'โบตั๋น' ชีวิต ครอบครัว และงาน ( 3 ) จาก...นิตยสารศรีสยามปีที่ 1 ฉบับที่ 4 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2540 (หน้า 18-19) สัมภาษณ์พิเศษ ภคภรณ์
'โบตั๋น' ชีวิต ครอบครัว และงาน เมื่อหลายคนวาง ความสำเร็จ ไว้บนจุดสูงสุดของชีวิตทั้งในด้านการงาน สังคม และครอบครัว เขาเหล่านั้นอาจต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเดินทางไปให้ถึงจุดสูงสุดนั้นจนในบางครั้งอาจหลงลืม ความสุข สิ่งควรมีในชีวิตไปชั่วขณะ หลายคนมาเริ่มสำนึกได้เมื่อต้องสูญเสียความสุขในบางช่วงของชีวิตหรือในบางคนอาจจะต้องสูญเสีย ความสุข ไปอย่างไม่มีวันเรียกกลับคืนมาได้อีกเลย แต่ โบตั๋น กลับมิได้คิดเช่นนั้น เธอคิดว่า ความสำเร็จ ที่หลาย ๆ คนเฝ้าเพรียกหานั้นมิต้องไปไขว่คว้า มิต้องไปหามาจากที่อื่นใด แต่ ความสำเร็จ นั้นสถิตอยู่ที่ในใจของมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม ถ้าเพียงแต่มนุษย์เรารู้จักคำว่า พอใจ เราเอาอะไรมาวัดคำว่าความสำเร็จล่ะ สำหรับตัวเองคิดว่าความสำเร็จอยู่ที่ใจเรามากกว่าสิ่งอื่นใด คือถ้าเราพอใจในปัจจุบันก็คือพอใจ ในเรื่องของงานเขียนนั้นมิได้วัดความสำเร็จด้วยเรื่องราวของรางวี่รางวัลแต่ประการใดแต่จะวัดที่ความพอใจ วัดที่ใจเราว่าเป็นสุขหรือเปล่าที่ได้ทำ ถ้าเป็นสุข พอใจ ตรงนั้นเราก็รู้สึกพอแล้ว ในวันนี้เธอจึงมีแง่คิดดี ๆที่จะมอบให้กับนักเขียนรุ่นใหม่ ๆซึ่งถือว่าเป็นนักเขียนรุ่นน้องถึงการที่จะเขียนหนังสือให้ละเมียดละไม สมจริงสมจัง และเขียนให้ได้ดี นั่นก็คือ หลักคิดที่ว่า จะขอบอกเพียงคำเดียวว่าอยากเขียนอะไรก็เขียน เพียงแต่ว่า ต้องจริงใจ เพราะถ้าจริงใจแล้วสิ่งที่เขียนออกมาจะน่าอ่าน แล้วอีกอย่างก็คือ ต้องเขียนในสิ่งที่คิดว่ารู้จริงเท่านั้น อย่าไปเขียนหนังสือตามกระแสความนิยม แล้วที่สำคัญที่สุดคือ ห้ามท้อถอยเป็นอันขาด นอกจาก โบตั๋น จะมิได้วัดความสำเร็จงานเขียนของตัวเองจากคนรอบข้างแล้วในปัจจุบันเธอยังไม่ได้ตั้งความหวังให้กับชีวิตมากมายเฉกเช่นคนทั่ว ๆ ไปอีกด้วย เธอบอกว่า...พอแล้ว ไม่หวังอะไรอีกแล้ว ตอนนี้เธอคิดเพียงแค่ทำงานเพื่อได้เงินมาจุนเจือครอบครัว อย่างไม่อัตคัดนัก ประกอบกับมีความสุขเล็กๆ ในการเขียนนวนิยาย... เพียงแค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับชีวิตเธอ "คนเราต่อให้มีเงินร้อยล้าน พันล้าน แต่ถ้าไม่มีความสุข ชีวิตก็เท่านั้นไม่มีความหมายอะไรเลย ตอนนี้มุ่งหวังเพียงแค่อยากจะสร้างงานเขียนดีๆ ให้กับผู้อ่าน พร้อม ๆ กับพยายามโละงานไปให้กับลูก ๆ เยอะ ๆ เราจะได้สบายเสียที เมื่อเอ่ยถึง ลูก น้ำเสียงของ โบตั๋น บ่งบอกได้ถึงความรัก ความเอื้ออาทร ความห่วงใยอย่างเต็มเปี่ยมจึงไม่เป็นการแปลกเลย ถ้าจะบอกว่าเธอเป็นผู้หนึ่งที่มีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นและเป็นสุข ครอบครัวเราอบอุ่นมากอาจจะอบอุ่นจนร้อนเลยก็ได้ เพราะว่าแม่อยู่บ้านจนในบางครั้งลูกเขาออกจะเบื่อหน้าเราเสียด้วยซ้ำไป ในการเลี้ยงลูกนั้นจะใช้วิธีการพูดคุยกันเป็นหลักใหญ่ ต้องพูด ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง จะพยายามทำตัวให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าเราเป็นเพื่อนที่เขาสามารถพูดได้ คุยได้ แม้แต่จะเถียงก็ยังได้ ไม่ได้เห็นว่าการเถียงเป็นเรื่องที่ร้ายแรงอะไร แต่ต้องมีเหตุผลในทุกครั้งที่เถียง แม้ในวันนี้ชีวิตของ โบตั๋น จะผันผ่านวันเวลามาเนิ่นนานนับ 50 กว่าปีแล้วก็ตาม แต่วิธีการที่เธอใช้ในการเลี้ยงลูกนั้นนับได้ว่าทันสมัยเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเปิดโอกาสให้ลูก