Hotline News Today
Group Blog
 
 
มกราคม 2559
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
31 มกราคม 2559
 
All Blogs
 
Mini Marathon จากสวนลุมพินี สู่ Hongkong Victoria Park


ปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นปีที่ได้ทำอะไรหลายอย่าง หนึ่งในกิจกรรมดีๆที่ได้ทำคือ การเข้าร่วมวิ่งมินิมาราธอนในสนามต่างๆ เอาตามความจริงแล้ว การลงแข่งวิ่งมินิมาราธอน ไม่เคยอยู่ในหัวเลยด้วยซ้ำไป เคยเห็นแต่คนไปแข่งแล้วโพสภาพลงบนเฟสบุ๊คบ้าง ไลน์บ้าง ยังนึกเลยว่าบ้ากันรึป่าวตื่นมาทำไมตี 3 ตี 4 เพื่อมาวิ่ง มาทรมานตัวเองทำไม แม้ปกติจะเป็นคนดูแลสุขภาพวิ่งอยู่บ้าง แต่ก็วิ่งแค่แบบเบาะๆ 20-30 นาที ก็เหนื่อยแล้ว แต่แล้วความคิดนั้นก็เปลี่ยนไป เมื่อเจ้านายและเพื่อนๆที่ทำงานได้จัดกิจกรรมดีๆให้พวกเราได้ออกกำลังกาย ให้พวกเราได้ผ่อนคลายจากวันทำงานเครียดๆและแสนยุ่งเหยิง กิจกรรมแรกที่พวกเราตัดสินใจลงสมัครคืองาน The Kop Run ที่ Central world ความตั้งใจเดิมตอนแรกกะจะลงวิ่งระยะทาง 5 กิโลเมตร ยังคิดในใจเลยว่าจะไหวไหมเนี่ย แต่ด้วยที่เพื่อนๆยุ ก็เลยตัดสินใจเขียนใบสมัครไปทั้งๆที่ตัวเองยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจะวิ่งถึงเส้นชัยหรือป่าว พอเขียนเสร็จก็ฝากน้องแบงค์ น้องที่ออฟฟิศเพื่อเตรียมไปลงทะเบียน แต่เหมือนโชคชะตาฟ้าลิขิต กิจกรรมในครั้งนั้นคนให้ความสนใจมากจนคนลงทะเบียนระยะทาง 5 กิโลเมตรเต็มอย่างรวดเร็ว น้องแบงค์ น้องที่หวังดีไม่อยากให้พี่ๆพลาดกิจกรรมดีๆก็เลยไปเปลี่ยนระยะวิ่งในใบสมัครจากระยะ 5 กิโลเมตร เป็น 10 กิโลเมตรซะงั้น

แล้วตรูจะวิ่งไหวมั้ย? แอบคิดในใจ แต่โชคดีที่เพื่อนๆและน้องๆที่ออฟฟิศก็น่ารักกันมาก แต่ละคนให้ความเชื่อมั่นว่าเราต้องทำได้ น้องพี น้องอีกคนที่ออฟฟิศ นำ VCD หนังเรื่อง "42.195 รัก 7 ปี ดี 7 หน" เป็นหนังสั้นที่เล่าเรื่องราวของหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง (แสดงโดยคุณสู่ขวัญ) ที่เกือบหมดอาลัยตายอยากเนื่องจากสามีเพิ่งเสียชีวิต ในระหว่างที่เดินเรื่อยเปื่อยในสวนลุมก็ได้พบกับพระเอก (แสดงโดยน้องนิชคุณ) ที่วิ่งชนโดยบังเอิญและได้พูดคุยกันจนทำให้นางเอกเกิดแรงบันดาลใจและอยากที่จะวิ่งมาราธอน หนังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในหนังที่สร้างแรงบันดาลใจได้เป็นอย่างดี ตัวเรื่องของหนังได้สอดแทรกว่าทำไมพระเอกและนางเอกถึงอยากจะลงวิ่งมาราธอน กับ วลีที่ว่า “เมื่อเราวิ่งมาได้สักพักเราจะรู้สึกว่าเราไม่ใช่คนเดิมแล้วนะ” บทหนังได้สอดแทรกแรงบันดาลใจรวมถึงความเตรียมพร้อมในการวิ่งได้อย่างกลมกลืนโดยในฉากสุดท้าย จากคนธรรมดาคนหนึ่งที่เกือบหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ก็ตัดสินใจเข้าร่วมและประสบความสำเร็จในการวิ่งมาราธอนเพราะเขารู้ดีจุดประสงค์ของการวิ่งมาราธอนครั้งนี้ไม่ใช่แค่อยากวิ่งอย่างเดียวแต่เพราะเธออยากจะลืมสิ่งเก่าๆและได้พบเจอกับชีวิตใหม่ ชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น


