"คู่กรรม" (Sunset At Chaophraya 1996)...จากภาพยนตร์...สู่ละคร...ถึงนิยาย
เขียนเมื่อ: วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 16.49 น. "War destroys the loser, the winner, and everyone involved."
"สงคราม ทำลายทั้งผู้แพ้ ผู้ชนะ และทุกๆคนที่อยู่ในช่วงเวลานั้น" *วิดิโอนี้เป็นแบบAuto Play สามารถกดหยุดเล่นหรือเริ่มใหม่ได้คะ*
สารภาพ เลยว่าเพิ่งจะได้อ่านนิยายเรื่่อง "คู่กรรม" บทประพันธ์อันมีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องหนึ่งของ ทมยันตี เมื่อไม่นานมานี้เอง ทั้งๆที่ป้าและลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งเคยบอกว่า "ก่อนจะตาย...แกต้องอ่านเรื่องนี้ก่อนนะ" เออ...ขนาดเลยเหรอ? แต่ด้วยความชอบในตอนที่เริ่มอ่านนิยายใหม่ๆไปอยู่ที่นิยายแนวเจ้าชายอาหรับ ทะเลทรายซะก่อน เลยเมินนิยายเรื่องนี้มานานมาก แม้จะมีคนพูดกันมากมายว่า "คู่กรรม เป็นนิยายในดวงใจ" แต่ฉันก็ไม่สน ยังคงมุ่งมั่นหานิยายแนวทะเลทรายมาอ่านอย่างบ้าคลั่ง เพิ่งจะมาหาอ่านอย่างอื่นบ้างก็ช่วงที่นิยายแนวนี้มันเกลื่อนกลาดมากเกินไป เนื้อหาสาระไม่มีอะไรเลย และเพ้อฝันเกินจริงจนรับไม่ได้ จุดเริ่มต้นจริงๆ มาจากการที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่อง "คู่กรรม" เวอร์ชั่น พี่เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ เป็นโกโบริ และ พี่อุ๋ม-อาภาศิริ นิติพน เป็นอังศุมาลิน (ปี พ.ศ.2539) ในYoutube ขนาดวิดิโอที่เขาอัพไม่ชัดเท่าไหร่ คนดูอย่างฉันยังอินไปได้เป็นเดือน เป็นอะไรที่สะเทือนอารมณ์ผู้หญิงคนนี้อย่างแรง จนต้องบอกตัวเองตลอดว่า "พี่เบิร์ดยังอยู่ พี่เบิร์ดยังอยู่" แค่นั้นก็ยังไม่พอใจ ไปขวนขวายหาแผ่นที่ชัดๆมาดู ขอขอบคุณแฟนคลับพี่เบิร์ดที่มีทุกอย่างเกี่ยวกับพี่เบิร์ดจริงๆ อยากจะขอร้องกราบกรานบริษัท Grammy ให้ช่วยทำDVDภาพยนตร์เรื่องนี้ออกขายทีเถอะ จะได้ซื้อของแท้เก็บไว้ นี่แม้แต่วิดิโอยังไม่มีเลย ภาพยนตร์ เรื่อง "คู่กรรม" หรือ "Sunset at Chaophraya" เวอร์ชั่นนี้ เป็นเวอร์ชั่นที่ฉันชอบมากที่สุด(เท่าที่ได้ดูมา) ถึงพี่อุ๋มจะเล่นแข็งมากเพราะเป็นเรื่องแรก บทพูดบางบทฟังดูตลกๆ ซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษที่อ่านแล้วปวดหัวมาก