Tangier: เทนเจียร์ อีกหนึ่งเมืองท่า คลาสสิค เกิดไม่ทันหนังเรื่อง คาซาบลังกา แต่เขาเล่ากันว่าหลายฉากต้องที่นี่ เทนเจียร์เลย เราข้ามเข้าสเปนกันที่ท่าเรือเมืองนี้ ท่าเรืออยู่ในตัวเมืองเลยชื่อ Port Ville ซึ่งเรือจะข้ามเข้าสเปนที่ Tarifa Port เท่านั้น แล้วเขาจะมีรถบัสฟรีต่อไปที่ Algeciras (อีกท่าชื่อ Port Med อยู่ไกลค่ะต้องนั่ง taxi ไป 1 ชั่วโมงแต่ข้ามเข้าสเปนได้ทั้งเมือง Tarifa และ Algeciras)
ถ้าไม่เล่าประสบการณ์ข้ามแดนของพวกเราคงไม่ได้ 555 วันที่ 19 เมษายน 2555 วันนี้จะเป็นวันที่พวกเราใช้เวลาเดินทางทั้งวันจากเทนเจียร์ ข้ามเรือเข้าทารีฟา ต่อรถบัสเพื่อไปจับรถไฟที่ อัลเจอร์ซิลาส เข้าเมืองสุดท้ายปลายทางของวันนี้ ที่ กรานาดา เวลาจะผิดพลาดไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เพราะรถไฟเที่ยวสุดท้ายที่เข้ากรานาดาคือรอบออกจากอัลเจอร์ซิลาส 15.55 ถึงกรานาดา 20.10
9.00 เรือรอบแรกจาก Tangier ไป Tarifa เรือเดินทาง ประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมง (เวลาที่สเปนเร็วกว่าโมร็อคโค 2 ชั่วโมง)
12.00 ถึง Tarifa ต่อรถไป Algeciras อีกครึ่งชั่วโมงบวกกับรอรถออกอีกร่วมครึ่งชั่วโมง
13.00 ถึง Algeciras รถจะมาส่งที่ port ที่ Algeciras เดินไปสถานีรถไฟแค่สิบนาที ถามทางเขาได้ค่ะ บอกว่า estacion de tren (สถานีรถไฟกับสถานีรถบัส อยู่ตรงข้ามกันถ้าตกรถไฟจริงๆก็ลองเช็ครถบัสดูค่ะ)
15.55 นั่งรถไฟไป Granada ประมาณ 4 ชั่วโมงถึง Granada 20.10 ฟ้ายังไม่มืดค่ะ 555
เราเริ่มออกเดินทางจากริยาดตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าโดยนั่ง grand taxi เข้าไปใน port (ค่า taxi 50 ดีรฮัม) passport พร้อม visaพร้อม ตั๋วเรือก็พร้อม (ซื้อมาพร้อมแล้วตั้งแต่เมื่อวานที่หน้า port) เราเดินขึ้นไปชั้นสองเพื่อผ่านต.ม.ขาออกโมรอคโค ผ่านการ scan กระเป๋า แล้วมุ่งหน้าสู่การตรวจคนเข้า-ออก เมือง ต่อคิวเข้าแถวเรียงหนึ่งเลยค่ะ มีปัญหาอะไรจะได้รู้ว่ามาด้วยกัน แล้วปัญหาที่ไม่น่าเกิดก็เกิดขึ้นจริงๆ ต.ม. คืน passport มาค่ะ ไม่รับ ไม่ตรวจ บอกแต่ว่าให้ไปหาตำรวจข้างล่างอย่างเดียว la policia la policia เฮ้อ ต้องลากกระเป๋ากันออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุ กว่าจะถามทางไปหาตำรวจ กว่าจะรอคุณตำรวจเข้างาน พอเจอคุณตำรวจแล้วคุณตำรวจก็ตรวจหารายชื่อประเทศไทยกับเอกสารของเขา (เข้าใจว่าตรวจว่าอยู่ใน black list รึเปล่า) พอเห็นว่าไม่มีอะไร ก็ให้เดินตามเขาขึ้นไปเคลียร์ต.ม. ให้ค่ะ (ระหว่างนั้นเพื่อนต้องรีบวิ่งเอาตั๋วที่ซื้อไว้ไปเปลี่ยนเป็นตั๋วตัวจริง พึ่งรู้กันค่ะว่าตั๋วต้องเปลี่ยนเป็นตัวจริงที่บู๊ทขายตั๋วใน port อีกครั้งก่อน) พอตำรวจขึ้นไปเคลียร์กับ ต.ม. ให้ก็หมดปัญหาหายห่วงค่ะเดินทางไปขึ้นเรือได้เลย ส่วน ต.ม. ขาเข้าสเปนนั้นเมื่อลงเรือก็ผ่านการตรวจเรียงหนึ่งค่ะ ไม่มีอะไรมาก ถามแค่อยู่กี่วัน พักที่ไหน (ต.ม. ฝั่งสเปนหล่อม๊ากค๊า 555)
