มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
6 มกราคม 2552

ตะลอนอินเดีย...ตอนที่1 สู่ดินแดนภารตะ ณ กัลกัตตา

ตอนที่ 1 สู่ดินแดนภารตะ ณ กัลกัตตา

ในการเดินทางไกลมักมีปัญหาจุกจิก ถึงยุ่งยากมารบกวน พวกเราสามหน่ออันได้แก่ ผมคือนายไบร์ท นายเหวย และ นายตึก ก็เจอเรื่องยุ่งๆ มากวนใจตั้งแต่ก่อนวันเดินทาง คุณเอกเพื่อนเก่าที่เคยร่วมสะพายเป้เที่ยวเวียดนามกับผมก็โทรมาบอกว่า สายการบินเจ็ทนัดหยุดงานกันที่เมืองมุมไบ(บอมเบย์) ผมโทรเช็คไปยังสายการบินว่าเที่ยวบินต้องเลื่อนหรือไม่ แต่ไม่มีใครรับโทรศัพท์ คงเนื่องจากว่าเวลาที่ผมโทรไปถามนั้นมันเย็นมากแล้ว แต่เอาว่าเป็นไงเป็นกัน สายการบินคงต้องรับผิดชอบเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว... ว่าแล้วเช้าวันรุ่งขึ้น 18 ต.ค.2551 พวกเราก็นัดพบกันที่สุวรรณภูมิ


1.เครื่องโบอิ่ง 737-800 สายการบินเจ็ท เครื่องที่พาเรามุ่งไปสู่กัลกัตตา


แล้วเครื่องมาตามกำหนด พวกเราและสัมภาระไม่มีปัญหาใดๆ แต่ที่ไหนได้...เครื่องกลับมีปัญหาด้านระบบ ช่างต้องขึ้นมาแก้ไขก๊อกๆแก๊กๆ ทำให้เครื่องบินต้องออกช้าไป 1 ชั่วโมง

จากสุวรรณภูมิใช้เวลาในการบินไปกัลกัตตา 2 ชั่วโมงครึ่ง เวลาที่อินเดียช้ากว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมงครึ่งต้องหมุนเวลาถอยหลัง ในที่สุดเราก็เดินทางสู่กัลกัตตา

ณ ที่นั้น"น้องวิ.." อีกหนึ่งสาวที่ร่วมเดินทางกำลังรอเราอยู่ แม้เราจะถึงช้าไปนิดนึง แต่เราก็ถึงโดยสวัสดิภาพ


2.คิวแท็กซี่ที่สนามบินเมืองกัลกัตตา หน้าตาแท็กซี่เป็นแบบนี้ทุกคัน


น้องวิจัดการจัดหารถแท็กซี่เตรียมไว้และจัดการจองตั๋วรถไฟและวางแผนการเดินทางตลอดการท่องเที่ยวไว้ให้(ขอบคุณยิ่งๆ นะ)

รถแท็กซี่ที่นั่นหน้าตาดูเหมือนๆ กันทุกคัน สีเหลืองทุกคัน โทรมๆทุกคัน และไม่เห็นมีเครื่องปรับอากาศซักคัน ดูแล้วไม่น่าจะนั่งได้อย่างสบายเลยครับ...

เมื่อแท็กซี่ออกจากสนามบินเราก็เริ่มเห็นความจริงของความวุ่นวายในเมืองกัลกัตตา การจราจรที่ติดขัดและวุ่นวาย รถราพร้อมใจกันบีบแตรเป็นว่าเล่น ฝุ่นควันฟุ้งกระจายและเศษขยะเต็มเมืองไปหมด ทำให้หวนนึกถึงกรุงเทพฯ สมัยที่ผมเป็นเด็ก ครั้งที่กรุงเทพเคยติดอันดับเมืองที่สกปรกที่สุดในโลก

