ลมหนาวโชยโบกมา พร้อมกับบรรยากาศของการเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประเทศไทย ทดสอบ Mercedes Benz SLK200 AMG Dynamic ยนตรกรรมโรสเตอร์เปิดหลังคาสุดแหล่มในช่วงต้นฤดูหนาว...

ย้อนกลับไปยังหน้าบันทึกประวัติศาสตร์ของบริษัท Mercedes Benz ในการรังสรรค์ยนตรกรรมแบบเปิดหลังคาได้ ที่สามารถเชื่อมโยงการขับขี่ของมนุษย์ให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ สายลม และแสงแดดมากที่สุด รถยนต์เปิดประทุนของ Mercedes Benz คือหนึ่งในยานยนต์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จากรูปลักษณ์ที่งดงามลงตัวในทุกยุคสมัย เชื่อมโยงการขับขี่ให้เข้ากับบุคลิกและความชอบส่วนบุคคล ซึ่งนิยมเอาหลังคาลงในวันที่มีอากาศดี เผ่าพันธุ์รถยนต์เปิดประทุนเจ้าของสัญลักษณ์ตราดาวส่งถ่ายงานศิลปบนเรือนร่างที่สวยงาม ผสานเข้ากับสมรรถนะของการขับขี่ที่โดดเด่น และนี่คือหนึ่งในบรรดายนตรกรรมเปิดหลังคา ที่กลายเป็นสิ่งของมีราคาจากความคลาสสิกที่ผ่านกาลเวลาจากอดีตจวบจนปัจจุบัน จนสามารถบ่มเพาะค่านิยมในการเลือกหารถเปิดประทุนของผู้คนบนโลกใบนี้ ให้หลงใหลไปกับยนตรกรรมของค่ายตราดาว จากชัยชนะในสนามแข่งขันรถยนต์ทางเรียบทั่วโลก

Mercedes Benz SSK 1928
Mercedes-Benz S-series SSK (รุ่น Serries W 06) ปี 1928 กลายเป็นรถเปิดประทุนชั้นนำ หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จากชัยชนะในสนามแข่งขันรถยนต์ทางเรียบของทวีปยุโรป ทรงตัวถังแบบซิการ์ในยุคสุดท้าย สมรรถนะของตัวรถ SSK นำพาเจ้าตอร์ปิโดคันนี้สู่ชัยชนะในประเภทแชมป์ยุโรป รุ่นปีนเขาเนินเขา หรือ Hill Climbing Championship Benz บนสนามแข่งขันในเมือง Schauinsland รวมถึงเทือกเขา Mont Ventoux ในปี 1930-1931 สปอร์ตโรสเตอร์ SSK มีน้ำหนักตัวน้อยลง โดยประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และช่วงล่างดีขึ้นจากการ ปรับแต่ง วางเครื่องยนต์หกสูบพร้อมระบบอัดอากาศ Kompressor รีดกำลังได้ถึง 184 กิโลวัตต์ ความเร็วปลาย 192 กิโลเมตร/ชั่วโมง และจำนวนการผลิตในรูปแบบรถแข่งเพียงแค่ 33 คัน เท่านั้น

Mercedes Benz 500k 1935
รถ Benz 500k คือรถยนต์เจ้าของตำแหน่ง ชนะเลิศการแข่งขันในรายการ Targa Florio มันคือรถแข่งสไตล์กรังด์ปรีซ์ ก่อนที่สงครามครั้งที่ 2 จะเริ่มต้นขึ้นในปี 1939 สมรรถนะที่ยอดเยี่ยมนำมาซึ่งชัยชนะในสนามแข่งขันได้กลายเป็นพาหนะของฮิตเลอร์ในช่วงเรืองอำนาจ และถูกใช้สำหรับการตรวจพลสวนสนามบ่อยครั้งในกรุงเบอร์ลิน รถ 500 k แบบเปิดประทุนสองตอนคันนี้ วางเครื่องยนต์ V8 180 แรงม้า ช่วงล่างติดตั้งคอยสปริงคู่ ระบบเบรกไฮดรอลิกสี่ล้อ น้ำหนักตัว 2,300 กิโลกรัม ผลิตเพียงแค่ 342 คัน เท่านั้น

