|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
Thaidividend.com : การลงทุน กับการทำธุรกิจ (1)
บทความครั้งนี้เราจะมาพูดถึงการเปรียบเทียบการลงทุนในหุ้นด้วยรูปแบบที่ีมีการรับเงินปันผลเป็นประจำ กับการเริ่มต้นก่อตั้งธุรกิจด้วยตัวเอง แบบไหนมีข้อดีข้อเสียอย่างไร และแบบไหนที่จะเหมาะสมกับการสร้างมั่งคั่งของเรากันแน่ ซึ่งบทสรุปจะเป็นอย่า่งไร ก็ต้องเป็นหน้าที่ของผู้อ่านแต่ละคนที่จะตัดสินใจกันเอาเองนะครับ ก่อนอื่น หากใครที่เพิ่งรู้จักกับ Thaidividend ผมอยากรบกวนสักเล็กน้อยให้ย้อนกลับไปอ่านบทความ 3 บทความที่พูดถึงเรื่อง Passive Income ตาม Link ดังนี้ครับ
//thaidividend.com/passive-income
//thaidividend.com/passive-income-2
//thaidividend.com/passive-income-3
จะเห็นได้ว่าผมได้ให้ความเห็นถึงรายได้ที่เกิดจากการที่เราลงมือลงแรงทำงานแลกกับค่าจ้าง หรือเงินเดือน ว่าเป็นรายได้ที่แท้จริงแล้วไม่ได้ยั่งยืน เพราะถ้าคุณหยุดทำ, ลาออก, โดนไล่ออก, พิการทำงานไม่ได้ หรือ เสียชีวิต รายได้ส่วนนี้ก็จะหายไปแทบจะทันที พนักงานที่ทำงานกินเงินเดือนที่เห็นถึงข้อด้อยจุดนี้ของรายได้ของเขา ก็จะพยายามมองหารายได้เสริมจากทางด้านอื่นๆที่จะมาช่วยลดความเสี่ยงในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในอนาคต
แนวความคิดยอดฮิตของพนักงานบริษัทเท่าที่ผมได้ประสบพบเจอมาก็คือความคิดที่ว่า จะไปเปิดธุรกิจส่วนตัวเล็กๆขึ้นมาสักธุรกิจหนึ่ง แม้จะเล็กและรายได้อาจจะน้อยกว่าที่ตัวเองรับเงินเดือนอยู่ แต่อย่างน้อยก็สบายใจที่ได้เป็นนายของตัวเอง ได้ทุ่มเททำงานเพื่อตัวเองโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากใคร
วิธีการก็คือ พนักงานประจำมีความตั้งใจที่จะพยายามสร้างธุรกิจในขณะที่ตัวเองยังทำงานอยู่ และเมื่อธุรกิจเริ่มที่จะไปรอดและต้องการการเอาใจใส่มากขึ้น เขาก็จะตัดสินใจลาออกจากงานประจำไปคุมงานในธุรกิจของตัวเองอย่างเต็มตัว
ครับ แผนการณ์ดังกล่าว ฟังดูแล้วก็เป็นแผนการณ์ที่ดี และมีเหตุมีผล แต่ความเสี่ยงหนึ่งที่พนักงานบริษัทโดยทั่วไปอาจลืมที่จะนึกถึงก็คือ ธุรกิจที่เขากำลังจะออกไปทำ อาจจะกลายเป็นกรงขังอันใหม่ของเขาด้วยก็เป็นได้....