หลังจากที่เพื่อนๆและน้องๆช่วยกัน build เราก็เริ่มซุ่มซ้อมเตรียมความพร้อมก่อนลงแข่งขันจริง สถานที่ซุ่มซ้อมก็ไม่ได้เป็นที่ไหนไกล “สวนลุมพินี” ใกล้ๆออฟฟิศเรานี่เอง แม้จะใกล้ที่ทำงานและผ่านสวนลุมอยู่บ่อยๆ แต่เอาจริงๆผมแทบไม่เคยเดินเข้าไปข้างในเลย พอได้เข้าไปข้างในจริงๆ กลับรู้สึกตื่นเต้นและฮึกเหิมอย่างบอกไม่ถูก คงเป็นเพราะได้เจอนักวิ่งเยอะแยะมากมาย หนึ่งรอบของสวนลุมจะประมาณ 2.5 กิโลเมตร ครั้งแรกของผมน่ะเหรอ รอบเดียวก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว พวกเราเริ่มซุ่มซ้อมมาเรื่อยๆ จากวันแรกๆได้แค่รอบเดียวก็ค่อยๆเพิ่มระยะทางขึ้นในวันต่อมาเป็น 2 รอบ และมา 3 รอบ จนสัปดาห์สุดท้ายก่อนเข้าร่วมแข่งขันจริงก็วิ่งได้ครบ4 รอบ ทำให้เราเริ่มมีความมั่นใจว่าเราไม่เป็นลมกลางสนามในวันแข่งจริงแน่ๆ


และแล้วการวิ่ง Mini Marathon 10 กิโลเมตรงานแรกในชีวิตของพวกเราก็ได้เริ่มขึ้นที่งาน The Kop Run @ CentralWorld พวกเรารู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษเพราะเป็นครั้งแรกของพวกเราหลายๆคน ครั้งนั้นได้มีการเตรียมการอย่างดี เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ และตั้งนาฬิกาปลุกตั้งแต่ตี 3 ครึ่ง เพื่อมาอาบน้ำ แปรงฟัน และที่ขาดไม่ได้เลยคือ เสบียง ของกิน ต้องมา ไม่ว่าจะเป็น ขนมปัง แซนด์วิช นม น้ำเกลือแร่ แม้ในช่วงเวลานั้นจะไม่มีความหิวสักนิดเลยก็ตาม แต่ด้วยความที่กลัวจะเป็นลมกลางทางเดี๋ยวจะขายหน้าเค้าไปป่าวๆ ก็เลยต้องอัดเต็มสักหน่อย แต่สงสัยจะจัดเต็มเกินไป ไม่รู้ด้วยว่าเอนไซม์จากนมไปทำปฏิกิริยากับขนมปังหรือจะเป็นเพราะด้วยความตื่นเต้นอย่างไรมิทราบ ก็รู้สึกปวดท้องโดยฉับพลันเหมือนข้าศึกจะบุกในเวลาไม่กี่นาทีก่อนจะเริ่มออกตัวซะอย่างนั้นยังดีที่ทาง Central World มีห้องน้ำบริการที่ลานจอดรถไม่อย่างนั้นไม่อยากจะนึกภาพเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างวิ่งการวิ่งครั้งแรกของพวกเราดำเนินไปได้ด้วยดี อาจจะมีเหนื่อยบ้าง หยุดพักบ้าง หรือหยุดถ่ายรูปบ้างตามประสาคนเพิ่งเริ่มวิ่งงานแรก แม้ผมจะเข้าเป็นลำดับท้ายๆใช้เวลาไปประมาณชั่วโมงครึ่ง แต่ก็เป็นความภูมิใจที่ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าตัวเองจะสามารถวิ่งติดต่อกันได้ 10 กิโลเมตร เป็นชั่วโมงได้นานๆขนาดนี้ ต้องขอบคุณน้องแบงค์ ถ้าวันนั้นน้องไม่แอบไปเปลี่ยนระยะวิ่งในใบสมัครให้ผมก็คงไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าตัวเองจะวิ่งมาได้ไกลขนาดนี้


