มกราคม 2556
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
13 มกราคม 2556
 
 

India...In love Rajasthan ~ บันทึกจากอินเดีย

บันทึกจากอินเดียกับการเดินทางร่วม 10 วันในรัฐราชาสถาน (ราชสถาน) ดินแดนมหาราชาและเหล่านักรบราชปุตหาญกล้า

 

 

 


Day0: บทเริ่มต้นการเดินทางร่วม 10 วันในอินเดีย  28 ธันวาคม 2555

 

          น้องๆแอร์ต้อนรับขับสู้อย่างเต็มที่หลังจากได้ที่นั่งพิเศษจนแม่ลูกอินเดียข้างๆถามว่าโต๊ะหายไปไหน ก็ที่นั่งนี้ดันอยู่ริมทางเดินหน้าสุดหน่ะสิ เอ่อ ตั๋วแลกไมล์นี่มันบ่งบอกชั้น วรรณะกันขนาดนี้เลยเหรอ? ข้างหน้าก็แขกทะเลาะกัน ข้างๆก็สองแม่ลูกถามหาห้องน้ำ "มันวุ่นทั้งไฟล์ทแหละพี่ 555"  เขาเลยรีบจับเราย้ายให้พร่้อมทั้งสำทับว่า "เดี๋ยวพี่ย้ายไปนั่งข้างหลัง 3 ที่ติดกัน นั่งตรงทางเดินก่อน กันไว้เผื่อพี่แขกมาแบ่งที่นั่ง 555"     >>>  ไทยช่วยไทย  ^^

เดลลี  6 ปีกลับมา เดลลีเปลี่ยนไป๋  กว่าจะผ่าน ต.ม. ออกมาได้ก็ร่วมเที่ยงคืน เริ่มวันใหม่ สแตมป์เข้าเมืองวันที่ 29 ธันวาคม 2555 จองโรงแรมไว้แล้วบวกฟรี pick up อินเดียในค่ำคืนนี้ไร้เสียงแตร ไม่เห็นเงาตะคุ่มๆ นอนข้างถนนอีกต่อไป แต่นี่แค่จุดเริ่มต้น .....

 

ไม่ง่ายสำหรับการ solo backpack ในอินเดีย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป

 


Day 1; ที่เมืองไทยเกือบสองโมงเช้าแต่เดลลียังหกโมง ยังมืดอยู่เลย โดนแต่เช้า.........คนตรวจตั๋วเรียกหาตั๋วตรงทางเข้าสถานีรถไฟ ไอ้เราก็ยื่นให้ หนอยบอกว่าตั๋วถูก cancel ต้องไปติดต่อ tourist bureau เรากระชากตั๋วกลับไม่สนใจ เดินเข้ามาที่เครื่องสแกนเลย หนอยมาเล่นมุขนี้ ไม่ได้กินหญ้านะเฟ้ย ลืมตัวว่าเป็นหญิงบอบบาง นาทีนั้นแมนสุดชีวิต!!!!  เจ้าหน้าที่ปลอมนี่หว่า หากินง่ายนะแก เจ้าหน้าที่ตัวจริงก็นั่งอยู่หลังเครื่องสแกนนั่นแหละ เห็นก็เห็นแต่ไม่คิดจะทำอะไร ปล่อยให้หลืบไรหากินกับนักท่องเที่ยวอยู่ได้

 

กว่าจะถึงพุชการ์...เมื่อคืนหลับๆตื่นๆตลอดคืน มีเวลานอนแค่สามชั่วโมงก่อนขึ้นรถไฟเที่ยวหกโมงมา Ajmer-เอจเม่ นั่งรถไฟปุเรงๆมาถึงก็ร่วมบ่าย ด้วยความงกได้อีกประหยัดค่า taxi นั่งออโต้ริกชอร์  (ตุ๊กๆ) จากสถานีรถไฟมาหาสถานีรถบัสโดยสารต่อเข้า Pushkar บนรถบัส แขกทั้งน๊าน หวิดได้ดูมวยแขกระหว่างผู้โดยสารกะลุงกระเป๋ารถ ไรว้าเงินแค่ 12 รูปี ทะเลาะกันจะเป็นจะตาย เวลาแขกเขาทะเลาะกันนี่นะ ตาจ้องตา ไม่มีใครยอมใครเลย แมนจริ๊ง จบเรื่องแขกๆแยกคู่กรณีออกจากกันได้ ทิ้งผู้โดยสารต้นเหตุกลางทางก่อนรถจะขึ้นเขาเข้า Pushkar-พุชการ์ มาถึงท่ารถ Pushkar ยังงกได้อีกเชื่อว่า ด้วยสอง teen สามารถเดินเข้าเมืองเองได้ เดินมาถึงปากทาง ยกธงขาว เดินกลับไปซบอกออโต้ริกซอร์ จ่ายๆไปเถอะ 50 รูปี (ประมาณ 30 บาท) ขามันล้ามาตั้งแต่เมื่อคืนแระ

เฮ้อ กว่าจะถึง พุชการ์!

 

 