สงสัยจะรีบจัด ตัวอักษรบางประโยคถึงได้ขาดๆเกินๆ และเรื่องราวกระชับเกินไป(อันนี้รู้สึกหลังจากอ่านนิยายแล้ว) จนสงสัยว่าตกลงระยะเวลาที่โกโบริมาอยู่เมืองไทยมันกี่ปีแน่? ต้นเรื่องบอกบอกเป็นนัยๆว่าประมาณ 4-5 ปี แต่ความรู้สึกในหนังยังไงๆก็ไม่น่าเกินสองปีแน่ๆ แต่ไม่เป็นไร ฉันดูหนังก่อน ถึงได้อ่านนิยาย ความรู้สึกประทับใจมากจึงยังอยู่ ฉบับนี้ที่ชอบที่สุดคือธีมของหนัง ที่ใช้สีภาพดูขมุกขมัวสมเป็นช่วงสงครามโลก บรรยากาศเย็นๆเอื่อยๆของบ้านริมน้ำของอังศุมาลิน ทำให้เข้าใจความรู้สึกเหงาๆเศร้าๆของโกโบริที่ต้องจากบ้านมารบทั้งๆที่จริง ไม่อยากเป็นทหาร เข้าใจว่าทำไมโกโบริถึงตกหลุมรักอังศุมาลินง่ายนัก ชอบทีมคอสตูมที่สรรหาอะไรมาใส่พี่เบิร์ดให้ดูหล่อมากมายอย่างงั้น (พี่เบิร์ดใส่ชุดสูทเทาในฉากที่ญี่ปุ่นได้หล่อมาก ชุดทหารสีน้ำเงินนาวี ดูแล้วพี่เบิร์ดเท่ห์มาก และที่ชอบมากที่สุดคือชุดราตรีสโมสรเต็มยศในงานวันแต่ง พี่จะหล่อไปไหนมากมาย) ชอบฉากบางฉากที่มารู้ทีหลังว่าทีมเขียนบทคิดเอง เช่น ฉากเล่นน้ำของโกโบริและอังศุมาลิน ในหนังน่ารักมาก พี่เบิร์ดแกจัดเต็มจริงๆ แต่ไปหาในนิยายไม่มี ความจริงฉันว่าควรจะมีนะคะ เพราะแม่อังชอบเล่นน้ำ โกโบริก็เป็นทหารเรือ ช่วงที่หวานๆก็น่าจะเล่นน้ำกันบ้าง แต่แค่สอนกันเล่นขิมเล่นชามิเซ็งก็โอเค รับได้ เดี๋ยวคนอ่านจินตนาการเอาเองก็ได้ พี่เบิร์ดเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มากจริงๆนะ เวลาเขามอง เล่นเอาคนดูเขินพี่เบิร์ดไปซะงั้น โกโบริไม่ได้มองตัวเองซะหน่อย เขินอะไรก็ไม่รู้ บางฉากอย่างฉากที่ไปดูละครเพลงเนี่ย เขินจนเผลอตะโกนใส่ทีวีว่า "นี่...จะมองอะไรกันนักหนาคะพี่? เก็บๆบ้างก็ได้สายตาอ่ะ หนูเขิน" ภาพงานแต่งงานจริงของทหารญี่ปุ่น เจ้าบ่าวดูสง่ามากเลยกับชุดสโมสรเต็มยศ
ฉากแต่งงาน ที่บอกไปแล้วว่าประทับใจคอสตูมมาก พี่เบิร์ดหล่ออย่างที่ควรจะเป็นในชุดราตรีสโมสร(แต่ในนิยายให้ใส่ชุดข้า ราชการสีขาว) พี่อุ๋มก็สวยมากสมที่เป็นนางแบบ(แม้ว่าพี่อุ๋มจะรูปร่างไม่ขาว เล็ก อย่างในนิยาย แต่ฉันชอบอังศุมาลินเวอร์ชั่นนี้มากกว่าคะ เพราะอังศุมาลินเป็นชาวสวน คล้ำนิดนึงน่าจะเหมาะกว่า) ชอบตอนที่เพื่อนทหารร้องเพลงDokino เพื่ออวยพรบ่าวสาว แล้วทั้งคู่หันหน้าทุกข์ๆมามองหน่ะคะ มันบอกอะไรได้หลายอย่าง