นับจากงานแรก ชีวิตพวกเราก็พลิกผันเข้าสู่วงการวิ่งอย่างเต็มตัว ก่อนหน้านั้นไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ในเมืองไทยจะมีการจัดงานวิ่งได้เยอะแยะมากมายขนาดนี้ ทุกวันนี้ เราจะเห็นได้ว่า มีการจัดงานวิ่งกันแทบทุกสัปดาห์ บางสัปดาห์มีการจัดชนกันหลายงาน พื้นที่วิ่งทับซ้อนกันบ้างก็มี ดูเหมือนว่าพอพวกเราผ่านงานแรกมาได้แล้ว ทุกคนก็เริ่มสนุก เริ่มที่จะกระเหี้ยนกระหือรือที่อยากจะวิ่งในงานต่อไปๆอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นงาน Post Today , งานเมืองไทยมาราธอน, งาน Run for Mom หรือแม้กระทั่งงาน Bangkok Marathon ซึ่งเป็นงานใหญ่ประจำปีของการแข่งขันวิ่งในเมืองไทยนับตั้งแต่งานแรกจนถึงวันนี้ เฉพาะตัวผมเองก็แข่งขันไปแล้วทั้งสิ้น 12 สนาม การตื่นไปวิ่งตี 3 ตี 4 ก็ไม่ได้เป็นปัญหาหรือข้อจำกัดอีกต่อไป




หากพูดถึงสนามที่จัดงานได้ไม่เหมือนใครที่สุดก็คงต้องยกให้เป็นงาน "Midnight Run" งานนี้ถือเป็นสนามที่วิ่งระยะทางไกลที่สุดของผมในปัจจุบัน ด้วยระยะทาง 12 กิโลเมตร และให้เริ่มวิ่งตอนเที่ยงคืน จากปกติในงานอื่นๆจะเริ่มวิ่งตอนตี 5 หรือไม่ก็ 6 โมงเช้า ก็แปลกดี แม้จะไม่ต้องตื่นเช้ามาก แต่การเริ่มวิ่งตอนเที่ยงคืน กว่าจะเข้าเส้นชัยได้ก็เกือบตี2 เรียกได้ว่าวิ่งไปง่วงไปได้เหมือนกัน 555 แต่ก็เป็นสนามที่สนุกและท้าทายงานหนึ่งเลยก็ว่าได้


อีกงานหนึ่งที่จัดได้แปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร คืองาน “มินิมาราธอนที่ค่ายทหาร ช.พัน 1 รอสนามนี้ แม้จะไม่ได้เป็นงานใหญ่ ไม่ได้มีผู้เข้าร่วมวิ่งมากมาย แต่ก็เป็นงานเล็กๆที่จัดได้ค่อนข้างประทับใจเป็นงานเดียวที่รู้สึกว่าไม่ได้จ้าง Organizer แต่ทำกันเองโดยพี่ๆทหารไม่ว่าจะเป็นจุด Start/Finish ที่ใช้รถเครนมาตั้งแบบแปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร หรือตอนเริ่มstart ที่ใช้วิธีการยิงพลุแทนปืน เส้นทางวิ่งที่ไม่ซ้ำกับงานใดให้ความรู้สึกเหมือนกับไปฝึก รด.อีกครั้ง ทั้งวิ่งผ่านค่ายทหาร ที่พักทหาร บ้านเรือนชุมชน และที่ประทับใจสุดคือการวิ่งลงอุโมงค์เรียกได้ว่าเป็นงานเล็กๆแต่พี่ๆทหารก็ดูแลพวกเราเป็นอย่างดีและจัดงานได้อย่างประทับใจมากๆ



แต่ถ้าให้พูดถึงงานที่ประทับใจมากที่สุด ขอยกให้เป็นงาน "อยุธยา มาราธอน" ถือเป็นสนามต่างจังหวัดสนามแรกของพวกเราเลยก็ว่าได้ และก็ไม่ผิดหวังเลยจริงๆที่เลือกสนามต่างจังหวัดที่นี่เป็นสนามแรก บรรยากาศและเส้นทางวิ่งเรียกได้ว่าเป็นที่สุดของความประทับใจ ตลอดเส้นทางการวิ่งผ่านวัดต่างๆที่เป็นโบราณสถานและมรดกโลก ประกอบกับบรรยากาศยามเช้าและสภาพแวดล้อม ชุมชนที่แปลกตาไปจากที่พบเห็นในเมือง ทำให้พวกเราได้เพลิดเพลินทำให้ตลอดระยะเวลาการวิ่งสนามนี้ ลืมความเหน็ดเหนื่อยไปเลยทีเดียว