Mercedes Benz 300SLR 1955
สปอร์ต โรสเตอร์ Mercedes Benz 300 SLR คือรถแข่งไร้หลังคารุ่นสองที่นั่ง รหัส W196 ที่สามารถคว้าชัยชนะในการแข่งขันทางไกลในรายการ Mille Miglia เครื่องยนต์แถวเรียง 6 กระบอกสูบ รหัส M-196 S Straight 8 ถูกขยายไปถึง 3.0 ลิตร 2,982 ซีซี 310 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด บนน้ำหนักตัว 901 กิโลกรัม ในปี 1955 Stirling Moss และ Denis Jenkinson ขับรถแข่งคันนี้ด้วยความเร็วเฉลี่ยกว่า 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะทางกว่า 1,000 กิโลเมตร บนถนนสาธารณะในประเทศอิตาลี เข้าเส้นชัยแบบทิ้งห่างรถแข่งคู่ต่อสู้ชนิดไม่เห็นฝุ่น รถแข่ง 300 SLR ยังได้รับรางวัลรางวัล Tourist RAC และ Targa Florio ซึ่งชัยชนะดังกล่าว อยู่เหนือรถสปอร์ตอย่าง Ferrari รถแข่งท้องถิ่นที่ได้แต่วิ่งตาม 300 SLR ใน Mille Miglia ประจำปี 1955 ตั้งแต่ต้นจนจบการแข่งขัน

Mercedes Benz 190SL 1960
สปอร์ต เปิดประทุนรุ่น 190SL ถูกผลิตขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1955-1963 จำนวนทั้งสิ้น 25,881 คัน แบ่งเป็นรุ่นหลังคาผ้าใบ 16,500 คัน รุ่นหลังคาแข็งแบบยกออกได้ 17,100 คัน และรุ่นหลังคาผ้าใบแบบ มีชุดหลังคาแข็งครอบปิดที่สามารถถอดออกได้อีก 17,650 คัน นับได้ว่า 190 SL คือสปอร์ตยอดนิยมของเหล่าคนมีเงินในยุค 1950-1960 อย่างแท้จริง เครื่องยนต์ 4 กระบอกสูบ แถวเรียง รหัส M121 ปริมาตรความจุ 1,897 ซีซี 105 แรงม้า ที่ 5,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 14.5 กิโลกรัม-เมตร ที่ 3,200 รอบต่อนาที รูปทรงที่สวยงามเมื่อยามพับเก็บหลังคา คือการนำเสนอรูปแบบของการขับขี่สไตล์ Roadster ที่เชื่อมโยงธรรมชาติจากสายลมและแสงแดดให้เข้ากับการเดินทางได้เป็นอย่างดี

Mercedes Benz SLK R170 1996-2004
ต้นตระกูล Benz SLK ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1996 ด้วยรหัสตัวถัง R170 ส่งถ่ายความงดงามของชาติพันธุ์สปอร์ตเปิดหลังคาลำตัวสั้น แนว Roadster ที่สมบูรณ์แบบ R170 ถูกสร้างขึ้นหลังจากความสำเร็จจากยอดขายถล่มทลายของ Mazda MX-5 NA หรือที่เรียกกันว่า Eunos Roadster สปอร์ตคาร์ของค่าย Zoom Zoom ที่ทำสถิติในการจำหน่ายมากกว่า 900,000 คันทั่วโลก Mercedes Benz SLK R170 นับได้ว่าเป็น Roadster คันแรกของโลกยนตรกรรมที่นำเทคโนโลยีกลไกการพับเก็บหลังคาแบบโลหะมาใช้เป็นครั้งแรก การออกแบบหลังคาที่พัฒนาโดยวิศวกร Mercedes-Benz ประกอบด้วยชั้นหลังคาเหล็กที่ถูกแบ่งออกในช่วงครึ่ง ตามแนวแกนของการพับ เชื่อมโยงโดยกลไกออโตเมตริก ซึ่งจะถูกล็อกอย่างปลอดภัยเมื่อหลังคาถูกปิด กลไกการทำงานพับและกางใช้การกดปุ่มบนคอนโซลกลาง ระบบไฮดรอลิกจะควบคุมกระบวนการพับโดยอัตโนมัติ พื้นที่เก็บสัมภาระด้านล่างมีความจุ 145 ลิตรใน​​ SLK รุ่นแรก หลังคา Vario-Roof ยังเพิ่มเสา Roll-Over ในตำแหน่งพนักพิงศีรษะ เพื่อความปลอดภัยเมื่อเกิดการพลิกคว่ำ เจ้า R 170 มีเครื่องยนต์ให้เลือกคือ