คนขับแท็กซี่แรกพบเจอเป็นคุณลุงหน้าตาถมึงทึง ยิ่งตอนที่เราต่อราคาค่าขนสัมภาระที่แกขอเพิ่มจากค่าโดยสาร แกทำท่าเหมือนจะทะเลาะกับเรา แต่พอแกขับรถเข้าสู่ท้องถนนที่พลุกพล่าน ลุงแกก็กลับกลายเป็นคนอารมณ์ดี หันหน้ามาคุยยิ้มหัวกับเรา จนหลายครั้งแกลืมมองไปยังท้องถนนที่วุ่นวาย... จนพวกเราหวาดเสียวแทน


3.ลุงคนขับแท็กซี่ แกขับไปก็หันมาคุยกับเราไป ไม่ค่อยยอมมองถนน หวาดเสียวมาก



4.การจราจรจราจล



5.ป้ายโฆษณาขายส่าหรี อยากเห็นสาวอินเดียหุ่นดีๆ นุ่งส่าหรีแบบในป้ายเดินตามท้องถนนจริงๆ


น้องวิให้แท็กซี่ก็พาเราไปยังย่านโรงแรมราคาถูกของพวกสะพายเป้ ที่ซึ่งน้องวิได้จัดเตรียมไว้ให้เราได้พักผ่อนอาบน้ำให้สดชื่น เพื่อเตรียมตัวเดินทางโดยรถไฟอันทรหดต่อในค่ำคืนนี้


6.สภาพโรงแรม



7.ในห้องเล็กๆ พอแมวดิ้นตาย


เมื่อเอาเป้สัมภาระเก็บเรียบร้อยเราก็ออกเดินเที่ยวเมืองกัลกัตตาแลกเงินรูปีเพิ่มและหาของรองท้อง


8.ร้านขายน้ำอ้อยคั้น น้ำอ้อยที่คั้นลงสู่ด้านล่าง ลองชิมดูมีรสเปรี้ยวๆ ชอบกล



9.เด็กๆ และคนที่นี่ไม่อายกล้องชอบให้ถ่ายรูปให้


มาถึงอินเดียแล้วก็ต้องกินอะไรแบบอินเดียสักหน่อย เดินไปเห็นร้านอาหารพื้นๆ เลยแวะดู มีรายการอาหารให้เลือกเป็น แกงกะหรี่ไก่ และแกงกะหรี่เนื้อแพะ ว่าแล้วต้องขอลองสักหน่อย...


10.แกงกะหรี่ไก่...อืม.. นี่แหละ รสชาติแท้ๆ แบบอินเดีย



11.แกงกะหรี่แพะสังเกตช้อนที่ให้มาตักข้าว ใหญ่กว่าช้อนกาแฟนิดเดียว


แกงกะหรี่กินกับข้าวหรือไม่ก็"นาน"... เป็นแป้งแผ่นๆ คล้ายๆ โรตี ย่างในเตาอบแบบโอ่ง...


12.แผ่นๆ นี่เรียกว่า"นาน" กินกับแกงกะหรี่


เมื่อได้ชิมแกงคุณเหวยถึงกับบอกว่า..."นี่แหละรสชาติแท้ๆ แบบอินเดีย" แม้จะเป็นแกงกะหรี่ที่ดูใสแต่เข้มข้นด้วยกลิ่นรสเครื่องแกงแบบอินเดีย กลิ่นที่ว่าก็คือกลิ่นผงกะหรี่(Masala) ผมเองยังออกอุทานว่า...ทำไมแกงกะหรี่บ้านเราไม่ทำให้รสชาติมันเข้มข้นอย่างนี้บ้างนะ...

นิดนึงครับ คนอินเดียนิยมใช้มือเปิบข้าว แต่พวกเราไม่ถนัด เลยขอช้อน แต่ช้อนที่ทางร้านให้มาเป็นช้อนคันเล็กๆ ใหญ่กว่าช้อนกาแฟนิดเดียว กินไม่ถนัด ว่าแล้วคุณเหวยก็เลยเปลี่ยนใจใช้มือเปิบข้าวตามธรรมเนียมพื้นบ้านแถบนั้นบ้าง ทำเอาคนในร้านหันมามองด้วยความสนใจ... ด้วยท่าทางของคุณเหวยที่เงอะงะแถมมือยังเปรอะด้วยด้วยข้าวและแกงทั้งสองมือ คนที่นั่นกินข้าวด้วยมือแต่จะใช้แค่มือข้างขวาข้างเดียวครับ

13.


