|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
สัมมาทิฎฐิ ในการเจริญธรรมสาม เพื่อละธรรมสาม
สัมมาทิฎฐิ ในการเจริญธรรมสาม เพื่อละธรรมสาม
..........ภิกษุ ท.! ธรรม ๓ อย่าง เหล่านี้มีอยู่ สามอย่าง อย่างไรเล่า ? สามอย่าง คือ ราคะ โทสะ โมหะ
..........ภิกษุ ท.! เหล่านี้แล ธรรม ๓ อย่างนั้น
..........ภิกษุ ท.! เพื่อละเสียซึ่งธรรมสามอย่างเหล่านี้ ควรเจริญซึ่งธรรม ๓ อย่าง ธรรมสามอย่าง อย่างไรเล่า ? สามอย่างคือ
เจริญ อสุภะ เพื่อละเสียซึ่งราคะ เจริญ เมตตา เพื่อละเสียซึ่ง โทสะ เจริญ ปัญญา เพื่อละเสียซึ่ง โมหะ
..........ภิกษุท.! ธรรม ๓ อย่างเหล่านี้ อันบุคลควรเจริญเพื่อละเสียซึ่งธรรมสามอย่างเหล่าโน้นแล
สัมมาทิฎฐิ ในการเจริญธรรมสาม เพื่อละธรรมสาม ( อีกนัยหนึ่ง )
..........ภิกษุ ท.! ธรรม ๓ อย่าง เหล่านี้ มีอยู่ สามอย่าง อย่างไรเล่า ? สามอย่างคือ กามสัญญา พยาบาทสัญญษ วิหิงสาสัญญา
..........ภิกษุ ท.! เพื่อละเสียซึ่งธรรมสามอย่างเหล่านี้ ควรเจริญซึ่งธรรม ๓ อย่าง ธรรมสามอย่าง อย่างไรเล่า ? สามอย่างคือ
เจริญ เนกขัมมสัญญา เพื่อละเสียซึ่ง กามสัญญา เจริญ อัพยาปาทสัญญา เพื่อละเสียซึ่ง พยาปาทสัญญา เจริญ อวิหิงสาสัญญา เพื่อละเสียซึ่ง วิหิงสาสัญญา
..........ภิกษุ ท.! ธรรม ๓ อย่าง เหล่านี้ อันบุคคล ควรเจริญเพื่อละเสียซึ่งธรรมสามอย่างเหล่าโน้นแล
สัมมาทิฎฐิ ในการเจริญธรรมสาม เพื่อละธรรมสาม ( อีกนัยหนึ่ง )
..........ภิกษุ ท.! ธรรม ๓ อย่างเหล่านี้ มีอยู่ สามอย่าง อย่างไรเล่า ? สามอย่าง คือ กามวิตก พยาปาทวิตก วิหิงสาวิตก
..........ภิกษุ ท.! เหล่านี้แล ธรรม ๓ อย่างนั้น
..........ภิกษุ ท.! เพื่อละเสียซึ่งธรรมสามอย่างเหล่านี้ ควรเจริญธรรม ๓ อย่าง ธรรมสามอย่าง อย่าไงเล่า ? สามอย่าง คือ
เจริญ เนขัมมวิตก เพื่อละเสียซึ่ง กามวิตก เจริญ อัพยาปาทวิตก เพื่อละเสียซึ่ง พยาปาทวิตก เจริญ อวิหิงสาวิตก เพื่อละเสียซึ่ง วิหิงสาวิตก
..........ภิกษุ ท.! ธรรม ๓ อย่าง เหล่านี้ อันบุคคลควรเจริญเพื่อละเสียซึ่งธรรมสามอย่างเหล่าโน้นแล
สัมมาทิฎฐิ ในการเจริญธรรมสาม เพื่อละธรรมสาม ( อีกนัยหนึ่ง )
..........ภิกษุ ท.! ธรรม ๓ อย่าง เหล่านี้ มีอยู่ สามอย่าง อย่างไรเล่า ? สามอย่าง คือ กามธาตุ พยาปาทธาตุ วิหิงสาธาตุ
..........ภิกษุ ท.! เพื่อละเสียซึ่งธรรมสามอย่างเหล่านี้ ควร เจริญซึ่ง ธรรม ๓ อย่าง ธรรมสามอย่าง อย่างไรเล่า ? สามอย่างคือ
เจริญ เนขัมมธาตุ เพื่อละเสียซึ่ง กามธาตุ เจริญ อัพยาปาทธาตุ เพื่อละเสียซึ่ง พยาปาทธาตุ เจริญ อวิหิงสาธาตุ เพื่อละเสียซึ่ง วิหิงสาธาตุ