-SLK 200 (1996–2000) - เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร (1,998 ซีซี) 136 แรงม้า

-SLK 200 Kompressor (2000-2004) เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร (1,998 ซีซี) 163 แรงม้า ระบบอัดอากาศ supercharged อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรใน 7.4 วินาที ความเร็วสุงสุด 223 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

-SLK 230 Kompressor (1996-2000) เครื่องยนต์ 2.3 ลิตร (2,295 ซีซี) 193 แรงม้า ระบบอัดอากาศ supercharged

-SLK 230 Kompressor (2000-2004) เครื่องยนต์ 2.3 ลิตร (2,295 ซีซี) 197 แรงม้า ระบบอัดอากาศ supercharged อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรใน 6.9 วินาที ความเร็วสุงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

-SLK 320 (2000-2004) เครื่องยนต์ 3.2 ลิตร V6 (3,199 ซีซี) 218 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรใน 6.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 245 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

-SLK 32 AMG (2001-2004) เครื่องยนต์ 3.2 ลิตร (3,199 ซีซี) V6 349 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรใน 5.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Mercedes Benz SLK R171 2004-2011
โมเดลที่ี 2 ในตระกูล Roadster ลำตัวสั้นหลังคาโลหะพับได้ ส่งถ่ายภาพลักษณ์ของความปราดเปรียวมากยิ่งขึ้น SLK รหัส R171 มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยของปี 2005 ภายนอกและภายในถูกปรับเปลี่ยนให้มีความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น หน้าตาท่าทางที่เชื่อมโยงกับ Mercedes Benz SLR จากการออกแบบกระจังหน้าด้วยสัญลักษณ์ดวงดาวสีเงินขนาดใหญ่ พร้อมตะแกรงทรงรังผึ้ง ห้องโดยสารดูดีขึ้นมากจากรุ่นแรก วัสดุและอุปกรณ์ตกแต่งหรูหราสมราคา สัดส่วนที่กะทัดรัดและลงตัวช่วยทำให้ยอดขายของ Benz SLK R171 สูงขึ้นจากค่านิยม ลูกค้าส่วนใหญ่มักเป็นผู้หญิงที่ชอบรถสปอร์ตขนาดเล็ก ย่านของกำลังที่พอเหมาะบวกช่วงล่างที่ปรับมาเป็นอย่างดี ยังทำให้การควบคุมง่ายดายขึ้น R171 แสดงให้เห็นทรวดทรงรุ่นที่สองของ Mercedes-Benz SLK ซึ่งมีมิติใหญ่กว่ารุ่น R170 เล็กน้อย และมีรุ่นแยกย่อยตั้งแต่ตัวมาตรฐาน SLK 200 เครื่องยนต์ 1,796 ซีซี 4 สูบ รหัส M271 อัดอากาศด้วย Supercharged 163 แรงม้า ไปจนถึง SLK55AMG Black Series ที่วางเครื่ยง V8 5,439 ซีซี 400 แรงม้ากับแรงบิดระดับ 520 นิวตันเมตร ที่สามารถทำให้ยางหลังไหม้ได้อย่างง่ายดาย เจ้า SLK55AMG Black Series นำระบบส่งกำลังแบบล่าสุด ซึ่งเป็นเกียร์อัตโนมัติ 7G-TRONIC พร้อมด้วยกลไก AMG-SPEEDSHIFT ช่วยเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ได้อย่างฉับไว