Day 2; Pushkar พุชการ์ เมืองศักดิ์สิทธิ์ สวรรค์ของฮิปปี้ ห้ามจอดเนื้อ จอดไข่ ห้ามถ่ายรูปที่ท่าน้ำ ต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าบริเวณท่าน้ำ ห้ามหาเรื่องกะวัว (กะคนก็ด้วย) ตอนหาข้อมูลเมืองนี้ก็คิดอยู่เหมือนกันว่านอกจากทะเลสาบมันจะมีอะไรให้ดูว้า กะว่า ถึงบ่าย เที่ยว นอนแค่คืนเดียวแล้วค่อยหารถเข้า Bundi วันรุ่งขึ้น แต่พอโพส์ตเข้า trip advisor ก็มีแต่คนติงว่าเวลาไม่พอสำหรับพุชการ์ อีกทั้งดูแล้วว่าการเดินทางไป  Bundi-บุนดี เมืองนอกสายตานักท่องเที่ยวช่างลำบากเหลือเลยตัดสินใจ cancel ห้องพักที่บุนดีพร้อมทิ้งตั๋วบุนดี-ชิโตร์การท์ และโอกาสนั่ง sleeper class อารมณ์ของจริงรถไฟอินเดียทิ้งไปก่อนออกเดินทางมาอินเดียแค่วันเดียว นี่แหละคือสาเหตุของห้องมหาดเล็กในพุชการ์ที่ได้รับเพราะบอกเขาขอนอนต่ออีกคืนกะทันหันห้องนี้โคตะระ-เบสิคเลย อยู่ติดบันไดทางขึ้น-ลง ใครเดินขึ้นลงรู้หมด ข้างห้องทำอะไรได้ยินหมด (เขาก็คงเช่นกัน) โน่นหน่ะกว่าจะได้นอนก็ต้องรอคุณๆท่านๆกลับมาซะก่อน เสียงจึงเงียบลง ดีนะที่สะอาดสะอ้าน แปลกเหมือนกันที่หลับได้สนิท รวดเดียวจบ วันนี้เจ้าของเกสต์เฮาส์กริ่นว่า " ฮาว์ อะเบาท์ ยัวร์ รูม , ไอ โน ยู ดอนท์ ไลค์ อิท" ได้แต่บอก  '" โซ โซ "  จะให้มหารานีว่าไงได้ ถูกดาวน์เกรดมาอยู่ห้องมหาดเล็ก นี่ตอบแบบถนอมน้ำใจแล่้วนะเพราะปกติเป็นคนเกรงใจคน! เมื่อวานให้ฮีช่วยเช็คข้อมูล Chittogarh-ชิโตร์การ์ท  ให้เพราะว่าตั๋ว Ajmer-Udaipur มันแวะลงใกล้เมืองชิโตร์การท์เที่ยวซัก 3-4 ชั่วโมงได้ แต่ปัญหาสถานีมันไม่ใช่ชิโตร์การ์ท เป็นอีกสถานีหนึ่งชื่อ Chanderiya สถานีนี้ห่างจากชิโตร์การด์ราว 10 กิโลเมตรแต่เป็นสถานีสำหรับพวกโรงงานขนปูนซีเมนต์ ไอ้เราก็กังวลว่าจะหารถต่อเข้าชิโตร์การ์ทไม่ได้ แต่ฮีมีข้อมูลมาใหม่ว่าเป็นที่เดียวกันกับสถานีชิโตร์การ์ด เฮ้อมหารานีหล่ะเซ็ง (เออประเทศไทยตรูก็ไม่ได้รูัทั้งหมดของประเทศไทยเหมือนกัน !!!) เอาเป็นว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยวัดดวงเอา จะต้องทิ้งชิโตร์การ์ทอีกใบรึเปล่า? วันนี้ตื่นเช้าตรู่เดินรอบทะเลสาบได้ครึ่งรอบ หามุมถ่ายรูปจนเป็นที่พอใจแล้วก็เริ่มภาระกิจฟิชโช shopping..... โอ้แม่เจ้า รักพุชการ์จริงๆ แฮนด์เมคเกลื่อนเมือง อันนั้นก็สวย อันนี้ก็ชิค ร้านขายของเยอะจริง ไรจริง ช๊อบเต็มหลังเป้ ตอนขามาเป้ใบเขื่องนี้สิบโล ออกจากพุชการ์จะยกเป้ขึ้นหลังไหวมั้ยว้า จบภารกิจช๊อบรอบแรกก็เริ่มหา ' 7 heaven ' อย่าแปลกใจ มันไม่ใช่ชื่อหนังสือ ไม่ใช่ชื่อกัญชาด้วย 555 เป็น ฮาเวลีเก่าแก่ที่มาทำเป็นโรงแรม จริงๆมหารานีเคยจองห้องที่นี้ไว้แต่มันเต็ม เขาบอกว่ามาทานข้าวที่โรงแรมเขาแทนละกัน โอ้แม่เจ้า เดินหลงหลายรอบ ไม่มีป้ายบอกทางเลย ถามทีหลงที แต่มหารานีไม่ถอดใจ อยากเยือนคฤหาสน์โบราณ ในที่สุดก็หาเจอ (^^)/ แพนเค๊กมิกซ์ฟรุ๊ทกะไอศครีมวาลิลาหย่อยมากกกกก (เอ้อ ขอเมาท์หน่อยทั้งเมืองไร้เนื้อสัตว์ ไร้ไข่ ไม่ว่าสั่ง พาสต้า แพนเค๊ก พอมันไร้ไข่ อารมณ์มันก็เหมือน 'จาปาตี หรือไม่ก็นาน' ที่กินในกลุ่มปนะเทศแขกนี่แหละ เรียกว่านานนิ่ม นานกรอบ นานสอดไส้จะเหมาะกว่ามั้ง ฮา) ฮาเวลีสวยมากถูกใจมหารานี คุณค่าที่ชีคู่ควรหายไปไหน ไป ไป๊ กลับไปนอนห้องมหาดเล็กนั่นแหละถูกแล้ว แค่ 350 รูปี เดี๋ยวพรุ่งนี้มหารานีค่อยเบ่ง นั่งแท๊กซี่หน้าเชิดข้ามเขากลับ Ajmer



 

 


Day 3; การเดินทางกับการตัดสินใจครั้งสำคัญของทริปนี้ วันไหนเดินทางระหว่างเมือง วันนั้น หัวใจเต้นเร็ว อะดรีนารีนทำงานเต็มที่ไม่มีอู้ วันนี้มีเรื่องที่ต้องตัดสินใจ จะต่อไป 'Udaipur' หรือจะแวะเที่ยว ่ Chittorgarh ่ก่อน. 

Chittorgarh-ชิโตร์การ์ท หรือ Chitto เมืองนี้เป็นอีกเมืองท์ี่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ถูกใจสาวโบ(ราณ) เป็นอย่างยิ่ง เมืองที่หญิงทั้งเมืองพร้อมใจกันทำ jauhar-จัวฮาร์ (พลีชีพในกองไฟ)ตามชายราชปุตชาตินักรบกันถึงสามครั้ง สามครา ต่างช่วงเวลากัน ป้อมของเมืองนี้ถึงแม้จะเสียหายเยอะแต่ก็ยังคงความอลังการณ์งานสร้างให้เห็น จะไปต่อหรือเลือกที่จะหยุด และพาตัวเองกลับเข้าเส้นทางที่ปลอดภัยอย่างที่ชาวบ้านเขาทำกันหรือจะเสี่ยงลงสถานีปูนซีเมนต์ ?