..........ภิกษุ ท.! ธรรม ๓ อย่าง เหล่านี้ อันบุคคลควรเจริญเพื่อละเสีซึ่งธรรมสามอย่างเหล่าโน้นแล
Create Date : 15 กันยายน 2553 |
Last Update : 15 กันยายน 2553 14:13:44 น. |
|
22 comments
|
Counter : 469 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ครีม IP: 124.121.236.147 วันที่: 16 กันยายน 2553 เวลา:9:50:58 น. |
|
|
|
โดย: อานนท์ IP: 125.25.242.102 วันที่: 16 กันยายน 2553 เวลา:14:13:11 น. |
|
|
|
โดย: ครีม IP: 124.121.236.147 วันที่: 16 กันยายน 2553 เวลา:16:45:10 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:17:16:28 น. |
|
|
|
โดย: อะไรกัน@งง 0_o IP: 118.174.191.32 วันที่: 19 กันยายน 2553 เวลา:0:27:58 น. |
|
|
|
โดย: อะไรกัน@งง 0_o IP: 192.168.1.53, 61.7.133.170 วันที่: 19 กันยายน 2553 เวลา:16:33:37 น. |
|
|
|
โดย: อะไรกัน@งง 0_o IP: 192.168.1.57, 61.7.133.171 วันที่: 19 กันยายน 2553 เวลา:19:05:04 น. |
|
|
|
โดย: อะไรกัน IP: 192.168.1.57, 61.7.133.137 วันที่: 20 กันยายน 2553 เวลา:14:21:05 น. |
|
|
|
โดย: จูปีเตอร์เทพแห่งดาวพฤหัส IP: 125.25.11.185 วันที่: 20 กันยายน 2553 เวลา:16:45:54 น. |
|
|
|
โดย: ครีม IP: 124.122.70.172 วันที่: 21 กันยายน 2553 เวลา:11:13:16 น. |
|
|
|
โดย: อานนท์ IP: 125.25.11.185 วันที่: 21 กันยายน 2553 เวลา:12:22:42 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 21 กันยายน 2553 เวลา:13:06:43 น. |
|
|
|
โดย: ครีม IP: 124.122.70.172 วันที่: 21 กันยายน 2553 เวลา:13:48:24 น. |
|
|
|
โดย: ครีม IP: 124.122.70.172 วันที่: 21 กันยายน 2553 เวลา:14:01:30 น. |
|
|
|
โดย: อานนท์ IP: 125.25.28.21 วันที่: 21 กันยายน 2553 เวลา:15:25:39 น. |
|
|
|
โดย: อะไรกัน IP: 118.174.191.190 วันที่: 21 กันยายน 2553 เวลา:15:31:00 น. |
|
|
|
โดย: ครีม IP: 124.122.70.172 วันที่: 21 กันยายน 2553 เวลา:16:03:49 น. |
|
|
|
โดย: อานนท์ IP: 125.25.28.21 วันที่: 21 กันยายน 2553 เวลา:16:27:37 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ราคะ = เวทนาที่เกิดจากสุข
ปฏิฆะ = เวทนาที่เกิดจากทุกข์
อวิชา = เวทนาที่เกิดจากไม่สุขไม่ทุกข์
แล้ว โทสะ มันเหมือน ปฏิฆะ หรือป่าว
แล้ว โมหะ มันคือ อวิชาหรือป่าว
แล้วถ้ามันคือคำเดียวกัน ทำไมไม่ใช้คำให้เหมือนกันทำไมถึงแยก มีอะไรแฝงหรือป่าวถึงแยก คำความหมายเดียวกันแต่เป็นคนละคำ หรือใช้ใน บริบทแตกต่างกัน เราไม่เข้าใจ