Mercedes Benz SLK R172 2011-Now
โมเดลที่ 3 ของ SLK ปรากฏตัวด้วยภาพลักษณ์ที่ดุดันขึ้น และหล่อเหลาด้วยชุดแต่ง AMG Sport Package จากกระจังด้านหน้า ไฟหน้าและชุดสปอยเลอร์หน้าที่ลงตัว กระจังหน้าที่คล้ายกับ 300 SLR หรือ 190 SL ในอดีต สื่อให้เห็นถึงสายพันธุ์สปอร์ตเปิดหลังคาที่ไม่มีวันจืดจาง รูปลักษณ์ที่ถูกขัดเกลามาอย่างสมบูรณ์แบบ จากขั้นตอนในการพัฒนา ส่งให้มันขึ้นถึงจุดสูงสุดในกลุ่ม Roadster ขนาดเล็ก ไฟหน้าแบบใหม่ล่าสุด กับชิ้นงานฝากระโปรงหน้า มองดูคล้ายกับโมเดล SLS กับ SL ที่ถูกนำมาย่อสัดส่วนส่วนให้เล็กลง ร่องบนฝากระโปรงยังทำให้แสงเงาที่ตกกระทบมีมิติที่ช่วยเพิ่มความน่ามองมากขึ้น ไฟ LED Day-Time Runing และไฟคิ้วบนกรอบไฟหน้าส่งให้ด้านหน้าของเจ้าสปอร์ตเปิดหลังคาตัวล่าสุดนี้ โดนใจผู้คนที่ชื่นชอบรถสปอร์ตไปแบบเต็มๆ มันให้อารมณ์ย้อนยุคกลับไปในช่วงแห่งความรุ่งเรืองบนสนามแข่งขันของ 300SLR Roadster ตัวรถโดยเฉพาะด้านหน้านั้น ดูจริงจังและเต็มไปด้วยความพร้อมในการพุ่งทะยานแม้จะจอดอยู่กับที่ก็ตาม

ด้านข้างแข็งแกร่งขึ้น จากรูปทรงแบบเหลี่ยมบริเวณด้านหน้าที่ประสานแนวนำสายตา ด้วยเส้นคิ้วใต้ไฟหน้าลากยาวไปจนจดมุมบนของไฟท้าย แก้มข้างมีช่องระบายอากาศคล้ายกับเหงือกปลาฉลาม ช่องระบายความร้อนดังกล่าว มีให้เห็นตั้งแต่ยุค 1950 บนตัวถังของสปอร์ตคาร์หลากยี่ห้อ และถูกนำกลับมาใช้ในยุคนี้เพื่อเหนี่ยวนำ บรรยากาศของความคลาสสิก ล้ออัลลอยลาย 5 ก้าน ของ AMG ขนาด 18 นิ้ว ใส่ยางต่างไซส์ โดยเน้นขนาดยางที่ล้อหลัง ซึ่งเป็นล้อขับเคลื่อนให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อสมรรถนะและความสวยงาม ยางของ R172 คันทดสอบเป็นยาง Continenta รุ่น Conti-Sport contact SSR คู่หน้าขนาด 225/40/R18 92Y ส่วนยางหลังใหญ่ขึ้น เป็น 245/35/R18 92Y เป็นยางซิ่งสมรรถนะสูงที่ออกแบบให้มีการยึดเกาะที่ดี เมื่อทำความเร็วในทุกสภาพถนน ทรงด้านข้างดูดีมาก ถึงแม้จะไม่ได้พับเก็บหลังคาลงจากทรงโค้งของแนวหลังคา บวกกับความยาวของสัดส่วนด้านหน้า และเมื่อเอาหลังคาลงแล้ว มันคือ Roadster ที่สมบูรณ์แบบด้วยสัดส่วนที่ลงตัว ทั้งสั้น กระชับ และโหดดิบไปพร้อมๆ กัน

หลังคาแข็ง แบบพับเก็บใน SLK R172 มีให้เลือก 3 แบบ คือ หลังคาโลหะแบบปกติ/หลังคาแก้วปรับแสงอัตโนมัติ หรือที่เรียกกันว่า Panoramic Roof เมื่อผู้ขับกดปุ่มปรับความเข้มของกระจกหลังคา กระแสไฟฟ้าจะวิ่งผ่านตัวกระจก เพื่อเปลี่ยนสีให้เข้มขึ้นจนกลายเป็นสีน้ำเงิน ที่สามารถปกป้องผิวเจ้าของรถจากแสงแดดได้ ส่วนหลังคาแบบแมกนีเซียมช่วยทำให้น้ำหนักของชุดหลังคาเบาลง 4 กิโลกรัม ทั้งหลังคาแก้ว Panoramic Roof และหลังคาแบบแมกนีเซียมเป็นออปชั่นเสริม ที่ต้องควักกระเป๋าเพิ่มเพื่อความแตกต่างจากรุ่นปกติ มันทำงานด้วยความเร็วในการเปิด-ปิดเพียง 20 วินาที R172 สามารถวิ่งด้วยความเร็วต่ำ ประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วกดสวิตช์พับหลังคา แต่วิศวกรของ Mercedes Benz ไม่แนะนำให้ทำบ่อยๆ เนื่องจากกลไกไฮดรอลิกต้องรับแรงต้านจากลมที่เข้ามาปะทะ และอาจทำให้อายุการใช้งานหดสั้นลง วิธีที่ดีที่สุดซึ่งตามมาด้วยความปลอดภัยในการขับขี่ คือจอดอยู่กับที่ แล้วค่อยกดปุ่มสั่งให้มันทำงาน