 

ตื่นเช้าก่อนเวลานัดหมายหลายชั่วโมง ก็คนมันตื่นเต้น !!! วันนี้มหารานีหมายมั่นปั้นมือจะนั่งหน้าเชิดบน taxi ข้ามภูเขางูกลับ Ajmer ข้าม Snake Mountain รู้สึกดีที่ภูเขาในราชสถานพอจะสูสีกลับเมืองไทยได้บ้าง ราชสถานมีภูมิประเทศเป็นทะเลทราย ภูเขาบ้านเขามีความสูงพอจะสูสีกับภูเขาบ้านเรา ถ้าเทียบกับแนวเทือกเขาหิมาลัยแล้วคนที่ราบบ้านเรามักโดนค่อนขอดบ่อยๆว่า   ่่ ภูเขาบ้านแก ถ้าเป็นบ้านฉันสูงแค่เนี้ยเขาไม่เรียก mountain หร๊อก เขาเรียก hill เหอๆ ่่  อันนี้พี่คนหนึ่งเหนบแนมภูมิประเทศบ่อยๆยามเที่ยวด้วยกัน      ระหว่างทางข้ามภูเขา (เอ หรือ เนินเขา หว่า) มีฝูงนกยูงอยู่ข้างถนนมากมาย นี่ถ้าเมืองไทยต้องอยู่ในสวนสัตว์สถานเดียว นะเออ ก่อนขึ้นรถพี่พลขับถามว่าจะนั่งข้างหน้าหรือนั่งข้างหลัง อย่างมหารานีก็ต้องนั่งหน้าเชิดด้านหลังซิจ๊ะ แหมยังจะมาถามอีก คับข้องใจมานานมาที่นี่รัศมีมหารานีท่าจะหมอง ผู้คนมักทายกันว่าเป็น Korea ก่อน Japan โอ้ย ราศีฉันไม่ฉายแววร่ำรวยอย่างพี่ยุ่นเลยเหรอ ? เที่ยวมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำมีแต่เขาทายว่า Japan Japan มีมาที่นี่นี่แหละ Korea มหารานีเซ็งจิต ที่นี่ก็แปลกนะนอกจากจะถามอายุและสถานภาพสมรสแล้ว ยังถามถึงหน้าที่การงานที่เมืองไทย o_O อยากรู้ไปทำไม-คนขายกระโปรงที่พุชการ์ หลังจากเปิดราคากระโปรงมาที่ 450 รูปีแล้วตบท้ายคุยกันไปคุยกันมาที่   "วอท อีส ยัวร์ จอบ "  เอ่อบังลดราคาหน่อยซิ สองร้อยละกัน....     ไม่ได้หร๊อก ถ้ายูเอาสองตัวให้ตัวละ 350 รูปีละกัน   " ยู ดอนท์ เทล มี , วอท อีส ยัวร์ จอบ " .....   น่าบังตัวเดียวนี่แหละ 200 นะ  " อีฟ ทู ฮัน เดรด , ไอ วิล เทล ยู วอท มาย จ๊อบ อีส "......  บังบอกว่าอะให้ก็ให้เห็นแก่ สวีท สมาย บนหน้ายูหรอกนะ เอาไป 200..... โฮะๆขอบใจหลายบัง  " ไอ แอม บาย เออร์  "....... บังทำหน้าเหวอ " เทล มี ซี เรียส ลี่ , วอท อีส ยัว จ๊อบ ".....มหารานีปิดการสนธนา " แอม ซี เรียส ออล โซ , มาย จ๊อบ อีส บาย เออร์ อิน .... คอมพานี "

 พ่อหนุ่มเจ้าของเกสต์เฮาส์รู้แล้วว่ามหารานีไม่ปลื้มห้องมหาดเล็ก กำลังเถียงกันเรื่องสถานีรถไฟเมืองชิตโตะแต่พอเห็นกล้องน้องโซของมหารานีแล้วปิ๊ง หลังจากหยิบไปเล่นจนหนำใจ ก็เปรยถามหน้าที่การงาน มหารานีไม่ปิด ไม่บังบอกตรูนี่แหละสาวโรงงานของแท้ !!! น้องโซ ตัวนี้ก็ เมค อิน ไทยแลนด์ ด้วยนะบัง ราชรถมาจอดเกยประตูสถานีรถไฟAjmer ล่ำลาพลขับ งัดเป้ขึ้นหลัง (หนักกว่าเดิมน่าจะหลายโลอยู่) เดินเข้าสถานีรถไฟเคาะกระจกบอกพี่หนวดให้เปิดสายพานสะแกนกระเป๋าหน่อย เดินผ่าน security check เข้าชานชาลา ทั้งสถานีมีมหารานีเป็นต่างชาติอยู่หน่อเดียว!!!เหลือบตามองมอนิเตอร์ รถไฟจะเข้าชานชาลาที่ 5 อีกร่วมชั่วโมง หันซ้ายหันขวาไร้ป้ายบ่งบอกชานชาลาที่ 5 เลยถามพี่ รปภ ว่ามันอยู่หนใด ได้ร้บคำตอบให้ข้ามสะพานลอยไป จนสุดชานชาลาสุดท้าย กรี๊ด ทำไมชานชาลาสุดท้ายถึงต่างกะชานชาลาอื่นราวฟ้ากะเหว!!!! เค้ากำลังก่อสร้างอยู่เหรอนี่ แบกเป้ข้ามสะพานลอยหลังแทบหัก เดินตามทางมาเรื่อยๆกะหาที่สิงสถิตย์พร้อมคนไว้ใจได้ให้รู้สึกปลอดภัย เจอลุงคนหนึ่ง ท่าทางดูมีคุณวุฒิและวัยวุฒิ นั่งมันใกล้ๆลุงนี่แหละวะ อย่างน้อยแกก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอก เราวิ่งหนี หรือ วิ่งตามลุงได้สบายอยู่แล้ว เผลอๆแกจะฟังภาษาปะกิตสแนคๆ ฟิชๆ ของเราด้วย นั่งไปซักพักเริ่มรู้สึกเป็นที่จับจ้องของสายตาหลายคู่เลยงัดฮู๊ดเสื้อหนาวขึ้นมาปิดผมทำเนียนเป็นคนท้องถิ่น แต่ก็เปล่าไม่ได้ช่วยเล้ย. หันไปถามลุงปรากฎว่าไปขบวนเดียวกัน ดีเดี๋ยวจะได้เดินตามลุง รถไฟมาตรงเวลามหารานีต้องจำใจทิ้งลุงวิ่งตามขบวนรถไฟ ทำไมรถไฟมันยาวได้ยาวดีอย่างนี้ฟะ แล้ว CC1 ของตรูอยู่ไหน ไม่ต้องทำตามโพยใดๆทั้งสิ้น ขั้นที่1-ตรวจชื่อที่บอร์ดรถไฟ ขั้นที่สอง-ตรวจชื่อที่ข้างขบวนรถไฟ ขั้นที่3-.....   โอ้ยโยนมันออกจากหัวให้หมด.....นี่มันสถานีกลางทาง รถไฟจอดแค่5 นาที ป้า หนทางอยู่ที่ปาก   บวก common sense อันน้อยนิด เอาตัวขึ้นรถไฟให้ถูกขบวน ถูกตู้ ก็พอ ขึ้นมาบนรถคนเยอะมาก ชุลมุน ชุลเก อ้าวหมายเลข 40 ชั้น ถูกสอยโดยใครเนี่ย แหนะทำเป็นหลับคลุมโปง ทำทองไม่รู้ร้อน องค์ลงมหารานี  สะกิดป๊าบๆตีื่นๆนี่ที่ฉ้าน แหม่มผมทองงัวเงียเปิดผ้าออกมา ชีว่าที่ชี มหารานีให้ดูตั๋ว นี่ๆเห็นมั้ย 40 W window seat ของตรู ชีเลยว่างั้นของชีก็ 41 นั่งข้างกันบุ้ยใบ้ไปที่แขกข้างๆ แกนั่นแหละนั่งผิดที่ พี่แขกเลยจำใจลุก คงดูแล้วว่าขืนอยู่ไปเรื่องคงไม่จบง่ายๆในเมืองที่ประชาธิปไตยเต็มขั้น กระป๋งกระเป๋าไม่มีที่วางยัดมันลงใต้พื้นนี่แหละไว้ให้พี่แขกฝั่งตรงข้ามเอาไว้วาง teen และเรื่องยุ่งๆก็จบลงอีกหนึ่งเรื่องระหว่างทางเห็น วัว แพะ ควาย ม้า เห็นกวางด้วยแหละกับสัตว์ป่าอะไรไม่รู้ ตระกูลกวางนี่แหละตัวใหญ่  ถึงจะแห้งแล้งอย่างนี้แต่ความอุดมสมบูรณ์ก็ยังมีอยู่ในแบบของมัน รูปนี่ไม่ได้ทำซีเปียร์นะ กระจกรถไฟมันสีชา เรายังมองผ่านทุ่งดอกมัสตาร์ดสีเหลืองสุดลูกหูลูกตา สาวส่าหรีสีสดผ่านกระจกสีชาของการรถไฟอินเดียเลย.   ดีนะที่ไม่ลง Chanderiya มันเป็นเมืองที่คนท้องถิ่นลง ดูท่าจะหารถต่อลำบาก หาได้แล้วก็ไม่รู้จะสื่อสารกันได้ไหม อย่างนี้แหละคนเรามักจะกลัวมากเกินไป โดยเฉพาะสถานที่ ที่ไม่คุ้นชินด้วยแล้ว ใครๆก็อยากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย มันรู้สึกปลอดภัย แม้ว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ทำให้พลาดโอกาสไป ชิตโตะ !!!!! แต่ไม่อยากเสี่ยงกับสถานการณ์ชนิดที่ว่า ่่ กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง ่่