ยกตัวอย่างเช่น หากตัดสินใจก่อตั้งธุรกิจซื้อมาขายไปขึ้นมาร้านหนึ่ง ซึ่งโดยปกติธุรกิจแบบนี้จะเป็นธุรกิจที่มีอัตรากำไรค่อนข้างต่ำ เนื่องจากผู้ขา่ยไม่ได้เป็นผู้ผลิตสินค้าเอง ดังนั้นราคาขายจะต้องอ้างอิงกับราคาตลาดโดยทั่วไป ผู้ขายจะมีหน้าที่ค้ากำไรจากส่วนต่างที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่ธุรกิจนี้มีข้อดีก็คือ สามารถเริ่มต้นได้ง่ายกว่าธุรกิจประเภทอื่นค่อนข้างมาก
กิจวัตรประจำวันของผู้ที่ทำธุรกิจแบบนี้ส่วนใหญ่ก็คือการตื่นเช้าขึ้นมาเปิดร้าน, ปัดกวาดเช็ดถูร้าน, จากนั้นจึงนั่งเฝ้าหน้าร้าน หรือคิดแผนการตลาดที่จะเรียกลูกค้า เมื่อมีลูกค้าเข้าร้านจึงเริ่มขายสินค้า หากวันใดไม่มีลูกค้าหรือลูกค้าน้อย เจ้าของก็ไม่สามารถไปไหนได้อยู่ดีเพราะว่าร้านยังเปิดอยู่ ขืนหนีหายไปสินค้าภายในร้านอาจถูกขโมย และหากปิดร้านก็กลัวจะสูญเสียรายได้ นั่นเพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าวันที่เราปิดร้านอาจเป็นวันที่มีลูกค้าตั้งใจจะมาซื้อของเป็นจำนวนมากก็เป็นได้
บางคนอาจนึกโต้แย้งในใจว่า "ถ้าอย่างนั้นก็ว่าจ้างพนักงานมาทำแทนเสียสิ จะได้ไม่ต้องนั่งเฝ้าเอง" นั่นก็ถูกครับ แต่อย่าลืมว่า นี่เรากำลังพูดถึงการเริ่มต้นธุรกิจของคนที่เป็นพนักงานบริษัทกินเงินเดือนธรรมดา ที่ไม่ได้มีทุนรอนเป็นถุงเป็นถังมากมาย ค่าใช้จ่ายอะไรที่ควรประหยัดได้ก็ควรที่จะประหยัดไว้ก่อน อีกอย่างหนึ่งการว่าจ้างพนักงานนั้นก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น นั่นก็คือเราจะต้องมีระบบจัดการพนักงานที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการทุจริตของพนักงาน และนั่นก็หมายถึงงานที่มากขึ้นของผู้เป็นเจ้าของอยู่ดี
ลงท้ายถ้าคุณทำธุรกิจที่จำเป็นต้องมีตัวคุณเองทำงานอยู่กับธุรกิจตลอดเวลา ย่อมไม่ต่างอะไรกับการที่คุณทำงานกินเงินเดือน นั่นก็คือ เมื่อไหร่ที่คุณหยุดทำ, เลิกทำ (ลาออก, ไล่ตัวเองออก), พิการทำงานไม่ได้ หรือเสียชีวิต รายได้ก็จะหายไป และธุรกิจของคุณก็อาจต้องปิดตัวลงหากปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไข
จะเห็นได้ว่าการทำธุรกิจไม่ใช่สิ่งที่ง่ายดายแบบที่หลายคนอาจวาดฝันไว้ และการจะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ มียอดขายหลายล้านบาท มีพนักงานใต้บังคับบัญชาเป็นสิบเป็นร้อยคน ธุรกิจจะต้องมีแผนการณ์เติบโตที่ชัดเจน มีผู้นำที่กล้าลุยกับความไม่แน่นอนทางธุรกิจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัวทีเดียว
ที่พูดมาทั้งหมดไม่ได้ตั้งใจที่จะสกัดดาวรุ่ง หรือจะบอกว่าการทำธุรกิจเป็นสิ่งที่ไม่ดีแต่อย่างใด ในทางกลับกัน การลงทุนทำธุรกิจเป็นสิ่งที่สร้างผลตอบแทนได้สูงที่สุดในบรรดาการลงทุนทั้งหมด ถ้าคุณมีคุณสมบัติของความเป็นนักธุรกิจมากเพียงพอ กล้าที่จะลงทุนเพื่อขยายธุรกิจด้วยความมั่นใจเต็มที่ และมีความทุ่มเทไม่ย่อท้อต่อความรับผิดชอบที่จะต้องเพิ่มขึ้น ปัญหาปวดหัวที่จะมากขึ้น เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น พูดอีกอย่างว่าถ้าคุณมี Passion หรือความหลงใหลในการทำธุรกิจอย่างแท้จริง คุณก็จะประสบความสำเร็จ
แต่ถ้าใครไม่มั่นใจว่าตัวเองต้องการจะแลกชีวิตกับ Passion ในการบริหารธุรกิจของตัวเองเช่นนั้นหรือไม่ คราวหน้าเราจะมาพูดถึงมุึมมองของการลงทุน ที่มีความคล้ายคลึงกับการทำธุรกิจ และข้อดีข้อเสียของมัน เผื่อว่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าของใครหลายๆคนก็เป็นได้ครับ
Click "Like" & share my page on FB at ---> //www.facebook.com/pages/Thai-Dividend/166761113341304?v=wall or Follow me on Twitter at ---> //twitter.com/ThaiDividend
Create Date : 04 พฤษภาคม 2554 |
Last Update : 4 พฤษภาคม 2554 8:39:10 น. |
|
0 comments
|
Counter : 250 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|