บั้นท้ายอวบอัด ใช้ไฟท้ายทรงสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นที่แล้ว ออกแบบให้สอดรับกับชุดฝากระโปรง โดยใช้แนวเส้นกลมกลืนกับสัดส่วนของฝาหลังและชุดสปอยเลอร์หลัง ไฟท้ายกับไฟเบรกดวงที่สามใช้หลอดแบบ LED เพื่อความคมชัดและให้แสงสว่างเหนือกว่าหลอดไส้แบบธรรมดา ท่อระบายไอเสียฝั่งละท่อมีรูปทรงสี่เหลี่ยมที่เข้ากับชิ้นงานพลาสติกสีดำ ซึ่งอยู่ในบริเวณชายล่าง เมื่อพับหลังคาเก็บ มุมมองที่ดูลงตัวส่งถ่ายผ่านทรงของตัวถังแนว Sport-Roadster ที่สวยงาม ลื่นไหลจากแนวเส้นคมๆ ที่สอดรับกับสัดส่วนของตัวรถทั้งคัน พื้นที่่ในการเก็บสัมภาระมีมาให้เพียงพอสำหรับใส่กระเป๋าเดินทาง 2 คน แม้จะต้องพับหลังคาเก็บก็ยังมีพื้นที่เหลือพอให้วางสิ่งของที่จำเป็นในการเดินทาง

ห้องโดยสารของ Mercedes Benz SLK 200 AMG Dynamic R172 คืองานฝีมือที่ใช้ความประณีตบรรจงของการประกอบในระดับสูง เบาะแบบสปอร์ตโอบกระชับตัวผู้ขับ นั่งได้สบายแม้จะต้องขับขี่ทางไกลกันทั้งวัน ตำแหน่งท่านั่งใน SLK คันทดสอบค่อนข้างต่ำและสามารถปรับเบาะให้เตี้ยลงได้มากกว่ารุ่นซีดาน เบาะไฟฟ้าหุ้มหนังแท้สีแดง เย็บโชว์ตะเข็บด้วยด้ายสีดำ พร้อมหน่วยบันทึกความ จำ 3 ระดับ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการปรับตั้งท่านั่งที่สามารถบันทึกลงในหน่วยความจำและกดใช้งานได้ทันที แดชบอร์ดผลิตจากโฟมขึ้นรูปห่อ หุ้มด้วยวัสดุพวกหนังและมีสีดำเพื่อลดการสะท้อนแสง ช่องแอร์ทรงกลมสี่ตำแหน่ง กระจายความเย็นจากระบบปรับอากาศได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นรถสองที่นั่ง ซึ่งมีพื้นที่ภายในห้องโดยสารไม่ใหญ่โตมากนัก ขนาดที่พอเหมาะพอดีของ Cockpit เน้นบรรยากาศแบบรถแข่งเมื่อได้เข้าไปนั่งและมองเห็นอุปกรณ์ภายในของมัน ปุ่มสวิตช์รับโหมดต่างๆ ทำจากวัสดุพวกอัลลอย ให้ผิวสัมผัสในการใช้งานอยู่ในระดับที่ดีเยี่ยมและเชื่อมโยงการใช้งาน โดยมีตำแหน่งศูนย์กลางอยู่ที่คนขับ จอมัลติฟังก์ชั่นบริเวณกึ่งกลางคอนโซลมีขนาดเล็กไปนิด มันคือจอแสดงผลของระบบนำทาง Comand Online ชุดเครื่องเสียงที่เล่น CD ได้ 6 แผ่น รวมถึงวิทยุ AM/FM ช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์เล่นเพลงจากภายนอก ปรับตั้งเข้าโหมดควบคุมได้ด้วยสวิตช์ Comand Control ใกล้ซุ้มเกียร์ ห้องโดยสารของเจ้า SLK R172 ยังใช้ไฟเรืองแสง Ambient Lighting ซึ่งเป็นหลอด LED ขนาดเล็กติดตั้งอยู่ที่แผงประตูและคอนโซลกลาง ช่วยเพิ่มบรรยากาศยามค่ำคืนให้น่าขับขี่ขึ้นอีกนิด

