Strategy Maps (3)

ความเข้าใจของหลายๆ ธุรกิจ หรือหลายๆ องค์กรที่จัดทำเรื่องของ BSC & KPIs ต่างมักจะเข้าใจว่า

> เมื่อมีโอกาสได้อ่านตำราหรือข้อเขียน ของ Kaplan และ Norton แล้ว จะสามารถดำเนินการในเรื่องการประเมินองค์กรแบบสมดุล (BSC : Balanced Scorecard) และดัชนีวัดผลสำเร็จธุรกิจ (KPIs) ได้อย่างถูกต้องและสมบูรณ์ 100%

แต่ในข้อเท็จจริงก็ไม่สามารถดำเนินการได้ด้วยหลายๆ สาเหตุ (ซึ่งจะได้อธิบายให้ฟังในภายหลัง)

> หลายๆ ธุรกิจเมื่อเห็นหนังสือ Kaplan(3) หรือ Strategy Maps ก็โจนเข้าใส่เพราะคิดว่านี่แหละสูตรสำเร็จที่รอคอย!! ซึ่งในความเป็นจริง Kaplan (3) ถ้าอธิบายไปแล้วก็ให้แนวคิดที่ดีว่า Kaplan (1) และ (2)

แต่อย่างไรก็ตาม พื้นฐานของความเข้าใจใน 2 เล่มแรกก็คงต้องมีอยู่อย่างสูงพอสมควร

> มีบางท่านก็ “ไปกันใหญ่!” (So Go Big!) ที่บอกว่าเดี๋ยวนี้มิติในการวัดตาม BSC & KPIs ต้องมี 6 ตัว แล้วไม่ใช่ 4 ตัว ตามเดิม (ด้านการเงิน (F) ด้านลูกค้า (C) ด้านกระบวนการภายใน (I) และด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม (L)

ที่จริงแล้วใน “Strategy Maps” หรือ “แผนที่กลยุทธ์” ผู้เขียนมักจะเรียกว่า “สมมติฐาน ทางกลยุทธ์” (Strategic Hypothesis) ซึ่งอาจจะเข้าใจและคิดขึ้นมาได้ง่ายกว่า และต่างจากทฤษฎีคือ ใช้ในภาคปฏิบัติได้จริงๆ และที่สำคัญไม่จำเป็นต้องรอตำราเล่มใหม่ๆ ของ Kaplan และ Norton

หากจะพิจารณาตามที่ผู้เขียนได้อธิบาย เกี่ยวกับ Kaplan (3) ในเล่มที่ว่าด้วย Strategy Maps ไปก่อนหน้านี้ คงต้องกลับมาพิจารณาแผนที่กลยุทธ์หรือ Strategy Maps กับ BSC ที่กำหนดวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ในรูปแบบ ก่อนหน้านี้

ซึ่งเดิมที Kaplan และ Norton ได้วางแนวคิดการวัดกลยุทธ์หรือการจัดการกลยุทธ์ ทั้งองค์กรไว้ดังนี้ (ภาพ 1)

อย่างนั้นแล้วอะไรคือ สาระสำคัญของ “Strategy Maps”

ประการแรก สิ่งที่ Kaplan (3) อยากบอกกับธุรกิจหรือผู้บริหารธุรกิจทั้งหลายว่า การดำเนินการใน Kaplan (1), (2) ยังมีความไม่สมบูรณ์เพียงพอนัก

ขณะเดียวกันได้เสนอสมการใหม่ขึ้น มาจากเดิมที่ยังไม่เคยพูดถึงและเพิ่งมาพูดใน Kaplan (3) ก็คือ (ภาพ 2)

หมายความว่า ผลลัพธ์หรือความสำเร็จ ขององค์กรที่จุดหมายปลายทางที่จะต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องตั้งแต่เริ่มแรกในการทำ BSC & KPIs

ประการที่สอง ใน Strategy Maps มีสิ่งที่เพิ่มใหม่เข้ามา โดยการมองมิติของการวัดที่ไม่ใช่การเงินในด้านการเรียนรู้และการเติบโตหรือนวัตกรรมว่าเป็นเรื่องของ 3 ทุน ด้วยกันคือ 1)ทุนมนุษย์ (Human Capital) 2)ทุนสารสนเทศ (Information Capital) และ 3)ทุนองค์กร (Organization Capital) (ภาพ 3)

ประการสุดท้าย ทั้งหมดนี้ทำให้ Kaplan (3) โดยเฉพาะ Strategy Maps กล่าวไว้ อย่างน่าภูมิใจว่า เป็นการเข้าสู่การสร้างคุณค่าของทรัพย์สินที่จับต้องไม่ได้ (Creating Intan-gible Assets Value)

เพราะได้อธิบายเกี่ยวกับทุนมนุษย์ ทุน สารสนเทศและทุนองค์กรไว้ด้วยแล้ว

ประเด็นพิเศษ ที่ควรพิจารณาในความ เป็นจริง การศึกษาและพิจารณาในเรื่องของการวัดด้านทุนทางปัญญา (IC : Intellectual Capital Metric) ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งเกิดในช่วงปี 2004 หรือตามที่ Kaplan (3) เสนอมา

ที่มาจริงๆ เกิดในกลุ่มทางธุรกิจการเงิน และประกันภัยในสวีเดนที่บุกเบิกในเรื่องนี้มานานแล้ว โดยประยุกต์ BSC เข้าสู่รูปแบบของการวัดด้านทุนทางปัญญา

ทั้งหมดคือ ข้อที่ต้องพิจารณาในการคิดของการวัดสิ่งที่เป็นทรัพย์สินที่จับต้องไม่ได้ ซึ่งน่าสนใจและคงจะขยายความ Strategy Maps ในตอนต่อไป
Aj.Danai Thieanphut
DNT Consultants

Create Date : 28 มกราคม 2549		5 comments
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2550 12:55:16 น.
Counter : 1154 Pageviews.
Share Tweet