 

 

 


Day 4; เช้าปีใหม่ 2013 ที่ Udaipur-อุไดปูร์ เมืองที่เขาว่ากันว่าโรแมนติกที่สุดในอินเดีย

             ต่อจากเมื่อวานนี้หลังจากลงที่สถานีรถไฟอุไดปูร์แล้วมหารนีตกยากก็งัดเป้ขึ้นหลังเดินตามเค้าต้อยๆออกจากสถานีรถไฟ อันที่จริงมหารานีมีนัดราชรถมารับ แต่เวลาที่นัดคือรถไฟอีกขบวนหนึ่งทุ่มที่มาจากชิตโตะซึ่งมหารานีพึ่งโยนทิ้งเห็นหลังอยู่ไวๆ เฮ้อต้องผจญกะพี่แขกทั้งนายหน้าโรงแรม ออโต้ริกชอร์ ด้วยตัวเองแล้วซินะ ถ้าเกิดหาโรงแรมไม่เจอจะทำไง โรงแรมนี้ไม่มีอยู่ในแผนที่ใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะ lonely planet, tripadvisor, hostel booker, agoda ขนาดติดต่อเจ้าของโรงแรมให้ส่งแผนที่ให้ยังได้รับคำปฎิเสธเลย ่่ ไปรับเอง ่่ นั่นคือคำตอบที่ได้รับ ทำไมมหารานีถึงเลือกโรงแรมนี้หล่ะ มันผิดเงื่อนไขนักวางแผนที่ดีอย่างแรง ทำไมหน่ะเหรอ อ่ะตามมาดูกัน

1.โรงแรมไหนบ้างที่ให้ห้อง lake view ช่วงวันเคานท์ดาวน์ในราคา 500 บาท ? >>> Kesar Palace (ที่อื่นๆเขาหลักพันทั้งนั้น หลายพันด้วย!!!)

2.โรงแรมไหนที่แถมฟรีปิคอัพ?>>> Kesar Palace

3.โรงแรมไหนที่อยู่ย่าน Lal Ghat มองเห็นทะเลสาบ picola ทั้งวันทั้งคืน เดินไป city palace ก็ใกล้ ไป Jagdish Temple ก็ใกล้ Bagore-Ki-Haveli ก็ใกล้ ข้ามไป Hanuman Ghat ก็ใกล้?>>> Kesar Palace

  อ่านรีวิวจากทุกสำนักก็ไม่มีที่ติ เช็คไปเช็คมาเจ้าของขับออโต้ริกชอร์ด้วยและมีแขกคอมเมนท์ว่าให้ราคารถแท๊กซี่เหมาไป Jodhpur ดีที่สุด มหารานีเช็คทุกสำนักฯแล้ว

ปรากฎว่าจริง ถูกกว่าถึงหลักพันรูปีเลยทีเดียว !!!!! แล้วทำไม มหารานีฉบับบัดเจทจะไม่เลือก Kesar Palace หล่ะ

        ไปๆ ตามมหารานีไปต่อสู้กะพี่ๆออโต้ริกซอร์กันดีกว่า เอ้า..... แขกเห็นหมูมาแล้วรีบวิ่งเข้าใส่ คนที่หนึ่ง คนที่สอง คนที่สาม " โน โน โน " มหารานีก้มหน้าไม่สบตาเดินหนีลูกเดียว ขอมหารานีหาชัยภูมิปลอดภัยในการตั้งรับก่อน แต่พี่แขกไม่ลดละเดินตามเรื่อยๆจนกลายเป็นรุม ชุลมุน ชุลแก

" แวร์ อาร์ ยู โก อิ้ง ่"

มหารานีงัดชื่อโรงแรมที่เขียนใส่กระดาษก่อนลงรถไว้มาแอบดู แหมพี่ๆดันแอบเห็น แล้วก็มีเสียง "เคซา พาเลส ....  เคซา พาเลส"  งึมงัมๆ มหารานีเหลือบไปเห็นลุงคนหนึ่งขับออโต้ริกชอร์เทียบอยู่ มหารานีตั้งใจชิ่งบัง บัง ทั้งหลาย จะถลาเข้าหารถลุง ลุงโบกมือไม่อยากยุ่ง กรรม มหารานี โดนแน่ตรู เอ้า... " ฮาวมัช "