วงพวงมาลัยแบบสามก้านฐานตัดคล้ายพวงมาลัยของรถแข่ง ห่อหุ้มด้วยหนังแท้มีสวิตช์มัลติฟังก์ชั่น ปรับแต่งเสียงและระบบโทรศัพท์บลูทูธ พร้อมแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ หรือ paddle shift เพื่อการเปลี่ยนอัตราทดที่ฉับไว วงพวงมาลัยมีความอวบอ้วน โดยออกแบบให้จับได้กระชับ มีร่องหยักบริเวณนิ้วโป้งเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการควบคุม พวงมาลัยไฟฟ้าอัตราทดแปรผันนี้ออกแบบให้ทำงานสัมพันธ์ไปกับระดับความเร็ว โดยจะหน่วงน้ำหนักของพวงมาลัยให้หนักขึ้นเล็กน้อยที่ย่านความเร็วสูง หน้าปัดทรงกระบอกสไตล์สปอร์ตคาร์ชั้นดีจากเยอรมนี กำลังได้รับความนิยมมากๆ ซึ่งจะเห็นได้จากบรรดารถสปอร์ตหลากหลายยี่ห้อที่ นิยมใช้หน้าปัดมาตรวัดแนวนี้ กึ่งกลางของวงหน้าปัดเป็นจอแสดงผลของระบบต่างๆ ที่ช่วยแจ้งให้ผู้ขับรับรู้ในระหว่างการใช้งาน ชุดคอนโทรลระบบปรับอากาศอยู่รวมกับชุดเครื่องเสียง ใช้ลำโพงของ Harman Kardon Logic 7 Surround Sound System มาพร้อมกับพลังเบสที่ในอารมณ์และความสุนทรีย์ในการรับฟัง

หน้าปัดของ SLK 200 AMG Dynamic R172 คือสิ่งที่ดึงดูดการใช้งานอุปกรณ์ภายในห้องโดยสาร มันคือสิ่งที่เจ้าของรถหรือผู้ขับจะต้องมองไปจนกว่าจะขายรถทิ้ง มันจึงมีสีสันและรูปแบบที่สวยงามลงตัว ส่งถ่ายบรรยากาศของการวัดทั้งความเร็วและรอบเครื่องด้วยกลไกขณะกำลังทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ตัวเลขอ่านค่าได้อย่างง่ายดาย จากขนาดที่ใหญ่และทรงกระบอกของวงหน้าปัดทั้งสองเข็ม มาตรวัดสีแดงบนพื้นสีเงิน กรอบทรงกระบอกหุ้มด้วยงานอัลลอย กึ่งกลางของมาตรวัดมีจอแสดงข้อมูล พร้อมระบบช่วยเตือนอาการอ่อนล้าขณะขับขี่ หรือ Attention Assist ส่วนสวิตช์ควบคุมกลไกการพับหรือกางหลังคา Controller อยู่เหนือพนักเท้าแขนบนคอนโซลกลาง หัวเกียร์หุ้มด้วยหนังแท้รวมถึงถุงหุ้มก้านเกียร์ที่มีความประณีตของงานตัดเย็บ ตำแหน่งท่านั่งที่ค่อนข้างจมลึกทำให้ผู้ขับสามารถเท้าเข้าทั้งสองข้างจากการ ออกแบบห้องโดยสาร เบาะที่อวบกระชับยังสร้างความมั่นใจในขณะที่ขับเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง เข็มขัดนิรภัยยึดติดกับโครงเบาะ โดยใช้ระบบปรับแรงดึงอัตโนมัติ โดยภาพรวมแล้ว ห้องโดยสารของ SLK R172 คือ DNA ของโมเดลซุปเปอร์คาร์อย่าง Mercedes Benz SLS AMG แทบจะไม่ผิดเพี้ยน ทั้งรูปแบบ วัสดุอุปกรณ์ที่นำมาใช้ งานฝีมือในการตัดเย็บและตำแหน่งของการจัดวาง เพียงแต่ขนาดความกว้าง ตำแหน่งและพื้นที่เหนือศีรษะกับพื้นที่วางเท้ามีมิติที่ย่อมกว่ากันเล็กน้อย