เสร็จจากอาหารจานพื้นบ้านเราก็เดินชมเมืองต่อ...


14.ชาวคณะกำลังเดินเข้าเที่ยวนิวมาเก็ต



15.ภายในนิวมาเก็ต


เดินไปพ่อค้าต่างทักเราว่า Hello Korea บ้าง Hello Japan บ้าง หรือChainese บ้าง พวกเรามีโอกาสพูดคุยกับพ่อค้าบางคนภายหลังเขาบอกว่า เขาไม่เคยเจอคนไทยสะพายเป้ที่นี่เลย คนไทยมักจะมาเป็นกรุ๊ปทัวร์แสวงบุญ

มองไปทางไหนคนทำมาหากินเห็นมีแต่ผู้ชาย ไม่เห็นมีผู้หญิงเป็นแม่ค้าหรือทำงานใช้แรงงานเลย มารู้ภายหลังว่าหญิงอินเดียโดยมากจะอยู่บ้านเป็นแม่บ้านอย่างเดียว

หลายคนคงรู้แล้วว่าหญิงสาวอินเดียจะต้องเป็นคนหาสินสอดทองหมั่นไปแต่งผู้ชายแต่เมื่อแต่งแล้วจะอยู่บ้านเป็นแม่บ้าน หน้าที่ทำมาหากินเป็นหน้าที่ของชายหนุ่มที่แต่งงานด้วย

เดินไปไหนใครก็หันมามองอย่างกับเราเป็นดารา แต่ด้วยหน้าตาที่ดูดุและยิ้มยากของคนแถบนั้นเมื่อมองเรานานเข้าก็ทำให้เราเกิดความเครียดครับ มองไม่ยิ้มไม่ละสายตา บ้างยังชี้ชวนเพื่อนมาช่วยกันมองหน้ามองดูพวกเรา.. ทำเอารู้สึกเครียดชอบกล...

กัลกัตตาเป็นเมืองเก่าที่อังกฤษเคยมาสร้างความเจริญไว้ ในเมืองจึงมีตึกแถวเก่าๆ ลักษณะโบราณให้ได้เห็นอยู่

16.


กัลกัตตาอยู่ในรัฐเบงกอลตะวันตก เป็นรัฐที่อยู่ทางด้านตะวันออกของอินเดียติดกับบังคลาเทศ ภาษาพื้นเมืองที่พูดกันคือภาษาเบงกาลี(หรือบังคลาพูดกันในบังคลาเทศด้วย) ก่อนจะไปที่นั่นผมนึกว่าคนส่วนใหญ่ที่นี่คงพูดภาษาอังกฤษได้ดี แต่เราไปพบความจริงว่าภาษาอังกฤษคนพื้นเมืองส่วนใหญ่พูดได้น้อย และที่พูดได้สำเนียงก็ไม่คุ้นหูเอาเสียเลย ทำให้เกิดความยุ่งยากในการสื่อสารพอควร


17.ร้านชาริมทาง


คนอินเดียนิยมดื่มชา โดยจะเป็นชานม ต้มนมใส่ชาและกรองกากชาออก ในภาษาเบงกาลีเรียกชา ว่า "ชา" เหมือนในภาษาไทยครับ

18.

เสร็จจากดื่มชากลับไปโรงแรมอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวออกเดินทางมุ่งสู่พาราณสี คนอินเดียเรียกเมืองนี้ว่าวารานาสี(Varanasi)

19.ตึกถ่ายภาพเหวยผมถ่ายภาพพวกเขาอีกที



20.แวะชิมข้าวผัดที่ร้านข้างทางหลังโรงแรมหน่อยนึง สภาพร้านดูไม่น่านั่งกินเลยครับ แต่ก็รองท้องกันสักนิดหน่อยน่า ก่อนมุ่งไปยังสถานีชุมทางรถไฟฮาวร่าห์(Howrah Junction)ด้วยแท็กซี่

เมื่อเข้าใกล้สถานีรถไฟอดสงสัยไม่ได้ว่ามันมีจราจลกันหรือไง ทำไมคนออกมาเดินกันเยอะแยะมากมายไปหมด...