ๆ แสดงความคิดเห็นโดยการถกเถียงได้แล้ว เธอยังย้อนนึกไปถึงเมื่อครั้งเยาว์วัยว่าตัวเองในขณะนั้นมีเรื่องอะไรบ้างที่สร้างความอึดอัดใจให้ เมื่อนึกถึงตรงนั้นจึงทำให้เธอไม่พยายามทำสิ่งที่จะสร้างความอึดอัดใจกับลูก ๆ และอีกสิ่งหนึ่งที่เธอนึกอยู่เสมอ และต้องท่องให้ขึ้นใจ คือ อย่าโมโหเป็นอันขาดเพราะถ้าโมโหแล้วจะทำให้ขาดสติ ยอมรับว่าเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับครอบครัวมากเพราะคนเราถ้าครอบครัวไม่มีความสุขแล้วชีวิตก็จะไม่มีอะไรเหลือเลย ครอบครัวเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเรามากที่สุด ถ้าเหมือนกับว่าต้องนั่งอยู่บนกองไฟตลอดเวลา ชีวิตเราจะไปมีประโยชน์อะไร พ่อแม่สมัยนี้ชอบเอาเรื่องเวลามาอ้างว่าไม่มีเวลา ความจริงไม่จำเป็นเลยเรื่องเวลาที่จะให้แก่ลูก ๆ ไม่ได้คิดว่าต้องให้เวลากับลูกมาขึ้นนะ แต่คิดว่าเวลาที่ให้กันอยู่นั้นมีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน เวลาที่อยู่ด้วยกันได้พูดคุยกันบ้างมั้ย พ่อแม่บางคนอาจจะมีเวลาอยู่กับลูกไม่กี่นาที แต่ถ้าเป็นเวลาที่มีคุณภาพก็พอแล้ว สำคัญแค่ตรงคุณภาพมากกว่า มิใช่ว่ามีเวลาอยู่ด้วยกันมากมายเหลือเฟือ แล้วเอาแต่เถียงกัน ด่าทอกันอยู่ตลอดเวลา ถ้าเป็นเช่นนั้นจะไปอยู่ด้วยกันทำไม เธอบอกว่ายังมีอีกสิ่งหนึ่งที่นับว่าเป็นหัวใจหลักของการเลี้ยงลูก นั่นก็คือต้องทำความเข้าใจกันระหว่าง พ่อ แม่ ลูก ว่าต่างคนต่างต้องการอะไรแล้วก็มาพบกันครึ่งทางให้ได้ เนื่องจากเป็นคนที่เข้าใจถึงความเป็น ครอบครัว ได้อย่างลึกซึ้ง จึงทำให้เธอมองเห็นถึงแก่นแท้ของปัญหาการล่มสลายในครอบครัวไทยเป็นอย่างดี พอรัฐบาลตั้งวันครอบครัวขึ้นมาทีไรรู้สึกว่าใจหาย คิดว่าครอบครัวไทยกำลังล่มสลายลงไปทุกที บ้านนอกเหลือแต่เด็กกับคนแก่ คนหนุ่มคนสาว คนวัยทำงานต่างมุ่งหน้าไปทำงานที่ในเมืองหรือในต่างประเทศกันหมด ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงต้องตะเกียกตะกายกันถึงขนาดนั้น คนเราในสมัยนี้อยู่กันด้วยคำว่า ความหวัง เท่านั้นเองหรือ แสวงหากันแต่วัตถุ จนหลงลืมด้านจิตใจกันไปหมดแล้ว รู้จักแต่บริโภค บริโภคกันจนเกินเหตุ มิได้รู้จักความพอดี มิได้รู้จักความสมฐานะ ไม่รู้จักคำว่า พอ
ในวันนี้ของชีวิตเธอ... โบตั๋น จึงพบกับ ความสำเร็จ ที่แท้จริงแล้ว ทั้งในครอบครัว สังคม และงานเขียนหนังสือ เพราะเธอรู้จัก ความสำเร็จ ไปพร้อม ๆ กับคำว่า ความสุข นั่นเอง จึงไม่เป็นการแปลกที่เราจะได้ติดตามอ่านงานเขียนอันทรงคุณค่าต่อสังคมต่อๆ ไปอีกตราบเท่าชีวิต ซึ่งเธอได้พลั้งหัวใจทุ่มเทให้งานเขียนยังคงอยู่... |
พ ชมภัค
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?] เป็นคน...ยาก ยากเป็น...คน คน...เป็นยาก โดยเฉพาะถ้าคิดจะบรรลุจุดมุ่งหมาย ...ยากยิ่งกว่ายาก หนทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม ล้วนจำเป็นต้องเสียสละ เสียสละ...และเสียสละ --------------------พระสนมเฉียนเฟย----------- ** ** ** ** ** อย่าได้คิดจะยอมแพ้และละทิ้งไปง่าย ๆ แบบนี้... ก็อย่างที่ฉันบอกนั่นแหละ ถ้าไขว่คว้าความฝันนี้ไม่ได้... ก็เปลี่ยนเป็นความฝันอื่นเสียก็สิ้นเรื่อง ยิ้มสักครั้งสิ ความสำเร็จ ชื่อเสียงไม่ใช่ปลายทาง ทำให้ตัวเองมีความสุขต่างหาก... ถึงจะเรียกว่าคุณค่าและความหมาย ....ไม่ต้องกลัวหัวใจจะแหลกสลาย.... ----------------โจว เจี๋ยหลุน (Jay Chou)------- Group Blog All Blog
Friends Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |