บทกวีทิพย์ :: พระพุทธโอวาทสมเด็จองค์ปฐมทรงโปรดเทวดา นางฟ้า พรหม
บทกวีทิพย์ :: พระพุทธโอวาทสมเด็จองค์ปฐมฯทรงโปรดเทวดา นางฟ้า พรหม « เมื่อ: วันนี้ เวลา 01:35:46 PM » อ้างถึงแก้ไขลบทิ้ง
(ร้อยกรองถวายโดย ชัย แสงทิพย์ พุทธกวีทิพย์)
๐ ดูกรเหล่าลูกหลานท่านทั้งหลาย..... มาประชุมกันมากมาย ณ ที่นี่
จะเป็นพรหม-เทวดา-นางฟ้ามี ทุกท่านนี้จงอย่าลืมความตาย!!!
อันความตายหมายถึงการจุติ ลืมเสียสิความเป็นทิพย์สิ้นทั้งหลาย
อย่าเพลิดเพลินหลงสนุกสุขสบาย มันจะทุกข์ที่หลังตายเมื่อวายวาง!!!
จงดูภาพมนุษย์เมืองไหนที่น่าเกิด ดินแดนไหนสุขประเสริฐอย่างคิดบ้าง?
ที่ไหนเล่า....แสนสบายไม่ทำงาน? ทุกกิจการล้วนเหนื่อยยากลำบากลำบน!!!
เมืองมนุษย์ทุกแห่งแท้มีแต่ทุกข์ ไม่เห็นสุขร่มเย็นที่เป็นผล
กระทบกระทั่งกับอารมณ์ต้องข่มตน ปรารถนาไม่สบผล....หวังตนตัว!!!
ทุกอย่างต้องขันแข่งใช้แรงงาน ทุกๆด้านโหมรุมมาสุมหัว
เรื่องคนอื่น-เรื่องตนเอง-เรื่องครอบครัว เรื่องรอบตัวมาร้อยรัดให้จัดแจง
๐ แต่มาเป็นเทวดา-นางฟ้านี่ เสวยบุญที่มีรังสีแสง
ทุกอย่างหมดสิ้นไป....การใช้แรง เสาะแสวงสิ่งอันใดไม่ต้องทำ!!!
ร่างกายทิพย์เยือกเย็นเป็นปกติ เอิบอิ่มมิต้องหากินทุกเช้าค่ำ
ไม่ต้องห่มผ้า-อาบน้ำสุขทุกวัน ปรารถนาสมหวังพลันในทันที!!!
จะไปไหนไปได้....ลอยไปถึง- ฉับพลันซึ่งโดยบุญราศี
ความเจ็บป่วย-แก่เฒ่านั้นไม่มี ร่างกายนี้เป็นทิพย์ใสไม่เปลี่ยนแปร
ทั้งนี้เพราะเหตุใด....อะไรเล่า? อายุเจ้าที่สุโขสโมสร
ในเทวโลก-โลกพรหมาใช่ถาวร จำกัดรอนตามบุญวาสนาบารมี
เมื่อหมดบุญวาสนา....พาจุติ คือตายสิ...เหมือนคนตายกลายเป็นผี!!!
ต้องเปลี่ยนแปลงขึ้น-ลงไม่คงที่ นั่งอยู่นี่....บารมีนี้ต่างกัน
เทวดา-นางฟ้าหรือว่าพรหม ได้ชื่นชมอริยะเป็นสุขสันต์
มีมากมายก็จริง.....สิ่งสำคัญ อย่าลืมว่า....ทุกท่านนั้นกรรมบั่นทอน!!!
ยังมีบาปติดตัวมาคราก่อนชาติ ต่อเนื่องมายังไม่ขาด...ไม่ถ่ายถอน
สะสมมานั้นมากมายไม่คลายคลอน ดังสิงขร....ต้องใช้กรรมที่ทำมา!!!
*(พระพุทธเจ้าตรัสให้ฟังท่านทั้งหลาย....จะสาธยายภาพและเรื่อง ณ เบื้องหน้า
โดยใช้กำลังใจของอาตมา ดูร่างกายเทวดา-นางฟ้า-พรหม
เห็นเงาบาปอยู่ในตัวชั่วหนามาก ดูตัวเองอีกต่างหากก็แม้นสม
บาปก็มีท่วมท้นตนจ่อมจม แล้วสมเด็จองค์ปฐมตรัสต่อไป)*.....
*ภิกขเว....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย.....(เวลานั้น มีพระมาด้วยหลายองค์) เทพ-นางฟ้า-พรหมมากมายจงครวญใคร่
จงอย่าลืมว่าทุกท่านทุกองค์ไป มีบาปไซร้ติดตัวมา....สารพัน
อาศัยบุญเล็กน้อยก่อนจะตาย นึกถึงก่อนวอดวายพบสุขสันต์!!!
ได้ขึ้นมาเสพสุขทุกคืนวัน บนสวรรค์-บนพรหมบ้างต่างๆกรรม
๐ หากว่าท่านจุติเมื่อไรให้ดูโน่น!!!......ไฟลุกโชนในนรก....ตกเบื้องต่ำ
(ท่านชี้มือลง....เห็นนรกไฟสว่างจ้าแดงฉานไปหมด)
ท่านต้องพุ่งหลาว...ลงนรกตกเพราะกรรม บาปที่ทำต้องชำระสะสางตน!!!
กว่าจะเกิดอีกก็กาลนานหนักหนา กว่าจะกลับเป็นเทวดา-พรหมอีกหน
ก็ยังไม่แน่นอน...บุญบาปปน ช่วงเป็นคนกรรมที่ทำผลนำไป
เพราะอะไร....จึงเป็นไปเช่นนั้น? กรรมสำคัญ-คนชั่วหยาบทำบาปใหม่
ก็ต้องลงนรกไหม้หมกไป เพราะกรรมใหม่ให้ผลแก่ตนเอง
ดังนั้น ท่านทั้งหลาย.....มาถึงนี่ สวรรค์-พรหมก็ดีชี้ตรงเผง
เป็นครึ่งทางมนุษย์-นิพพาน....เท่านั้นเอง จะว่าเก่ง....ยังไม่ใช่....ชี้ให้ดู!!!
๐ ท่านทั้งหลาย....จงดูนั่นนิพพานสว่าง ทรงยกมือชี้ขึ้นพลางนิพพานหรู
อาตมา-นางฟ้า-เทพและพรหมดู ต่างรับรู้เหมือนๆกันอันเดียวเป็น
พระนิพพานไสวสว่างกระจ่างจ้า ประจักษ์ตาสรรพวิมานตระการเห็น
สีเดียวกันคือสีแก้วแพรวพรายเป็น สีขาวเด่นระยิบระยับงามจับตา!!!
พระอรหันต์ทั้งหลายอยู่ที่นั่น มีสุขสันต์ขนาดไหน....เข้าใจหนา
รู้เห็นหมดแจ่มใสในวิญญา องค์ปฐมทรงกลับมาตรัสต่อไป......
*ท่านทั้งหลาย.....(เทพ พรหม นางฟ้า)จงหวังตั้งใจดี การจุติมีคราวนี้.....ให้คิดใหม่
ถ้าบุญวาสนาบารมีสุดสิ้นไป เราจะไม่ไปเกิดเป็นมนุษย์!!!
ไม่เกิดเป็นเทวดา-นางฟ้า-พรหม หวังชื่นชมพระนิพพานเป็นที่สุด!!!
เราต้องการพระนิพพานสถานพุทธ แดนวิมุติ-จุดเดียวเด็ดเดี่ยวจริง!!!
การไปนิพพานนี้ที่สุขสม ยึดอารมณ์พระนิพพานสำคัญยิ่ง
อาตมาชมพรหม-นางฟ้า-เทพเก่าจริง ไม่หนักใจในทุกสิ่งรู้จริงแล้ว!!!
ส่วนใหญ่แล้วท่านเป็นพระอริยะ รู้ตัดละ....ทำจิตใจใสเป็นแก้ว!!!
ห่วงนางฟ้า-เทพ-พรหมใหม่ไม่รู้แนว จะหลงความเป็นทิพย์แล้ว....แก้วจะมัว!!!
หลงเพลิดเพลินความเป็นทิพย์นานา รู้สึกว่าสุขพูนทวีมีอยู่ทั่ว
จะอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่เคยกลัว ไม่จุติ-ไม่เคลื่อนตัวชั่วกาลนาน!!!
ความรู้สึกนี้เป็นความเห็นผิด จงกลับคิดดับทุกขนำศุขศานติ์
ให้คิดใหม่เพื่อโลกทิพย์พระนิพพาน รู้สึกผ่านต้องจุติพลัน ณ วันนี้!!!
คิดว่าต้องจุติ-ตายไว้เสมอ ชีวิตเธอ-ฉันมองเห็นต้องเป็นผี
อาการชีวิตไม่แน่นอนเดือดร้อนมี ตายเมื่อไหร่ก็ทันที.....เป็นผีเลย!!!
อันความตายเป็นของเที่ยงเลี่ยงไม่พ้น ชีวิตตนมีเกิด-ตาย....หน่ายอกเอ๋ย
ความเป็นอยู่นั้นไม่เที่ยงเบี่ยงเบนเลย คิดแล้วเอยอย่าประมาทขาดปัญญา!!!
พิจารณาความดีไซร้แห่งไตรรัตน์ ให้เห็นชัดพระการุณย์เลิศคุณค่า
ควรที่เราจะเคารพนบวันทา- หรือไม่?หากเราศรัทธาท่านจริงใจ
นี้ก็เป็นอาการขั้นที่สอง จักสมปอง....ท่านไปนิพพานได้!!!
หลังจากนั้นให้ทรงศีลบริสุทธิ์ไว้ ศีลห้า-ศีลแปดได้....ศีลใช้งาน
กุศลกรรมบถสิบ-ศีลสิบเบ็ดเสร็จ ศีลสองร้อยยี่สิบเจ็ดนำศุขศานติ์
(พอท่านพูดถึงศีล 227 ก็คิดในใจว่า เทวดาจะไปบวชที่ไหน? พระองค์ท่านก็หันหน้ามาตรัสว่า)
*(ฤาษี....เทวดาเขาไม่ต้องบวช เพราะมีศีลครบบริบูรณ์อยู่แล้ว)
เทพชั้นยามา-ดุสิตศีลก็ปาน- ศีลพระท่านเฉกเป็นเหมือนเช่นกัน
พรหมก็เช่นเดียวกันศีลธรรม์ล้ำ อยู่ด้วยธรรมปีติจิตสุขสันต์
ท่านอยู่ด้วยความสุขทุกคืนวัน ไม่อาบัติ-สิ่งอาบัติ.....นั้นไม่มี!!!
สิ่งที่จะเป็นบาปนี้ไม่มีเลย แล้วหันหน้ากลับมาเอ่ยพุทธพจน์ศรี
กับเทพ-พรหม-นางฟ้าพุทธวาที ขอทุกท่านตั้งฤดี ณ ที่งาม
จงอย่าลืมคิดว่าเรา....จิตตั้งอยู่ จะเป็นผู้มีศีล....สิ้นหยาบหยาม
ศีลห้า-แปด-สิบ-สองร้อยยี่สิบเจ็ดก็ตาม กุศลกรรมบถ-งดงามด้วยความดี!!!
ตั้งใจไว้เราจะไม่ละเมิดศีล จนตายสิ้นจากมนุษย์วิสุทธิ์ศรี
แล้วมีจิตใช้ปัญญาว่าเทพนี้ นางฟ้าหรือเทวีหรือว่าพรหม
เกิดมาไซร้มีสภาพก็ไม่เที่ยง ไม่อาจเลี่ยงความตายไม่สุขสม
ต้องจุติเป็นวาระสุดท้ายในอารมณ์ จะทุกข์ตรมเศร้าโศกวิโยคเย็น
จงคิดไว้เสมอว่าเราต้องจุติ ต้องตายสิ-ทุกวันไซร้มองให้เห็น
ตายจะไม่ไปลำบากที่ยากเย็น ไม่เกิดเป็นสัตว์ในอบายหรือมนุษย์
๐ ท่านทั้งหลาย....จงดูภาพและเรื่องของเมืองคน (แล้วพระองค์ก็ชี้มาที่เมืองมนุษย์) ความวุ่นวายมากล้นมีเป็นที่สุด
เต็มไปด้วยความโสโครกโลกมนุษย์ ความต้องการไม่สิ้นสุดมนุษย์เอย......
มนุษย์-คนเต็มไปด้วยการงาน ทุกข์ทรมานมากมีสุดที่เอ่ย
มีความอยาก-หิวกระหายมากมายเลย ไม่น่าเชยไม่น่าชมไม่สมปอง
สิ่งก่อสร้าง-ทรัพย์สินสิ้นทั้งหลาย เมื่อเราตายก็หมดสิทธิ์สิ้นทั้งผอง
เป็นราชามหากษัตริย์ทรงฉัตรทอง พระราชฐานเวียงวังทองที่ต้องการ
สร้างไว้เป็นที่หวงแหนแสนสวยงาม แดนต้องห้ามคนภายนอกห้ามเข้าผ่าน
เข้าได้แต่คนภายในใช้การงาน แต่ว่าท่านตายแล้ว....กลับเป็นคน
หากไม่ได้เกิดเป็นราชาดังก่อน ถูกลิดรอนสิทธิ์ไปไม่มีผล
ไม่สามารถเข้าสถานวังบ้านตน ที่เคยสร้างไว้งามล้น....อับจนใจ!!!
ความไม่แน่นอนในคนเห็นเป็นอย่างนี้ ไม่มีดีหยุด-เดิน-พัก-วิ่งขวักไขว่
ทำกิจการงานทั้งวัน....ดิ้นกันไป เพื่อประโยชน์นิดเดียวไซร้ก็คือเงิน!!!
ไม่มีเงินก็ยากที่มีชีวิต จะทรงตัวก็หมดสิทธิ์แสนขัดเขิน
ความจำเป็นหนักหนาต้องหาเงิน (เมื่อท่านตรัสอย่างนี้แล้ว ก็บอกว่า) อย่าเพลิดเพลินหลงฟูเฟื่องในเมืองคน!!!
๐ จงอย่าคิดเป็นมนุษย์อีกต่อไป ตัดจากใจความเป็นมนุษย์สิ้นสุดผล
เลิกความหมาย-สิ้นความเห็นความเป็นคน เห็นทุกข์ทนในโลกมนุษย์สุดลำเค็ญ!!!
มนุษย์มีสภาพไม่เที่ยงเบี่ยงเบนทั่ว ไม่มีการทรงตัวทั่วยากเข็ญ
มีเกิดขึ้น-ปรวนแปร-แก่-ป่วยเป็น ไม่มีเว้นว่าคนใดที่ไหนเลย!!!
มีพลัดพรากจากของรัก-ของชอบใจ แล้วตายไปเป็นที่สุดมนุษย์เอ๋ย
อย่าอยากเป็นเทพ-นางฟ้า-พรหมาเลย ท่านที่เอ่ยสภาพไม่เที่ยงเพียงเหมือนกัน!!!
ล้วนมีความเกิดขึ้นเป็นเบื้องต้น แล้วเปลี่ยนแปลงไปจนไม่สุขสันต์
มีความจุติเป็นที่สุดเหมือนดุจกัน ทุกคนนั้นหวังนิพพานเป็นที่ไป!!!
จงตั้งใจ....ว่าเรานี้จะมีศีล ไม่ขาดวิ่น-พร่องในจิตน่าพิสมัย
จะนับถือพระไตรรัตน์เป็นฉัตรไชย ต้องจุติในวันหน้า....สักครามี
ตถาคตมีความรู้สึกว่า เทพ-นางฟ้า-พรหมเก่าๆมีราศี
ปฏิบัติดี-ปฏิบัติได้-เข้าใจดี อารมณ์มีอริยะ ประจำตน
อันคำว่าเข้าใจหมายถึงว่า มีอารมณ์พระโสดาปัตติผล-
มีอารมณ์พระอรหันต์มั่นในตน ปฏิบัติได้ดี-มีผลวิมลมาลย์!!!
เทพ-พรหม-นางฟ้าใหม่ๆ(จง)ตั้งใจว่า จงลืมความเป็นทิพยา....หลงศุขศานติ์
อย่าเพลิดเพลินสุขเกินไปไม่ได้การ มันจะทุกข์ทีหลังนานนับกาลเกิน!!!