เจ้าบ่าวทุกข์ที่คิดว่าเจ้าสาวไม่รัก ถ้าเขามาฉันจะไป แม้แต่งไปจะแตะเธอไม่ได้แต่ฉันก็ดีใจนะที่ได้แต่งกับเธอ เจ้าสาวทุกข์ที่งานแต่งเธอเป็นเรื่องการเมือง ละอายใจที่ต้องแต่งงานกับศัตรู(แต่ฉันว่าในใจลึกๆอังศุมาลินก็ดีใจนะที่ได้ แต่งกับโกโบริ ชีรักเขาแล้วแต่ชีไม่ยอมรับต่างหาก) แถมเจ้าบ่าวมาบอกว่าถ้าคนของคุณมาจะคืนเธอให้เขาโดยไม่มีตำหนิ เอ้า..งอนนะเว้ย ไหนว่ารักฉันไง? แต่อีกใจก็กลัววนัสกลับมาผิดหวังที่เธอไม่รักษาสัญญา ไม่รอเขา อะไรทำนองนี้ และฉากที่ชอบที่สุดเป็นฉากสุดท้ายที่จะเผาศพโกโบริ อังศุมาลินนั่งนิ่งไม่มีน้ำตาจะหยดมาตลอดงาน พอจะเผาก็ให้เปิดฝาโลงลาโกโบริครั้งสุดท้าย เสร็จแล้วสัปเหร่อก็ยกโลงขึ้นเชิงตะกอน แต่พอจุดไปปุ๊บ อังศุมาลินก็ทำใจไม่ได้ในนาทีสุดท้าย กรีดร้องพร้อมวิ่งเข้าหาโลงศพโกโบริ ฉากนี้แหละคะที่เราน้ำตาแตกจริงๆ ไม่ใช่ฉากที่โกโบริตาย เพราะฉากนั้นฉันไม่ชอบบทพูดเลย ฟังแล้วมันขัดๆตลกๆยังไงไม่รู้ กลับมางานศพ ฉันว่า ถ้าตาผลตาบัวไม่จับอังศุมาลินไว้ ชีคงกระโจนเข้ากองไฟจริงๆ พอฉากนี้จบอินโทรเพลงพี่เบิร์ดก็ขึ้น นั่นแหละคะ อังฯสองถึงกับทำใจไม่ได้ทีเดียว ร้องไห้คร่ำครวญยังกะเป็นนางเอกซะเอง ชอบดนตรีประกอบที่แต่งได้อินมาก สมกับเป็นหนังเรื่องแรกของแกรมมี่ เพลงประกอบ "เธอคนเดียว" ที่เป็นเพลงของนางเอกแต่ให้พี่เบิร์ดร้อง คุณสีฟ้าแต่งได้เพราะมาก โดยเฉพาะท่อนฮุก "จะให้ฉันทำใจยังไง? จะให้ฉันทนได้ยังไง? ขาดเธอไปซักคน ก็ไม่มี ไม่เหลือใคร" เล่นเอาฉันอินไปหลายสัปดาห์ จนคิดไปว่า "อย่าว่าแต่พี่เบิร์ดเลยคะ แล้วหนูเนี่ยจะให้ทำใจยังไง?" เพลงนี้มีเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นด้วย ร้องโดยพี่เบิร์ดเช่นกันคะ เพลง เธอคนเดียว Thai Ver.(คู่กรรม Ost.) ร้องโดย ธงไชย์ แมคอินไตย์ ผู้หญิงเล่นขิม โดย อ.จักรพันธุ์ โปษยกฤต นอกจากจะได้หนังในดวงใจมาอีกหนึ่งเรื่องแล้ว หนังเรื่องนี้ยังทำให้ฉันหันมาสนใจเครื่องดนตรีไทยอย่าง ขิม จริงๆจังๆ เพลง นางครวญ ที่นางเอกเล่นเป็นเพลงที่เพราะมากๆ ฟังแล้วเศร้าๆ ครวญๆ อย่างชื่อเพลงจริงๆ น่าแปลกที่ฉันหาเพลงนี้มาไว้ในมือถืออย่างไม่ลังเล ต้องเป็นบรรเลงขิมด้วยนะ ไม่งั้นไม่อิน อันที่จริงใช้เครื่องดนตรีอื่นเล่นก็เพราะมากๆ อย่างระนาด หรือขลุ่ย โหย...