21.ผู้คนเดินถนน มากมายอย่างกับมีจราจล



22.สถานีรถไฟชุมทางฮาวร่าห์(Howrah Junction)



23.สภาพภายในสถานี



24.รถไฟขบวนท้องถิ่น(Local Train) กับผู้คนที่แออัด คนมากมายที่เดินเท้ากันหน้าสถานี ส่วนใหญ่มีเป้าหมายมาขึ้นรถท้องถิ่นกลับบ้าน


สองทุ่มคืนนั้น เราโดยสารรถไฟขบวนที่มีชื่อว่า ขบวนรถด่วนวิภูติ(Vibhuti Express) ชั้นที่เรียกว่าSleeper Class (เรียกสั้นๆ SL)มุ่งสู่พาราณสี...

แล้วเราก็ค้นพบกับความเครียดอย่างใหม่ครับ คือในตู้รถนอนคนจากขบวนรถชั้นสาม สามารถมานั่งได้อย่างอิสระที่ขบวนตู้นอนSL-Class แต่เมื่อเจ้าของที่ที่มีตั๋วมาแสดงจะต้องลุกให้เจ้าของที่นั่งตามสิทธิ แต่ให้ตายเถอะครับมันไม่ง่ายเลย หลังจากที่เขายอมลุกให้พวกเราตอนแสดงตั๋วแล้ว สักพักก็ขอนั่งด้วย แรกๆ เราก็ให้เขานั่ง

เราเห็นคนอินเดียอื่นที่มีตั๋วเป็นเจ้าของที่รีบปรับที่นั่งเป็นที่นอนและรีบล้มตัวลงนอน พร้อมกับไล่คนที่มาขอนั่งอย่างไร้น้ำใจ แรกๆ พวกเราไม่ชอบในกริยาของเขาเลย แต่ต่อมาเราก็เข้าใจว่าเขาทำถูกแล้ว ถ้าเรายังไม่รีบปรับเป็นที่นอน ที่นั่งนั้นก็พอนั่งได้อีกสักสองคนจะมีคนมาขอนั่งเบียดด้วยไม่ขาด จนที่สุดเราต้องปรับเป็นที่นอน แม้ปรับเป็นที่นอนล้มตัวลงนอนแล้วก็ยังมีคนมาเบียดมาผลักจะขอนั่งด้วย ตลอดเลยครับ

นอกจากนั้นต้องเผชิญกับขอทานหลากหลายรูปแบบ และความหวาดกลัวจากสายตาที่เขาจ้องมองพวกเรา พวกเราระแวงไปเองว่าจะเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่กำลังจ้องจนนอนหลับไม่เต็มตา พอหลับไปสักพักก็ตกใจตื่นเป็นอย่างนี้ทั้งคืนยันรุ่งเช้า.. ยกเว้นน้องวิ ที่เรียนอยู่ที่นั่นคุ้นเคยกับนิสัยคนและสิ่งแวดล้อมที่นั่น เธอหลับได้อย่างไม่มีปัญหา

ผมขอบอกว่าไม่มีความสุขในการเดินทางด้วยรถไฟชั้นSleeper Class ที่นั่นเลย แอบนึกในใจว่าคิดถูกหรือป่าวนะที่เดินทางมาอินเดีย...

นี่แค่วันแรกและคืนแรกเท่านั้นนะครับ... วันนี้ขอเล่าเท่านี้ก่อน แล้วจะรีบกลับมาเล่าให้ฟังต่อนะครับ

หวังว่าคงยังไม่สายเกินไปที่จะบอกว่าสวัสดีปีใหม่ ขอสันติและความสุขสงบสถิตในดวงใจ...

สวัสดีปีใหม่ครับผม

จบตอนที่ 1

ไปตอนที่
1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 6 / 7 / 8 / 9 / 10 / 11 / 12 / 13 / 14 / 15 / 16 / 17 / 18 / 19 / 20 / 21 / 22 / 23





 

Create Date : 06 มกราคม 2552
21 comments
Last Update : 18 กันยายน 2557 15:52:23 น.
Counter : 3558 Pageviews.