"เซ เว่น ติ้ รู ปี " บังตอบมา

 " ไอ บุค ออ เร ดี้ , เทค มี ทู ดิส โฮ เทล โอน ลี่ , ดอนท์ เทค มี เอนนี่แวร์ "   มหารานีสั่งเสียงเข้ม เข้าใจป่ะบัง

 เยสๆ ,  ฟอ โล มี "

 " โน , ไอ เวท เฮียร์ , ยู เทค ยัวร์ ริกชอร์ ทู เฮียร์่่ " บังนายหนึ่งรีบวิ่งไป ให้อีกนายเฝ้ามหารานีไว้ กรรม -_-''

     มาแระ มหารานีโยนเป้ขึ้น เหวี่ยงตัวเองขึ้นรถบนรถ " เค ซา พาเลส , ยู โน ดิส โฮ เทล , ไรท์ "

บังเขย่าหน้าหงักๆ เหมือนจะรูั  " อีฟ ไอ ดอนท์ โนว์ , ไอ ไดรว์ อะราวน์ อันทิล ไฟน อิท ".......   เฮ้อ กรรม -_-'' โธ่บัง !

" โก ทู ดิส โฮ เทล , โน อาเธอร์ "   ย้ำครั้งที่สองแล้วน๊าบัง  " ไอ บุค แอนด์ เพด ออ เร ดี้ "   .......

" ยู บุค วิท อโก้ด้า? "

....."เยส " เปล่าร๊อกมหารานีบุคผ่าน hostelwolrd จ่ายมัดจำ 10% (อำว่าอโกด้า จ่ายเต็มจำนวน)"

" อิฟ ยู ดอนทื ไลค์ เค ซาร์ พา เลส , ไอ วิว เทค ยู ซัม แวร์ เอลส "

โดนแล้วซิตรู   " เค ซาร์ พา เลส เฟริสท์ " มหารานีย้ำ

"แวร์ ยู โน ดิส โฮ เทล , อโกด้า?"

" ไอ โนว ฟอร์ม มาย เฟรนด์ " มหารานีตอแหลได้อีก " ชี ยูส ทู บี เฮียร์ , เดอะ โอน เนอร์ อีส ริกชอร์ ไดรว์เวอร์ ออล โซ, ดู ยู โนว ฮิม " มหารานีขู่ ไม่ไว้ใจบังอย่างแรง........

บังบอกว่า เดือนหน้าจะมาเมืองไทย มานวด (เอ นวด คาวๆ รึเปล่า) มหารานีเลยแนะนำให้ไปวัดโพธิ์นวดแผนไทยแค่ไม่กี่ร้อย 555...........บังบอกว่าไม่รู้จักหรอกเจ้าของโรงแรมที่ขับแท๊กซี่อ่ะ แต่ถ้ายูยังไม่มีแพลนเดี๋ยวให้นามบัตรไว้ติดต่อ เรียกใช้บริการแล้วบังก็ยื่นนามบัตรให้   >>>>  โป๊ะ เช๊ะ KESAR PALACE โธ่บังเล่นแรงนะ อำใหัตรูเหนื่อยบวกตื่นเต้นตั้งนาน  ><    

 แหกค่ะแหก หน้าแหกละเอียด !!!!! บังนี่แหละเจ้าของโรงแรมอีกอาชีพขับออโต้ริกชอร์บังถามต่อว่าเพื่อนที่เคยมาพักชื่อไรเหรอ ซวยแล้วตรู ไม่อยากหน้าแหกรอบสองอำไปว่าชื่อเหมียว บังดันบอกบังจำได้มาจากมุมไบ กรรม มุขป่ะนี่ไม่รูัใครอำใคร เพื่อนชื่อเหมียวมีที่ไหน ????? แก้เก้อไปว่าถ้ามหารานีไม่ชอบห้องบังก็พาไปหาที่อื่นอย่างที่คุยไว้นะ หัวเราะกัน ครืน แล้วทุ่มนึง ก็ไม่ต้องไปรับที่สถานีแล้วนะเพราะมหารานีมาแล้ว!!! ตกลงค่าแท๊กซี่ 70 รูปีต้องจ่ายไหมนี่บัง......

     ห้องถูกใจมหารานีมาก กว้าง วิวสวย เอ้อ หาได้ที่ไหนในอุไดปูร์ราคาแค่นี้ !!!!!มหารานีเหน็ดเหนื่อยกลับมาจากดู Traditional Dancing ฉบับราชาสถาน ต้องกลับมาผจญกับเสียง กังนัมสไตล์ลั่นทั่วคุ้งน้ำอุไดปูร์ พี่เขาส่งท้ายปีเก่าแดนซ์กระจายกันทั้งเมือง นึกว่าอยู่พัทยา เฮ้อกรรมกว่าจะได้หลับก็หลังเที่ยงคืนตื่นมารับปีใหม่ หมอกลงเต็มคุ้งน้ำ มหารานีเริ่มชีพจรลงเท้าก็สายแล้ว วันนี้เริ่มกินมาม่าห่อแรกจาก 5 ห่อที่แพ็คมา ซึ้งน้ำใจน้องที่บริษัทที่ไปสอยมาให้จากฉะเชิงเทรา มหารานีหามาม่ารถเป็ดพะโล้ทั่วกรุงเทพ ไม่มี นึกสงสัยว่าสหพัฒน์มุทำรถแกงเขียวหวานมาขายแทน ขัดใจอย่างแรง   มาม่าเป็นทุนอยู่ในท้อง ก็มีแรงเดิน City Palace พร้อมล่องเรือ , Jagdish Temple ,Bagore-Ki-Haveli แถมยังข้ามไปกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารวิวเริดที่ Hanuman Ghat แนะนำไว้ใน LP ชื่อ  Ambria วิวเด็ดเพราะเห็นความอลังการณ์ของซิติิพาเลสทั้งคอมเพล๊กซ์พร้อมทะเลสาบและวังกลางน้ำ Jagniwas Island ที่ใช้ถ่ายเจมส์บอนด์007ภาค Octopussy

 

มหารานีขอสรุปอุไดปูร์ผ่านสายตามหารานีดังนี้

1.พี่แขกเวลาเขาสร้างอะไรนี่ใหญ่จริง ไม่มีเขียม มหาราชาคงรวยน่าดู 

2.หลายๆงานเห็นแล้วใช่เลย นี่มันอันดาลูส ศิลปะมัวร์ ที่เห็นในสเปนเมื่อสงการนต์ที่ผ่านมา มหาราชาคงชอบเหมือนเราแต่ของอันดาลุสดั้งเดิมสวยอ่อนช้อยกว่ามาก แขกมัวร์ไม่สร้างงานใหญ่ประเภท  ดูในรูปยังไงก็ไม่สวย  เขาทำอ่อนช้อยต้องพิศด้วยตาตัวเองเท่านั้น เชียร์ให้ไปดูอัลฮัมบลาในสเปน สุดยอดความสวย!