ชอบอย่างแรง ประมาณเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ก็แพลนไว้ว่าจะไปเรียนขิม เริ่มเก็บตังค์ซื้อขิมเป็นของตัวเองละ จะได้นั่งสวยๆเล่นเพลงเพราะๆอย่างอังศุมาลินบ้าง นอกจาก นางครวญ โดยขิมไทยแล้ว ในเรื่องยังมีเพลงบรรเลงอีกเพลงที่เพราะอลังการสุดๆ ฝั่งญี่ปุ่นไม่น้อยหน้าส่ง เพลง Sakura Sakura หรือ Cherry Blossoms เพลงพื้นเมืองของญี่ปุ่นมาสู้ด้วย ในเรื่อง...โกโบริ จะเล่นเครื่องดนตรีญี่ปุ่นที่ชื่อ ชามิเซ็ง (Shamisen) ที่มีเสียงเศร้าๆ เหงาๆ ฆ่าคนได้ไม่แพ้ ขิม ของเราเลย ฉันก็ฟังไปสิคะ...ขิมที ชามิเซ็งที ไทย-ญี่ปุ่น ญี่ปุ่น-ไทย มั่วซั่วกันไปหมด ฟังไปก็อินไป ได้อารมณ์สุดๆ
คลิกที่รูปเพื่ออ่าน Entry ที่เกี่ยวกับเพลงประกอบภาพยนตร์และละครเรื่อง "คู่กรรม"
ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง "คู่กรรม" (พ.ศ.2539) หนังจบ อารมณ์ไม่จบ ไปเป็นเดือน จนต้องบอกตัวเองบ่อยๆว่า...พี่เบิร์ดไม่ตาย พี่เบิร์ดไม่ตาย บ้าหนักถึงกับต้องหาฉบับละครมาดู ไม่ได้ดูตอนช่องเจ็ดฉาย เพราะตอนนั้นสองขวบไม่รู้เรื่องอะไร ตอนแรกจะไปซื้อนิยายมาอ่านก่อนแล้ว แต่ความที่อยากเห็นหน้าพี่เบิร์ด ดูละครก่อนแล้วกัน และก็ชอบอีก
ละคร "คู่กรรม" เวอร์ชั่นพี่เบิร์ด-พี่กวาง ก็ดีคะ แต่ชอบฉบับหนังมากกว่า เพราะอะไรไม่รู้ อาจเป็นเพราะอยากให้อังศุมาลินมีบุคลิกแบบพี่อุ๋มก็ได้ แต่พี่กวางก็น่ารักดี แสดงดีด้วย รูปลักษณ์ตรงตามบทประพันธ์มาก คือผิวขาว ตัวเล็ก ตาโต ผมดำยาว สายตาและท่าเหยียดยิ้มของพี่กวางดูรังเกียจโกโบริจริงจังมากๆ เอาเป็นว่าชอบอีกแหละ ฉบับนี้ละเอียดมาก เห็นเขาวิจารณ์ว่าเหมือนเอาตัวหนังสือในนิยายออกมาเดิน พอทีหลังมาอ่านนิยายถึงได้รู้ว่า "จริง" ฉบับนี้โกโบริอ่อนโยนเหลือเกิน จนบางทีเผลอบอกทีวีไปว่า พี่โกเป็นทหารนะคะ อังศุมาลินยังดูเข้มแข็งกว่าพี่อีก แต่ก็เฉพาะตอนอยู่กับอังศุมาลินเท่านั้นแหละ เคยดูหนัง Pearl Harbor แล้ว และ The Last Samurai คนญี่ปุ่นดูเข้มแข็งมากๆ รักศักดิ์ศรี ยอมตายได้เพื่อชาติ แบบว่านิสัยผู้ชายญี่ปุ่นในสมัยก่อนแมนอลังการมากในความคิด พอมาเจอพี่โกโบริเบิร์ดเวอร์ชั่นละคร ก็เลยรู้สึกว่า พี่เกิดที่ส่วนไหนของญี่ปุ่นเนี่ย ทำไมพี่อ่อนโยนอย่างนี้? ยิ่งดูเรื่อง Letters From Iwo Jima ยิ่งแล้วใหญ่ แต่ก็ด้วยความรักที่มีต่อพี่เบิร์ด ช่างมันปะไร เกิดที่ไหนก็โกโบริแหละ ไปต่อได้ ฉากที่สะเทือนมากสำหรับเราคือฉากที่อังศุมาลินฟื้นจากการสลบเพราะตั้งใจตกบันไดให้ลูกแท้ง ฉากนี้ทำได้ดีกว่าฉบับหนังมาก เพราะทำให้คนไม่ได้อ่านนิยายเข้าใจว่าทำไมอังศุมาลินจึงเสียใจที่ทำแบบนั้น โดยที่หนังไม่ได้บอกอะไรเลย ทำเอาเบื่ออังศุมาลินฉบับหนังว่า ทำไปแล้วจะมานั่งเสียใจอะไร แล้วหายโกรธโกโบริแล้วเหรอถึงจะขอโทษเขา? หายโกรธเพราะอะไร? อันนี้ในหนังไม่มีบทเลยทั้งๆที่มันสำคัญมาก เป็นจุดหักเหที่จะบอกเหตุผลการกระทำของอังศุมาลิน ความเข้าใจผิดจากทิฐิที่มีต่อโกโบริ และความรู้สึกผิดหลังจากรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว ขาดบทพวกนี้ไปทำให้อังศุมาลินดูเป็นผู้หญิงที่ "เยอะ" เกินไป ไม่มีเหตุผล ทั้งๆที่จริงแล้วอังศุมาลินก็มีเหตุผลของตัวเองเหมือนกันในการตัดสินใจจะฆ่าลูกตัวเอง มันมากกว่าการประชดประชันประสาคู่รักธรรมดา ในละครอังศุมาลินตื่นมาก็นึกได้ว่าทำอะไรลงไป ถามโกโบริที่นั่งเฝ้าอยู่ตลอดว่า ลูกตายแล้วเหรอคะ? โกโบริมีแววตาดีใจแป๊บเดียวที่เมียฟื้นแต่ก็เปลี่ยนเป็นสายตาโกรธ ผิดหวัง น้อยใจ ห่างเหิน ตรงนี้พี่เบิร์ดแสดงออกครบหมดเลย น่าสงสารมาก โกโบริน้อยใจอังศุมาลินและคิดว่าเธอรักวนัสมากขนาดจะฆ่าลูกของเขากับเธอ ฉากนี้ได้ใจไปเต็มๆ พอหลังจากนี้ก็เป็นช่วงบอลลิวูดรำลึก น้อยใจกันไปมา นางเอกรู้ว่าพระเอกไม่ผิดอะไร ตัวเองต่างหากที่ผิดแต่ก็ไม่เรียกหา ไม่ไปง้อ พระเอกก็เริ่มติดบุหรี่ประชดเมีย พอจะไปหากันก็คลาดกันไปคลาดกันมา วิ่งหนีกันยังกะหนังอินเดีย ตอนจบจึงไม่ค่อยอินเท่าไหร่ เพราะช่วงเวลาการดูยาวนานมาก กว่าโกโบริจะตายก็ทำใจได้แล้ว พระเอกลาตายนานมากกกกกก จนคิดว่าถ้าฉันไม่รู้มาก่อนว่าโกโบริจะตาย ก็คงจะเป็นฉันนี่แหละที่ตายแทนเพราะน้ำหมดตัว แต่โดยรวมสนุกมาก เป็นละครในดวงใจอีกเรื่อง รู้แล้วว่าทำไมถึงเป็นละครที่มีเรตติ้งอันดับหนึ่งตลอดกาล ยังไม่มีใครมาโค่นได้จนถึงปัจจุบัน เสร็จแล้วก็เลยไปหาซื้อนิยายเรื่อง "คู่กรรม" มาอ่านจนได้ หนังสือเนติฯไม่ต้องอ่งต้องอ่านมันแล้ว เลยรู้ว่าละครช่องเจ็ดเขาเก็บทุกเม็ดจริงๆ ถ้าใครขี้เกียจอ่านนิยายแต่ชอบดูมากกว่าก็เอาเวอร์ชั่นละครแทนนิยายได้เลย แต่แนะนำให้อ่านดีกว่าคะ เพราะรายละเอียดคำพูดและจินตนาการเวลาอ่านนิยายจะแตกต่างกันเล็กน้อยสำหรับฉัน ฉบับหนังตัดส่วนที่สำคัญออกไปเยอะมาก ถ้าฉันได้อ่านนิยายก่อนดูหนังอาจจะไม่ชอบหนังก็ได้ แต่ความประทับใจครั้งแรกไม่เคยไปไหน รวมทั้งเพลงประกอบ องค์ต่างๆของหนังที่เราชอบมาก เอ่อ....