 

ขอโทษทุกท่านที่ดองเรื่องนาน ดองบล็อกนาน กลับมาแล้วครับ

สุขสวัสดีปีใหม่นะครับ

 

โดย: เจ้าของบล็อก (bite25 ) 6 มกราคม 2552 15:37:55 น.  

 

โอ้ คนแน่นเจงๆ เลย

 

โดย: Summer Flower 6 มกราคม 2552 16:47:10 น.  

 

ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ เห็นภาพแล้วนึกถึงตอนไปสิงคโปร์ แถวๆ ย่าน ลิตเติ้ล อินเดีย เพราะมีแต่คนอินเดียหมดเลย ตอนนั้นยังนึกว่าอยู่อินเดีย ไม่ใช่สิงคโปร์ อิอิ ภาพเหมือนๆ กับที่คุณถ่ายมานี่เลยค่ะ

 

โดย: KungGuenter 6 มกราคม 2552 16:58:26 น.  

 

โอ...อ่านเพลินเลยค่ะ

เพิ่งเข้ามาครั้งแรกค่ะบล็อกนี้

พอดีเห็นหัวข้อ เกี่ยวกะอะไรที่อินเดียๆที่ตัวเองชอบเลยคลิกมาดู

ขอบคุณนะคะ...สำหรับรูปและเรื่อง...
แล้วจะมาอ่านใหม่ ...ยินดีที่ได้รู้จักค่า..

 

โดย: ทากชมพู 6 มกราคม 2552 17:28:06 น.  

 

เคยเห็นแต่ขบวนรถไฟอินเดียที่คนเบียดเสียดกันขึ้น

ไม่ทรายว่า มีความรู้สึกยังไง

แต่คุณbite25 คงทราบคำตอบแล้วแน่ๆๆ

ปล. อยากไปอินเดียเหมือนกัน แต่ขอไปพม่าก่อน

 

โดย: redPoTatO 6 มกราคม 2552 17:46:45 น.  

 

สวัสดีครับ
-คุณSummer Flower ใช่เลยครับ คนเยอะมากๆเลยครับ
-คุณKungGuenter อินเดียน้อยที่เกาะสิงคโปร์ อืม คงมีกลิ่นมัสซาลา อบอวนด้วยเช่นกันนะครับ
-คุณทากชมพู ด้วยความยินดีครับ แล้วจะรีบมาอัพให้อ่านต่อนะครับ
-คุณredPoTatO.... ความรู้สึกยากบรรยาย... อยากไปพม่าเช่นกันครับผม...

ที่จริงมีรายละเอียดและความรู้สึกอีกมากมายที่ยังไม่ได้บอกกล่าวแล้วจะค่อยๆ เล่าให้ฟังนะครับ
สวัสดี...

 

โดย: เจ้าของบล็อก (bite25 ) 7 มกราคม 2552 9:54:28 น.  

 

ภาพสุดยอด เรื่องเล่าสุดยอด เจอภาพมือทานข้าวก็สุดยอด ??????

 

โดย: แอบเข้ามาอ่าน (Opey ) 7 มกราคม 2552 12:30:14 น.  

 

โห รถไฟนี่แน่นได้อีกนะนั่น
ชอบรูปร้านชาริมทางอะค่ะ ดูมีเสน่ห์ดี?

 

โดย: koipotter 8 มกราคม 2552 16:45:52 น.  

 


ขอไปเที่ยวอินเดียด้วยนะคะ

ขอบคุณภาพสวยๆ พร้อมคำบรรยายค่ะ ได้เห็นภาพทั้งจากตัวอักษรและภาพถ่ายเลยค่ะ

โชคดีมีแต่ความสุขค่

 

โดย: ทิวาจรดราตรี 20 มกราคม 2552 21:38:49 น.  

 

กินข้าวที่อินเดียครั้งแรกรสชาติดีมาก

 

โดย: badboy7743 IP: 124.157.235.198 31 พฤษภาคม 2552 13:15:18 น.  