3.อยู่อุไดปูร์ต้องตั้งสติพร้อมรับกับพวกหลืบ ไรทั้งหลาย ตั้งสติแล้วสตางค์จะอยู่ครบ มีทุกรูปแบบ ทั้งร้านค้า โรงแรม ริกชอร์ (เจ้าของโรงแรมเราก็ด้วย) ที่มหารานีเจอมืออาชีพสุดก็ที่ท่าน้ำข้าง Bagore-Ki-Haveli มาอ้างว่าให้ไปช่วยเขียนเมนูภาษาไทยที่ร้านอาหารตัวเองให้หน่อย มหารานีไม่ใช่หมูและไม่โง่   บอกถ้าอยากให้ช่วยไปเอาเมนูกับกระดาษมาจะเขียนให้ตรงนี้แหละแล้วบังก็หายจ้อยไปเลย ???



 

 

 


Day5 สุขสุดๆ มหารานีชอบม๊าก ห้องพักแสนสบายที่มองเห็นวิวแม่น้ำทั้งวี่ทั้งวัน ถึงแม้มันจะใช้แค่ซุกหัวนอนก็เถอะ วันนี้มหารานียอมทุ่มทุนจ้าง ราชรถจัด day trip ไป Kumbhalgarh และ Ranakpur ก่อนต่อเข้า Jodhpur หนทางอันยาวไกลและปากท้องมหารานีก็เป็นเรื่องสำคัญมากๆ มหารานีไม่สามารถทนกลิ่นเครื่องเทศแขกไหว อยู่มาห้าวันแระ อาหารราชสถานนิ ยังไม่เคยตกถึงท้องเลย จัดไป German Bakery อีกเช่นเคย เค๊กสองชิ้น!!! แพ็คไปกันอดตายระหว่างทาง

        Kumbargarh มันไม่เคยมีอยู่ในแพลนมหารานีหร๊อก แขกจัดให้ เห็นว่าไหนๆมหาราณีก็จะไป รานักปูร์อยู่แล้ว ของแถม มหารานีชอบ!!! คุมบาการ์ท ก่อนมหารานีมาได้หาข้อมูลไว้ว่ามันเป็นป้อมใหญ่และเคยเป็นที่ใช้หลบภัยช่วงหนึ่งของราชวงศ์ Mewar โอ้พอได้เห็นของจริงต้องบอกว่าไม่ใช่ใหญ่ แต่่่่่  มันหย่ายมากกกก.....   กว่าจะเดินถึงตัวพระราชวังได้มหารานีหมดไปหลายหอบ แทบจะคลานเหมือนเจ้าตูบแถวบ้าน พี่แขกเขาสร้างได้ใหญ่จริงไรจริง กำแพงป้อมนี่ยาวโดยรอบร่วม 36 กิโลเมตร เขาว่ากันว่าใช้เวลาถึงสองวันกว่าจะเดินได้รอบป้อมเชียวนา แต่มหารานีไม่ลองหร๊อก เกรงใจแข้งขาตัวเอง แค่ก่อนจะเข้าป้อมพี่พลขับจอดรถให้ถ่ายรูปมุมไกล มหารานีดูแล้วว่าเลนส์ใดก็เก็บทั้งป้อมไม่หมด ต้องยิง panorama เท่านั้น (ถ้าใครเคยเที่ยวกับมหารานีจะรู้ว่าน้องโซของมหาราณีส่งเสียงน่าอายแค่ไหนในโหมดพาโน แต่ก ๆๆๆๆๆ ยังกะยิงปืนกล) มหารานีต้องรอให้กรุ๊ปอื่นๆไปซะก่อนถึงค่อยกล้าส่องพาโน หายไปนานจนพลขับคิดว่าโดนฆ่าหมกป่าไปแระ

         Ranakpur วัดเจนชื่อเสียงโด่งดัง ใครไม่ใช่เจนเข้าชมได้หลังเที่ยงเท่านั้น มาอีกแระ ลูกอีช่างแกะ แกะยิบยับไปหมดทั้งหลังคา เสา คาน เพดาน ธรณีประตู แต่ของเขาสวยจริงไรจริง ว่ากันว่าเสากว่าพันต้นแกะสล่กไม่ซ้ำแบบกันเลยมหารานีรู้สึกเป็นบุญตาเป็นอย่างยิ่ง    มหารานีได้มีโอกาสลองอาหารราชสถานมื้อแรกระหว่างทาง ขอบอกว่า อร่อยมากกกก มหารานีคงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่กะอาหารแขกแล้วหล่ะ ขอบอก ขอบใจ พี่พลขับที่หยิบยื่นโอกาสดีๆอย่างนี้ให้ บังเขาชื่อ วิษณุ ชื่อเทพฯถึงแม้ว่าบังจะอมยิ้มบอก ่่ แอม นอท ก๊อด ่่ก็ตาม ! 

         ระหว่างทางร่วมวันนี้ เส้นทางสวยมาก ทุ่งมัสตาร์ดสีเหลืองสดสุดลูกหูลูกตา หญิงชาวราชสถานใส่ส่าหรีสีสดเทินหม้อน้ำหรือสารพัดสิ่งของไว้บนหัว เด็กน้อยตาคมขี่ลาตัวจ้อยโบกมือหยอยๆ หมู่บ้านเล็กๆที่คนออกมานั่งล้อมวงผึ่งแดด มหารานีไม่สามารถเก็บภาพมาได้ทั้งหมดไม่เช่นนั้นคงต้องใช้เวลากว่าสองวันเพราะต้องจอดรถทุกๆร้อยเมตร น่าจะต้องมาดูด้วยตาตัวเอง!