แล้วที่สำคัญคือ พี่เบิร์ด หนังเรื่องนี้เลยเป็นหนังในดวงใจอีกเหมือนกัน เลยต้องเอาฉบับหนังกับละครมารวมกัน เลือกเอาฉากที่ชอบ แล้วก็อิมเมจิ้นกันไป คิดว่า...ดูแล้วมาอ่านคงไม่ร้องไห้ แต่............ผิดคาด! อินมาก ร้องไห้วุ่นวายอีกแล้ว หาดูข้อมูลสงครามโลกครั้งสองเป็นการด่วน มีหลายคนมาเล่าประสบการณ์ตัวเองในสงครามโลกครั้งนั้นในเว็บต่างๆ หลายคนฟังมาจากปู่ย่าตายาย บางคนมีบ้านริมน้ำแถวคลองบางกอกน้อยเหมือนอังศุมาลินเลย แต่ที่สงสัยเหลือเกินคือ ตกลงตามนิยาย โกโบริมียศเป็นเรือเอกโกโบริ โยอิชิ แต่ในหนังกลับทำซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษแปลป้ายติดโลงศพโกโบริว่า นาวาโท โกโบริ โยอิชิ และอีกตอนที่เจ้าหน้าที่ทหารญี่ปุ่นเรียกโกโบริว่า Captain ซึ่งก็คือ นาวาเอก เริ่มสับสนเล็กน้อยว่าตกลงพระเอกอายุเท่าไหร่แน่? หวังว่าคงไม่เกิน 35 ปีตอนเจอนางเอก เพราะยังไม่แต่งงาน คงจะแปลกมากถ้าชายญี่ปุ่นอายุขนาดนั้น(สมัยนั้น)ไม่ยอมแต่งงาน --- คำถามนี้ใครทราบคำตอบช่วยไขข้อกังขาทีนะคะ จะเป็นพระคุณมาก เวอร์ชั่นอื่นๆ ยังไม่ได้ดู เคยตั้งใจจะดูเวอร์ชั่นของช่อง 3 เมื่อตอนที่เอามาฉาย แต่ก็ยังไม่ได้ดูจริงๆซะที ว่างๆคงจะดูให้จบ ได้ดูแต่ละครคู่กรรม ภาคสอง ของช่อง 3 ที่ค่อนข้างพอใจมาก เผลอชอบแดน D2B ที่แสดงเป็น กลินทร์ หรือ โยอิชิ ลูกชายของโกโบริและอังศุมาลิน ทั้งๆที่ไม่เคยชอบนักร้องคนนี้มาก่อนเลย ผิดกับ ภาพยนตร์ คู่กรรม ภาคสอง ที่ พล ตัณฑเสถียร เล่นเป็น โยอิชิ ทุกอย่างดีหมดยกเว้นตอนจบ ทำไมทำอย่างงั้นละคะ?? คุณทมยันตีเขาไม่ได้เขียนแบบนั้นซะหน่อย บ้าไปแล้ว ที่ด่าๆนี่ไม่ใช่ไม่อินกับหนังภาค 2 นี่นะคะ หลงคิดตั้งนานว่าคุณทมยันตีแต่งมาให้โยอิชิตาย(ภาคนี้ได้ดูก่อนภาคหนึ่ง) ร้องไห้จะเป็นจะตาย ปรากฎว่า...ทีมงานตั้งใจให้จบต่างจากบทประพันธ์โดยสิ้นเชิง เริ่ดคะ...คราวหน้าแต่งนิยายเองทำหนังเองไปเลยคะ อย่าเอาบทประพันธ์เขามาทำแบบนี้ เสียความรู้สึก!!