เครื่องยนต์ ของ Mercedes Benz SLK 200 AMG Dynamic BlueEFFICIENCY คันที่นำมาทดสอบ คือเครื่อง 1.8 ลิตร 4 กระบอกสูบ ปริมาตรความจุ 1,796 ซีซี วางตามยาวด้านหน้า ขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลัง ติดตั้งระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบแปรผัน พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ชุดลดอุณหภูมิของอากาศก่อนอัดเข้าสู่ท่อไอดี ให้แรงม้าสูงสุด 184 ตัว กับ แรงบิด 27.5 กิโลกรัม/เมตร หรือ 270 นิวตันเมตร ที่ 1,800-4,600 รอบต่อนาที อัดจาก 0-100 กิโลเมตรได้ใน 7.0 วินาที และมีความเร็วปลายคันเร่งที่ 237 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด 7G-Tronic Plus พร้อมแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์หลังพวงมาลัย Steering-Wheel Gearshift Paddles ระบบรองรับทั้งด้านหน้าและด้านหลังแบบสปอร์ต ด้านหน้าประกอบช่วงล่างแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงค์ คอยสปริง-เหล็กกันโคลง เบรกหน้าคาร์ลิบเปอร์แบบ 4 พอต ใช้จานเจาะรูระบายความร้อนขนาด 380 มิลลิเมตร ส่วนเบรกหลังใช้จานขนาด 320 มิลลิเมตร พร้อมระบบช่วยเบรก ABS-BAS Adaptive Brake และกลไกไฟฟ้าของชุดเบรกมือแบบปุ่มกด ระบบบังคับเลี้ยวใช้พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าแบบอัตราทดแปรผันไปตามความเร็ว ระบบความปลอดภัยใช้ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยที่ศีรษะและด้านข้าง มีระบบตัดการทำงานของถุงลมอัตโนมัติ โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP คานนิรภัยกันกระแทกที่ด้านข้าง Roll-over ป้องกันศีรษะ ฝากระโปรงด้านหน้าแบบ Active Bonnet กับระบบลดการปล่อยมลพิษและประหยัดเชื้อเพลิงด้วยเทคโนโลยี BlueEFFICIENCY

ติดตามอ่าน เปิดหลังคาท้าลมร้อนกับ BENZ SLK 200 AMG DYNAMIC ได้ในตอนต่อไปครับ

Mercedes Benz SLK 200 AMG BlueEFFICIENCY R172 Specifications
แบบ...........................................สปอร์ตสองที่นั่ง เปิดหลังคา
ผู้ผลิต.........................................Mercedes Benz
เครื่องยนต์.................................เบนซิน แถวเรียง 4 สูบ 1.8 ลิตร
ปริมาตรความจุ..........................1,796 ซีซี
กระบอกสูบxช่วงชัก....................82.0 มิลลิเมตร x 85.0 มิลลิเมตร
วาล์ว...........................................4 วาล์วต่อสูบ = 16 วาว์ล
อัตราส่วนกำลังอัด......................9.3:1
ระบบอัดอากาศ..........................เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์
แรงม้าสูงสุด...............................184 แรงม้า ที่ 5250 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด...............................270 นิวตันเมตรที่ 1,800-4,600 รอบต่อนาที
อัตราเร่ง......................................0-100 กิโลเมตรใน 7.0 วินาที
ความเร็วสูงสุด............................237 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อัตราส่วนแรงบิดต่อลิตร.............150 นิวตันเมตร-ลิตร
อัตราส่วนแรงม้าต่อลิตร..............108 แรงม้า-ลิตร
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง.......................Direct petrol injection
Brake Mean Effective Pressure...889.2 kPa (274 psi)
Carbon dioxide emissions...........142 g/km
ระบบบังคับเลี้ยว..........................พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าแบบอัตราทดแปรผัน
ระบบส่งกำลัง...............................อัตโนมัติ 7 สปีด 7G-Tronic Plus พร้อมแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์หลังพวงมาลัย Steering-Wheel Gearshift Paddles
ล้อและยาง
ล้อหน้า.........................................AMG ขนาด 17 นิ้ว ยาง Continenta รุ่น Contiprocontact SSR คู่หน้าขนาด225/40/R18 92Y
ล้อหลัง.........................................AMG ขนาด 17 นิ้ว ยาง Continenta รุ่น Contiprocontact SSR คู่หน้าขนาด245/35/R18 92Y
ระบบเบรก....................................ดิสเบรกทั้งสี่ล้อพร้อมระบบช่วยเบรก ABS-BAS-Adaptive Brake
มิติตัวถัง
ความกว้าง....................................1,810 มิลลิเมตร
ความยาว......................................4,134 มิลลิเมตร
ความสูง........................................1,301 มิลลเมตร
ความจุถังเชื้อเพลิง........................60 ลิตร
น้ำหนัก..........................................1,470 กิโลกรัม
ราคา (Mercedes Benz Thailand)...3,490,000 บาท

