอยยับย่นบนผิวมือหรือผิวหน้า ทรวงอกกลมกลึงตึงเต่งไม่ห้อยยานเหี่ยวแห้ง เรียวขาและเรือนกายของนางงดงามไร้จุดคดงอหรือบิดเบี้ยวอย่างสิ้นเชิง


นางงดงามสมบูรณ์แบบเสียจนพ็อกแสทชอยากอ้วก


เจ้ายักษ์รู้ดีว่านางใช้ร่างแปลงนี้เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับลูกน้อง แต่ในขณะเดียวกันพวกปีศาจเหล่านั้นก็โหยหานาง เพราะหากเรือนร่างของนางเต็มไปด้วยรสชาติสุดบรรยายเช่นเดียวกับความงามของนางแล้วล่ะก็...


ทู'ลลอชทรงพลังและอำนาจ พลังของนางคือมนตร์ดำแห่งราตรี เล่ห์แห่งเงาที่ซ่อนเร้น ปริศนาของหลืบถ้ำและแท่งหินตระหง่าน นางคือหนึ่งในคณะแม่มดผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกยุคเก่า ยามใดที่นางปลดปล่อยพลังขั้นสูงสุดออกมา นางสามารถท้าทายอำนาจของเทวีบริกิตได้อย่างไม่ยากเย็น แม้กระทั่งราชายูเบอรอนเองก็เคยถึงกับทรงกระสับกระส่ายด้วยอำนาจแห่งนางทั้ง ๆ ที่นางไม่ได้ตั้งใจจะชิงบัลลังก์ของพระองค์สักนิด (แต่องค์ราชาทรงเกรงว่าราชินีทิแทนเนียจะทรงระแคะระคายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ลับ ๆ ระหว่างพระองค์กับนางแม่มดต่างหากล่ะ)


แต่ยุคสมัยก็เปลี่ยนแปลงไปตามทางของมัน และยามนี้ทู'ลลอชและสมุนของนางกลับต้องล่าถอยมาหลบซ่อนอยู่ในเงามืด คืบคลานไปตามแนวกำแพงต้นไม้ และรอคอยโอกาสทองในการขโมยทารกโชคร้ายมาสักคนสองคนเพื่อยังชีพ


"อย่าเข้ามาใกล้นะ" นางออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเดียจฉันท์เต็มที่ "ตัวแกมีแต่กลิ่นเหม็นของไอ้พวกภูตขาว"


พ็อกแสทชเอ่ยคำขออภัยรัวเร็ว ก่อนเร่งรายงานถึงสิ่งที่มันแอบได้ยินมา ทู'ลลอชรับฟังอย่างสงบ นางย่างกรายไปรอบห้องมืดสลัวเหมือนภูตผี ลูบไล้นกเลี้ยงของนางอย่างรักใคร่


กว่าที่เจ้ายักษ์จะรายงานจบ เข่าที่เสื่อมสภาพของมันก็ปวดหนึบ และมันกำลังทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสจากการกลั้นลมตดขนาดมหึมาไว้ไม่ให้ทะลักออกมา


"นางมนุษย์ตัวน้อย ๆ หวานใจของฟินวาร์รากำลังจะหนีเขาไปสินะ? ช่างโชคร้ายจริง ๆ" หน้าผากของทู'ลลอชยับย่นเล็กน้อยในขณะที่นางกำลังใช้ความคิดตริตรอง "ข้าสงสัยจริงว่าเขาจะมีแผนอะไรต่อไปอีก"


เวลาผ่านเลยไปชั่วครู่กว่าพ็อกแสทชจะรู้ตัวว่านายหญิงกำลังพูดกับมันแทนที่จะเป็นแค่การรำพึงกับตัวนางเอง มันจึงพยักหน้าหงึกหงัก


"ข้าน้อยก็ไม่ทราบรายละเอียดอะไรอีก นายหญิงของข้า อย่างที่ข้าน้อยรายงานท่านไปเมื่อตะกี้ คือ ข้าน้อยถูกพบตัวเร็วไปหน่อย"


นางพญากาดำโบกมือ "ช่างเถอะ ข้ามี...ทางอื่นที่จะหาข่าวได้"


ความเงียบโรยตัวลงครอบคลุมอีกครั้ง ได้ยินเพียงเสียงโครกครากจากช่องท้องของยักษ์โทรลล์ จากนั้นทู'ลลอชก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเชิงขับไล่กราย ๆ


"ไปคอยสังเกตการเคลื่อนไหวของนางมนุษย์ที่ที่พักของนางเอาไว้ อย่าปล่อยให้ฟินวาร์ราดำเนินการใด ๆ ไปโดยที่ข้าไม่รู้เป็นอันขาด"