 

 

 


Day 6;  Jodhpur เอาใหม่ ออกเสียงสูงกระดกลิ้นนิดนึง จ๊อดปรู้ .... นั่นแหละใช่แล้ว   โอ้ว กรี๊ดสลบ ราชรถจอดเทียบท่า ฮาเวลี เก่าแก่อายุหลายร้อยปี ความเก่าหลายร้อยปี ขี้ฝุ่นก็หลายร้อยปีด้วย เอ่อ นี่มันยิ่งกว่าห้องมหาดเล็กที่พุชการ์ซะอีก!!! ห้องมหาดเล็กชั้นต้น ไม่ๆ มหาดเล็กฝึกหัดดูจะเหมาะกว่า ไหนในใบจองเป็นห้อง deluxe single private bathroom แหม จะเอาไรมากมหารานีหล่อนจ่ายเขาห้องละสามร้อย ไปๆอย่าเรื่องมากรีบๆเช็คอินซะเหนื่อยมาทั้งวันแระ มหารานีรับไม่ได้..... ขออัพเกรดห้องได้ไหมบัง            ่่ full booking ่่ นั่นคือคำตอบที่ได้รับกลับมา T T      ยี๋ มีราที่ผนังด้วน ยี๋ ประตูก็มีรู ยี๋ หน้าต่างปิดไม่ได้ ยี๋ ยี๋ ยี๋ ด้วยความเหนื่อยเสียงรอบข้างก็เงียบลงๆ แล้วเรื่องยุ่งๆก็จบลงอีกวัน

  มหารานีตื่นเช้ามาสดชื่น คุ้นชินกะห้องมหาดเล็กฝึกหัดแระ เช้านี้ตุน german bakery ที่เหลือจากเมื่อวานแล้วก็เลทซะโกเลย ริกชอร์มาจอดเทียบท่าหน้าเกส์ทเฮาส์แต่เช้าตรู่ มหารานีเริ่มต้นที่ Mahranggarh มหาอลังการณ์จ๊อดปรู ถ้าใครดูเรื่องพ่อมนุษย์ค้างคาว The Dark Knight Rises ฉากที่หนีออกมาจากคุกแล้วมองเห็นป้อม นั่นแหละป้อมนี้เลย มาห์รังการ์ท ที่นี่ทำออดิโอ้ ไกด์ได้สุดเริด มหารานีอยากให้มีอย่างนี้บ้างที่บ้านเรา เด็กจะได้สนุกกับประวัติศาสตร์ ไม่ใช่ให้คนยุคป้าอย่างมหารานีมาตามหาประวัติศาสตร์ตอนสูงอายุ มหารานีใช้เวลานานมากในป้อมจนบ่ายคล้อยค่อยๆเดินไต่ป้อมเข้าตัวหมู่บ้านแล้วก็สำเร็จโทษ german bakery (เมื่อวาน) อีกชิ้น กองทัพต้องเดินด้วยท้อง มหารานีให้เกส์ตเฮาส์หาออโต้ ริกชอร์ให้ไป Jaswant Thada แต่บังปราถนาดีบอกให้ค่อยๆเดินถามทางไป กรรม!  อันผู้หญิงนั้นเกิดมาแสนลำบาก เมื่อศึกวันแดงเดือดมาเยือน การหาอัศวินม้าขาวในอินเดียไม่ใช่เรื่องง่าย ร้านขายของชำแต่อาบังเท่านั้น (หามีผู้หญิงไม่) แล้วจะให้มหารานีบอกเหล่าบังว่าอย่างไร ??? มหารานีเดินตามหาทางไป จัสวาน์ท ธาดา ไป สายตาก็สอดส่ายหาอัศวินม้าขาวไป เฮ้อ กรรม! เจอแว้ว มหารานีไม่พูดพล่ามทำเพลง เดินเข้าไปฉวยทันที (ไม่ต่อราคาด้วย เผลอๆจะแถมอีกหลายรูปี!!!)เจอแว้วววววว.......  บังบอกว่าห่อเล็กก็มีจ้านายเฮ้อจบอีกหนึ่งเรื่องวุ่นๆ

เอ้ากลับมาตามหา จัสวาน์ท ธาดา กันต่อไป เดินร่วมชั่วโมง มหารานีรู้ตัวดี หลงอีกแล้วตรู  -_-'' ถามทางบัง บังบอกโน่นแหนะเดินขึ้นเขาไปอีกร่วมกิโล มหารานียอมแพ้โบก ออโต้ ริกชอร์ โดยเร็ว โธ่ ยี่สิบรูปี หาให้ตรูตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง !!!!

มหารานีปิดท้ายของวันด้วย Umaid BhawanPalace ที่ไม่มีอะไรให้ดูมากนัก ก่อนเดินเล่นสั่งลาที่รอบๆหานาฬิกา ลาก่อนจ๊อดปูร์เมืองคลูกฝุ่น คืนนี้มหารานีจะได้ลองนั่ง night train อินเดียครั้งแรกในชีวิต!!! เวลาห้าทุ่มโดยประมาณมหารานีงัดเป้ขึ้นหลังเข้าสถานีรถไฟจ๊อดปรู ผู้คนคึกคัก หนูวิ่งยุบยับ คนนอนเกลื่อนพื้นรถไฟทั้งในและนอกสถานี โชคดีมหารานีเห็นมีชาวต่างชาติประปราย อย่างน้อยก็ 2-3 กลุ่ม แต่สายตาหลายคู่ก็ยังจับจ้องมหารานี นี่คลุมหัวแล้วนะ รถไฟมาแล้ว ราตรีสวัสดิ์ ป้ายหน้า Jaisalmer !



 

 

 