สุดท้าย สนามที่โหดที่สุด ขอยกให้เลย คืองาน “Hongkong Marathon” งานนี้เป็นการ Go Inter ครั้งแรกของพวกเรา ว่างานในเมืองไทยคนวิ่งกันเยอะแล้ว เจองานที่ฮ่องกงนี่ชิดซ้ายไปเลยครับ สนามนี้โหดตั้งแต่การลงทะเบียน พวกเราต้องตื่นกันมาตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อมาเตรียมลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ และก็เป็นไปตามคาด ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงนับจากที่เปิดลงทะเบียน ก็มีผู้สมัครเต็มตามโควตาของ mini marathon ที่เปิดไว้กว่าสามหมื่นคน เรียกได้ว่าถ้าสัญญาณ 4G หรือ wifi ไม่แรง และมือคีย์ไม่เร็วจริง สมัครไม่ทันแน่นอน การลงทะเบียนที่ว่าโหดแล้ว การวิ่งในสนามนี้โหดยิ่งกว่า เพราะตั้งแต่เครื่องบินพาพวกเราแตะพื้นที่สนามบินฮ่องกง ฝนเจ้ากรรมก็ตกลงมาอย่างต่อเนื่องตลอด 3 วัน ตั้งแต่วันที่ไปรับเบอร์ Bib จนถึงเช้าวันวิ่ง บอกตรงๆตั้งแต่ลงงานวิ่งมาตลอดปีไม่เคยเจองานไหนที่ต้องวิ่งท่ามกลางสายฝนขนาดนี้มาก่อน การวิ่งตากฝนในระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร มันไม่ได้เป็นเรื่องง่ายเลย แต่ก็ภูมิใจและเป็นอีกหนึ่งบททดสอบที่ไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตนี้จะมาวิ่งตากฝนได้เป็นชั่วโมงๆ แต่สุดท้ายก็วิ่งฝ่ามาได้และไม่ป่วยด้วย นับเป็นการวิ่งต่างประเทศครั้งแรก และยกได้ว่าเป็น challenge ที่โหดที่สุด สมกับเป็น challenge สุดท้ายของปีจริงๆ



จากงานแรกถึงงานสุดท้ายในปีนี้ จากสวนลุมพินี สู่ Hongkong Victoria Park บางทีก็ยังงงๆกับตัวเองเหมือนกันว่า เรามาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร จุดที่ไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองจะต้องมาตื่นตี 3 ตี 4 เพื่อมาวิ่งเป็นชั่วโมงๆกับระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร จุดที่บางทีต้องมาวิ่งท่ามกลางสายฝน ต้องขอขอบคุณหัวหน้า พี่ๆ น้องๆที่ออฟฟิศทุกคนที่คอยเสริมสร้างกำลังใจเป็นเพื่อนซ้อมวิ่ง และสร้างแรงบันดาลใจมาโดยตลอด ถ้าไม่ได้พี่ๆน้องๆเหล่านี้ผมก็คงไม่สามารถที่จะมาจุดนี้ได้ และแน่นอนกิจกรรมและความประทับใจต่างๆเหล่านี้คงจะยังไม่มีที่สิ้นสุด พวกเราคงจะมีกิจกรรมร่วมกันอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาการวิ่งต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด นี่เป็นเพียงแค่บททดสอบบทแรก อย่างที่นิชคุณกล่าวไว้ว่า “เมื่อเราวิ่งมาได้สักพักเราจะรู้สึกว่าเราไม่ใช่คนเดิมแล้วนะ” ไม่เพียงแต่การวิ่งจะทำให้เรามีสุขภาพที่แข็งแรง แต่การวิ่งยังทำให้เราได้เพื่อน ทำให้เรารู้ว่าเราสามารถทำอะไรได้อีกมากมายที่เราไม่เคยคิดว่าจะทำได้อีกทั้งเป็นการฝึกวินัย ทำให้รู้จักวางแผนเพื่อไปให้ได้ถึงเป้าหมายที่เราวางไว้ และนี่คือสิ่งดีๆที่พวกเราได้จากในช่วงปีที่ผ่านมา





Create Date : 31 มกราคม 2559
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2559 21:54:20 น. 3 comments
Counter : 2015 Pageviews.

 
สุดยอดเลยคร้าบ อนุชัยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


โดย: P'Jeab IP: 110.164.206.245 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:12:10:53 น.  

 
ทั่นประธานของพวกเรา เย่ๆๆ


โดย: แบ๊งแก๊ง IP: 27.55.87.12 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:19:59:12 น.  

 
สวัสดีนะจ้ะ เราแวะมาทักทาย สักคิ้ว 6 มิติ ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้วลายเส้น เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: nokyungnakaa วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:11:32:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Crackerjack
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Google
Friends' blogs
[Add Crackerjack's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.