พ็อกแสทชยันตัวลุกขึ้นด้วยความยากเย็น มันครางอ๋อยออกมาเพราะความเจ็บปวดบริเวณง่ามก้นก่อนโค้งตัวลงต่ำ "ตามบัญชาของมายเลดี้"


"แกทำงานได้ดี โทรลล์ และหากคืนนี้แกบังเอิญไปเจอภูตฮอบหรือนางไม้ที่ออกมาเพ่นพ่านเพียงลำพัง ข้าอนุญาตให้แก...จับกินได้"


พ็อกแสทชผงกหัวรัวเร็ว ดวงตาเปล่งประกายวาววับ ไม่บ่อยนักที่จะได้รับคำอนุญาตให้ล่าภูตจากเผ่าอื่นมาเป็นอาหารได้


ทู'ลลอชคงมีแผนใหญ่อยู่ในใจเจ้ายักษ์คาดเดาในขณะที่ก้าวผ่านเถาไอวี่ออกมาสู่เขตค่ายเหม็นโฉ่ที่เคยคุ้น ตะนี้ หากข้าจะโชคดีมีนางไม้รสเลิศเดินผ่านมาเป็นลาภปาก คงจะดีไม่น้อย!



...



ในความเงียบงันของเงามืด ทู'ลลอชลงนั่งบนเก้าอี้บุหนังนุ่มสบาย (ที่ไปขโมยมาจากหลังรถบรรทุกรับจ้างขนย้ายเฟอร์นิเจอร์) และครุ่นคิด นางรับรู้เรื่องเกี่ยวกับเวทมนตร์ของมนุษย์ผู้หญิงนางนั้นมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ข่าวคราวที่ว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังจะเดินทางจากไปทำให้เกิดความเครียดได้ไม่น้อยทีเดียว


แม้ว่าพลังของหญิงแพศยาขนยุ่งนั่นจะไม่มีอิทธิพลต่อความเข้มแข็งของสมุนของนางแม่มดในแบบเดียวกับทางเผ่าภูตขาว แต่ก็ยังมีหนทางที่จะนำเวทมนตร์นั้นมาใช้ประโยชน์ในแง่อื่นได้ แน่นอนว่าทู'ลลอชเองอาจจะได้รับผลกระทบอย่างมาก แต่มันก็คงไม่ร้ายแรงนักหรอก โดยเฉพาะในเวลานี้และในช่วงอายุขนาดนี้


ทู'ลลอชวางคางเรียวสวยลงบนฝ่ามือแล้วเหม่อมองไปในความว่างเปล่า ทบทวนกลวิธีต่าง ๆ นับสิบวิธีอยู่ในสมอง หากนางลงมือล่ามนุษย์ผู้หญิงคนนั้นในเวลานี้ นางก็ต้องเผชิญหน้ากับแรงโทสะของฟินวาร์ราอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่หากนางยังรั้งรออยู่ โอกาสงาม ๆ ก็อาจหลุดมือไป และในนามของซาตานที่รัก สมุนของนางเองก็กระหายเวทมนตร์นั้นเช่นกัน ช่วงนี้มันเข้าตาจนจริง ๆ แล้ว


ไม่ดีกว่า ทางที่ดีควรรอดูต่อไปอีกหน่อย นางมีสายสืบอยู่ในเผ่าของฟินวาร์รา จึงพอจะนิ่งนอนใจได้ แถมยังสามารถสืบความได้ด้วยว่าไอ้ขุนนางใหญ่ตัวเหม็นที่ชอบทำท่าทางเหมือนผู้หญิงคนนั้นจะทำอย่างไรต่อไป จากนั้นแล้วนางค่อยลงมือ และหากนางสามารถหาแพะมารับบาปแทนได้ด้วยก็จะยิ่งดีเข้าไปใหญ่


ทู'ลลอชผินหน้าเข้าหาเงามืดบริเวณประตูห้อง นางกระดิกนิ้วพลางส่งเสียงเรียก "สเกลเกรน"


ชั่วเวลาเพียงหัวใจเต้น ม่านเถาไอวี่เปิดแยกออกและอะไรบางอย่างกระโจนผ่านเข้ามา ฝูงนกแตกฮือจากกิ่งไม้พร้อมส่งเสียงร้องลั่นระงม พวกมันโผขึ้นสู่อากาศอย่างบ้าคลั่ง ฝุ่นผงเหม็นสาบกระจายฟุ้ง แล้วจึงลงเกาะรวมกลุ่มกันอยู่ที่มุมห้องอีกฟากด้วยท่าทางกระวนกระวาย