Day 7; สวัสดีเช้าวันใหม่ที่ Jaisalmer-ไจสเมียร์  รถไฟมาถึง ไจสเมียร์ราวๆตีห้ากว่าๆ รถไฟอินเดียสาย จอดปูร์-ไจสเมียร์ นี่ก็แปลกตอนมาก็มาแบบเงียบๆ ตอนถึงก็ถึงแบบเงียบๆ ดีนะที่เป็นสถานีสุดท้าย ไม่ง้ันอาจนอนเลยไปเลยก็เป็นได้ รถไฟขบวนนี้หรูสุดก็เป็น 3AC ที่มหารานีนอนมานี่แหละ กล่าวคือตู้แอร์ ฝั่งละ 3 เตียงซ้อนกัน ปลายเท้าก็จะมีอีก 2 เตียงซ้อน ทำเลทองของมหารานีก็เตียงล่างของ 2 เตียงที่ซ้อนกันนี่แหละ (สะดวกสบาย แนะนำโลเคชั่นนี้เวลาจอง 'SL Berth' ) ค่าโดยสารสี่ร้อยรูปีกว่าๆกันระยะเวลาเกือบหกชั่วโมง มหารานีจัดการเอาผ้าปูเน่าๆที่เขาแจกมาสองผืน ผืนแรกทำม่าน เพราะม่านที่นอนของมหารานีมันหายไปไร้วี่แวว ผืนที่สองปูเตียงแล้วเอาผ้าที่เตรียมมาปูทับอีกที ผ้าห่มที่เขาแจกมาเอาทำหมอน เพราะมหารานีมีผ้าห่มส่วนตัวจากทริปอียิปต์ติดไม้ติดมือมาอยู่แล้ว อยู่อินเดียมาหลายวันไม่ได้กลิ่นแขกเลย (หรือมันกลมกลืนไปแล้วก็ไม่รู้!!!) นี่เป็นครั้งแรกที่ได้กลิ่นแขกจากผ้าปูที่นอนที่มหารานีไช้ทำม่าน แม่เจ้า!!! หลับๆตื่นๆ ตลอดทาง เวลาราวตีห้ากว่าๆ ไจสเมียร์หนาวมาก (ที่จริงมันก็หนาวทั้งวันนั่นแหละ) พวกนายหน้ามารอจับแขกถึงประตูรถไฟ มหารานีแบกเป้ใบเขื่องก้มหน้างุดๆ ไม่พูดไม่จากับใครทั้งสิ้นเนื่องจากเช้านี้มหารานีมีนัดราชรถมารับที่สถานีรถไฟ บอกทริกให้นิดนึงกับการหาโรงแรมในไจสเมียร์ไม่เช่นนั้นท่านอาจจะไร้ที่นอน! ในไจสเมียร์รายได้หลักของนายหน้าและโรงแรมจะไม่ใช่จากห้องพักแต่มาจากการขายทัวร์ท่องทะเลทราย ฉะนั้นถ้าใครไม่ท่องทะเลทรายอาจลำบากหน่อยในการหาที่หลับที่นอนโดนปฏิเสธไม่ให้เข้าพัก พวกนี้จะ hard sale มากๆและกลเม็ดเด็ดพราย มหารานีใช้วิธีไม่บอกไม่กล่าวไม่พูดถึงทัวร์ทะเลทรายเวลาจองห้องพัก บอกแต่เวลาเช็คอิน จำนวนคืนที่พัก ไม่บอกไม่กล่าวว่าจะออกจากไจสเมียร์เมื่อไร มหารานีจองโรงแรมนอกป้อม กะเอาไว้ใช้อาบน้ำ เก็บเป้ ราคาที่ได้มาคือ 270 รูปีต่อคืน ถูกมากกกกก พอขอแผนที่แถมฟรี pick up !!!  โรงแรมส่งคนมารับที่สถานีรถไฟ มหารานีมัวแต่กลัวนายหน้าจนเกือบเหยียบอุนจิวัวกองเบ้อเริ่ม ดีที่เหล่าบังทั้งหลายร้องเสียงหลง ไม่งั้น -_-'' คนที่มารับมหารานีนั้นอายุไม่น่าจะเกิน 12 แต่ฮีขับรถด้วยนะเออ แรงงานเด็กป่ะเนี่ย น้องขยันมากรับมหารานีมารอที่รถ ไปหาแขกอีกกลุ่ม หิ้วกระเป๋า ขับรถ นี่มันตีห้า ถ้าเป็นเด็กแถวบ้านมหารานีเวลานี้ยังนอนอุตุโรงแรมอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากนัก มองเห็นป้อมสีทองจากมุมไกล มาถึงโรงแรมห้อง 270 รูปีของมหารานียังไม่ว่าง ท่านเลยเปิดห้อง suite ให้ใช้พักผ่อนพลางๆ อะไรกันนี่?  หลังจากอุดหนุนอาหารเช้าที่โรงแรม ตุนกระเพาะน้อยๆ มหารานีก็ค่อยๆเดินคลำทางไปป้อม เข้ามิวเซียมเพราะชอบใจ audio guide ทั่วทั้งป้อมกลายสภาพเป็นโรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของ มหารานีไม่ชอบ มันดูไม่จริง หมู่วัดเจนในป้อม มหารานีเข้าไม่ได้เนื่องจากอยู่ในภาวะศึกวันแดงเดือด มหารานีออกมาจากป้อม ก็บ่ายคล้อย อุดหนุน german bakery หน้าป้อม ถามทางไปชมฮาเวลีเก่าแก่ พี่เขาชี้ทางลงพิเศษ งมมากว่าจะถึงฮาเวลี แรก Salim-Singh-Ki-haveli ที่นี่มหารานีเจอ ฮาร์ด เซลล์ จากลุงไกด์ประจำคฤหาสน์ ปิดประตูตีแมว (หมู?) ฮึ่มๆ แม้ไม่ให้มหารานีเขียนคอมเมนต์ไม่เป็นไรเดี๋ยว  คอยดู๊ ...  มหารานีจะเข้าไปรีพอร์ตใน trip advisor ก็ได้ ที่ต่อไปก็ Patwa-Ki-Haveli อันนี้งานแกะสวยจริงไรจริง เห็นแล้วนึกถึงงานแกะของแขกมัวร์ ดูๆไป มหารานีว่ามันละม้ายคล้ายกัน   กลับมาอุดหนุนอาหารเย็นที่โรงแรม นั่งละเลียดป้อมไปหนาวไป มีโอกาสคุยและกินจัยฟรีกะเจ้าของโรงแรม บังแกพึ่งกลับมาจากโตเกียวชั่วคราวหลังจากไปใช้ชีวิตเปิดร้านอาหารที่นั่นมาสี่ปี ได้รู้มุมมองเมืองไทยจากคนต่างบ้านต่างเมืองก็น่าสนใจดีเหมือนกัน ขอเช็คเอาท์ออกตอนสี่ทุ่มบังแกแถมบริการส่งฟรี มหารานีรู้สึกละอายใจเลยแจกทริปน้องที่ขับรถมาส่งไป รถไฟรออยู่....

เดี๋ยวมาต่อ........... (^0^)

 




 

Create Date : 13 มกราคม 2556
0 comments
Last Update : 15 มกราคม 2556 8:22:50 น.
Counter : 2750 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 

athorizon
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




เสี้ยวหนึ่งของ "คนล่าฝัน"

" ชีวิตมีอะไรตั้งเยอะแยะ
มีเกิดแก่เจ็บตายคล้ายๆ กัน
แต่สิ่งที่มีไม่เหมือนคือความฝัน
อยู่ที่ใครจะล่ามันให้อยู่มือ..........

.....แผ่นฟ้ากว้าง เขาสูงใหญ่ยังเคยข้าม
ฝันงดงามถามหน่อยเคยข้ามไหม
ไปยังฝั่งที่ตั้งฝันอันแสนไกล
แต่สุดท้ายก็ได้ฝันนั้นมาครอง"
New Comments
[Add athorizon's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com