ตั้งใจคิดว่าความสุขที่ได้มา- จากบุญญาเล็กน้อยให้พลอยเขิน
บาปใหญ่ยังอยู่ในตัวอย่ามัวเพลิน หากเผลอเกินไม่สร้างทางความดี
เมื่อจุติ-ความเป็นเทวดา-พรหม จะล่มจมลงอบายกลายเป็นผี!!!
จงดูภาพนรกภูมิไว้ให้ดีๆ ขุมไหนมีที่น่ารัก...น่าอยู่กัน?
มันไม่น่าอยู่-น่าเกิดทุกแหล่งที่ แดนไหนมีความไร้ทุกข์-ความสุขสันต์?
ไม่มีการงานใดๆให้ทำกัน มนุษย์นั้นมีแต่ทุกข์....ไม่สุขเลย!!!
ดูเทวดา-นางฟ้า-พรหม-มนุษย์ มากมายสุดชาย-หญิงไม่นิ่งเฉย
เดินเกลื่อนกล่นในเมืองคนทุกคนเคย- เกิดเป็นเทพ-พรหมแล้วเอย....เผยความจริง!!!
*แต่ว่าท่านทั้งหลาย......จงตั้งใจมั่นหมายทั้งชาย-หญิง
ไว้เฉพาะพระนิพพาน-บ้านแท้จริง ทำจิตนิ่งดูนิพพานให้ชัดเจน-
และแจ่มใส....ให้เห็นว่าเป็นที่- นิพพานนี้-แดนบรมสุขสิ้นทุกข์เข็ญ
ไม่มีที่สิ้นสุด....แดนพุทธเย็น- จิตใสเด่นแห่งอรหันต์อนันต์บุญ!!!
(เมื่อตรัสเพียงเท่านี้ พระองค์ก็จบ)
๐ หลวงพ่อสุรุปความสั้นๆที่ท่านเทศน์ เป็นหมายเหตุสี่ข้อพอนำหนุน
ให้เกิดก่อความคิดเห็นที่เป็นบุญ เอื้อการุณย์การปฏิบัติเร่งรัดตน
ท่านทั้งหลาย........ การหลบหลีกภูมิอบาย.....ง่ายเป็นผล!!!
หนึ่ง-จงอย่าลืมความตายไว้ทุกคน หนีไม่พ้นหรอกความตายวายชีวี!!!
จงคิดว่าเราต้องตายไว้เสมอ ทั้งฉัน-เธอสักวันพลันเป็นผี!!!
ความตายอาจเกิดกับเราแม้เดี๋ยวนี้!!! เราคือผีเดินได้นั้นใช่เลย!!!
สอง-เคารพพระไตรรัตน์ด้วยศรัทธา ใจจริงหนาในดวงจิตชิดเฉลย
สาม-มีศีลบริสุทธิ์แท้แน่นอนเลย สี่-ชื่นเชยชี้ทางให้ไปนิพพาน!!!
*เป็นนัยะกรณีที่พิเศษ ปฏิเสธเกิดเป็นมนุษย์สุดสงสาร
ทั้งเทพ-พรหม-นางฟ้าไม่ต้องการ ให้ตั้งใจไปนิพพานสถานเดียว!!!
ทุกๆท่านเห็นโลกทิพย์นิพพานซึ้ง สี่ประการ+พิเศษหนึ่งพึงเฉลียว
ท่านจะหนีอบานภูมิพ้นทุกคนเทียว สุดท้ายเที่ยวไปนิพพาน-กลับบ้านเอยฯ.....
หมายเหตุ-เทศน์ที่"เทวสภา"วันที่ 8 สิงหาคม 2535 เวลา 08.00 น. พระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระราชพรหมยาน เมตตาเล่าให้ลูกหลานฟัง เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2535 เลา 21.00 น.
จากหนังสือประวัติ ข้อธรรม-คำสอน บทสวดพระคาถามหาจักรพรรดิ คู่มือการใช้พระผงกรรมฐาน ลูกแก้วมณีนพรัตน์ และคำอธิบายประกอบการใช้พระ วัดพุทธพรหมปัญโญ(วัดถ้ำเมืองนะ) ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
www.watthummuangna.com
www.luangtama.com
www.buddha-dhamma.com
Create Date : 26 พฤษภาคม 2557 |
|
0 comments |
Last Update : 26 พฤษภาคม 2557 14:10:21 น. |
Counter : 1772 Pageviews. |
|
|
|