สัตว์ประหลาดตนนั้นคืบคลานเข้าหาชายเสื้อคลุมของนายหญิง ในแวบแรกมันมองดูคล้ายผีบอกเกิ้ลตัวเล็ก ๆ ที่มีหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว แต่เมื่อมันหยุดการเคลื่อนไหวและก้มหัวแสดงความเคารพ ร่างของมันก็กลืนหายไปกับเงามืด สิ่งเดียวที่นางแม่มดได้ยินคือเสียงลมหายใจฟืดฟาดเหมือนเจ้าสัตว์นั้นกำลังสูดอากาศผ่านหน้ากากที่รัดแน่นอยู่บนใบหน้า


มันคือปีศาจกิ้งก่ายักษ์


ฝูงนกกระสับกระส่ายอีกหน เป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่ปีศาจตนนี้ถูกเรียกให้เข้าพบ พวกมันโผจากไม้กิ่งหนึ่งไปอีกกิ่งหนึ่งในขณะที่ร่างของผู้ล่าพร่าเลือนหายไป


ทู'ลลอชยังคงนั่งเงียบต่อไปอีกพักใหญ่ นางเพียงขยับปลายนิ้วเพื่อไล้ไปตามลำตัวของนกกาสีดำที่ใจแข็งกว่าเพื่อน จากนั้นจึงออกคำสั่งโดยไม่หันมามอง


"ตามไอ้ยักษ์โทรลล์ไปแล้วคอยจับตาดูมันกับนางมนุษย์นั่นไว้ให้ดี ข้าไม่ไว้ใจว่าไอ้ตัวเหม็นกลิ่นภูตขาวนั่นจะไม่เถลไถลไปหาอะไรกิน คอยดูไม่ให้มันไปทำอะไรใครเข้า ทั้งลูกน้องของฟินวาร์ราและมนุษย์คนอื่น จำคำของข้าไว้ นางมนุษย์คนนั้นต้องปลอดภัย บางทีนางอาจจะมีประโยชน์กับเรา"


ดวงตาของทู'ลลอชโชนแสงกร้าวเพื่อตอกย้ำความเป็นเจ้านายให้กับปีศาจกิ้งก่าที่ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจที่หัวแข็งที่สุดตนหนึ่งในเผ่าของนาง


ร่างของปีศาจกิ้งก่าปรากฏเลือนรางอีกครั้งตอนที่มันพยักหน้ารับคำสั่ง จากนั้นก็จางหายไปในม่านเถาไม้เลื้อยเฉาแห้ง ทิ้งฝูงนกที่กระวนกระวายและกลิ่นหอมหวลของหลุมศพที่ถูกเปิดออกไว้เบื้องหลัง


เมื่อออกมาสู่ด้านนอก สเกลเกรนชะงักฝีเท้าไว้บริเวณทางออกจากตัวค่าย ร่างของมันปรากฏเด่นชัดขึ้นในขณะที่มันก้มตัวลงวางกรงเล็บไว้บนหัวเข่า มันไอโครกสองสามหน จากนั้นก็ส่งเสียงหวีดหวิวเหมือนคนใกล้ตายออกมาก่อนจะขากเอาก้อนขนสีขาวดำออกจากปาก มันบ้วนเศษซากที่เมื่อนาทีก่อนคือร่างของนกแม็คพายออกไว้ตรงโคนต้นไม้หงิกงอแล้วใช้มือป้ายปากที่เผยอยิ้มเจ้าเล่ห์ มันชอบเข้าไปในห้องของนายหญิงจริง ๆ เพราะในนั้นมีอาหารฟรีรออยู่เสมอ


ได้เกิดเป็นปีศาจกิ้งก่ายักษ์นี่ถือเป็นโชคดีโดยแท้


สเกลเกรนวาดฝันไว้ว่าครั้งหน้ามันจะลองลิ้มชิมรสอีกาตัวอวบอ้วนน่าอร่อยดูบ้าง มันแคะขนนกชิ้นสุดท้ายออกจากซอกฟัน ก่อนย่างเท้าออกสู่ราตรีอันเงียบเหงาเพื่อสะกดรอยตามกลิ่นเหม็นฉุนเฉียวของยักษ์โทรลล์ที่ยังคงส่งประกายระยิบวิบวับในความมืดมิด






******************************




ต้นฉบับ : The Wild Reel โดย Paul Brandon (1st Edition)




******************************









 

Create Date : 12 มิถุนายน 2548
0 comments
Last Update : 12 มิถุนายน 2548 15:05:07 น.
Counter : 474 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Poceille
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





.
.
.

Busy Woman
but
Non-productive

.
.
.


Friends' blogs
[Add Poceille's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.