 

เมื่อมาถึงอินเดียครั้งแรก เพื่อนผมคุณตึกก็ได้รับการต้อนรับจากพนักงานอินเดียโดยการขโมยยาในกระเป๋าเดินทางสุดยอดมาก

 

โดย: badboy7743 IP: 124.157.235.198 31 พฤษภาคม 2552 13:18:50 น.  

 

คนอินเดียชอบมองหน้าพวกเราครับ เหมือนเป็นอะไรซักอย่าง บางทีก็สกิดเพื่อนไห้มาดูพวกเราด้วย รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยถึงมากที่สุดครับ

 

โดย: badboy7743 IP: 124.157.235.198 31 พฤษภาคม 2552 13:23:09 น.  

 

ครั้งแรกที่ผมไปถึงอินเดียกลิ่นของคนอินเดียชั่ง... แต่เมื่อผมทานข้าวแกงกะหรี่ด้วยมือเสร็จ กลิ่นของคนอินเดียก็หายไป มันชั่งหน้าแปลกมาก

 

โดย: badboy7743 IP: 124.157.235.198 31 พฤษภาคม 2552 13:27:02 น.  

 

เมื่อได้เข้าโรงแรมแล้ว ไม่อยากออกไปเลย ทั้งเหนื่อยทั้งกดดันที่อาบังมามองหน้า แต่เมืองสวยดีเพราะเดิมที่เมื่อง
กัวกัตต้านี้เคยเป็นเมื่องหลวงเก่า อยากไห้ไปเห็นด้วยตาของตัวเอง

 

โดย: badboy7743 IP: 124.157.235.198 31 พฤษภาคม 2552 13:30:48 น.  

 

ข้าวผัดดูซกซกมากแต่ก็อร่อยมากเช่นกัน
อยากให้ชิมดูอะ

 

โดย: badboy7743 IP: 124.157.235.198 31 พฤษภาคม 2552 13:32:38 น.  

 

สวัสดีคุณ badboy7743... แหม... ใช้ชื่อเล่นจริงๆ ก็ได้ครับ ใช้นามแฝงผมงง อยู่พักใหญ่...

 

โดย: bite25 1 มิถุนายน 2552 12:43:32 น.  

 

ป้ายโฆษณาสวยดีนะ

ไปอยู่อินเดีย สงสัยจะหุ่นดี อะ

 

โดย: แฟนหล่อ 2 กรกฎาคม 2553 20:59:41 น.  

 

สวัสดีครับคุณแฟนหล่อ ใช่ครับป้ายโฆษณาสวยดี... แต่สาวๆ อินเดีย หุ่นแบบในป้ายหายากจังอะครับ

 

โดย: bite25 7 กรกฎาคม 2553 11:17:44 น.  

 

สถานนีรถไฟแออัดมากเลยนะค๊ะ

 

โดย: สมคิด แช่ยอ่ง IP: 124.121.224.34 3 ตุลาคม 2553 12:06:49 น.  

 

พี่สมคิด ใช่ครับ แบบที่เขาว่ากันเลย ก่อนถึงผมนึกว่าเขามีจราจลหรือป่าวหว่า

 

โดย: bite25 3 ตุลาคม 2553 22:11:23 น.  

 

เคยไปน่ะค่ะ สุดบรรยายเลย ออกจากเมืองนั้นมาทำใจไม่ถูกล่ะค่ะ งง กับสภาพมาก คาดไม่ถึง สุดบรรยาย ไม่กล้าเอากล้องออกมาถ่ายรูปเลย ไปเมื่อปี 2544 น่ะค่ะ พอไปเดลลีแล้วค่อยรับได้หน่อย

เก่งค่ะที่ยังปลอดภัยกัน ถ้าไม่มีน้องวินะ แย่เลย แขกเจ้าเล่ห์เยอะน่ะ

ขาไปนอนวัดซิกข์ด้วย กินข้าววัดด้วยค่ะ เขาใจดีกันมาก แต่ขากลับพักเกสต์เฮาส์คืนละสองร้อย สวยกว่าของคุณไบท์อีกน่ะ

 

โดย: วันสดใส 23 มิถุนายน 2554 19:49:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


bite25
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




New Comments
[Add bite25's blog to your web]

MY VIP Friend