Granada : เมืองกรานาดา ประโยคเก๋ๆ จากหนังสือ>>> You cant help falling in love with Granada เมืองนี้อยู่ใต้เทือกเขา หิมะ Sierra Nevada เห็นได้ในหลายๆมุมของเมืองแม้กระทั่งสถานีรถไฟ ยิ่งมองจากจุดชมวิว Mirador de San Nicolas ย่าน Albayzin ยิ่งสวยเพราะจะเห็นวิว Alhambra เคียงคู่กับ Sierra Nevada เลยทีเดียว ที่จุดชมวิวที่ Mirador San Nicolas นั้นเราปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มมาแล้ว พวกเรานั่ง taxi จากพระราชวังอัลฮัมบลาไปจุดชมวิว ด้วยความงก เราจึงคิดว่าจากจุดชมวิวนี้เราน่าจะนั่ง taxi คันเดิมไปต่อย่านยิว Albayzin เพื่อจะได้ไม่ต้องกดมิเตอร์ใหม่ คิดตั้งนานภาษาสเปนให้รอ 5 นาทีจะบอกว่าอย่างไร งัดเอาภาษาสเปนแบบงูๆปลาๆมาใช้ (ยังแอบผัน verb ให้ถูกประธานตามหลักไวยกรณ์ ) พี่คนขับหันมามองแบบงงตาแตกเลย ไม่ได้งงภาษาสเปนหรอกนะ แต่พี่เขางงที่ว่า ที่พวกแกเหยียบกันอยู่นี่แหละเขาเรียกว่า Albayzin ไม่ต้องถามว่าไปทางไหน มันทั้งภูเขาเลยน้องเอ้ย อ้าวสองที่นี้อยู่ย่านเดียวกันก็ไม่บอก จากจุดชมวิวเราสามารถเดินชมย่านยิวมาได้เรื่อยๆ เป็นการเดินลงเขา โผล่อีกทีก็กลางใจเมือง
Alhambra: พระราชวัง อัลฮัมบลา ดูรูปที่ไหนก็ไม่สู้ดูของจริง ที่นี่ตอบโจทย์ทั้งหมดของทริปนี้เลยทีเดียว งานเซลิก งานแกะสวยๆ ที่ดูมาในโมรอคโคทั้งหมด พอมันมารวมกันอยู่ที่นี่แล้ว ยิ่งใหญ่ อลังการ งามหยดเลยทีเดียว
ข้อมูลการจองตั๋วดูพระราชวังอัลฮัมบรา: ลองดูที่ www.servicaixa.com
จากการที่พระราชวังกำหนดผู้เยี่ยมชมแค่วันละ 6,000 คน และตั๋วก็มักเต็มเร็วด้วย โดยเฉพาะไฮไลท์ส่วนของ Nasrid Palaces ที่ระบุเวลาเริ่มเข้าชมเป็นรอบๆ (การเข้าห้ามเลท แต่เข้าไปแล้วแต่อยู่นานแค่ไหนก็ได้) ขนาดเราจองตั๋วผ่านเวปไซต์ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เวลาในหลายๆรอบยังถูกจองเต็มเลย เราจองผ่าน serviCaixa ค่ะที่ราคา 14.3 ยูโร เข้าชมทั้ง Alhambra และ Generalife จองโดยตัดบัตรเครดิตได้ใบจองมาซึ่งจะระบุเวลาการเข้าชม Nasrid Palaces ไว้ แนะนำให้เลือกเวลาช่วงเช้านะคะ แดดสวย ไม่ร้อนมากค่ะ ที่นี่ใช้เวลาดูนานค่ะถ้าเตรียมอาหารง่ายๆ เช่น แซนด์วิช เข้าไปไว้ทานตอนเที่ยงด้วยก็ดี
เวลาไปถึง Alhambra ในส่วนที่ขายตั๋วเข้า Alhambra ให้หาตู้ serviCaixa สีเหลืองสด สอดบัตรเครดิตใบที่ใช้จองเข้าไปทำตามขั้นตอนที่เครื่องบอกแล้วปริ้นต์ตั๋วออกมาได้เลยนะคะ
Seville : เมืองเซบีย่า an impossibly sexy and intoxicating city เยือนถิ่นนี้ต้องไม่พลาด การสู้วัวและฟลามิงโก้ เรามาเมืองนี้เมื่อใกล้เทศกาล Feria de Abril (April fairs) เข้ามาทุกที ผู้คนต่างออกมาจับจ่ายใช้สอยข้าวของเครื่องแต่งตัวกันแน่นขนัด ผู้หญิงเมืองนี้แต่งตัวที จัดหนักและไม่แคร์สื่อเลยจริงๆค่ะ ตามถนนนี้ยังเห็น กระโปรงซ้อนกลีบหลายชั้น ดอกไม้ติดผมใหญ่บิ๊กบึ้มเกลื่อนเมืองเลย
Cordoba: เมืองโครโดบ้า เมืองเล็กน่ารัก โดยเฉพาะย่านยิวที่ประดับดอกไม้สีสดเต็มไปหมด ยิ่ง Calleja de las floras หรือตรอกดอกไม้ด้วยนั้นยิ่งไปกันใหญ่ เข้าซอกเล็กออกซอกน้อย เราหลงในเมืองเล็กๆนี้ถึงบ่ายคล้อยก่อนจะตัดใจอำลามุ่งหน้าสู่เมดริด (Cordoba สามารถเที่ยวเป็น one day trip ได้นะคะ ที่สถานีรถไฟมีที่ฝากกระเป๋า ราคาตามขนาด locker --- รู้สึกเราจะจ่ายไปที่ 6 ยูโรสำหรับตู้ใส่กระเป๋าล้อลากขนาด 18 นิ้ว 2 ใบ )
Madrid: เมืองเมดริด เมืองหลวงของสเปน เมืองนี้ต้อนรับเราด้วยการหลงอยู่ในสถานีรถไฟใต้ดินจนเหนื่อยทีเดียว( บ้านนอกเข้ากรุงก็อย่างนี้แหละค่ะ คนเยอะ ตื่นตาตื่นใจ แล้วทำมึน ) แต่คนสเปนใจดีค่ะ หนทางอยู่ที่ปาก หลงแล้วให้ถาม สนุกดี
ดีจังเลย เที่ยวตอนอากาศดีๆ ดอกไม้สวยๆ มีความสุขจริงๆค่ะ ^^
รูปสวย น่าเที่ยวมากๆค่ะ