ภาพยนตร์ "คู่กรรม ภาคสอง" สภาพสถานีรถไฟบางกอกน้อย (ภาพจริง) ตอนโดนระเบิดบอมบ์ ตอนแรกสงสารโกโบริที่มาตายทั้งๆที่ยังไม่เห็นหน้าลูก และยังไม่ได้มีความสุขกับอังศุมาลินเท่าที่ควร แต่พอได้ดูสารคดีเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สองมากๆ กลับรู้สึกดีใจที่โกโบริตายตั้งแต่ตอนนั้น เพราะถ้าอยู่จนถึงสงครามเลิก ญี่ปุ่นแพ้ เขาจะลำบากกว่านี้มาก อาจจะตายอย่างทุกข์ทรมานกว่านี้ก็ได้ อย่างน้อยก็ได้รู้แล้วละว่าคนที่รักก็รักเขามากเหมือนกัน
อีกเวอร์ชั่นหนึ่งที่อยากดูมากๆ คือ ละครเวที คู่กรรม The Musical ของค่ายDreambox เล่นไปสองครั้งแล้วในปี พ.ศ.2547 และรีสเตทอีกครั้งในปี พ.ศ.2550 ซึ่งได้โกโบริ เป็นชาวญี่ปุ่นแท้ๆ แสดงโดย เซกิ โอเซกิ และอังศุมาลิน เสียงอลังการ แสดงโดย ธีรนัยน์ ณ หนองคาย เห็นเขาบอกว่าเป็นละครเวทีที่เยี่ยมมากๆ เพลงเพราะ นักแสดงเล่นสื่ออารมณ์ได้ดีมาก จะมีโอกาสได้ดูไหมไม่รู้ รู้แต่โกโบริ-เซกิ ดูดีมากๆ ล่าสุดเห็นว่าทางญี่ปุ่นอยากจะมาร่วมสร้างเรื่องคู่กรรมใหม่อีกครั้งนะคะ โดยเขาอยากจะแก้ไขเพิ่มเติมบทประพันธ์ในส่วนประเพณีญี่ปุ่นและที่มาของโกโบริให้ถูกต้อง เช่นการแต่งงานของทหารระดับเรือเอกต้องมีการแลกดาบกับฝ่ายเจ้าสาว อะไรทำนองนี้ และทางญี่ปุ่นจะเฟ้นหาพระเอกญี่ปุ่นมาเป็นโกโบริให้ด้วย คุณทมยันตีก็พร้อมที่จะร่วมมือกับทีมนักเขียนญี่ปุ่นเพื่อแก้ไขบทประพันธ์โดยคงโครงเรื่องเดิมไว้ และด้วยความเคารพในบทประพันธ์ ใจเราอยากให้แก้บุคลิกของโกโบริให้ดูแข็งมากกว่านี้อีกนิด เพราะเป็นทหารและเป็นคนญี่ปุ่น จะได้ดูมีตัวตนจริงๆหน่อย เคยอ่านข่าวว่าแฟนๆนิยายเรื่องนี้ที่ญี่ปุ่นก็บอกว่าไม่มีผู้ชายอย่างโกโบริในญี่ปุ่นแน่ๆ โปรเจกนี้ประกาศว่าจะทำตั้งแต่ พ.ศ. 2549 เพื่อฉลองความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นครบ120ปี ใน พ.ศ.2550 แต่ตอนนี้ก็ยังเงียบอยู่ หลายๆคนไม่อยากให้รีเมคเรื่องนี้แล้วเพราะทำมาหลายรอบ แต่ฉันอยากให้ทำอีกจริงๆคะ อยากให้มีภาพยนตร์อีกเวอร์ชั่นที่สมบูรณ์จริงๆ ไม่รู้ว่าจะได้ดูรึเปล่า? และช่วยทำภาพยนตร์คู่กรรม ภาคสอง อีกรอบด้วยนะคะ เสียดาย พล ตัณฑเสถียร กับ จอย-ศิริลักษณ์ ผ่องโชค เล่นไว้ซะดิบดี แต่มาพังเพราะคนเขียนบทหนัง แค้น..... เป็นเรื่องราวความรักท่ามกลางสงครามที่ซาบซึ้งกินใจจริงๆคะ อ่านกี่รอบก็คงมีความรู้สึกเศร้าไม่ต่างกัน ถ้าเกิดกับตัวเอง ฉันก็ไม่รู้ว่าจะทนอยู่ต่อไปได้อย่างอังศุมาลินรึเปล่า? ขออย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับมนุษย์คู่ไหนเลย
หมายเหตุ: ขอแสดงความเสียใจกับประเทศญี่ปุ่นและประชากรทุกคนสำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิถล่ม ความสูญเสียมีมากเกินบรรยายจริงๆ ไม่ควรเกิดขึ้นกับประเทศที่สวยงามเช่นญี่ปุ่นหรือประเทศใดในโลก คนไทยคนนี้แม้ไม่ได้มีส่วนสูญเสียกับพวกท่านแต่รู้สึกเศร้ามากๆกับเหตุการณ์นี้ จะพยายามส่งความช่วยเหลือเท่าที่ผู้หญิงคนนี้จะทำได้ไปให้นะคะ เจ้าช่อมาลี(PP_Skywalker)
Create Date : 22 มีนาคม 2554 |
|
18 comments |
Last Update : 6 กรกฎาคม 2554 22:59:38 น. |
Counter : 13305 Pageviews. |
|
|
|