อุปกรณ์มาตรฐาน

เกียร์อัตโนมัติแบบ 7 สปีด 7G-Tronic Plus
ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน
ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE
ระบบปรับอากาศ
ครีบดักอากาศด้านข้าง
ถุงลมนิรภัยด้านหน้าสองตำแหน่ง
ถุงลมนิรภัยบริเวณศีรษะ และถุงลมนิรภัยด้านข้าง
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS
ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ ASSYST
ระบบแจ้งเตือนอาการเมื่อยล้าขณะขับขี่ ATTENTION ASSIST
ระบบช่วยเบรก BAS
ลายอะลูมิเนียมที่แผงคอนโซลกลางและแผงข้างประตู
พนักพิงศีรษะแบบ NECK-PRO head restraints
ระบบรักษาความเร็ว Cruise control และจำกัดความเร็ว SPEEDTRONIC
เบรกจอดรถแบบกดปุ่มทำงานด้วยระบบไฟฟ้า
พนักวางแขนกลางเบาะ พร้อมช่องเก็บของ
ไฟหน้าส่องสว่างแบบอัตโนมัติในที่มืด
กระจกมองข้างปรับระดับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบไล่ฝ้า
ช่องเชื่อมต่อ Aux-in และ USB บริเวณคอนโซลกลาง
ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ Bluetooth
กุญแจรีโหมดคอนโทรลและสั่งการทำงานเปิด-ปิดของระบบเซนทรัลล็อก
ระบบป้องกันการโจรกรรม Immobiliser
ชุดไฟตกแต่งภายใน
คานนิรภัยกันกระแทกด้านข้าง
กล่องเก็บแว่นตา
เบาะนั่งแบบสปอร์ต พร้อมพนักพิงโครงสร้างแมคนีเซียม
ไฟท้ายแบบ LED
ปลายท่อระบายไอเสีย 2 ท่อ
ระบบเตือนแรงดันลมยาง
หลังคากระจก เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า Electrohydraulic vario-roof
สีพิเศษ Metallic
เบาะนั่งหุ้มหนัง
พวงมาลัยผ่อนแรงไฟฟ้า ปรับน้ำหนักตามความเร็ว
เช็นเซอร์ช่วยจอด
เบาะนั่ง กระจกมองข้าง พวงมาลัย ปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมหน่วยความจำ
นาฬิกาแบบอะนาล็อก ติดตั้งที่ด้านบนคอนโซล
กระจกมองหลังและกระจกมองข้างด้านคนขับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ
วิทยุ พร้อมเครื่องเล่น CD
แผ่นกันลม plexglass - AIRGUIDE
ระบบ PER-SAFE
ที่วางแก้วน้ำ
ใบปัดน้ำฝนอัตโนมัติพร้อมเซ็นเซอร์วัดปริมาณน้ำฝน
แผ่นรองกันกระแทกใต้ห้องเครื่องยนต์
กระจกมองข้างพับไฟฟ้า
ระบบฉีดทำความสะอาดไฟหน้า
ไฟหน้าแบบซีนอน พร้อมระบบปรับโคมไฟหน้าอัจฉริยะ
โครงคุ้มกันสำหรับคนขับและผู้โดยสารเคลือบอะลูมิเนียม
กาบบันไดสเตนเลสพร้อมสัญลักษณ์ Mercedes Benz

อุปกรณ์ตกแต่งแบบสปอร์ต AMG
ชุดแต่ง AMG กันชนหน้า หลัง เสกิร์ตข้าง
ไฟ Daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันหลอด LED
เบาะนั่งลายแนวตั้ง
ระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
พรมสีดำพร้อมสัญลักษณ์ AMG
ช่วงล่างแบบสปอร์ต
ล้ออัลลอย AMG ขนาด 18 นิ้ว